”แต่... นายใส่ ... "ตอนนั้นเขาก็รู้ตัวว่าชุดที่เขาใส่เป็นชุดเดียวกับที่เขาใส่เมื่อวันก่อนที่ไปทานอาหารค่ำกับปู่ของเขา“ถ้าฉันเป็นจินที่เธอรู้จัก ฉันคงไม่สามารถใส่ของแบบนี้ได้”"อย่างไรก็ตาม หลังจากเรื่องทั้งหมดที่เราผ่านมาเมื่อคืน ฉันไม่ต้องการปกปิดตัวตนของฉันอีกต่อไป อย่างไรก็ตามฉันจะต้องบอกเธอว่าฉันเป็นใครไม่ช้าก็เร็ว ถ้าฉันทำตอนนี้มันจะเร็วกว่าที่วางแผนไว้ในตอนแรกเล็กน้อย”"และเมื่อเธอรู้ตัวตนที่แท้จริงของฉัน ฉันจะพาเธอไปอยู่ใต้ปีกของฉันได้ง่ายขึ้น"“ถึงผมจะแต่งตัวต่างออกไป ผมก็ยังเป็นจินอยู่ใช่ไหม?” เขาถามด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ขณะที่เขามองเธอในขณะนั้น แม้ว่าหลิง อี้หราน จะเป็นคนโง่แต่เธอก็สามารถรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอตระหนักว่ามีบางสิ่งที่ไม่เป็นไปตามที่เธอคิดไว้แต่แรก“นายไม่ใช่คนจรจัดเหรอ?”“ผมไม่ใช่" เขาสารภาพ“แล้ว... ทำไมมาแกล้งเป็นคนเร่ร่อน?” ความรู้สึกของการถูกหลอกเกิดขึ้นภายในตัวเธอและเธอจ้องมองเขา สองมือของเธอกำผ้าปูที่นอนแน่นและนิ้วของเธอก็สั่นเล็กน้อย“น้องชายที่ฉันคิดว่าไร้เดียงสาและไม่มีใครให้พึ่งพามันไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันคิดเลย มันเคยเป็นความเชื่อของฉ
"หลายคนไม่สามารถช่วยได้ แต่ต้องการปกป้องเธอด้วยกำลังทั้งหมด”“มีคนจำนวนมากเรียกฉันว่า โหดร้ายและเลือดเย็น แต่พวกเขาก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าฉันต้องการปกป้องเธอ"“ไม่เป็นไร สิ่งที่พี่กลัวไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ตอนที่ผมรีบไปมันก็ทันเวลาพอดี" อี้ จิ่นหลี กล่าว“มันคือเขาจริง ๆ ... ที่ช่วยฉันไว้!”หลิง อี้หราน เงยหน้าขึ้นและจ้องไปที่ใบหน้าที่อยู่ห่างจากเธออย่างงุนงง "แต่ทำไมนายถึงไปที่นั่นเพื่อช่วยฉันล่ะ?" เธอคิดกับตัวเองว่า "เมื่อวานนี้เขาไม่ได้มากับฉันด้วยซ้ำ!"“พี่สาว พี่ลืมไปหรือเปล่า? พี่โทรหาผมและผมก็ไปช่วยพี่ได้" เขาตอบด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “โชคดีที่ผมไปถึงทันเวลา"“หลังจากโทรศัพท์เท่านั้น เขาสามารถเดินทางได้ไกลกว่าร้อยกิโลเมตรเพื่อช่วยชีวิตฉัน?!"หลิง อี้หราน รู้สึกถึงความตกใจที่ไม่สามารถอธิบายได้ที่เกิดขึ้นในหัวใจของเธอเขาพูดในขณะที่เขาอุ้มเธอไปที่เตียงและห่มผ้าให้เธออย่างระมัดระวัง “มือของพี่สาวถูกบาดด้วยเศษกระจก อาจต้องใช้เวลาสักสองสามวันในการรักษาถ้ามีแผลเป็น ผมจะหาหมอที่ดีที่สุดเพื่อเอาออกให้พี่”หลังจากนั้น หลิง อี้หราน ก็สังเกตเห็นว่ามือขวาของเธอถูกพันด้วยผ้าก๊อซ เธอร
พอคุยเสร็จก็วางสายคุณท่านอี้ถือโทรศัพท์ในมือของเขาสักพักก่อนที่จะส่งต่อให้กับพยาบาลผู้ดูแล“ฉันไม่ควรกังวลใช่ไหม? มันจะดีมากถ้ามันเป็นเรื่องจริงและบางครั้งการที่เขาไม่รู้จักตัวเองก็เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดเช่นเดียวกับลูกชายของฉันเมื่อหลายปีก่อนที่สัญญากับฉันว่า 'พ่อ ฉันจะไม่มีวันลืมความรับผิดชอบของตระกูลอี้เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง'"และในที่สุดลูกชายของฉันก็ละทิ้งตระกูลอี้ไปเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง เขาไม่ต้องการชีวิตของเขาด้วยซ้ำ!"“ตามสืบและหาว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ฉันต้องการรู้ทุกรายละเอียดเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น" คุณท่านอี้สั่งอย่างใจเย็น“ครับท่าน" ชายสวมสูทสีดำและแว่นตาขอบทองกล่าว ซึ่งกำลังนั่งอยู่ที่มุมห้องของโรงพยาบาล นิ้วของเขากดผ่านแป้นพิมพ์แล็ปท็อปอย่างรวดเร็วหลิง อี้หราน นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล จิตใจของเธอยังคงว้าวุ่น ท้ายที่สุด มีหลายสิ่งเกิดขึ้นภายในช่วงเวลาหนึ่งวันและเธอไม่สามารถสัมผัสได้แพทย์และพยาบาลเพิ่งมาเยี่ยมเพื่อทำการทดสอบขั้นพื้นฐานกับเธอ เจาะเลือดและทำการตรวจบางอย่าง ในช่วงบ่ายหลังจากผลการตรวจเลือดออกมาพวกเขาสามารถระบุสภาพของเธอได้จากนั้นก็มีคนมาเคาะประตูห้อง
เธอเปิดกระเป๋าของเธอและเห็นว่าข้าวของทั้งหมดของเธอยังคงอยู่ข้างในโทรศัพท์มือถือของเธอถูกเจอที่บ้านของเฟิงและถูกนำไปจากเธอ โทรศัพท์ถูกปิดดังนั้นหลิง อี้หราน จึงเปิดเครื่องเธอเห็นว่าการแจ้งเตือนของเธอประกอบด้วยสายที่ไม่ได้รับและข้อความบางอันมาจากยายของเธอ บางอันมาจากเหลียนอีและมีสายแปลก ๆ สองสามสายเช่นกัน“ฉันสามารถเดาเหตุผลที่คุณย่าโทรหาฉันได้ไม่มากก็น้อย แต่เหลียนอี... ” เธอดูการแจ้งเตือนของเธอและตระหนักว่า เหลียนอีโทรหาเธอเกือบยี่สิบครั้งหลิง อี้หราน โทรกลับอย่างรวดเร็วชิน เหลียนอี ตอบมัน “อี้หรานนั่นเธอเหรอ?”“ใช่ โทรศัพท์ของฉัน... ปิดไปเมื่อวาน วันนี้ฉันพึ่งเปิดเครื่องและเพิ่งเห็นสายที่ไม่ได้รับของเธอ" หลิง อี้หราน อธิบายชิน เหลียนอี ถอนหายใจยาว "พระเจ้าช่วย! ฉันโทรหาเธอเมื่อคืน แต่มันไม่ติด เธอบอกว่าเธอกำลังจะไปบ้านคุณยายของเธอในวันส่งท้ายปีเก่าและฉันก็กังวลว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ นอกจากคุณยายของเธอแล้ว ญาติจาก ครอบครัวของเธอล้วนแต่เป็นคนประเภทที่ทำร้ายคนอื่นเมื่อพวกเขาตกต่ำ "ชิน เหลียนอี พูดอย่างแผ่วเบา เธอโทรหาหลิง อี้หราน ตั้งแต่คืนก่อนหน้าจนถึงเช้าวันรุ่งขึ
ทันใดนั้นน้ำเสียงเร่งเร้าของคุณปู่ลู่ก็ดังขึ้นที่ปลายอีกด้านของโทรศัพท์ “ทำไมคุณไม่ขอให้อี้หรานรีบไปที่สถานีตำรวจเพื่อถอนคดีเพื่อให้ลูกคนโตของเราและคนที่เหลือทั้งหมดได้รับการปล่อยตัว!?"ปล่อยตัวเหรอ? ทำไมพวกเขาถึงต้องถูกปล่อยตัว? พวกเขาได้กระทำการชั่วร้ายเช่นนี้พวกเขาควรจะถูกขังไว้ให้นานที่สุดเท่าที่พวกเขาสมควรได้รับด้วยซ้ำ!""พวกเขาเป็นลูกของคุณนะ! คุณต้องทำเช่นนี้สำหรับคนที่ไม่ได้ใช้ชื่อสกุลของเราอย่างนั้นเหรอ?"“คุณกำลังพูดถึงอะไร? เธอเป็นลูกสาวของลูกสาวของฉันนะ!“คุณทำแบบนี้แล้วจะไม่มีใครดูแลคุณตอนแก่เหรอ? หรือคุณจะพึ่งหลานสาวของคุณที่ติดคุกเพื่อเตรียมการให้คุณและไปร่วมงานศพของคุณเหรอ?”ผู้เฒ่าทั้งสองยังคงโต้เถียงกันต่อไปราวกับว่าพวกเขาลืมไปว่ายังคงมีสายคาอยู่ ครู่หนึ่งผ่านไปก่อนที่คุณยายของเธอจะรู้ว่าโทรศัพท์ยังเปิดอยู่และพูดว่า "อี้หราน เธอยังอยู่ไหม?"“หนูยังอยู่ค่ะ" หลิง อี้หราน ตอบ“ฉันโล่งใจที่รู้ว่าเธอสบายดี ลุงของเธอ ลุงคนที่สอง ป้าคนที่สามและลูกพี่ลูกน้องของเธอต้องตาบอดเพราะเงินในการกระทำผิดศีลธรรมเช่นนี้ เธอไม่ต้องถอนฟ้อง ขังพวกมันไว้นานเท่าที่สมควร!” คุณยายเคี่ยว
"น้ำตาของเธอทำให้ฉันรู้สึกทำอะไรไม่ถูกอยู่เสมอ ราวกับว่าฉันเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อให้เธอหยุดร้องไห้"หลิง อี้หราน ร้องเสียงดังและทันใดนั้นก็กระโจนเข้าสู่อ้อมกอดของอี้ จิ่นหลี พลางร้องเสียงหลงเธอไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมเธอถึงทำสิ่งนี้ในเวลานี้ แต่เมื่อเธอกอดเขาโดยให้ใบหน้าของเธอแนบไปที่หน้าอกของเขา เธอไม่จำเป็นต้องระงับตัวเองและเธอก็สามารถปลดปล่อยความเจ็บปวดทั้งหมดในใจของเธอได้โดยไม่ต้องกลัวอี้ จิ่นหลี ก้มศีรษะลงและศึกษาหญิงสาวที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นในอ้อมกอดของเขา เขากอดเธอเบา ๆ ปล่อยให้เธอร้องไห้ออกมาหลิง อี้หราน ไม่รู้ว่าเธอร้องไห้มานานแค่ไหนและเมื่อมันจบลงราวกับว่าไม่มีน้ำตาให้เธอหลั่งอีกแล้วอี้ จิ่นหลี ใช้ทิชชู่เช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธออย่างเบามือ "พี่สาว บอกผมได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?"“คุณยาย" เธอพูดขณะสูดหายใจ“เธอมาหาพี่เพื่อขอให้ปล่อยตัวหรือเปล่า?” เขาถามสายตาของเขามืดลงเล็กน้อย“เปล่า คุณยายถามว่าสบายดีไหมและบอกให้ฉันไม่สนใจญาติของฉัน บอกว่าพวกเขาควรถูกขังไว้นานที่สุดเท่าที่พวกเขาสมควรจะได้รับ” หลิง อี้หราน ตอบด้วยน้ำเสียงที่ขึ้นจมูกอี้ จิ่นหลี ค่อนข้างประหลาดใจ “ค
หลิง อี้หราน ศึกษาการกระทำของพยาบาลอย่างเงียบ ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ การแสดงออกของเธอไม่เปลี่ยนไปแม้ว่าเธอจะเห็นบาดแผลที่น่ารังเกียจบนฝ่ามือของเธอก็ตามเมื่อพยาบาลกำลังพันมือขวาของหลิง อี้หราน ด้วยผ้าก๊อซเธอก็ขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวดโดยไม่เจตนา แต่เธอก็ไม่ได้ร้องออกมาดัง ๆ"ให้ฉันทำเถอะ ออกไปได้" อี้ จิ่นหลี สั่งพยาบาลพยาบาลก้มหัวออกจากห้องด้วยความเคารพ อี้ จิ่นหลี หยิบผ้าก๊อซและพันมือขวาของเธอด้วยท่าทางที่ฝึกฝนมาอย่างดี การเคลื่อนไหวของเขาอ่อนโยนและระมัดระวังจนเธอแทบไม่รู้สึกเจ็บที่มือเลยเมื่อเขาพันผ้าพันแผลเสร็จแล้วเขาก็เอาผ้าก๊อซลง "พยายามใช้มือขวาให้น้อยที่สุดในอีกสองสามวันอย่ากำมือแน่นเหมือนที่ทำเมื่อกี้ พี่อยากเสียเลือดอีกเท่าไหร่เหรอ?"เธอศึกษาสิ่งที่เขาทำและสังเกตว่าปมถูกผูกไว้อย่างสวยงามมาก “ดูเหมือนนายจะฝึกฝนการพันแผลมามาก”เงาวาบผ่านดวงตาของเขาอย่างรวดเร็ว “ผมเรียนรู้ทักษะการพันผ้าพันแผลเมื่อตอนที่ผมยังเด็ก” เขาพูดแล้วคิดกับตัวเองว่า “ในตอนนั้นพ่อกำลังวิ่งไปรอบ ๆ เพื่อตามหาแม่และบางครั้งเมื่อเขาสังเกตเห็นคนที่มีร่างคล้ายกัน เขาก็จะรีบไปข้างหน้าและหยุด เขาโดนทุบตีอย่างมากเ
อี้ จิ่นหลี รู้สึกจุกในลำคอและเขาพบว่าตัวเองไม่สามารถบอกเธอได้ว่าเขาคือ อี้ จิ่นหลีเขาวางแผนที่จะบอกตัวตนของเขากับเธอ!ผมยาวของเธอไหลลงมาที่ไหล่และใบหน้าของเธอดูซีดเซียวภายใต้แสงไฟ เธอมองเขาอย่างประหม่าด้วยดวงตาสีอัลมอนด์ราวกับว่าเธอกังวลกับบางสิ่งบางอย่างอยู่ชีวิตดูเหมือนจะรุนแรงกับเธอและเธอยอมได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม“พี่สาว พักผ่อนให้สบายในโรงพยาบาลและไม่ต้องกังวลอะไรหลังจากที่พี่ออกจากโรงพยาบาลผมจะบอกพี่ ว่าผมเป็นใคร" อี้ จิ่นหลี กล่าวหลิง อี้หรานมองเขาอย่างลังเลก่อนจะพยักหน้าหลังจากที่เธอแสดงความกังวลแล้วเธอก็หาวรู้สึกเหนื่อย“พี่สาว ถ้าพี่เหนื่อยก็งีบสักพักนะ หมอบอกว่าพี่จะรู้สึกง่วงนอนในอีกไม่กี่วัน" อี้ จิ่นหลี พูดขณะที่เขาช่วยให้เธอนอนลงหลังจากนั้นไม่นาน หลิง อี้หราน ก็หลับไปอี้ จิ่นหลี เม้มริมฝีปากของเขาขณะที่เขามองไปที่ใบหน้าของเธอ เขาสัมผัสแก้มของเธออย่างอ่อนโยนและเลื่อนมือไปที่ริมฝีปากของเธอ“พี่สาว บอกผมที ว่าผมจะบอกให้พี่รู้ความจริงได้อย่างไร?"อย่างไรก็ตามไม่มีใครตอบเขา…เมื่อ หลิง อี้หราน ตื่นขึ้นมาเธอก็เห็น อี้ จิ่นหลี นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอ เขาย
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค