พวกเขาทั้งสามเข้าไปในรถและเดินทางไปยังโรงพยาบาลชินเหลียนอีถูกย้ายตัวไปยังห้องพักปกติแล้ว ทางโรงพยาบาลจัดห้องเดี่ยววีไอพีให้ชินเหลียนอีซึ่งมีสิ่งแวดล้อมที่ดีและมีเตียงสำหรับครอบครัว ปกติจะเป็นพ่อหรือไม่ก็แม่ของเหลียนอีที่นอนเฝ้าที่โรงพยาบาลในตอนนี้ชินเหลียนอีกำลังนั่งอยู่เงียบ ๆ บนเตียงของโรงพยาบาล เธอถึงขนาดจัดชุดโรงพยาบาลของเธอให้เรียบร้อยศีรษะของเธอยังคงมีผ้าพันแผลหนาเตอะพันอยู่ ใบหน้าที่เคยสวยงามของเธอซีดเซียวและดูซูบตอบไปหลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลและผ่านการผ่าตัดมาสองครั้งใหญ่ ๆพ่อและแม่ของเหลียนอีอยู่เป็นเพื่อนเธอเงียบ ๆ พวกเขารู้ว่าลูกสาวของพวกเขาดื้อรั้นไม่สนใจใคร และทำทุกอย่างตามที่ต้องการเหมือนกับตอนที่ลูกสาวของพวกเขาล้มเลิกโอกาสในอนาคตด้วยการหยุดเรียน และกลับประเทศมาช่วยหลิงอี้หรานโดยไม่ลังเล พวกเขาเคยบอกว่าจะตัดขาดกับเธอด้วยน้ำเสียงจริงจังก็แล้ว แต่ก็ไม่ได้ผลในเมื่อลูกสาวของพวกเขาอยากจะเจอไป๋ทิงซิน เธอก็ต้องได้เจอเขาในทันในนั้นเองประตูก็ถูกผลักเปิดออก หลิงอี้หรานและอี้จิ่นหลีเดินเข้ามาก่อน แล้วตามมาด้วยไป๋ทิงซินสายตาของชินเหลียนอีจับจ้องที่ไป๋ทิงซินทัน
โดยเฉพาะเมื่อ... เจอกับไป๋ทิงซินในวันนี้ เขาพยายามที่จะซ่อนความคิดและอารมณ์เอาไว้อย่างเห็นได้ชัดถึงอย่างนั้นเขาก็อยู่ไม่สุขเมื่อได้ยินเรื่องของชินเหลียนอี!“แต่เขากับเกาม่านหลิน...” หลิงอี้หรานกล่าวอย่างไม่มั่นใจ“ต้องมีเหตุผลสำหรับเรื่องนั้น บางครั้งเธอได้อย่างก็เสียอย่าง เธอต้องเลือกเอา” อี้จิ่นหลีกล่าวหลิงอี้หรานตะลึงไป “นี่คุณหมายความว่าไป๋ทิงซินเลือกเกาม่านหลินเพราะว่าเขาต้องการจะเอาตระกูลไป๋คืนมาเหรอคะ?”“ก็แค่มีความเป็นไปได้น่ะ” อี้จิ่นหลีเอ่ยหลิงอี้หรานเงียบไป ‘ไป๋ทิงซินทำแบบนั้นจริงเหรอ? แล้วเขาจะบอกอะไรเหลียนอี?’อี้จิ่นหลีจับมือของหลิงอี้หรานไว้แน่นราวกับต้องการปลอบประโลมความเครียดและวิตกกังวลของเธอภายในห้องพักผู้ป่วย ชินเหลียนอีและไป๋ทิงซินต่างมองหน้ากันและกัน คนตรงหน้าเธออยู่ใกล้มาก แต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่าเขาช่างห่างไกล... ห่างไกลเหลือเกิน...ระยะห่างระหว่างพวกเขาในตอนนี้มากกว่าที่เคย“เรื่อง... ในข่าว... เป็นเรื่องจริงไหม?” เธอพูดตะกุกตะกัก เธอฟื้นจากอาการโคม่ามาได้สักพักแล้ว แต่เธอเพิ่งพูดได้ในสองสามวันมานี้เอง ดังนั้นเธอจึงพูดได้ไม่คล่องนักไป๋ทิง
เธอยกมือขึ้นสัมผัสแก้มของเขาอย่างยากลำบากใบหน้าคุ้นเคยที่ก่อนนี้เธอเคยสัมผัสและหลงใหลหลายต่อหลายครั้ง ตอนนี้ดูเหมือนจะดูแปลกไปความร้อนใจในตอนแรกหลังจากเห็นข่าวมาสู่ความใจเย็นเมื่อได้ยินคำที่เขาพูด เป็นเพราะ... เธอเตรียมใจไว้แล้วก่อนที่เขาจะมาอย่างนั้นเหรอ?“โอเค งั้น... จากนี้ต่อไป... เราก็... ไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีก” เธอพึมพำ นิ้วมือของเธอแตะบนริมฝีปากของเขาแผ่วเบา “ไป๋ทิงซิน... ฉัน... หวังว่าคุณจะได้สิ่งที่คุณต้องการ”เธอไม่อยากเลิกกัน... ด้วยน้ำตาเธอไม่อยากให้พวกเขาเปลี่ยนจากคนรักไปเป็นศัตรูแม้ว่าพวกเขาจะเลิกกัน แต่เธอก็ยังต้องการให้พวกเขาเป็นมิตรต่อกัน เพราะยังไงเขาก็เป็นผู้ชายที่เธอรักหมดหัวใจอย่างไรก็ตามเธอไม่สามารถมอบสิ่งที่เขาต้องการได้ และความรักของเขาสำหรับเธอนั้นมีค่าน้อยกว่าสิ่งที่เขาต้องการมากร่างกายของเขาแข็งทื่อ เธอบอกเขาอย่างสงบโดยไม่มีการร้องไห้หรือโวยวาย ทั้งยังพูดถึงมันอย่างสุภาพ นี่เป็นผลลัพธ์ที่ออกมาดีที่สุดเท่าที่เขาจะจินตนาการได้ทว่าว่าทำไมเขาถึงรู้สึกราวกับว่าร่างกายได้ถูกฉีกทึ้งออกจากกัน?‘สิ่งที่ฉันต้องการงั้นเหรอ... ฉันไม่มีทางได้สิ่งที
นอกจากนั้น... เหวินหมิงยังไม่เคยต้องการเธอเลยตลอดหลายปีมานี้ มีแค่ครั้งเดียวเมื่อสามเดือนก่อนตอนที่เหวินหมิงเมามาก เธอเลยจงใจกระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของเขา แต่ทว่าทั้งหมดที่เย่เหวินหมิงพูดหลังจากเมาแล้วกลับเป็นชื่อของโจวเชียนหยุนแม้ว่าเธอจะนอนอยู่บนเตียง แต่คืนนั้นเขาก็ไม่ได้แตะต้องเธอเลยแม้ว่าตอนนี้เธอจะหลอกเหวินหมิงว่าพวกเขามีอะไรกัน แต่เธอก็ปิดบังความจริงเรื่องจำนวนสัปดาห์ที่ตั้งครรภ์ไม่ได้อยู่ดีเทียบกับลูกแล้ว ตำแหน่งคุณนายตระกูลเย่เป็นสิ่งที่เธอหวงแหนมากกว่า“งั้นก็ทำแท้งสิ แอบทำก่อนแต่งงานเข้าตระกูลเย่ แล้วเธอค่อยหาข้อแก้ตัวเพื่อพักสักสองสามวัน ทุกอย่างจะไม่เป็นไร” คุณนายคงกล่าวหลังจากครุ่นคิดไปชั่วครู่คงจื่ออินตรึกตรอง ‘ฉันจะทำแท้งเด็กคนนี้ แต่... ฉันก็คิดอะไรบางอย่างได้ ฉันอยากใช้เด็กในท้องทำให้เย่เหวินหมิงจบความรู้สึกกับโจวเชียนหยุนซะ!’“แม่คะ พ่อคะ หนูมีความคิดหนึ่ง...” ด้วยรอยยิ้มมุมปาก คงจื่ออินกระซิบกับพ่อแม่ของเธอถึงแผนที่เธอเพิ่งคิดได้... ...หลิงอี้หรานมองเพื่อนสนิทของเธอที่พยายามทานอาหารอยู่บนเตียงผู้ป่วย หลังจากไป๋ทิงซินออกไปจากห้องพักฟื้นของเหลียนอีวันนั้น
ถึงอย่างนั้นการรักใครสักคนมากและสุดท้ายต้องเลิกกันไปทั้งอย่างนั้นก็ยังทำให้เธอเจ็บปวดอยู่ดีแต่สิ่งที่สำคัญกว่าความเจ็บปวดและเศร้าใจของเธอ คือเธอยังมีเพื่อนและครอบครัวอยู่ เธอไม่อยากให้พวกเขาเป็นกังวลเรื่องเธอ เธอจึงต้องร่าเริงเพื่อให้คู่ควรกับความรักและเป็นห่วงของพวกเขา“อี้หราน... ฉันจะซ่อนไป๋ทิงซินไว้ลึกสุดหัวใจ... ฉันจะค่อย ๆ ลืมเขาและความสัมพันธ์นี้ไป ฉันจะไม่โกรธเกลียดอะไรเขา... เพราะยังไงเราก็ไม่ได้บาดหมางกันในตอนที่เลิกกัน เราแค่... ไม่ได้ให้คุณค่าในสิ่งเดียวกันแล้วก็แค่นั้น” ชินเหลียนอีกล่าวหลิงอี้หรานรู้สึกได้ว่าจมูกของเธอระคายเคือง เหลียนอีแข็งแกร่งกว่าที่เธอคิดมากเหลียนอีคู่ควรกับคนดี ๆ ที่จะเข้ามาในอนาคต!ตอนบ่ายโจวเชียนหยุนก็เข้ามาเยี่ยมชินเหลียนอี ทั้งยังต้องตะลึงเมื่อได้รู้ว่าชินเหลียนอีกับไป๋ทิงซินเลิกกันแล้ว ถึงอย่างนั้นโจวเชียนหยุนก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อยที่เห็นโจวเชียนหยุนมีท่าทีเปิดกว้างกับการเลิกกันเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่เหลียนอีสามารถมีสติได้หลังจากที่เจ็บปวดกับเรื่องน่าปวดใจแบบนั้นชินเหลียนอีพูดคุยอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะง่วงอีกครั้ง และหลับลึกไป โจวเชียนหย
โจวเชียนหยุนหลุบตาลงต่ำเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ชีวิตนี้ฉันก็ไม่เสียใจแล้วล่ะ ที่ได้เจอเย่เหวินหมิง บางทีนี่คงเป็นชะตากรรม... แต่ฉันก็แค่หวังว่า ชาติหน้าจะไม่ต้องเจอเย่เหวินหมิงอีกก็พอ”หลิงอี้หรานเม้มปากเข้าด้วยกัน แม้ว่าพี่โจวจะยอมรับชะตากรรมของตัวเอง แต่เธอไม่มีทางยอมเธอต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้พี่โจวมีชีวิตรอด! ...หลิงอี้หรานมาที่อี้กรุ๊ปหลังจากออกจากโรงพยาบาลเจ้าหน้าที่ต้อนรับและพนักงานรักษาความปลอดภัยจำเธอได้ อย่างไรภาพของหลิงอี้หรานที่ยืนรอเพื่อเจอท่านประธานครั้งล่าสุดก็ยังคงแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำของพวกเขาพวกเขาคิดว่าท่านประธานจะไม่อยากเจอเธอ แต่สุดท้ายท่านประธานก็ให้เลขาเกามาพาตัวเธอขึ้นไปที่ห้องทำงานของเขาดังนั้น คราวนี้พวกเขาเลยไม่แน่ใจว่าควรให้เธอเข้าไปไหมในตอนที่หลิงอี้หรานอยากจะโทรหาอี้จิ่นหลีเพื่ออธิบายสถานการณ์ เธอก็เห็นเกาฉงหมิงที่เดินผ่านไปไม่ไกล เธอรีบตะโกนเรียกเขาทันที “เลขาเกา!”หลังจากเห็นหลิงอี้หราน เกาฉงหมิงก็รีบเดินเข้ามาหาทันทีพลางพูดว่า “นายหญิง ทำไมมาอยู่ที่นี่ครับ?”คำที่เขาใช้เรียกเธอดูเหมือนจะทำให้พนักงานต้อนรับและคนอื่น ๆ ที่เดิ
แต่ตอนนี้เธอยืนอยู่ที่นี่ราวกับเป็นคนละคนจากก่อนหน้านี้หลิงอี้หรานเดินไปที่โต๊ะทำงานของอี้จิ่นหลี และเห็นเอกสารหลากหลายอยู่บนนั้น เธอจินตนาการได้เลยว่าเขายุ่งขนาดไหนในตอนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะตัวนี้ทันใดนั้นสายตาของเธอก็มองไปเห็นเอกสารหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะ และหน้าปกมีคำว่า ‘ห่าวชุ่ย การ์เดน’ อยู่ เธอจำได้ว่า ห่าวชุ่ยการ์เดนเป็นหนึ่งในทรัพย์สินของตระกูลห่าว นี่เป็นโครงการสำคัญที่ตระกูลห่าวส่งไปตีตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงนี้ พูดได้ว่าพวกเขาลงทุนพันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อที่ตรงนี้มา สองปีที่ผ่านมาตระกูลห่าวให้การประชาสัมพันธ์ที่แห่งนี้อย่างใหญ่โต ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกว่าโครงการนี้สำคัญกับตระกูลห่าวมากแค่ไหนแต่ว่า... ทำไมถึงมีเอกสารนี่บนโต๊ะของจินล่ะ?ขณะที่หลิงอี้หรานกำลังสงสัย ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออก ด้วยความตกใจเธอจึงบังเอิญปัดซองจดหมายจากบนโต๊ะหล่นลงพื้นของที่อยู่ในซองร่วงกระจายลงบนพื้นหลิงอี้หรานอึ้งไปเมื่อเธอเห็นว่าอะไรออกมาจากซอง มันเป็น... รูปหลายใบ และคนในรูปก็เป็นห่าวเหมยยวี่!อดีตคู่หมั้นของจิน ทายาทของตระกูลห่าวคนนั้น!ทำไมรูปพวกนี้ถึงมาอยู่บนโต๊ะของเขา?ห่าวเหมยยวี่ ผู้ห
“เซียวจื่อฉี...” ปากของอี้จิ่นหลีขยับพูด “เขาหักหลังเธอ แต่... ถ้าเขาไม่ได้หักหลังเธอ ตอนนี้เธอจะแต่งงานกับเขาเหรอ?”“ไม่ค่ะ” หลิงอี้หรานกล่าว“แน่ใจเหรอ?”“ฉันยังเด็ก ฉันไม่รู้ว่า ‘ฐานะเท่ากัน’ มีความหมายมากขนาดไหน ตอนนี้ฉันคิดเรื่องนั้น ถึงฉันจะเป็นแฟนของเซียวจื่อฉี แต่พ่อแม่ของเขาไม่มีวันยอมให้เขาแต่งงานกับฉันแล้วให้ฉันเป็นคนในตระกูลเซียวแน่”หลิงอี้หรานหวนนึกถึงความหลังแล้วถอนหายใจให้กับตัวเธอที่ไร้เดียงสา“ยิ่งไปกว่านั้น เซียวจื่อฉีเองก็ไม่ได้รักอะไรฉันมากหรอกค่ะ เขาอาจมีความชอบพอฉันบ้างเล็กน้อย แต่เขาก็แค่เห็นว่าฉันยังสดซิงน่าสนใจก็เท่านั้น เขาจะไม่มีทางทะเลาะกับพ่อแม่ หรือยอมละทิ้งทุกอย่างที่มีในตระกูลเซียวมาเพื่อแต่งงานกับฉัน เพราะแบบนั้นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงถอยห่างไปอย่างรวดเร็วในตอนที่มีเรื่องนั้นเกิดขึ้น”“งั้นเธอก็จะแต่งงานกับเขา ถ้าเขาต่อต้านความต้องการของพ่อแม่ และยอมทิ้งทุกอย่างในตระกูลเซียวมาหาเธอล่ะสิ?” ตอนนี้อี้จิ่นหลีกลายเป็นคนหึงแทน ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความวุ่นวายใจหลิงอี้หรานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “คุณคิดว่าทุกคนจะเหมือนคุณหรือไง? เรื่องแบบนั้นไ