“อย่างนั้นเหรอ?” เธอพูดขณะโน้มตัวไปข้างหน้า เธอรู้สึกว่าคำพูดของเขามีจุดประสงค์เพื่อให้เธอได้ยินดวงตานกฟีนิกซ์สีดำของเขาจ้องมองไปที่ใบหน้าตรงหน้า ริมฝีปากบางของกู้ ลี่เฉิน แยกออกเล็กน้อยขณะที่เขาพูดต่อว่า “เพราะตอนนั้นผมถูกแยกออกจากใครบางคนในโรงพยาบาลนั้น คน ๆ นั้นเคยบอกผมครั้งหนึ่งว่าเธอชอบทานอาหารที่ร้านนี้มากดังนั้นผมจะมานั่งทานอาหารที่นี่ทุกปีในวันที่ผมแยกจากเธอ”“ในกรณีนั้น ฉันคิดว่าคน ๆ นั้นต้องเป็นคนที่สำคัญมากสำหรับคุณสินะ ใช่ไหม?” หลิง อี้หราน กล่าว เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเขาดูเหมือนว่าเขาคิดถึงคน ๆ นั้นจริง ๆ“ใช่ สำคัญมาก สำหรับผม ชีวิตของเธอเกือบจะสำคัญพอ ๆ กับของผม” น้ำเสียงที่ไม่แยแสของเขาฟังดูเหมือนว่าเขากำลังพูดอะไรบางอย่างที่เป็นธรรมชาติมากอย่างไรก็ตาม หลิง อี้หราน ตกใจเมื่อเธอได้ยินสิ่งนี้กู้ ลี่เฉิน กังวลเกี่ยวกับคนที่เขาแยกทางเหรอ? เดิมทีในสายตาของเธอคนอย่างเขาที่เปลี่ยนแฟนตลอดเวลาและถึงแม้จะไร้ความปราณีต่อแฟนเก่าของเขา แต่ก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ในแง่ของความรู้สึกเธอคิดว่าเมื่อน้ำกระเพื่อมปรากฏขึ้นในใจของเขา มันจะหายไปและเหมือนกับว่ามันไม่เคยมีอยู่จริงอ
ในตอนที่เขาได้พบกับคน ๆ นั้นในตอนนั้นมันก็อยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ยกเว้นเมื่อเขาถามเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ดูเหมือนว่าเขาจะคิดมากเกินไป“คุณไม่ใช่เธอสินะ” เขาพูดแบบสบาย ๆ เธอไม่ใช่คนนั้นอะไร? ความสงสัยฉายผ่านดวงตาของหลิง อี้หรานในตอนนี้เจ้าของร้านได้เสิร์ฟอาหาร กู้ ลี่เฉิน กล่าวว่า “เอาล่ะ กินข้าวกันเถอะ อยากดื่มไวน์สักหน่อยไหม?”หลิง อี้หราน นึกถึงประสบการณ์ที่เธอเมาต่อหน้าอี้ จิ่นหลี และส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ไม่จำเป็น ฉันจะดื่มตามปกติค่ะ”ดังนั้น กู้ ลี่เฉิน จึงให้เจ้าของร้านนำเครื่องดื่มสองขวดมา“คุณก็ไม่ดื่มไวน์เหรอ?” เธอเลิกคิ้ว“ผมต้องขับรถในภายหลัง ดังนั้นผมจะไม่ดื่ม” เขากล่าวสีหน้าของเธอมืดลงทันทีเมื่อเธอนึกถึงอุบัติเหตุรถชนที่ทำให้เธอต้องรับโทษ ข้อหาเมาแล้วขับ แต่วันนั้นเธอไม่ได้เมาอะไรเลย!"ใช่สิ ตอนนั้นคุณประสบอุบัติเหตุรถชนเพราะคุณเมาแล้วขับใช่ไหม?” จู่ ๆ เสียงของเขาก็ดังขึ้น “นั่นเป็นสาเหตุที่คุณได้งานกวาดที่ศูนย์บริการสุขาภิบาลใช่ไหม?”“อย่างน้อยฉันก็ยังมีงานต้องทำ” หลิง อี้หราน กล่าวอย่างไม่เห็นคุณค่า“คุณต้องการให้ผมไปทักทายที่ศูนย์บริการสุขาภิบาลและให้พวก
ในสองสามวันนี้เธอทำงานและยุ่งกับการถักถุงมือ ในเช้าตรู่วันนี้เธอขึ้นรถเพื่อรีบมาที่นี่และยุ่งทั้งวันดังนั้นจึงใช้เวลาไม่นานก่อนที่หลิง อี้หราน จะปิดตาและหลับไปโดยไม่ได้ตั้งใจกู้ ลี่เฉิน เหลือบมองไปที่หลิง อี้หราน ที่กำลังหลับอยู่และลดระดับเสียงเพลงลงหลังจากที่เธอหลับไปเธอก็ดูเหมือนคนในความทรงจำของเขามากขึ้น จริง ๆ แล้วเธอก็ดูคล้าย ๆ กันเมื่อลืมตาด้วยเช่นกัน แต่เมื่อเธอลืมตาก็มีการแสดงออกของเธอเหมือนผ่านหนาวผ่านร้อนมา มันเป็นสิ่งที่บุคคลในความทรงจำของเขาไม่เคยมีคน ๆ นั้นในความทรงจำของเขามีดวงตาที่ชัดเจนและสดใสซึ่งดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความหวังซึ่งไร้ขีดจำกัดเมื่อหลิง อี้หราน ตื่นขึ้นรถก็มาถึงประตูหมู่บ้านที่เธออาศัยอยู่แล้วจู่ ๆ เธอก็รู้สึกอายและปลดเข็มขัดนิรภัยออกอย่างรวดเร็ว “ฉันนอนนานแค่ไหน?”“ไม่เป็นไร ไม่นานหรอก” เขากล่าวหลิง อี้หราน ลงจากรถอย่างรวดเร็ว เธอเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่เบาะหลัง แต่เธอจับมันไม่ถูก สิ่งของทั้งหมดในกระเป๋าทะลักออกมาเธอโวยวายและรีบเก็บของที่หกออกมาจากกระเป๋าทันใดนั้น เธอก็รีบเก็บถุงมือที่ถักได้ครึ่งหนึ่งอย่างเร็วเท่าที่จะเร็วได้“ค
จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงหนุ่มสาวเสียงใสร้องว่า 'เดินไปตามเส้นทางแห่งชีวิต'“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเรา… ถูกจับได้อีกครั้งและไม่สามารหนีไปได้” เสียงของเด็กชายดังขึ้น“เจ้าโง่! อยู่กับฉันตรงนี้แล้ว เราจะหนีไปไม่ได้ได้ยังไง? ฉันจะพานายไปกับฉันและหนีออกไปให้ได้อย่างแน่นอน!”“ถ้าเธอทิ้งฉัน เธอจะหนีไปได้อย่างแน่นอน”“ไม่มีทางที่ฉันจะทิ้งนายหรอกน่า! ฉันบอกว่าฉันจะปกป้องนาย ดังนั้นฉันก็จะปกป้องนายสิ! ฉันไม่กลัวคนเลวพวกนั้นหรอก!”“ทำไมเธอไม่ไปจากฉัน?”“เพราะเราเป็นเพื่อนกันไงล่ะ!”“อา!" หลิง อี้หราน ลืมตาขึ้นพร้อมกับเริ่มขึ้น ในพริบตาเธอลุกขึ้นนั่งบนเตียงพร้อมกับเบิกตากว้าง สิ่งที่เข้ามาในจินตนาการของเธอคือแสงสีซีดนี่คือบ้านเช่าของเธอ!หลิง อี้หราน หายใจเข้าทันทีขณะที่เธอมองดูเวลา มันเป็นเพียงตีสามเธอ… มีความฝันหรือเปล่า? ดูเหมือนว่าเธอฝันถึงบทสนทนาระหว่างตัวเองที่อายุน้อยกว่าและเด็กชายคนหนึ่ง นอกจากนี้เธอยังเคยร้องเพลง ‘เดินไปบนเส้นทางแห่งชีวิต’ ของ เทเรซ่า เติงพระเจ้าช่วย ทำไมเธอถึงฝันแบบนี้? เป็นไปได้ไหมว่าเธอได้ฟังเพลง ‘เดินไปบนเส้นทางแห่งชีวิต’ ในรถของกู้ ลี่เฉิน มากเกินไปเธอจึงฝั
งานพาร์ทไทม์ที่พี่ซูพูดถึงคืองานเสริมในกองถ่าย งานนี้ต้องให้เธอลงทะเบียนชื่อและทิ้งเบอร์ติดต่อไว้เท่านั้นจึงไม่จำเป็นต้องดูเอกสารใด ๆเป็นเงิน 80 เหรียญ ต่อวัน พร้อมอาหารกลางวัน หากจำเป็นต้องมีการขยายเวลาในการถ่ายทำพวกเขาจะจัดอาหารเย็นให้ด้วย แต่จะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใด ๆดังที่พี่ซูกล่าวว่าเนื่องจากเธอมีอิสระในวันพักผ่อนเธอจึงสามารถเป็นตัวประกอบและรับเงินสดได้ มันเป็นงานที่จ่ายเงินในวันรุ่งขึ้นหนึ่งเดือนหากมีอะไรให้เธอทำทุกวันที่เหลือ ในหนึ่งเดือนนั้นเธอจะมีรายได้ไม่กี่ร้อยเหรียญสำหรับคนอื่นเงินไม่กี่ร้อยเหรียญอาจไม่มาก แต่สำหรับหลิง อี้หราน ถือว่าดีมากอยู่แล้วเมื่อเธอเลิกงาน หลิง อี้หราน เหลือบมองถุงมือที่เธอถักเสร็จแล้วและโทรหาอี้ จิ่นหลี “ฉันถักถุงมือเสร็จแล้ว คุณต้องการให้ฉันส่งไปหรือคุณต้องการให้ใครมารับมัน?”“ผมจะไปรับมันเอง” อี้ จิ่นหลี กล่าว“ก็ดี” เธอตอบ เธอจึงกลับไปที่บ้านเช่าของเธอ หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว เธอก็วางถุงมือลงบนโต๊ะและดึงสำเนาของแฟ้มคดีที่ชิน เหลียนอี มอบให้เธอครั้งสุดท้ายเกี่ยวกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ของเธอ ในนั้นมีข้อความที่ถอดความจากพยานในเวล
“มะ-มาแล้วสินะ" หลิง อี้หราน พูดอย่างแห้ง ๆ ในขณะที่เอนตัวไปด้านข้างเพื่อให้ อี้ จิ่นหลี เข้าไปในห้อง“พี่คงรอนานแล้วสินะ” อี้ จิ่นหลี หัวเราะและเดินไปที่โต๊ะทำงาน เขาเห็นสำเนาแฟ้มคดีที่หลิง อี้หราน เปิดทิ้งไว้บนโต๊ะทำงานดวงตาสีดำของเขาหรี่ลงเล็กน้อยขณะที่เขาเอื้อมมือไปหยิบเอกสารสองสามชุดและมองผ่านเอกสารเหล่านั้น “พี่กำลังดูคดีนั้นอีกครั้งเหรอ?"ร่างกายของหลิง อี้หราน แข็งขึ้นเล็กน้อย เธอเคยพูดถึงกรณีนี้กับอี้ จิ่นหลีมาก่อน แต่ในเวลานั้นเธอไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขา ตอนนี้เธอรู้แล้ว และมันมีความลำบากใจและทำอะไรไม่ถูกที่จะพูดถึงคดีนี้อีกครั้งท้ายที่สุดไม่ว่าเธอจะคิดว่าตัวเองบริสุทธิ์แค่ไหน แต่อุบัติเหตุทางรถยนต์ก็เกิดขึ้นจริง ๆ แถมคนที่เสียชีวิตในอุบัติเหตุทางรถยนต์ก็คือคู่หมั้นของเขา!“มีอะไรหรือเปล่าพี่สาว?" เมื่อสังเกตเห็นความล่าช้าในการตอบของเธอเขาจึงเงยหน้าขึ้นมองเธอ“ฉันแค่… ดูน่ะ" เธอตอบขณะกลืนน้ำลายที่ไหลลงคออย่างกะทันหัน“ยังไงซะ พี่ก็บอกเสมอว่าพี่เป็นผู้ถูกกระทำ พี่พยายามที่จะกลับคำตัดสินโดยดูจากเนื้อหาพวกนี้เหรอ?" เขากำลังพูดราวกับว่าเขากำลังคุยกันอย่างไม่เป็นทาง
"ทำไมจะไม่ล่ะ?" เขาถามอย่างมีวาทศิลป์ “เนื่องจากในชีวิตนี้ผมต้องแต่งงานกับผู้หญิง ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วมันก็ไม่ต่างกันหรอก ห่าว เหมยยวี่ เป็นคนเงียบ ๆ และเชื่อฟังมากพอ การแต่งงานกับตระกูลห่าวช่วยพัฒนาการขนส่งของตระกูลอี้ได้ ดังนั้นทำไมถึงไม่ล่ะ?"เขากำลังคุยเรื่องธุรกิจและหลิง อี้หราน รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยเมื่อเธอได้ยินสิ่งนี้มันเหมือนกับว่าเขาไม่รู้จักความรักเลย… แม้แต่การแต่งงานก็ยังเป็นธุรกิจของเขาได้อะไรจะสำคัญสำหรับคนอย่างเขา?“อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ผมคิดว่าคงจะดีถ้าผมแต่งงานกับผู้หญิงที่น่าสนใจสำหรับผม" สายตาของเขาจับจ้องไปที่เธอขณะที่เขายิ้มเธอหันไปอย่างเชื่องช้า เขาพูดราวกับว่ากำลังอ้างถึงอย่างอื่นเธอบอกตัวเองว่าอย่าคิดมากกับเรื่องนี้ เขาและเธออยู่คนละโลกกัน พวกเขาจะไม่อยู่ในเรือลำเดียวกัน ไม่นานหลังจากมอบถุงมือให้เขาแล้ว แน่นอนว่าเขาและเธอจะไม่ได้เจอกันอีก“อืม... ฉันจะเอาถุงมือให้" เธอเดินผ่านเขาเพื่อไปเอาถุงมือ“ไม่ต้องรีบก็ได้” เขาจับแขนเธอและค่อย ๆ ก้มลงและมองไปที่เธอ “พี่สาว พี่ยังไม่ได้ตอบคำถามของผมก่อนหน้านี้เลยนะ พี่กำลังพยายามที่จะกลับคำตัดสินใช่ไหม"แน่นอนเธ
”มันสำคัญสิ" เธอพูดอย่างมั่นใจ “สำหรับฉันความจริงสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด!" “มันเป็นเวลาสามปีแล้วที่สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น แม้ว่าจะมีหลักฐานหรือภาพวิดีโอ แต่ตอนนี้มันก็คงหายไปนานแล้ว มันยากมากที่จะช่วยพี่ย้อนกลับคดี นับประสาอะไรกับการค้นหาความจริง" เขากล่าวเธอฝืนยิ้มและเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร สิ่งที่เขาอยากทำก็คือ ช่วยเธอกลับคำตัดสิน สำหรับความจริงมันไม่สำคัญสำหรับเขา ไม่สำคัญว่าทำไมห่าว อี้เหยยวี่ ถึงชนรถฆ่าตัวตายในวันนั้นและห่าว เหมยยวี่ กำลังคิดอะไรอยู่เขาไม่มีความรู้สึกต่อห่าว เหมยยวี่ เลย แม้ว่าห่าว เหมยยวี่ จะเสียชีวิตไปแล้ว แต่สำหรับเขาแล้วมันก็เป็นเพียงการขาดผู้สมัครที่เหมาะสมที่จะแต่งงาน“อี้ จิ่นหลี คุณไม่ได้รักห่าว เหมยยวี่ เลยสินะ” จู่ ๆ เธอก็พูดด้วยความมั่นใจเปลือกตาของเขาหลบตาเล็กน้อย “ผมไม่เคยบอกว่าผมรักเธอ""แล้วคุณรักใคร?" เมื่อเธอพูดคำเหล่านั้นคำตอบก็ปรากฏขึ้นในใจของเขาครู่หนึ่งเขามองไปที่เธอด้วยความตกใจ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็สงบลงและพูดว่า "ใครที่คุณอยากให้ผมรักล่ะ พี่สาว?"ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าเธอถามคำถามโง่ ๆ ทำไมเธอถึงถามมัน? นอกจากนี้ชายคนนี้ยังปฏิบัติต่
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค