คิดว่าวันนี้เธอถูกทำร้ายและถูกรังแกในกองถ่าย เขาอารมณ์ไม่ดีและเป็นกังวลที่จะเห็นเธอเมื่อเขาเห็นเธออารมณ์ของเขาก็ยิ่งแย่ลงไปอีก!อี้ จิ่นหลี ยกมือขึ้นและดีดรอยช้ำบนหน้าผากของเธอ“โอ้ย!” หลิง อี้หราน อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างด้วยความเจ็บปวดเขาหัวเราะเยาะ “เจ็บไหมล่ะ?”แน่นอน! เธอไม่ได้สร้างจากหิน แน่นอนว่ามันเจ็บเมื่อเขาดีดเธอ! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามุ่งเป้าไปที่รอยช้ำของเธอโดยเจตนาเธอจ้องมองเขาด้วยดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอเขาหัวเราะอย่างโกรธ ๆ "เยี่ยมมาก เยี่ยมจริง ๆ หลิง อี้หราน ผมอยากให้พี่อยู่กับผม แต่พี่รีบปฏิเสธ ผมคิดว่าพี่มีศักดิ์ศรีและเข้มเเข็งมาก แต่ตอนนี้ล่ะ? สนุกไหมล่ะ ที่ได้เป็นตัวประกอบและถูกรังแกจนต้องคุกเข่าและคร่ำครวญไม่หยุดน่ะ พี่สาว?”เธอกัดริมฝีปากและถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว เขาทำให้เธอตกใจเล็กน้อยอย่างไรก็ตาม เมื่อเธอถอยหลังเขาก็เข้ามาใกล้อีกก้าวเธอก้าวถอยหลังไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงกำแพงโดยหันหลังให้กับมัน ไม่มีที่ว่างให้เธอหลบเลี่ยงเขาได้อีกแล้วเขายืนอยู่ข้างหน้าเธอและปิดกั้นเธอเอาไว้ มือข้างหนึ่งวางลงบนกำแพง เขาเกือบจะโอบเธอไว้ในอ้อมแขน“ผมถาม
"ผมทำให้พี่ตกใจหรือเปล่า?” เขาถามเธอลังเล “ฉันรู้ว่าคุณเอาแต่ปฏิบัติกับฉันเหมือนเล่นเกมตอนนี้คุณสนใจฉันเพราะคุณคิดว่ามันสนุก เมื่อความสนใจของคุณลดลงฉันก็ไร้ค่า ถ้าฉันทำให้คุณขุ่นเคืองโดยไม่ได้ตั้งใจสิ่งต่าง ๆ ก็อาจแย่ลงพอ ๆ เหมือนในคุก”เธอไม่ต้องการวันที่มืดมนและน่าสังเวชอีกแล้ว!“ตอนนี้พี่ไม่กลัวว่าพี่จะทำให้ผมขุ่นเคืองด้วยการพูดแบบนั้นเหรอ?” เขาถามร่างกายของเธอแข็งทื่อทันที ใช่ แน่นอนว่าเธอกลัว แต่เธอก็เลือกที่จะพูดอยู่ดีการแสดงออกของเธอบอกทุกอย่างเกิดความเงียบที่น่ากลัวอยู่รอบตัวหลิง อี้หราน ก้มหน้าลง สิ่งที่เธอได้ยินคือเสียงหายใจและการเต้นของหัวใจ อี้ จิ่นหลีอไม่ได้พูดอะไร แต่เธอรู้สึกได้ว่าสายตาของเขาอยู่ที่เธอไม่มีใครรู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไร ทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงของเขา "ถ้าผมบอกว่าผมไม่ได้ปฏิบัติต่อพี่เหมือนเกม พี่จะอยากอยู่กับผมไหม?"เธอเงยหน้าขึ้นและมองเขาด้วยความประหลาดใจราวกับว่าเธอไม่คาดคิดว่าเขาจะพูดแบบนั้น"พี่จะอยู่ไหม?" สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่เธอเธอยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันควรจะเป็นอะไรเมื่ออยู่เคียงข้างคุณ? เป็นพี่สาวของคุณต่อไปเหรอ? หรือเป็นเพื่อน
เธอกัดริมฝีปากแล้วนั่งลง มือขวาที่ไม่ได้รับบาดเจ็บของเธอถือตะเกียบเพื่อคีบอาหาร เธอกินมันเต็มปากเต็มคำเขานั่งเงียบ ๆ ข้างเธอและท้าวคางของเขาไว้ในมือข้างหนึ่งในขณะที่มองเธอเงียบ ๆภายใต้โคมไฟ ขนตาของเธอมีความโค้งงออย่างเป็นธรรมชาติซึ่งจะเห็นได้ชัดมากขึ้นเมื่อเธอลดเปลือกตาลง มือของเขาดูเหมือนจะสามารถปกปิดใบหน้าขนาดเท่าฝ่ามือของเธอได้อย่างสมบูรณ์จมูกที่บอบบางของเธอและแก้มที่ขยับตลอดเวลาขณะที่เธอเคี้ยวอาหารทำให้เธอดูเหมือนสัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่กำลังกิน มีความน่ารักสุดจะพรรณนาได้เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าการได้ดูผู้หญิงกินจะทำให้หลงใหลได้ขนาดนี้ยิ่งเขามองเธอมากเท่าไหร่เขาก็เหมือนต้องการเก็บเธอไว้มากขึ้นเท่านั้น เขาต้องการซ่อนเธอไว้ในที่ที่ไม่มีใครสามารถพบเธอได้ มีเพียงเขาเท่านั้นที่มองเธอได้และมีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถเข้าใกล้เธอได้ไม่มีใครสามารถปราถนาเธอได้อีกแล้ว!หลิง อี้หราน กำลังก้มหน้าลงกินข้าว แต่เธอรู้สึกได้ว่า อี้ จิ่นหลี จ้องมองเธอตลอดเวลาอากาศดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความอับอายที่คลุมเครือใบหน้าของเธอรู้สึกร้อนและร้อนขึ้น แม้แต่การกลืนของเธอก็ยากขึ้นเล็กน้อย มันไม่เหมือนกับว่
เมื่อเขาพูดจบประโยคริมฝีปากของเขาก็เคลื่อนเข้ามาใกล้เธอจนเกือบชิดกับริมฝีปากของเธอใบหน้าของหลิง อี้หราน เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างช่วยไม่ได้ “อย่า... ” เธอพูดอย่างลุกลี้ลุกลนเขาหยุดชั่วคราวขณะที่สายตาของเขาจับจ้องไปที่เธอ “งั้นพี่ก็ควรจะบอกผมว่าพี่รู้จักเขาได้ยังไง”“มันเป็นเพราะมีคนขโมยสร้อยข้อมือของเขาไปครั้งหนึ่งขโมยมันวิ่งชนเข้ามาที่ฉันและมันก็ตกลงไปในกระเป๋าเสื้อของฉัน เขาต้องการที่จะเอามันคืนและนั่นคือสิ่งที่ฉันรู้จักเขา” หลิง อี้หราน พูดอย่างรีบร้อน“อย่างนั้นเหรอ?” เขาพึมพำ “แล้วเจอกันกี่ครั้งแล้ว?”เธอไม่เคยนับจำนวนครั้งที่เธอได้พบกับกู้ ลี่เฉิน! อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่ใกล้เข้ามาของอี้ จิ่นหลี หลิง อี้หราน ก็นับพวกมันในหัวของเธออย่างรวดเร็วและพูดว่า "สี่... สี่ครั้ง ครั้งหนึ่งคือตอนที่เขาบอกว่าเขาอยากจะขอบคุณฉันสำหรับสร้อยข้อมือโดยเชิญฉันไปทานอาหารอีกครั้ง ครั้งหนึ่งที่นอกเมือง และมีโอกาสพบกันอีกครั้งที่โรงพยาบาล คุณยายของฉันเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และล่าสุดอยู่ที่กองถ่ายซึ่งฉันเป็นตัวประกอบ”ดวงตาของเขาเปล่งประกาย เขารู้จักลี่เฉิน ถ้าลี่เฉินต้องการขอบคุณเธอส
”อืม... " หลิง อี้หราน ยกมือขึ้นโดยไม่รู้ตัวพยายามผลักเขาออกไป หลังจากที่เขาจับมือขวาของเธอโดยไม่คิดมากเธอก็ยกมือซ้ายขึ้นอีกครั้งขณะที่นิ้วของเขากดเข้ากับมือซ้ายของเธอ เธอก็อ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัวและอ้าปากร้องว่า "เจ็บ!" มันเป็นเสียงร้องที่ทำให้เขาต้องกดจูบให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเธอแทบจะขาดอากาศหายใจไปกับจูบก่อนที่จูบจะจบลงสักพักเขาก็ปล่อยมือทั้งสองข้างของเธอเธอรู้สึกว่าขาของเธอปวกเปียกและเกือบจะไถลตกจากเก้าอี้เขาจับเอวของเธอไว้ในมือข้างหนึ่งและยกมือซ้ายขึ้นอีกข้างหนึ่งเบา ๆ “ผมทำร้ายพี่เหรอ?”หลิง อี้หราน กัดริมฝีปากและจ้องไปที่อี้ จิ่นหลี “เมื่อกี้ ทำไมถึงทำแบบนั้น?”“เพราะผมไม่ชอบที่จะได้ยินพี่พูดในสิ่งที่ผมไม่อยากได้ยิน" เขายิ้มอย่างนุ่มนวลดูอ่อนโยนที่สุด “ผมไม่รังเกียจที่จะจูบพี่อีกถ้าพี่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างอีก”"...” เธออึ้ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากเพราะกลัวว่าเขาจะหมายความตามที่พูดอี้ จิ่นหลี มองลงไปที่อาการบวมที่หลังมือของหลิง อี้หราน อย่างระมัดระวัง "พี่จะต้องดูแลแผลนี้อย่างเหมาะสม ผมเกรงว่าจะไม่สะดวกสำหรับพี่ที่จะพักฟื้นที่นี่ แล้วถ้าพี่จะไปพักฟื้นที่บ้านของผมล่ะเป็นย
เธอเก็บกระเป๋าเดินทาง สำหรับเครื่องใช้ในห้องน้ำอื่น ๆ เขาบอกเพียงว่ามีให้ที่ คฤหาสน์ อี้ ทุกอย่าง ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องนำติดตัวไปด้วยเขาไม่อยากให้เธอเอาเสื้อผ้าไปที่นั่นด้วย แต่เธอบอกว่า "ฉันเคยใส่ชุดนี้แล้วสบาย"เขาไม่สามารถพูดอะไรได้อีกและอนุญาตให้เธอนำเสื้อผ้าไปด้วยหลังจากที่เธอเก็บของเสร็จแล้ว หลิง อี้หราน กำลังจะถือกระเป๋าของเธอ แต่อี้ จิ่นหลี ก็มันขึ้นมาก่อนและพูดว่า “ผมจะจัดการเอง"พวกเขาเดินออกจากบ้านเช่าโดยมีหลิง อี้หราน ตามหลัง อี้ จิ่นหลีบางครั้งเธอรู้สึกว่าเขาไม่สามารถคาดเดาได้ เขาอาจจะอ่อนโยนสักครู่ แต่ในครั้งต่อไปเขาจะทำราวกับว่าเขาสามารถทำให้คุณตกนรกได้ทุกเมื่อตอนนี้เธอกำลังจะกลับไปที่ คฤหาสน์ อี้ กับเขา ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะคลุมเครือมากยิ่งขึ้นเมื่อไหร่ล่ะ ที่ในที่สุดเธอจะไม่มีอะไรกับเขาสักที? เธอจะต้องรอจนกว่าเขาจะเบื่อเธอหรือเปล่า? ขณะที่เธอคิดเช่นนี้เธอจ้องมองเขาด้วยสายตาที่จับจ้องไปที่ผ้าพันคอรอบคอของเขาเธอถักผ้าพันคอด้วยขนสัตว์เก่า ๆ แต่เธอไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะสวมผ้าพันคอและถุงมือในงานเลี้ยงที่มีชนชั้นสูงจำนวนมากเข้าร่วมแบบนั่นในค
ลุงควานมองไปที่หลิง อี้หราน อย่างครุ่นคิด มีแววประหลาดใจในสายตาของเขาหลิง อี้หราน เริ่มทักทายเขา “สวัสดีค่ะ ลุงควาน”“คุณหลิงถ้า คุณต้องการอะไรก็แจ้งให้ผมทราบได้เลยนะครับ” ลุงควานยิ้ม“เรียกว่าอี้หรานก็ได้ค่ะ" เธอพูดด้วยความรู้สึกไม่สบายใจที่เรียกนำหน้าแบบนั้น“คุณเป็นแขกของนายน้อย แน่นอนว่าผมควรเรียกคุณว่าคุณหลิง” ลุงควานกล่าวและมองด้วยความสุข_สพด้วยความรู้สึกที่ไม่ขอโทษหลิง อี้หราน ไม่ได้กำชับเพราะเธอจะไม่อยู่ที่นี่นานต่อไป“ลุงควาน ให้เธอชมห้องหน่อย แล้วให้เธอเลือก” อี้ จิ่นหลี สั่ง“แค่ให้ห้องไหนก็ได้” หลิงอี้หรานพูดทันที“เรื่องนี้... ” ลุงควานมองไปที่อี้ จิ่นหลี“งั้นกก็ยึดบริเวณชั้นสามทั้งหมด" อี้ จิ่นหลี กล่าวเบา ๆ“ครับ” ลุงควานตอบหลิง อี้หราน รู้สึกสับสนเล็กน้อย ยึดบริเวณคืออะไร? อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าลุงควานก็พาเธอไปที่ชั้นสามและเธอก็ไม่ได้ถามอะไรอีกที่ชั้นสามลุงควานเปิดประตูห้องและพูดกับหลิงอี้หรานว่า "คุณหลิง เข้ามาสิครับ ผมจะให้คนส่งอุปกรณ์อาบน้ำและของใช้ประจำวันของคุณมาให้ในภายหลัง หากคุณมียี่ห้อหรือข้อกำหนดใด ๆ สำหรับสิ่งเหล่านี้ คุณสามารถบอกผมได้ "“โอ
หลิง อี้หราน คิดกับตัวเองขณะที่เธอพุ่งไปที่โต๊ะข้างเตียงเพียง แต่ต้องตกใจเมื่อดวงตาของเธอสบเข้ากับกรอบรูปที่วางอยู่ เธอจ้องไปที่รูปภาพด้วยดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อมันเป็นภาพของเธอ!ปัญหาคือเธอจำไม่ได้ว่าเคยถ่ายภาพแบบนี้มาก่อน และถ้าเธอมองตาของเธอในภาพแสดงว่ามันไม่ได้หันหน้าเข้าหากล้องใครเป็นคนถ่ายภาพนี้? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่? ห้องนี้ของใคร ...คลิกมีใครบางคนผลักเปิดประตูห้องและหลิงอี้หรานก็เงยหน้าขึ้นมอง มันคือ อี้ จิ่นหลี“อืม ดูเหมือนพี่จะรู้แล้วว่าทั้งสองห้องเชื่อมถึงกันโดยที่ผมไม่ต้องบอกพี่สินะ" อี้ จิ่นหลี เดินไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม สายตาของเขาจับจ้องไปที่กรอบรูปที่หลิง อี้หราน ถืออยู่ในมือของเธอ "พี่คิดอย่างไรกับภาพนี้"“ทำไมรู้ฉันถึงอยู่ที่นี่?" เธอถาม“แน่นอนว่าต้องเป็นผมที่เอามาสิ” เขาพูดพลางหยิบกรอบรูปออกจากมือเธอแล้ววางกลับที่โต๊ะข้างเตียง “ผมคิดถึงพี่มากตอนที่ไม่ได้เจอพี่”น้ำเสียงของเขาดังขึ้นเล็กน้อยในตอนท้ายของประโยค มีนัยยะของความคลุมเครือทันใดนั้นเธอก็พูดขึ้นว่า "นี่ห้องของคุณเหรอ"“ห้องผมเอง" เขาพยักหน้า.หลิง อี้หราน กัดริมฝีปาก