หลิง อี้หราน รู้สึกราวกับว่าปลายนิ้วของเธอกำลังจะลุกเป็นไฟ มันร้อนมากและหัวใจของเธอก็เต้นแรง "โอ้ ไม่! เกิดอะไรขึ้นกับฉัน?!"เธอถอนมือออก ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อขณะที่เธอพูดว่า "ทั้งหมด... เอาล่ะมานั่งกันเถอะ เพื่อไม่ให้อาหารเย็น" หลังจากพูดอย่างนั้นเธอก็ก้มศีรษะลงและเริ่มรับประทานอาหารอี้ จิ่นหลี ยิ้มเมื่อเห็นว่าใบหน้าของหลิง อี้หราน แทบจะฝังอยู่ในชาม รอยยิ้มของเขาลึกขึ้นเมื่อเขาถามว่า "พี่ชอบผมไหม พี่สาว?"“ฉันชอบนาย” หลิง อี้หราน ตอบโดยไม่ลังเล"ผมก็ชอบพี่เหมือนกัน พี่สาว ผมชอบพี่มาก" อี้ จิ่นหลี กล่าวขณะที่เขาโค้งริมฝีปากของเขาให้เป็นรอยยิ้ม เป็นเวลานานมากตี่งแต่ครั้งสุดท้ายที่เขาพบคนที่สามารถทำให้เขาสนใจได้…หลังจากการตรวจสอบจากสำนักบริหารจัดการเมืองสิ้นสุดลง เหมียว เจียยู่ บอกกับหลิง อี้หราน ว่า "อี้หราน พวกเราจะนัดรวมตัวกับเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของเราในสุดสัปดาห์นี้ มาร่วมงานกันเถอะ"“นัดรวม?” หลิง อี้หราน หัวเราะ ด้วยสภาพปัจจุบันของเธอเธอจะถูกล้อเลียนถ้าเธอต้องไปที่งานนั้น "ไม่ ฉันไม่ว่างและฉันจะไม่ไป" หลิง อี้หราน ตอบ"การรวมตัวกับเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลายแบบนี้ห
ใบหน้าของห่าว อี้เหมิง เต็มไปด้วยความไม่น่าเชื่อ “อี้ จิ่นหลี... กำลังจะไปดู หลิง อี้หราน?”ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลห่าว เธอเข้าใจดีโดยธรรมชาติว่า อี้ จิ่นหลี อาจไม่ได้ให้ความสำคัญกับพี่สาวของเธอมากนัก เหตุผลที่พี่สาวของเธอได้รับเลือกก็เพียงแค่ว่าพี่สาวของเธอเหมาะสมที่จะเป็นนายหญิงของตระกูลอี้ในงานศพพี่สาวของเธอ สีหน้าของชายคนนั้นไม่แยแส ราวกับว่าชีวิตพี่สาวของเธอเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญสำหรับเขาบางครั้งเธอก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเรื่องแบบนี้จะทำให้อารมณ์ของชายคนนี้แปรปรวนได้อย่างไรตอนนี้เธอเห็นความโกรธบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาซึ่งเธอไม่เคยเห็นมาก่อนแต่มันเป็นเพราะ... หลิง อี้หราน?! ผู้หญิงที่ไม่สำคัญเท่ามดนั่น?!เธอหันหน้าละมองไปที่ เซียว จื่อฉี ข้าง ๆ เธอ แต่เธอก็เห็นความไม่เชื่อในสายตาของเซียว จื่อฉีในขณะนี้ เกา ฉงหมิง ซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ อี้ จิ่นหลี รีบตอบว่า "ครับ" “นายน้อยโกรธใช่ไหมครับ?” หัวใจของเกา ฉงหมิง สั่นสะท้านใครก็ตามที่เคยเห็นความโกรธของนายน้อยอีสักครั้งจะไม่อยากเห็นมันเป็นครั้งที่สองขณะนั้นเสียงของอี้ จิ่นหลี ก็ดังขึ้นอีกครั้ง "ลืมไปซะ นายลงไปจัดการซะมันหนวกหู!
ทันใดนั้น บุคคลที่ไม่คาดคิดก็ปรากฏตัวขึ้นเกา ฉงหมิง- เลขาส่วนตัวของอี้ จิ่นหลี“ เลขาเกา!” ผู้จัดการวังรีบทักทายเกา ฉงหมิง มองไปที่เฉินว่านหาว ราวกับว่าเขากำลังมองคนตาย "ไอ้หน้าตัวเมียนี่ จากทั้งหมดทุกคน เขาต้องยั่วยุใครสักคนที่นายน้อยอี้กำสนใจอยู่"มันเป็นเรื่องบังเอิญที่นายน้อยอี้บังเอิญมาอยู่ที่คลับวันนี้และได้เห็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเกา ฉงหมิง พูดกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านข้าง "ไม่ว่าเขาจะทำอะไรลงไปเมื่อกี้นี้ ก็ทำมันใหม่อีกครั้ง"เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรับฟังคำสั่งทันที ผู้คุมที่แข็งแกร่งและทรงพลังสองคนลากเฉิน ว่านหาว ตรงไปที่ข้างสระ จับหลังศีรษะของเขาแล้วจุ่มเขาลงไปในน้ำซ้ำแล้วซ้ำอีกช่นเดียวกับที่เฉิน ว่านหาว ทำกับหลิง อี้หรานก่อนหน้านี้!สำหรับอดีตเพื่อนร่วมชั้นที่ออกมาชมเช่นเดียวกับเซียว จื่อฉี และห่าว อี้เหมิง ต่างก็ตกตะลึงเล็กน้อยใตนจะคิดว่ามันจะกลายมาเป็นแบบนี้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูเหมือนจะไม่มีความตั้งใจที่จะทำอะไรง่าย ๆ กับเขา ผู้จัดการวังไม่มีความตั้งใจที่จะอ้อนวอนให้กับ เฉิน ว่านหาว เช่นกันอย่างไรก็ตามตระกูลเฉิน เป็นเพียงหนึ่งในผ
หลิง อี้หราน มองไปที่ด้านหลังขวามือของเธอ เป็นจุดที่จ้าว ม่านเถียน เหยียบในวันนี้“วันนี้ตอนที่ฉันกำลังกวาดพื้น ฉันเผลอไปชนมัน ไม่เป็นอะไรหรอก” เธอพูดอย่างลวก ๆ ไม่อยากให้เขากังวล“อย่างนั้นเหรอ?” อี้ จิ่นหลี จ้องมองไปที่ หลิง อี้หราน “พี่สาว ถ้ามีใครรังแกพี่ก็บอกมาสิ ผมจะปกป้องพี่เอง” เขาจะทำให้คนเหล่านั้นต้องจ่ายอย่างสาสม ในอนาคตจะไม่มีใครกล้ารังแกเธอได้อีกครู่หนึ่งหัวใจของเธอก็เต้นรัวอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเขารู้ทุกอย่าง"ฉันปกป้องตัวเองได้น่า" เธอกล่าว“แล้วถ้าทำไม่ได้ล่ะ?” เขาถามหากเป็นเช่นนั้นก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะบอกเขา แต่ หลิง อี้หราน ไม่พูดเพราะเธอกลัวว่าจะทำลายความนับถือของเขา“ไม่อยากให้ผมปกป้องเหรอ?” เสียงของเขาดังขึ้นอีกครั้งและเขาจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่ลึกและดุดันเธอกัดริมฝีปากสีชมพูเล็กน้อยครุ่นคิดสักพักแล้วพูดว่า "เอาล่ะ วันหนึ่งเมื่อจินเข้มแข็งและโดดเด่นขึ้นมา เธอจะปกป้องฉันได้ ตอนนี้ฉันจะปกป้องจินและพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ให้คนอื่นมารังแกเรา"มีแสงประกายในแววตาของเขา แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรในท้ายที่สุด แต่เขาตอบแค่เพียงแผ่วเบาว่า "โอเค"หลังอาหารค่ำ หลิง
"ถ้าพี่สาวชอบผมก็จะชอบ" อี้ จิ่นหลี กล่าว"อย่าคิดว่าฉันจะชอบอะไร นายควรจะชอบมันด้วยตัวของนายเอง ถ้านายไม่ชอบมัน ฉันจะหาเสื้อกันหนาวแบบอื่นให้นายใหม่" เธอกล่าว"ไม่ต้องหรอกอันนี้ดีแล้ว ผมชอบมาก" เขากล่าว"โอเค ถ้าอย่างนั้นฉันจะซื้ออันนี้ให้นายนะ" หลิง อี้หราน เริ่มการซื้อผ่านทางออนไลน์เขามองไปที่เธอทันใดนั้นก็ถามว่า "พี่สาวทำไมคุณดีกับผมมากแบบนี้?" เธอซื้อเสื้อผ้าและโทรศัพท์มือถือให้เขา แต่เธอประหยัดกับการใช้จ่ายของตัวเอง“นายเป็นน้องชายของฉันนะ แน่นอนว่าฉันต้องดีกับนายสิ” เธอพูดราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่ได้รับอย่างไรก็ตามด้วยเความที่ไม่เข้าใจเหตุผลของเขาคำสองคำ "น้องชาย" นั้นยากสำหรับเขาที่จะได้ยิน เธอลืมไปแล้วจริง ๆ หรือว่าเขายังเป็นผู้ชายอยู่?—หลังจากที่เสียหน้าในคลับ เฉิน ว่านหาว ถูกพ่อของเขาทุบตีจนเข้าโรงพยาบาลผู้ซึ่งให้ความสำคัญกับธุรกิจมากกว่าครอบครัวถึงกระนั้นธุรกิจของตระกูลเฉินหลายแห่งที่เกี่ยวข้องกับอี้กรุ๊ปก็ได้รับผลกระทบ สำหรับครอบครัวเฉินแล้วการสูญเสียในครั้งนี้ไม่สามารถพูดได้เลยว่ามันเล็กน้อยผู้คนที่มีส่วนร่วมในการรวมตัวศิษย์เก่าในวันนั้นเพียงแค่ในระยะสั้น ๆ
ในตอนนี้เหมียว เจียยู่ เกลียดจ้าว ม่านเถียน แทบตาย เธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบางคนในแผนกส่วนบุคคลซึ่งแอบบอกเธออย่างลับ ๆ ว่ามันเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจในทางที่ผิด เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบุคคลจากศูนย์บริการสุขาภิบาลสิ่งเดียวที่เธอคิดได้คือขอให้หลิง อี้หราน ไปส่งเอกสารเท่านั้น อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้ จ้าว ม่านเถียน เป็นผู้บงการที่แท้จริง!“ฉันไม่ได้บังคับให้เธอทำ เธออยากเห็นหลิง อี้หราน อับอายขายหน้านั่นคือเหตุผลว่าทำไมเธอถึงเต็มใจที่จะทำ อย่างมากที่สุดฉันก็แค่ให้ความคิดเห็นกับเธอ มันเป็นการกระทำของเธอเอง มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันย่ะ” จ้าว ม่านเถียน ปฏิเสธทันทีพวกเขาสองคนเริ่มทะเลาะกันหมือนสุนัขกัดกัน!หลังจากเหมียว เจียยู่ เลิกยุ่งกับจ้าว ม่านเถียน ครอบครัวของเธอก็ด่าเธออย่างหนัก อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วพวกเขาก็ยังคงใช้จ่ายเงินและใช้ประโยชน์จากเส้นสายเพื่อเธอ พวกเขาพยายามหาคนมาเพื่อร้องขอให้กับเธอ แต่เงินและของขวัญก็ไม่สามารถแม้แต่จะส่งออกไปได้แม้แต่สิ่งที่พวกเขาส่งไปด้วยความยากลำบาก ในเวลาไม่ถึงสองวันก็จะถูกส่งกลับมาโดยผู้รับของพวกเขาในที่สุดก็เป็นคนที่รู้จักกันมานานที่มี
"แต่ฉัน... ฉันทำให้เธอเสียหน้าต่อหน้าทุกคนและแม้แต่เฉิน ว่านหาว... "“สิ่งที่พวกเขาทำมันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอนี่?""มันมีบางอย่างเกี่ยวกับฉัน!" เหมียว เจียยู่ ตะโกนในใจของเธอ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอที่เธออยากจะรับผิดชอบบางสิ่งบางอย่าง"ดี ถ้าไม่มีอะไร ฉันยังต้องทำงานต่อ" หลิง อี้หราน กล่าวโดยไม่สนใจความขมขื่นบนใบหน้าของเหมียว เจียยู่ เธอเดินไปรอบ ๆ เหมียว เจียยู่และเดินไปอีกด้านหนึ่งของถนนเพื่อกวาดพื้นแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมเหมียว เจียยู่ ถึงมาหาเธอในวันนี้ แต่เธอก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะให้อภัยเธอในสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นในขณะที่หลิง อี้หราน กำลังกวาดอยู่ ทันใดนั้นก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอ เธอมองขึ้นไปเห็นว่าเป็นกวอ ซิ่นหลี่ จากคนขับรถใบหน้าของกวอ ซิ่นหลี่ แดงเล็กน้อยและเขาพูดด้วยความกล้าหาญอย่างมาก“อี้หราน พี่ซูบอกว่าคุณไม่ต้องการมีความรักในตอนนี้ แต่... แต่... แต่ผมจริงใจ ผมเต็มใจที่จะรอคุณ เมื่อไหร่... เมื่อไหร่ที่คุณต้องการมีความสัมพันธ์คุณสามารถมองมาที่ผมได้นะ"หลังจากพูดแบบนี้ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขารีบแก้ไขตัวเองอย่างรวดเร็วและพูดว่า
"ฉันคงคิดมากเกินไป!"เมื่อเห็นว่าหลิง อี้หราน กำลังยุ่งอยู่กับงานของเธอกวอ ซิ่นหลี่ ก็ส่ายหัวและพูดว่า "อี้หราน... ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะครับเพราะคุณไม่ว่าง"เมื่อดูกวอ ซิ่นหลี่ จากไป อี้ จิ่นหลี ก็จับคางของหลิง อี้หราน ด้วยนิ้วของเขาและบังคับให้เธอหันหน้าไปทางเขาตรงๆ “ผมไม่ชอบให้พี่สาวมองผู้ชายคนอื่นเป็นแบบนี้”หลิ อี้หราน หัวเราะออกมา "คิดอะไรอยู่เนี่ย? ฉันไม่ได้มีเจตนาอะไรกับเขาสักหน่อย"“นั่นหมายความว่าเขาไม่มีความรู้สึกแบบนั้นต่อพี่สาวเหรอ?” เขาถามกลับเธอพูดไม่ออก“เขาเป็นเพื่อนร่วมงานที่ชอบพี่สาวใช่ไหม?" เขาถาม"ใช่ ฉันได้ขอให้พี่ซูช่วยปฏิเสธแล้ว แต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะมาหาฉันในวันนี้""ผู้ชายคนนั้นไม่สามารถเข้ากับพี่ได้ ถ้าพี่ไม่ชอบเขา พี่ควรที่จะปฏิเสธเขาโดยตรง" เขากล่าวหลิงอี้หรานหัวเราะ “นายคงคิดเรื่องฉันมากเกินไป ฉันเองที่ไม่ดีพอสำหรับเขา เขามีบ้าน รถและงานที่มั่นคงในที่ทำงานของเรา มีผู้หญิงหลายคนชอบเขา”“พี่สาวของผมมีค่ามากกว่านั้นมาก” เขากล่าว ในน้ำเสียงของเขามีความปรารถนาที่จะครอบครองโดยที่เขาไม่ทันได้สังเกตหลังจากที่หลิง อี้หราน ทำความสะอาดถนนและกำลังเตรียมเก็
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค