เย่ ฉงเว่ย กล่าวอย่างติดตลกในขณะที่เขาคุ้นเคยกับการเห็นเพื่อนสนิทของเขาเปลี่ยนแฟนตลอดเวลาคงไม่แปลกที่จะไม่เห็นเขาเปลี่ยนแฟนใหม่เป็นระยะ ๆแค่ว่าถ้าดาราคนปัจจุบันเข้ามาแทนที่จริง ๆ เธออาจจะทำลายสถิติเพราะอยู่กับเขาในระยะเวลาสั้นที่สุด"ใช่ ฉันเคย” กู้ ลี่เฉิน พูดอย่างสบาย ๆ แต่เขายังคงมองไปที่ อี้ จิ่นหลี ด้วยสายตาเย่ ฉงเว่ย ยังไม่รู้สึกอะไร แต่ใบหน้าของอี้ จิ่นหลี จมลงไปแล้ว แม้แต่อากาศรอบตัวเขาก็ดูหนักอึ้งด้วยความจริงจัง"นี่ จิ่นหลี นายเป็นอะไรไป? ทำไมนายถึงจริงจังล่ะ?" เย่ ฉงเว่ย ถาม เขาสงสัยว่าทำไมถึงมีบางอย่างที่แปลกประหลาดเกี่ยวกับบรรยากาศอี้ จิ่นหลี ไม่สนใจ เย่ ฉงเว่ย และจ้องมองกู้ ลี่เฉิน ด้วยดวงตาสีเข้มของเขา ทันใดนั้นเขาก็แสยะยิ้ม “ตัวประกอบเป็นพี่สาวของแฟนนายหรือเปล่า?”"ใช่ มันบังเอิญอะไรอย่างนั้น ใช่ไหมล่ะ?" กู้ ลี่เฉิน กล่าวอี้ จิ่นหลี ยิ้มเยาะมากขึ้น แต่ดวงตาของเขาเย็นชา “ใช่ บังเอิญอะไรอย่างนั้น"เมื่อพูดจบเขาก็หันหลังเดินไปยังทางออกเย่ ฉงเว่ย มองไปที่กู้ ลี่เฉิน ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาด้วยความไม่เชื่อ “จิ่นหลี… กำลังไปแล้วเหรอ? เขาไม่ได้มาที่นี่นานแล้วนะ”
เมื่อชายคนนั้นขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นใบหน้าของเขาก็ชัดเจนและชัดเจนขึ้นเมื่ออยู่ในกล้องเมื่อหลิง อี้หราน เหลือบไปเห็นชายคนนั้น ข้าวในปากของเธอที่กำลังจะกลืนแทบจะพุ่งออกมาจากปากมัน... มันคือ อี้ จิ่นหลีอี้ จิ่นหลี ในกล้องอยู่ในชุดสูทสีดำ เขาสูงและผมของเขาก็เรียบร้อย เขาดูเหมือนชายหนุ่มที่สง่างามและห้าวหาญ บางทีสิ่งเดียวที่โดดเด่นคือผ้าพันคอรอบคอของเขาและถุงมือสีเดียวกันบนมือของเขาสิ่งเหล่านั้น… ดูไม่เหมาะกับชุดนี้เลยที่นี่ในรายการสตรีมสดของผู้รายงาน ผู้คนที่ดูต่างก็แสดงความคิดเห็นกันท่วมจอ"ผู้ชายคนนี้เป็นใคร?""เขาดูไม่เหมือนคนดัง แต่เขาหล่อมากโอ้พระเจ้าฉันจะตกอยู่ภายใต้มนต์สะกดของเขา""โอ้พระเจ้า เขาไม่ใช่คนดังจริง ๆ เหรอ? ฉันจะเป็นแฟนตัวยงถ้าเขาเคยเดบิวต์!"“เร็วเข้า ขึ้นไปตรงนั้นและสัมภาษณ์เขา พูดอะไรบางอย่างมันกำลังจะฆ่าฉัน!" คนอื่น ๆ กระตุ้นผู้รายงานยิ้มให้กล้องของโทรศัพท์ "งั้นเราไปสัมภาษณ์กันเถอะ ฉันหวังว่าสุภาพบุรุษคนนี้จะเต็มใจคุยกับเรา!"เธอเดินไปข้างหน้าเพียงไม่กี่ก้าวก็พบว่าช่างภาพที่ถือโทรศัพท์มือถือไม่ได้ติดตามเธอ เธอหันกลับมาพูดติดตลกว่า "มาเถอะ ตากล้องของ
บางคนถึงกับคาดเดาว่า อี้ จิ่นหลี จากไปด้วยความโกรธหลังจากโต้เถียงกับแขกคนอื่น ๆ ในห้องโถง คนอื่น ๆ คาดเดาว่าวันนี้มีผู้หญิงมากมายอยู่รอบตัวเขาเขาจึงออกไปก่อนเวลาเพราะทนไม่ไหวในระยะสั้นมีการคาดเดาทุกประเภทหลิง อี้หราน กำลังอ่านความคิดเห็นทั้งหมดที่ท่วมท้นเธอเริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับอี้ จิ่นหลี ที่ทำให้เขาต้องออกจากสถานที่อย่างกะทันหันจนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูห้อง หลิง อี้หราน ก็ลุกขึ้นไปเปิด เธอสำลักทันทีเมื่อเห็นร่างที่ยืนอยู่ข้างนอก“อะแฮ่ม… แค่ก ๆ ... ” เธอกระแอมอย่างช่วยไม่ได้ ครู่หนึ่งใบหน้าของเธอก็แดงใครจะคิดว่าคนที่ทุกคนออนไลน์คุยกันอย่างดุเดือดจะมาปรากฏตัวที่นี่อี้ จิ่นหลี ขมวดคิ้วเล็กน้อยยกมือขึ้นตบหลังหลิง อี้หราน และช่วยให้เธอหายใจได้อย่างถูกต้องอีกครั้ง “มีอะไรเหรอ? ทำไมถึงไอขนาดนี้เป็นหวัดหรือเปล่า?”เธอกระแอมและส่ายหัว เธอไม่ได้เป็นหวัด เธอตกตะลึงกับการปรากฏตัวของเขาอย่างกะทันหันในที่สุด หลิง อี้หราน ก็สามารถหายใจได้และมองไปที่อี้ จิ่นหลี “คุณ... คุณมาที่นี่ทำไม?”"ทำไม? ผมอยู่ที่นี่ไม่ได้?" เขาถามอย่างมีวาทศิลป์เธอกดริมฝีปากเข้าหากัน แน่นอนเขามาได้ แต
คิดว่าวันนี้เธอถูกทำร้ายและถูกรังแกในกองถ่าย เขาอารมณ์ไม่ดีและเป็นกังวลที่จะเห็นเธอเมื่อเขาเห็นเธออารมณ์ของเขาก็ยิ่งแย่ลงไปอีก!อี้ จิ่นหลี ยกมือขึ้นและดีดรอยช้ำบนหน้าผากของเธอ“โอ้ย!” หลิง อี้หราน อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างด้วยความเจ็บปวดเขาหัวเราะเยาะ “เจ็บไหมล่ะ?”แน่นอน! เธอไม่ได้สร้างจากหิน แน่นอนว่ามันเจ็บเมื่อเขาดีดเธอ! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามุ่งเป้าไปที่รอยช้ำของเธอโดยเจตนาเธอจ้องมองเขาด้วยดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอเขาหัวเราะอย่างโกรธ ๆ "เยี่ยมมาก เยี่ยมจริง ๆ หลิง อี้หราน ผมอยากให้พี่อยู่กับผม แต่พี่รีบปฏิเสธ ผมคิดว่าพี่มีศักดิ์ศรีและเข้มเเข็งมาก แต่ตอนนี้ล่ะ? สนุกไหมล่ะ ที่ได้เป็นตัวประกอบและถูกรังแกจนต้องคุกเข่าและคร่ำครวญไม่หยุดน่ะ พี่สาว?”เธอกัดริมฝีปากและถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว เขาทำให้เธอตกใจเล็กน้อยอย่างไรก็ตาม เมื่อเธอถอยหลังเขาก็เข้ามาใกล้อีกก้าวเธอก้าวถอยหลังไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงกำแพงโดยหันหลังให้กับมัน ไม่มีที่ว่างให้เธอหลบเลี่ยงเขาได้อีกแล้วเขายืนอยู่ข้างหน้าเธอและปิดกั้นเธอเอาไว้ มือข้างหนึ่งวางลงบนกำแพง เขาเกือบจะโอบเธอไว้ในอ้อมแขน“ผมถาม
"ผมทำให้พี่ตกใจหรือเปล่า?” เขาถามเธอลังเล “ฉันรู้ว่าคุณเอาแต่ปฏิบัติกับฉันเหมือนเล่นเกมตอนนี้คุณสนใจฉันเพราะคุณคิดว่ามันสนุก เมื่อความสนใจของคุณลดลงฉันก็ไร้ค่า ถ้าฉันทำให้คุณขุ่นเคืองโดยไม่ได้ตั้งใจสิ่งต่าง ๆ ก็อาจแย่ลงพอ ๆ เหมือนในคุก”เธอไม่ต้องการวันที่มืดมนและน่าสังเวชอีกแล้ว!“ตอนนี้พี่ไม่กลัวว่าพี่จะทำให้ผมขุ่นเคืองด้วยการพูดแบบนั้นเหรอ?” เขาถามร่างกายของเธอแข็งทื่อทันที ใช่ แน่นอนว่าเธอกลัว แต่เธอก็เลือกที่จะพูดอยู่ดีการแสดงออกของเธอบอกทุกอย่างเกิดความเงียบที่น่ากลัวอยู่รอบตัวหลิง อี้หราน ก้มหน้าลง สิ่งที่เธอได้ยินคือเสียงหายใจและการเต้นของหัวใจ อี้ จิ่นหลีอไม่ได้พูดอะไร แต่เธอรู้สึกได้ว่าสายตาของเขาอยู่ที่เธอไม่มีใครรู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไร ทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงของเขา "ถ้าผมบอกว่าผมไม่ได้ปฏิบัติต่อพี่เหมือนเกม พี่จะอยากอยู่กับผมไหม?"เธอเงยหน้าขึ้นและมองเขาด้วยความประหลาดใจราวกับว่าเธอไม่คาดคิดว่าเขาจะพูดแบบนั้น"พี่จะอยู่ไหม?" สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่เธอเธอยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันควรจะเป็นอะไรเมื่ออยู่เคียงข้างคุณ? เป็นพี่สาวของคุณต่อไปเหรอ? หรือเป็นเพื่อน
เธอกัดริมฝีปากแล้วนั่งลง มือขวาที่ไม่ได้รับบาดเจ็บของเธอถือตะเกียบเพื่อคีบอาหาร เธอกินมันเต็มปากเต็มคำเขานั่งเงียบ ๆ ข้างเธอและท้าวคางของเขาไว้ในมือข้างหนึ่งในขณะที่มองเธอเงียบ ๆภายใต้โคมไฟ ขนตาของเธอมีความโค้งงออย่างเป็นธรรมชาติซึ่งจะเห็นได้ชัดมากขึ้นเมื่อเธอลดเปลือกตาลง มือของเขาดูเหมือนจะสามารถปกปิดใบหน้าขนาดเท่าฝ่ามือของเธอได้อย่างสมบูรณ์จมูกที่บอบบางของเธอและแก้มที่ขยับตลอดเวลาขณะที่เธอเคี้ยวอาหารทำให้เธอดูเหมือนสัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่กำลังกิน มีความน่ารักสุดจะพรรณนาได้เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าการได้ดูผู้หญิงกินจะทำให้หลงใหลได้ขนาดนี้ยิ่งเขามองเธอมากเท่าไหร่เขาก็เหมือนต้องการเก็บเธอไว้มากขึ้นเท่านั้น เขาต้องการซ่อนเธอไว้ในที่ที่ไม่มีใครสามารถพบเธอได้ มีเพียงเขาเท่านั้นที่มองเธอได้และมีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถเข้าใกล้เธอได้ไม่มีใครสามารถปราถนาเธอได้อีกแล้ว!หลิง อี้หราน กำลังก้มหน้าลงกินข้าว แต่เธอรู้สึกได้ว่า อี้ จิ่นหลี จ้องมองเธอตลอดเวลาอากาศดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความอับอายที่คลุมเครือใบหน้าของเธอรู้สึกร้อนและร้อนขึ้น แม้แต่การกลืนของเธอก็ยากขึ้นเล็กน้อย มันไม่เหมือนกับว่
เมื่อเขาพูดจบประโยคริมฝีปากของเขาก็เคลื่อนเข้ามาใกล้เธอจนเกือบชิดกับริมฝีปากของเธอใบหน้าของหลิง อี้หราน เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างช่วยไม่ได้ “อย่า... ” เธอพูดอย่างลุกลี้ลุกลนเขาหยุดชั่วคราวขณะที่สายตาของเขาจับจ้องไปที่เธอ “งั้นพี่ก็ควรจะบอกผมว่าพี่รู้จักเขาได้ยังไง”“มันเป็นเพราะมีคนขโมยสร้อยข้อมือของเขาไปครั้งหนึ่งขโมยมันวิ่งชนเข้ามาที่ฉันและมันก็ตกลงไปในกระเป๋าเสื้อของฉัน เขาต้องการที่จะเอามันคืนและนั่นคือสิ่งที่ฉันรู้จักเขา” หลิง อี้หราน พูดอย่างรีบร้อน“อย่างนั้นเหรอ?” เขาพึมพำ “แล้วเจอกันกี่ครั้งแล้ว?”เธอไม่เคยนับจำนวนครั้งที่เธอได้พบกับกู้ ลี่เฉิน! อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่ใกล้เข้ามาของอี้ จิ่นหลี หลิง อี้หราน ก็นับพวกมันในหัวของเธออย่างรวดเร็วและพูดว่า "สี่... สี่ครั้ง ครั้งหนึ่งคือตอนที่เขาบอกว่าเขาอยากจะขอบคุณฉันสำหรับสร้อยข้อมือโดยเชิญฉันไปทานอาหารอีกครั้ง ครั้งหนึ่งที่นอกเมือง และมีโอกาสพบกันอีกครั้งที่โรงพยาบาล คุณยายของฉันเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และล่าสุดอยู่ที่กองถ่ายซึ่งฉันเป็นตัวประกอบ”ดวงตาของเขาเปล่งประกาย เขารู้จักลี่เฉิน ถ้าลี่เฉินต้องการขอบคุณเธอส
”อืม... " หลิง อี้หราน ยกมือขึ้นโดยไม่รู้ตัวพยายามผลักเขาออกไป หลังจากที่เขาจับมือขวาของเธอโดยไม่คิดมากเธอก็ยกมือซ้ายขึ้นอีกครั้งขณะที่นิ้วของเขากดเข้ากับมือซ้ายของเธอ เธอก็อ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัวและอ้าปากร้องว่า "เจ็บ!" มันเป็นเสียงร้องที่ทำให้เขาต้องกดจูบให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเธอแทบจะขาดอากาศหายใจไปกับจูบก่อนที่จูบจะจบลงสักพักเขาก็ปล่อยมือทั้งสองข้างของเธอเธอรู้สึกว่าขาของเธอปวกเปียกและเกือบจะไถลตกจากเก้าอี้เขาจับเอวของเธอไว้ในมือข้างหนึ่งและยกมือซ้ายขึ้นอีกข้างหนึ่งเบา ๆ “ผมทำร้ายพี่เหรอ?”หลิง อี้หราน กัดริมฝีปากและจ้องไปที่อี้ จิ่นหลี “เมื่อกี้ ทำไมถึงทำแบบนั้น?”“เพราะผมไม่ชอบที่จะได้ยินพี่พูดในสิ่งที่ผมไม่อยากได้ยิน" เขายิ้มอย่างนุ่มนวลดูอ่อนโยนที่สุด “ผมไม่รังเกียจที่จะจูบพี่อีกถ้าพี่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างอีก”"...” เธออึ้ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากเพราะกลัวว่าเขาจะหมายความตามที่พูดอี้ จิ่นหลี มองลงไปที่อาการบวมที่หลังมือของหลิง อี้หราน อย่างระมัดระวัง "พี่จะต้องดูแลแผลนี้อย่างเหมาะสม ผมเกรงว่าจะไม่สะดวกสำหรับพี่ที่จะพักฟื้นที่นี่ แล้วถ้าพี่จะไปพักฟื้นที่บ้านของผมล่ะเป็นย
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค