หลังจากได้ยินคำว่า ‘อี้หราน’ อี้จิ่นหลีซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกลก็หยุดเดินขึ้นมากะทันหันและมองไปทางหลิงอี้หรานและชินเหลียนอี เกาฉงหมิงที่ยืนอยู่ข้างอี้จิ่นหลีเองก็ได้ยินเช่นเดียวกันและมองไปทางนั้นด้วยเหมือนกัน เขารีบหันไปมองเจ้านายที่ยืนอยู่ถัดจากเขาในทันที ถึงอย่างนั้นอี้จิ่นหลีกลับมองหลิงอี้หรานที่ล้มอยู่บนพื้นอย่างเฉยเมยโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของเขาเลย“ไปกันเถอะ” เขาพูดเบาๆ ก่อนจะเดินลงเขาไปจุดที่หลิงอี้หรานล้มอยู่ไม่ไกลจากบันได ดังนั้นถ้าจะออกไปอี้จิ่นหลีก็ต้องเดินผ่านหลิงอี้หรานไปในตอนนี้เองที่เหล่าผู้แสวงบุญซึ่งเคยอยู่ข้างนอกก็ได้เข้าไปอยู่ในห้องโถงจนหมดข้างนอกจึงว่างเปล่าและหลิงอี้หรานก็เงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเธอเห็นเพียงว่ามีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอเขาคือ... อี้จิ่นหลีเธอเงยหน้าและมองไปยังเขาด้วยสายตาว่างเปล่ามันไม่เหมือนกับตอนที่เธอชำเลืองมองเขาตอนที่เขาเดินออกมาจากห้องโถงนั้น เขาเดินเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอมองเห็นเขาได้ชัดมากขึ้น ๆใบหน้าเย็นชาและสวยงามของเขายังคงดูดีเหมือนเดิม ยกเว้นก็เพียงสีหน้านั้นไม่ได้อ่อ
หากทวยเทพและพระพุทธเจ้ามีจริง จะช่วยเมตตาเธอ ให้เธอ... ปล่อยวางจากความสัมพันธ์นี้ได้ไหม? จะช่วยให้หัวใจของเธอที่เคยแตกสลายไปเพราะผู้ชายคนนั้นกลับมาสงบสุขได้อีกไหม?ดูเหมือนว่าบางครั้ง การที่ไม่รักใครอาจกลายเป็นพรอย่างหนึ่ง!ที่ข้างล่างของเนินเขาอี้จิ่นหลีนั่งอยู่ในรถขณะที่พิงหลังกับเบาะที่นั่งข้างหลังและหลับตาลงเพื่อพักสายตาเกาฉงหมิงซึ่งนั่งอยู่ด้านหน้ามองไปที่เจ้านายของเขาผ่านกระจกหลังด้วยความหวาดกลัวเพราะว่าเมื่อกี้นายน้อยอี้ไม่ได้ทำอะไรตอนที่เห็นหลิงอี้หราน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้สนใจหลิงอี้หรานอีกแล้วอย่างน้อย... มันก็ดู ‘เหมือน’ จะเป็นอย่างนั้น แต่เรื่องจริงเป็นอย่างไรกันนะ? เกาฉงหมิงสงสัย สุดท้ายแล้วก็อาจกล่าวได้ว่าเกาฉงหมิงเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ที่อี้จิ่นหลีกับหลิงอี้หรานได้พบกันเพราะฉะนั้นเขาจึงเข้าใจได้ว่าหลิงอี้หรานสำคัญกับนายน้อยอี้อย่างไร แม้หลิงอี้หรานจะอยากฆ่านายน้อยอี้ นายน้อยอี้ก็คงปล่อยให้เธอทำตามที่ต้องการนายน้อยอี้จะหมดรักผู้หญิงที่เขารักจนสุดหัวใจในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ได้จริงเหรอ?บางที การที่นายน้อยอี้ทำเป็นเฉยเมยมากเท่าไหร่ ก็เป็นการยิ่งบ
หลิงอี้หรานมองไปยังหวาลี่ฟางพลางกระตุกยิ้มมุมปากเพียงข้างเดียว เธอไม่เชื่อว่าหวาลี่ฟางจะเสียใจอะไรทั้งนั้นแหละ เธอมั่นใจเกินกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ว่าหวาลี่ฟางเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ถึงอย่างนั้น... ไม่มีใครรู้ว่าตำรวจสืบสวนสอบสวนเจออะไรบ้าง กู้ลี่เฉินลุกขึ้นและเดินเข้ามาหา เขามองหลิงอี้หรานและกล่าวว่า “ตำรวจโทรหาผมเหมือนกัน ไม่ว่าเขาจะอยากทำร้ายใคร แต่ถ้าผมรู้ว่าใครเป็นคนวางยาชายคนนั้นและล็อกประตูห้อง ผมจะทำให้มันต้องชดใช้และมอบความยุติธรรมให้กับคุณ!”หลิงอี้หรานเงยหน้ามองเขา ‘เขารู้ว่าฉันสงสัยหวาลี่ฟาง ถ้าอย่างนั้นเขากำลังบอกว่าถ้าหวาลี่ฟางเป็นคนทำ เขาก็จะไม่ปกป้องเธอเหรอ?’หวาลี่ฟางขนลุก และมีความอิจฉาปรากฏผ่านดวงตาของเธอเมื่อเธอได้ยินสิ่งที่กู้ลี่เฉินพูด‘นี่ลี่เฉินใส่ใจหลิงอี้หรานมากเสียจนไม่สามารถทนมองหลิงอี้หรานโดนทำร้ายแม้แต่นิดเลยงั้นเหรอ? หลิงอี้หรานไม่ได้เจ็บอะไรเลย เธอแค่โดนข่วนที่แขนเองนะ’ตำรวจกล่าวว่า “เอาล่ะ เข้าไปในห้องกันเถอะ มีบางอย่างที่ผมอยากจะอธิบายกับคุณ”สมาชิกในครอบครัวของจ้าวต้าจู้เข้าไปในห้องพร้อมกับพวกเขา เพราะไม่ว่าอย่างไร จ้าวต้าจู้เองก็ถู
หวาลี่ฟางถอนหายใจอย่างโล่งอก ตอน 4 โมง 12 นาที เธอยังแต่หน้าอยู่! แถมเธอยังมีพยานเต็มไปหมดเลยด้วย!“ใครเป็นคนขยับกล้องวงจรปิดครับ?” กู้ลี่เฉินถาม “เรากำลังตรวจสอบเรื่องนั้นอยู่ว่ามีใครในที่เกิดเหตุสังเกตเห็นว่าใครเป็นคนขยับกล้องไหม ถึงอย่างนั้นผมก็เกรงว่ามันอาจต้องใช้เวลานาน เพราะเราต้องหาทางติดต่อกับคนที่อยู่ในบริเวณส่วนนั่งเล่นของห้างสรรพสินค้าในเวลานั้น และตรวจสอบว่าพวกเขาสังเกตเห็นอะไรผิดปกติหรือเปล่า” ตำรวจกล่าว จากนั้นเขาก็พูดถึงเรื่องจ้าวต้าจู้จากคำให้การของจ้าวต้าจู้ วันนั้นเขามาหาหวาลี่ฟาง และหวาลี่ฟางก็บอกให้เขารออยู่ในส่วนนั่งเล่นจ้าวต้าจู้รู้สึกไม่สบายตัวหลังจากนั้นสิบนาที แล้วเขาก็ไม่มีความทรงจำอะไรหลังจากนั้นอีกเลย ผลจากแล็บของโรงพยาบาลออกมาแล้ว และจ้าวต้าจู้ก็โดนวางยาจริง ๆ ซึ่งยาตัวนั้นมีผลกระตุ้นความต้องการทางเพศ ทว่ายาตัวนี้หาซื้อได้ง่ายในอินเทอร์เน็ต ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะหาที่มาของมันตำรวจบอกว่า พวกเขายังคงตามสืบเรื่องนี้ต่อไป แต่ก็ยากที่จะได้ผลโดยเร็วเนื่องจากหลักฐานที่ไม่เพียงพอในปัจจุบันหวาลี่ฟางรู้สึกโล่งอกขึ้นมาเมื่อได้ยินเช่นนี้! ตราบใดที่พว
“ผมเกือบจะมาไม่ทันซะแล้ว” เสียงราวกับสายลมยามค่ำคืนดังขึ้นในหูของเธอหลิงอี้หรานหันไปมองและเห็นกู้ลี่เฉินที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอ “ทำไมคุณถึงมาขึ้นรถเมล์ล่ะ?” เธอถามด้วยความประหลาดใจ“เพราะผมยังอยากไปส่งคุณกลับบ้านไงล่ะ ในเมื่อคุณไม่ขึ้นรถผม ผมก็จะนั่งรถเมล์ไปกับคุณ” เขากล่าวหลิงอี้หรานตะลึงไป บางทีเพราะเธอไม่คาดคิดเลยว่ากู้ลี่เฉินจะมานั่งรถเมล์ไปพร้อมกับเธอ“จ่ายเงินก่อนโดยสารด้วยครับ” คนขับรถกล่าวเตือนขณะที่ขับรถออกจากป้ายรถเมล์กู้ลี่เฉินคลำกระเป๋ากางเกงตัวเองแล้วดึงแบงก์ร้อยดอลลาร์และกำลังจะเอามันใส่ลงไปในกล่องจ่ายเงินค่าโดยสาร สุดท้ายแล้วแบงก์เล็กสุดที่เขามีก็มีแค่แบงก์นี้เท่านั้น“เดี๋ยวก่อน!” หลิงอี้หรานรีบหยุดกู้ลี่เฉินไว้ “นี่คุณจะใส่แบงก์ร้อยลงไปงั้นเหรอ?”“ก็ผมมีแค่แบงก์ร้อนนี่” กู้ลี่เฉินกล่าวเสียงเบา หลิงอี้หรานเม้มปากเล็กน้อย “ไม่เป็นไร ฉันจ่ายให้คุณเอง เก็บเงินคุณไปเถอะ” พูดจบเธอก็ใช้บัตรโดยสารรายเดือนแตะเครื่องจ่ายเงินค่าโดยสารก่อนจะเดินไปกลางรถตอนนี้ไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วน และรถก็ค่อนข้างโล่ง แต่ว่าไม่มีที่นั่งเหลือเลยหลิงอี้หรานเจอที่เหมาะ ๆ สำหรับยืนแล้ว เธอ
เขาต้องเลือกทำตามหัวใจของตัวเองเป็นอย่างแรก!หลิงอี้หรานไม่รู้ว่าจะตอบโต้คำพูดของกู้ลี่เฉินอย่างไรไปครู่หนึ่ง และความเงียบก็ปกคลุมระหว่างพวกเขาในตอนนั้นเอง ที่นั่งข้าง ๆ อี้หรานว่างลงเพราะมีผู้โดยสารลุกขึ้นเพื่อลงรถพอดี“คุณจะนั่งลงไหม? หรือคุณอยากจะยืนกับผม?” กู้ลี่เฉินถามหลิงอี้หรานเม้มปากและนั่งลง อย่างน้อยถ้าเธอนั่งลงแล้วเขายืน ระยะห่างระหว่างพวกเขาก็คงไม่ใกล้ชิดกันจนเกินไป และความกดดันก็คงจะไม่ชัดเจนมากเกินไปด้วยทว่าในเวลาต่อมาเธอก็ต้องคืนคำพูดในความคิดก่อนหน้าทั้งหมดไป กู้ลี่เฉินเดินมายังที่นั่งของเธอ เขาวางมือบนที่จับตรงเก้าอี้ ด้วยความสูงของเขาเมื่อเขาทำอย่างนั้นหลังของเขาจึงโน้มลงมาเล็กน้อย และทำให้ดูคล้ายกับว่าเขากำลังกักขังเธอไว้ด้วยแขนของเขาหลิงอี้หรานรู้สึกได้เพียงความอึดอัดพลางก้มหน้าลงมองพื้น เธอพยายามเพิกเฉยต่อกู้ลี่เฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอถึงอย่างนั้น อีกหลายป้ายกว่าเธอจะลง อย่างน้อยก็ใช้เวลาตั้ง 40 นาทีเลยนะ! หลิงอี้หรานหลับตาลง และทำเป็นว่างีบหลับไปกู้ลี่เฉินก้มลงมองร่างบางซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ จากมุมที่เขามองแล้ว เขาเห็นผมสีดำ คิ้วโก่งของเธอ ดวงตาท
“ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงของกู้ลี่เฉินดังเข้าหูเธอทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อเล็กน้อย เธอตอบปัดและรีบลุกขึ้นจากไปกู้ลี่เฉินลงรถตามเธอมาไม่ว่าหลิงอี้หรานจะเดินช้าหรือเร็วแค่ไหน แต่กู้ลี่เฉินก็ตามเธอไปด้วยความเร็วคงที่และคอยมองจนเธอเดินไปถึงประตูห้องเช่า“ถ้างั้น ผมกลับบ้านเลยแล้วกัน” เขาพูด เขาไม่ได้พยายามจะเข้าไปในห้องเช่า แต่ในตอนที่เขากำลังจะหมุนตัวกลับ เขาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงพูดขึ้นว่า “ถึงตอนนี้ตำรวจจะหาความจริงของเหตุการณ์ที่ส่วนนั่งเล่นไม่ได้ แต่ผมก็จะสืบเรื่องนี้ต่อไป ไม่ว่าคนคนนั้นพยายามจะใส่ร้ายใคร แต่ผมก็จะหาตัวเขามาและให้ความยุติธรรมกับคุณให้ได้!”หลิงอี้หรานพูดว่า “งั้นคุณก็เชื่อคำพูดของน้องลี่ฟางสินะคะ ว่ามีใครบางคนพยายามจะทำร้ายเธอ และฉันก็เป็นคนที่โชคร้ายไปเจอแทนเธอเพราะเข้าไปในส่วนนั่งเล่นผิดเวลาอย่างนั้นเหรอคะ?”“ผมไม่ได้เชื่อเธอ ผมแค่อยากรู้ความจริง” กู้ลี่เฉินกล่าว“ถ้าคุณได้รู้ความจริงว่าเธอเป็นคนทำ คุณจะส่งเธอให้ตำรวจและทำทุกอย่างให้ถูกต้องเหรอ?” หลิงอี้หรานถามขณะที่มองไปยังกู้ลี่เฉิน ดวงตาของเขาเป็นประกาย ‘ถ้าลี่ฟางท
ลี่เฉินซื้ออพาร์ตเมนต์นี้ให้กับเธอก่อนหน้านี้เธอคิดว่าลี่เฉินดีกับเธอมาก และสามารถซื้อทุกอย่างที่เธอต้องการให้กับเธอได้ทว่าหลังจากเห็นเขากับหลิงอี้หราน เธอพบว่าเมื่อผู้ชายคนหนึ่งต้องการจะทำดีกับผู้หญิงคนหนึ่ง มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของวัตถุเลย แต่เป็นความอ่อนโยนที่ออกมาจากภายใน ที่ทำให้ผู้คนรู้ได้ทันทีว่าผู้ชายคนหนึ่งสนใจในตัวผู้หญิงคนนั้นและตอนนี้กู้ลี่เฉินสนใจหลิงอี้หรานมาก!หลิงอี้หรานเป็นใครถึงจะมาขโมยลี่เฉินไปจากเธอ?เธอไม่รู้ว่าทำไมลูกพี่ลูกน้องที่จำได้ทุกอย่างถึงเลือกที่จะไม่พูดเรื่องนั้นออกมา ในเมื่อเธอเลือกที่จะไม่พูดมันออกมา ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่ควรเข้าใกล้ลี่เฉินสิ! แถมเธอยังทำให้ลี่เฉินตกหลุมรักอีก!เมื่อลิฟต์มาถึงชั้นที่เธออยู่ หวาลี่ฟางก็เปิดประตูและเดินเข้าไป แต่ก่อนที่เธอจะปิดประตูร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาในบ้านของเธอจากนั้นประตูก็ปิดลง!หวาลี่ฟางกำลังจะกรี๊ดออกมา แต่ในวินาทีต่อมาเสียงของเขาก็หยุดเธอไว้“คุณหวา นี่คุณลืมฉันเร็วขนาดนี้เลยเหรอ? ฉันคือคนที่ช่วยคุณขยับกล้องไง!” เขาพูดหวาลี่ฟางขนลุกซู่ นี่คือเสียงของ... แม่บ้านที่เธอจ้างมาเหรอ? ถึงอย่างนั้น... คนต