เกิดอะไรขึ้น?หลิงอี้หรานแทบจะวิ่งออกไปยังประตูทางออกของส่วนนั่งเล่นนี้ในทันที เธอรู้สึกได้เพียงหัวใจที่ร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่มในตอนที่ดึงที่จับประตูประตูถูกล็อกจากข้างนอก!นี่เป็นการจัดฉากงั้นเหรอ? หรือหวาลี่ฟางเป็นคนทำ?เสียงหอบหายใจของจ้าวต้าจู้เข้ามาใกล้ และเขาก็พุ่งมาหาเธอ...ข้างนอกส่วนนั่งเล่น หวาลี่ฟางยังคงปล่อยให้ช่างแต่งหน้าให้เธอนิ่ง ๆ แต่ทั้งที่ภายในใจเธอกำลังประหม่าเธอไม่รู้ว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดีไหม!เธอจงใจขอให้จ้าวต้าจู้มาหาวันนี้ จากนั้นเธอก็ใส่ยาลงไปในเครื่องดื่มของจ้าวต้าจู้และขอให้เขาซ่อนตัวอยู่หลังผ้าม่านในส่วนนั่งเล่นรอเธอแน่นอนว่าข้ออ้างของเธอคือ มันคงดูไม่ดีหากเธอโดนพบว่าสนิทใกล้ชิดกับเขา อีกอย่างเรื่องนี้ควรทำแบบลับ ๆ และไม่ควรมีใครรู้แม้ว่าข้ออ้างของเธอจะมีช่องโหว่เต็มไปหมด แต่จ้าวต้าจู้ก็ยังคงเชื่อเธอ แถมยังมีเงิน 50 ล้านเป็นตัวดึงความสนใจเขาไว้ด้วยและตอนนี้ ด้วยแผนของหวาลี่ฟางยานั่นก็คงจะออกฤทธิ์ใส่จ้าวต้าจู้หลังจากที่หลิงอี้หรานเข้าไปในห้องของส่วนนั่งเล่นแล้ว จากนั้นเธอก็พาลี่เฉินมาเพื่อจับพวกเขาให้ได้คาหนังคาเขา ไม่เพียงหลิงอี้หรานจะอับอายข
หัวใจของหวาลี่ฟางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่เธอก็ยังคงฝืนปั้นหน้ายิ้ม “นะ... แน่สิคะ ฉันรู้ แถมอี้หรานเองก็อยู่ที่นี่ด้วย ฉันขอให้เธอรอในส่วนนั่งเล่นน่ะค่ะ พอดี... มันยังไม่ถึงเวลาของฉัน งั้นเดี๋ยวฉันไปหาเธอก่อน” พูดจบหวาลี่ฟางก็ทำท่าทางว่าเธอกำลังจะตรงไปยังส่วนนั่งเล่น“เธอก็อยู่นี่งั้นเหรอ?” กู้ลี่เฉินตะลึงและรีบตามหวาลี่ฟางไปทันที “งั้นเราก็ไปที่นั่นด้วยกันเถอะ” เขาอยากเห็นหน้าอี้หราน และรู้สึกคิดถึงเธอแทบคลั่งในตอนที่ไม่ได้เห็นหน้าเธอถ้าไม่ได้กลัวว่าการตามตื๊อของเขาจะทำให้เธอรำคาญหรือกลัว เขาคงไปหาเธอทุกวันแล้ว!เขาไม่ได้เจอหน้าเธอมาก็หลายวันแล้ว เพราะหวังว่าเธอจะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้ และทุกวันเขาก็ต้องข่มใจตัวเองไม่ให้ไปเจอเธอหวาลี่ฟางรู้สึกพอใจ แน่นอนว่าเพราะทุกอย่างเป็นไปตามแผนของเธอหลิงอี้หรานเสร็จแน่ เพราะเมื่อทุกคนไปถึงหน้าประตู เธอก็จะเปิดประตูห้องไปพร้อมกับตะโกนด้วยความประหลาดใจ!ในขณะที่พวกเขากำลังเดินไปยังประตูส่วนนั่งเล่น จู่ ๆ เสียงของรถฉุกเฉินก็ดังขึ้นตรงบริเวณใกล้กับทางเข้าห้างสรรพสินค้า จากนั้น เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ซึ่งนำเปลหามมาด้วยและรีบตรงดิ่
‘เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง? จ้าวต้าจู้มันทำอะไร? ฉันวางยามันแล้วนี่ ตอนนี้มันควรจะต้องเมายาอยู่สิ! แต่ตอนนี้มันกดผู้หญิงคนหนึ่งยังไม่ไหวเลยเนี่ยนะ’หลิงอี้หรานเองก็อึ้งไปเช่นกัน เธอไม่คิดว่าจะได้เจอกู้ลี่เฉินเมื่อประตูเปิดออก“คุณมา... ทำอะไรที่นี่?” หลิงอี้หรานถามด้วยความสับสนกู้ลี่เฉินตั้งสติได้อีกครั้งและรีบเข้าไปหาหลิงอี้หราน “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม? ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณใช่หรือเปล่า?”“ฉันไม่เป็นไรค่ะ แต่...”ก่อนที่หลิงอี้หรานจะพูดจบประโยค กู้ลี่เฉินก็เห็นรอยขาดเล็กน้อยบนแขนเสื้อของเธอ มันไม่ได้ชัดมากจนมองเห็นได้ตั้งแต่แรกเห็น แต่เขาก็สามารถเห็นมันได้เมื่อเดินเข้าไปใกล้ “นี่อะไร?”“ตอนเขาเข้ามาใกล้เขาจับฉันไว้ได้สองสามครั้งค่ะ” หลิงอี้หรานกล่าว อย่างไรก็ตามเธออาจต้องทิ้งเสื้อตัวนี้ไป เพราะรอยขาดอยู่ในจุดที่มองเห็นได้ชัดจนเธออาจจะซ่อมไม่ได้แม้จะอยากซ่อมมันก็ตามกู้ลี่เฉินหน้าซีดลงไปในทันทีและช่วยดึงแขนเสื้อของหลิงอี้หรานขึ้นมาอย่างเบามือ จากนั้นเขาก็เห็นรอยข่วนบนแขนของเธอรอยข่วนพวกนั้นเคืองตาเขาเสียจริง! เขาไม่รู้ว่าเธอเอาตัวรอดมาได้อย่างไร แต่ถ้าชายที่ใส่เพียงบ็อกเซอ
กู้ลี่เฉินตกตะลึงไป แต่ในตอนที่เขาเปิดประตูนั้น ประตูไม่ได้ล็อกไว้“ไปสถานีตำรวจก่อนดีกว่าครับ!” นายตำรวจคนนั้นกล่าว“ค่ะ” หลิงอี้หรานตอบ“ผมจะไปกับคุณ” กู้ลี่เฉินกล่าวพลางจับมือของหลิงอี้หรานไว้“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไปเองได้ ขอบคุณ” หลิงอี้หรานพูดทว่าแทนที่เขาจะปล่อยมือเธอ กู้ลี่เฉินกลับยืนกรานและพูดว่า “ผมจะไปกับคุณ! ผมเป็นพยานคนแรกทันทีที่เปิดประตูออกนะ” ดวงตาฟินิกซ์ของเขามองตรงมายังเธอ ราวกับว่าเขาจะยังคงถ่วงเวลาต่อไป หากเธอตอบปฏิเสธหลิงอี้หรานไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจากต้องพยักหน้าตกลง แม้ว่าเธอจะปฏิเสธ แต่กู้ลี่เฉินก็ไม่ได้ต้องขออนุญาตเธอในการมาสถานีตำรวจ อีกอย่างก็เหมือนกับที่เขาบอก เขาเป็นพยานคนแรกในเหตุการณ์นี้เพราะเขาเป็นคนแรกที่เปิดประตูกู้ลี่เฉินมองไปยังกลุ่มคนนอกประตูและดึงหลิงอี้หรานมาหลบข้างหลังเขา “หลบหลังผมไว้แล้วเดินไป”“ฮะ?” กู้ลี่เฉินเป็นคนนำหลิงอี้หรานออกไปในขณะที่เธอยังคงงง ๆ อยู่ เหล่าทีมงานและลูกค้าในห้างสรรพสินค้ายืนอยู่โดยรอบ แต่ส่วนมากเป็นแฟนคลับของเหล่านักแสดงเสียส่วนใหญ่ต่างก็มองมาทางนี้กันเป็นตาเดียวแม้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยกัน
หวาลี่ฟางกำลังหมกมุ่นกับความคิดตัวเอง ในตอนนั้นเองที่เธอได้ยินเสียงมาจากส่วนนั่งเล่น “หือ อะไรเนี่ย?” นั่นเป็นเสียงของแม่บ้านที่รับหน้าที่ทำความสะอาดสรรพสินค้าจากนั้นใครบางคนก็พูดว่า “รูป... รูปอะไรเนี่ย? ว้าว น่าสะอิดสะเอียนมากเลย!”‘รูปเหรอ?’หวาลี่ฟางขนลุกซู่และจำได้ขึ้นมาว่าเธอไปหลอกให้จ้าวต้าจู้แลกเปลี่ยนรูปกับเธอหลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้ตามจ้าวต้าจู้เข้ามาในส่วนนั่งเล่นหลังจากเอายาให้เขา และเธอก็คำนวณเวลาที่ยาออกฤทธิ์กับจ้าวต้าจู้ขณะที่รออยู่ข้างนอกความคิดตอนแรกของเธอหลังจากที่จ้าวต้าจู้กับหลิงอี้หรานโดนเปิดโปงว่าทำเรื่องคาว ๆ กัน แล้วเธอจะมาเอารูปไปตอนที่ไม่มีใครเห็น แต่เธอไม่ได้คาดคิดว่าเรื่องราวจะกลับกลายเป็นหนังคนละม้วนกับที่เธอคิดเลย ดังนั้นเธอจึงลืมเรื่องเก็บรูปกลับมาเสียสนิทหวาลี่ฟางรีบเข้าไปในส่วนนั่งเล่น และเห็นว่าหลายคนกำลังดูรูปในมือตัวเองในทันใดนั้นก็มีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “นี่ดูเหมือนหวาลี่ฟางนะ” “ว้าว จริงดิ? ผู้หญิงในนี้ดูเชยสะบัดเลยนะ ไม่ใช่เธอหรอก” “รูปแบบถึงเนื้อถึงตัวกับผู้ชายน่าเกลียดและหน้าตาบ้าน ๆ ด้วย เดี๋ยวนะ ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนคนที่อยู่บนเปลห
หลิงอี้หรานอยากจะตอบปฏิเสธ แต่เมื่อมองไปยังสีหน้าจริงจังของกู้ลี่เฉิน เธอก็ได้แต่กลืนคำปฏิเสธลงทันทีโทรศัพท์มือถือในมือเธอดูเหมือนจะหนักขึ้นเล็กน้อยกู้ลี่เฉินกล่าวว่า “มาเถอะ ผมจะไปส่งคุณกลับบ้านก่อน ผมจะเป็นคนสืบเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เอง! คุณจะต้องไม่โดนทำร้ายฝ่ายเดียว”“เราแจ้งความไปแล้ว และเขาจะสืบเรื่องนี้เองแหละค่ะ” หลิงอี้หรานกล่าว“ผมไม่มั่นใจว่าตำรวจจะสืบเรื่องนี้ให้” กู้ลี่เฉินกล่าว ถ้ามีใครพยายามทำร้ายเธอ งั้นเขาก็จะเป็นคนจัดการงูเห่าเอง “ผมจะไม่ปล่อยคนที่ทำร้ายคุณไป!”ในทันใดนั้นเองหลิงอี้หรานก็ถามว่า “แล้วถ้าคนที่อยากทำร้ายฉันเป็นหวาลี่ฟางล่ะคะ? คุณก็จะไม่ปล่อยเธอไปเหรอ?” กู้ลี่เฉินนิ่งไปในทันที ความเป็นไปได้นี้เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาอยากจะคิดถึง เขาสามารถลงโทษคนอื่น ๆ อย่างรุนแรง และทำให้พวกเขาชดใช้อย่างสาสมได้กว่าพันครั้งถึงอย่างนั้น... ลี่ฟางก็เป็นคนที่เขาคิดถึงมากว่า 20 ปี และเป็นคนที่ช่วยชีวิตเขาตอนที่เขายังเด็กเลยนะ!ถ้าเป็นไปได้เขาอยากให้เธอมีชีวิตที่มั่งคั่งและสงบสุขเมื่อเห็นแบบนี้หลิงอี้หรานก็หัวเราะกับตัวเอง “ช่างเถอะค่ะ” เธอเดินออกจากสถานีตำรวจพลางพ
เมื่อพวกเขาขึ้นรถ กู้ลี่เฉินก็ปล่อยเธอลงตรงเบาะผู้โดยสารแล้วคาดเข็มขัดให้เธอ จากนั้นเขาก็กลับไปยังที่นั่งคนขับแล้วออกรถ รถมุ่งหน้าไปยังบ้านเช่าของหลิงอี้หราน ระหว่างทางกู้ลี่เฉินซื้อยาทาแผลมาเพื่อบรรเทาอาการฟกช้ำ“ไม่ทายาก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่รอยข่วนไม่กี่เส้น แล้วมันก็จะหายในสองวันด้วย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย” หลิงอี้หรานกล่าว“ถ้าเป็นเรื่องของคุณ ทุกอย่างก็เป็นเรื่องใหญ่สำหรับผม” เขากล่าว ประดุจดังเพื่อป้องกันไม่ให้เธอไม่ทายา เขาจึงจอดรถข้างถนน และมองไปยังรอยข่วนบนแขนของเธอ และต้องการทายาให้บาดแผลของเธอ“ฉัน... ฉันทาเองได้!” เธอรีบหยิบยาจากมือของเขาและเปิดฝามันออก จุ่มนิ้วลงในยาแล้วทามันลงบนแผลความเย็นของเนื้อครีมซึมซาบผ่านผิวหนัง เพราะมีรอยฟกช้ำไม่มาก หลิงอี้หรานจึงทายาเสร็จอย่างรวดเร็ว ขณะที่หลิงอี้หรานปิดฝากระปุกยา เธอก็ได้ยินเสียงกู้ลี่เฉินพูดว่า “ถ้าลี่ฟางทำร้ายคุณ ผมก็จะให้ความยุติธรรมกับคุณ”หลิงอี้หรานมองไปยังกู้ลี่เฉินด้วยความประหลาดใจ “คุณ...”กู้ลี่เฉินพูดว่า “ลี่ฟางช่วงชีวิตผมไว้ตอนที่ยังเด็ก เธอเป็นคนสำคัญสำหรับผมจริง ๆ และผมหวังว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับเธอ
หวาลี่ฟางพูดตามที่ตัวเองวางแผนไว้แล้วเล่นบทเป็นเหยื่อคนหนึ่ง ตราบใดที่เธอเล่นเป็นเหยื่อ เรื่องที่หลิงอี้หรานเจอก็ไม่ใช่ความผิดของเธอ และหลิงอี้หรานก็แค่บังเอิญซวย“ทุกอย่างที่คุณพูดตอนนี้เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?” กู้ลี่เฉินถามขณะที่มองคนตรงหน้าเขาหวาลี่ฟางพูดขึ้นในทันทีว่า “ใช่สิคะ ทำไมฉันต้องโกหกคุณด้วยล่ะลี่เฉิน? คุณรู้อะไรไหมคะ? ยิ่งฉันคิดถึงเรื่องนี้ ฉันก็ยิ่งรู้สึกกลัว ถ้าฉันเป็นคนที่เข้าไปในนั้น และฉันก็ไม่ได้ฉลาดเหมือนอี้หราน หลังจากนั้นฉันคง... เป็นข่าวฉาวไปทั่วทั้งเมืองเฉินและตอนนี้คงโดนหัวเราะเยาะใส่แน่เลย!”เธออยากจะโถมตัวเขาไปในอ้อมแขนของเขาเพื่อหาการปลอบโยนขณะที่เธอพูด แต่กู้ลี่เฉินผลักหวาลี่ฟางออกจากอ้อมแขนของเขา “ลี่ฟาง ผมบอกไปแล้วไงว่าผมเห็นคุณเป็นคนที่ช่วยชีวิตตอนเด็กเท่านั้น เพราะฉะนั้นอย่าทำอะไรที่ไม่เหมาะสม หรือพูดอะไรที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิด” สีหน้าของหวาลี่ฟางเปลี่ยนไปในทันทีที่ได้ยินแบบนั้น และเธอก็กัดริมฝีปากล่างของตัวเองแน่น “แล้วผมก็หวังว่าวันนี้คุณจะพูดความจริงนะ เพราะตำรวจเริ่มสืบสวนเรื่องนี้แล้ว และอีกไม่นานผลก็คงออกมา” กู้ลี่เฉินกล่าวหวาลี่ฟาง
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค