"ถ้าพี่สาวชอบผมก็จะชอบ" อี้ จิ่นหลี กล่าว"อย่าคิดว่าฉันจะชอบอะไร นายควรจะชอบมันด้วยตัวของนายเอง ถ้านายไม่ชอบมัน ฉันจะหาเสื้อกันหนาวแบบอื่นให้นายใหม่" เธอกล่าว"ไม่ต้องหรอกอันนี้ดีแล้ว ผมชอบมาก" เขากล่าว"โอเค ถ้าอย่างนั้นฉันจะซื้ออันนี้ให้นายนะ" หลิง อี้หราน เริ่มการซื้อผ่านทางออนไลน์เขามองไปที่เธอทันใดนั้นก็ถามว่า "พี่สาวทำไมคุณดีกับผมมากแบบนี้?" เธอซื้อเสื้อผ้าและโทรศัพท์มือถือให้เขา แต่เธอประหยัดกับการใช้จ่ายของตัวเอง“นายเป็นน้องชายของฉันนะ แน่นอนว่าฉันต้องดีกับนายสิ” เธอพูดราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่ได้รับอย่างไรก็ตามด้วยเความที่ไม่เข้าใจเหตุผลของเขาคำสองคำ "น้องชาย" นั้นยากสำหรับเขาที่จะได้ยิน เธอลืมไปแล้วจริง ๆ หรือว่าเขายังเป็นผู้ชายอยู่?—หลังจากที่เสียหน้าในคลับ เฉิน ว่านหาว ถูกพ่อของเขาทุบตีจนเข้าโรงพยาบาลผู้ซึ่งให้ความสำคัญกับธุรกิจมากกว่าครอบครัวถึงกระนั้นธุรกิจของตระกูลเฉินหลายแห่งที่เกี่ยวข้องกับอี้กรุ๊ปก็ได้รับผลกระทบ สำหรับครอบครัวเฉินแล้วการสูญเสียในครั้งนี้ไม่สามารถพูดได้เลยว่ามันเล็กน้อยผู้คนที่มีส่วนร่วมในการรวมตัวศิษย์เก่าในวันนั้นเพียงแค่ในระยะสั้น ๆ
ในตอนนี้เหมียว เจียยู่ เกลียดจ้าว ม่านเถียน แทบตาย เธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบางคนในแผนกส่วนบุคคลซึ่งแอบบอกเธออย่างลับ ๆ ว่ามันเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจในทางที่ผิด เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบุคคลจากศูนย์บริการสุขาภิบาลสิ่งเดียวที่เธอคิดได้คือขอให้หลิง อี้หราน ไปส่งเอกสารเท่านั้น อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้ จ้าว ม่านเถียน เป็นผู้บงการที่แท้จริง!“ฉันไม่ได้บังคับให้เธอทำ เธออยากเห็นหลิง อี้หราน อับอายขายหน้านั่นคือเหตุผลว่าทำไมเธอถึงเต็มใจที่จะทำ อย่างมากที่สุดฉันก็แค่ให้ความคิดเห็นกับเธอ มันเป็นการกระทำของเธอเอง มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันย่ะ” จ้าว ม่านเถียน ปฏิเสธทันทีพวกเขาสองคนเริ่มทะเลาะกันหมือนสุนัขกัดกัน!หลังจากเหมียว เจียยู่ เลิกยุ่งกับจ้าว ม่านเถียน ครอบครัวของเธอก็ด่าเธออย่างหนัก อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วพวกเขาก็ยังคงใช้จ่ายเงินและใช้ประโยชน์จากเส้นสายเพื่อเธอ พวกเขาพยายามหาคนมาเพื่อร้องขอให้กับเธอ แต่เงินและของขวัญก็ไม่สามารถแม้แต่จะส่งออกไปได้แม้แต่สิ่งที่พวกเขาส่งไปด้วยความยากลำบาก ในเวลาไม่ถึงสองวันก็จะถูกส่งกลับมาโดยผู้รับของพวกเขาในที่สุดก็เป็นคนที่รู้จักกันมานานที่มี
"แต่ฉัน... ฉันทำให้เธอเสียหน้าต่อหน้าทุกคนและแม้แต่เฉิน ว่านหาว... "“สิ่งที่พวกเขาทำมันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอนี่?""มันมีบางอย่างเกี่ยวกับฉัน!" เหมียว เจียยู่ ตะโกนในใจของเธอ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอที่เธออยากจะรับผิดชอบบางสิ่งบางอย่าง"ดี ถ้าไม่มีอะไร ฉันยังต้องทำงานต่อ" หลิง อี้หราน กล่าวโดยไม่สนใจความขมขื่นบนใบหน้าของเหมียว เจียยู่ เธอเดินไปรอบ ๆ เหมียว เจียยู่และเดินไปอีกด้านหนึ่งของถนนเพื่อกวาดพื้นแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมเหมียว เจียยู่ ถึงมาหาเธอในวันนี้ แต่เธอก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะให้อภัยเธอในสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นในขณะที่หลิง อี้หราน กำลังกวาดอยู่ ทันใดนั้นก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอ เธอมองขึ้นไปเห็นว่าเป็นกวอ ซิ่นหลี่ จากคนขับรถใบหน้าของกวอ ซิ่นหลี่ แดงเล็กน้อยและเขาพูดด้วยความกล้าหาญอย่างมาก“อี้หราน พี่ซูบอกว่าคุณไม่ต้องการมีความรักในตอนนี้ แต่... แต่... แต่ผมจริงใจ ผมเต็มใจที่จะรอคุณ เมื่อไหร่... เมื่อไหร่ที่คุณต้องการมีความสัมพันธ์คุณสามารถมองมาที่ผมได้นะ"หลังจากพูดแบบนี้ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขารีบแก้ไขตัวเองอย่างรวดเร็วและพูดว่า
"ฉันคงคิดมากเกินไป!"เมื่อเห็นว่าหลิง อี้หราน กำลังยุ่งอยู่กับงานของเธอกวอ ซิ่นหลี่ ก็ส่ายหัวและพูดว่า "อี้หราน... ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะครับเพราะคุณไม่ว่าง"เมื่อดูกวอ ซิ่นหลี่ จากไป อี้ จิ่นหลี ก็จับคางของหลิง อี้หราน ด้วยนิ้วของเขาและบังคับให้เธอหันหน้าไปทางเขาตรงๆ “ผมไม่ชอบให้พี่สาวมองผู้ชายคนอื่นเป็นแบบนี้”หลิ อี้หราน หัวเราะออกมา "คิดอะไรอยู่เนี่ย? ฉันไม่ได้มีเจตนาอะไรกับเขาสักหน่อย"“นั่นหมายความว่าเขาไม่มีความรู้สึกแบบนั้นต่อพี่สาวเหรอ?” เขาถามกลับเธอพูดไม่ออก“เขาเป็นเพื่อนร่วมงานที่ชอบพี่สาวใช่ไหม?" เขาถาม"ใช่ ฉันได้ขอให้พี่ซูช่วยปฏิเสธแล้ว แต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะมาหาฉันในวันนี้""ผู้ชายคนนั้นไม่สามารถเข้ากับพี่ได้ ถ้าพี่ไม่ชอบเขา พี่ควรที่จะปฏิเสธเขาโดยตรง" เขากล่าวหลิงอี้หรานหัวเราะ “นายคงคิดเรื่องฉันมากเกินไป ฉันเองที่ไม่ดีพอสำหรับเขา เขามีบ้าน รถและงานที่มั่นคงในที่ทำงานของเรา มีผู้หญิงหลายคนชอบเขา”“พี่สาวของผมมีค่ามากกว่านั้นมาก” เขากล่าว ในน้ำเสียงของเขามีความปรารถนาที่จะครอบครองโดยที่เขาไม่ทันได้สังเกตหลังจากที่หลิง อี้หราน ทำความสะอาดถนนและกำลังเตรียมเก็
ระหว่างทางกลับบ้านกับอี้ จิ่นหลี จู่ ๆ หลิง อี้หราน ก็พูดว่า "จิน นายรู้จักเซียว จื่อฉี ไหม?"“ประธานของเซียวกรุ๊ปน่ะเหรอ?” เขาถาม“นายรู้จักเขาเหมือนกันสินะ ใช่ เขาเป็นผู้ชายที่ตกเป็นข่าวซุบซิบเมื่อเร็ว ๆ นี้ เขาเป็นเจ้าบ่าวในการแต่งงานระหว่างตระกูลเซียวกับตระกูลห่าวและ... เขาก็เป็น... ” เธอหยุดและลังเล ก่อนที่จะพูดว่า "แฟนเก่าของฉัน"อี้ จิ่นหลี หยุดเดินและยืนเงียบ ๆ ข้าง หลิง อี้หราน และมองไปที่เธอบางทีคำพูดหรืออารมณ์บางอย่างก็อัดแน่นอยู่ในใจเธอนานเกินไป เธอจึงอดไม่ได้ที่จะปลดปล่อยมันออกมาในตอนนี้ "นายไม่คิดว่ามันเหลือเชื่อเหรอที่คนอย่างฉันเคยเป็นแฟนของคน ๆ นั้น?"เธอหัวเราะกับตัวเอง “ตอนนั้นฉันยังเป็นทนายความใหม่ที่เพิ่งเรียนจบและฉันคิดว่าเขากับฉันจะแต่งงานกัน อย่างไรก็ตามฉันไม่ได้คาดว่าในอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนั้นฉันจะถูกตั้งข้อหาว่าเมาเเล้วขับจนก่อให้เกิดความตาย ในตอนนั้นเขาแทบรอไม่ไหวที่จะเลิกกับฉันและแม้ว่า…”เธอหยุดชั่วขณะและไม่พูดต่อเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เหมือนฝันร้ายในเรือนจำนิ้วของเธอดูเหมือนจะเจ็บปวดอีกครั้ง แม้ว่าเล็บจะหายดีและกระดูกที่หักก็ได้เชื่อมต่อกันใหม่แล
เมื่อเธอได้ยินสิ่งนี้ เธอก็คิดว่ามันเป็นเรื่องตลก สิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษโดยตระกูลเซียวและตระกูลห่าว สำหรับพันธมิตรการแต่งงานของพวกเขา ใครจะกล้าบังอาจเอามันลง? มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเธอ มือของเขาสัมผัสกับผิวของเธอและมีความรู้สึกอบอุ่นจากตรงนั้นหลังจากนั้นไม่นานเธอก็เอามือเขาลงและเงยหน้าขึ้นมองเขา “จิน ขอบใจนะ” เธอคิดว่าเขาพยายามปลอบเธอด้วยการพูดสิ่งเหล่านี้ "เอาล่ะ ไปกันเถอะ กลับบ้านไปทานอาหารเย็นกัน" ขณะที่เธอพูดเธอจับมือของเขาและเดินไปในทิศทางที่พวกเขาอาศัยอยู่เขาเหลือบมองไปที่จอโฆษณาขนาดใหญ่แล้วเดินเธอเพื่อออกไปจากตรงนั้น—กลับมาที่อพาร์ทเมนต์เช่า หลิง อี้หราน ได้ไปที่สำนักงานรักษาความปลอดภัยในชุมชนเพื่อรับพัสดุด่วน มันคือเสื้อกันหนาวซึ่งทำด้วยผ้าขนสัตว์ที่เธอซื้อมาเธอเปิดกล่องพัสดุหยิบเสื้อกันหนาวออกมาและสัมผัสเนื้อผ้าดู มันก็ไม่แย่ สำหรับราคาแบบนี้คุณภาพค่อนข้างดีทีเดียว"จิน มาดูนี่สิ เสื้อกันหนาวตัวนี้เหมาะกับนายหรือเปล่า?" เธอกล่าวเสื้อกันหนาวที่มีลายตารางหมากรุกสีน้ำเงินและสีเขียว เมื่ออี้ จิ่นหลี สวมใส่มัน แววตาของหลิง อี้หราน ก็เป็นประกาย โอ้ เขาดูดีมากเมื่อส
เขาจ้องมองเธอ “พี่สาว พี่คิดว่าผมหาเงินน้อยเกินไปใช่ไหม?”"อ่า เปล่า!" เธอกล่าวปฏิเสธ “ฉันแค่อยากให้นายมีชีวิตที่ดีขึ้น” บางทีทั้งหมดนี้อาจเป็นเพียงชีวิตของเธอ แต่เธอต้องการสิ่งที่ดีกว่าสำหรับตัวเขาเอง“ผมจะมีชีวิตที่ดีขึ้น เมื่อถึงเวลาผมสามารถให้ชีวิตแบบไหนก็ได้ตามที่พี่ต้องการ” เขามองเธออย่างจริงจังและพูดนี่เป็นเพียงเกมสำหรับเขา แต่ในขณะนี้เขาต้องการให้เธอมีชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต สำหรับเขานั้นมันง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากหลิง อี้หราน หัวเราะ เธอไม่คิดว่าจินจะให้ชีวิตที่เธอต้องการได้ อย่างไรก็ตามเธอไม่ต้องการทำร้ายความนับถือตนเองของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน เธอจึงพูดว่า "โอเค โอเค งั้นฉันจะรอจนกว่าจินจะหาเงินได้มาก ๆ เพื่อดูแลฉันในอนาคตด้วยวิธีนั้น ฉันจะอยู่ได้อย่างสบาย ๆ เหมือนคนที่ไม่รู้อะไรเลยนอกจากพึ่งนาย”"โอเค" เขาเห็นด้วย ดวงตาของเขาแวววาวด้วยความมุ่งมั่น “ตราบใดที่พี่เต็มใจ ผมจะทำให้แน่ใจว่าพี่จะอยู่อย่างสบายอย่างที่พี่ต้องการไปตลอดชีวิต” เขาคิดวันต่อมา เมื่อเกา ฉงหมิง ไปที่ห้องชงชาเขาก็ได้ยินเพื่อนร่วมงานบางคนคุยกัน “วันนี้เธอเห็นเสื้อกันหนาวของประธานอี้หรือยัง?”“ยังนะ มีอะ
"น่าจะมีเก้าสิบเก้าอันครับ" เกา ฉงหมิง กล่าว เขาจำได้ว่ามีการสัมภาษณ์สื่อที่ เซียว จื่อฉีเคยบอกว่าจะมีจอโฆษณาทั้งหมด 99 เรื่อง ซึ่งแสดงถึงความรัก 99 ช่วงชีวิตประโยคนี้กลายเป็นประโยคคลาสสิกสำหรับแฟน ๆ ของห่าว อี้เหมิง ห่าว อี้เหมิง กลายเป็นดาราหญิงยอดนิยมในแวดวงบันเทิงดังนั้นเธอจึงมีแฟนคลับมากมาย“เอาออกทั้งมหด” อี้ จิ่นหลี กล่าว“ทั้งหมดเลยเหรอครับ?” เกา ฉงหมิง ประหลาดใจ“ทั้งหมด” อี้ จิ่นหลี กล่าวด้วยความมั่นใจ“รับทราบครับ” นายน้อยอี้ต้องการถอนการฉายโฆษณาของตระกูลเซียว ตระกูลเซียวหรือตระกูลห่าวได้ทำให้นายน้อยอี้ขุ่นเคืองหรือไม่? หรือเขาไม่ชอบพันธมิตรการแต่งงานระหว่างสองตระกูล? อย่างไรก็ตามนายน้อยอี้ไม่ได้ยอมรับคำเชิญงานหมั้นจากตระกูลเซียวและห่าวมาก่อนหน่านี้หรือ?เกา ฉงหมิง งงงวย ทันใดนั้นเขาก็ตัวสั่นและนึกถึงความเป็นไปได้ที่น่าประทับใจ"เป็นไปได้ไหมที่นายน้อยอี้ต้องการถอนการฉายโฆษณาก็เพราะ… หลิง อี้หราน?" เกา ฉงหมิง ตกใจกับความคิดของตัวเองนายน้อยอี้ จะทำเช่นนั้นเพื่อผู้หญิงอย่างนั้นเหรอ? เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง เขาจะสร้างปัญหาให้กับตระกูลเซียวและห่าวเลยหรือ? ไม่แม้แต่เพื่อประโ
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค