“พี่เป็นคนแรกที่มีน้ำใจให้กับฉัน เพราะอย่างนั้นฉันก็เต็มใจอยากจะช่วยค่ะ” หลิงอี้หรานกล่าว แม้เธอจะช่วยพี่โจวได้ไม่มากก็ตามคดีของพี่โจวเป็นเวลาเกือบ 5 ปีแล้ว แม้ว่าจะมีหลักฐาน แต่ก็ยากที่จะสืบสวนเป็นพิเศษเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น หลิงอี้หรานก็นึกถึงอี้จิ่นหลีที่เคยช่วยเธอให้พ้นจากคดีความ ถ้าไม่ใช่เพราะอี้จิ่นหลี เธอก็คงยังรับโทษเมาแล้วขับรถชนคนตายอยู่อี้จิ่นหลี...‘หยุดคิดนะ! เรื่องระหว่างเรามันจบลงไปแล้ว!’ หลิงอี้หรานบอกกับตัวเอง!ใกล้กับหน้าต่าง อาหยันน้อยกำลังยืนบนเก้าอี้ ร่างกายส่วนบนของเขาโน้มไปบนขอบหน้าต่างขณะที่เขามองผ่านหน้าต่างไปยังโจวเชียนหยุน“หยันน้อย กำลังมองแม่เหรอลูก?” คุณนายโจวซึ่งยืนอยู่ข้างเจ้าตัวเล็กถาม“ฮะ” เจ้าตัวน้อยตอบ เขายังคงมองโจวเชียนหยุนอยู่จนกระทั่งร่างของเธอเล็กลง ๆ จนเขามองไม่เห็นเธออีก จากนั้นเขาก็ก้มหน้าลงเล็กน้อยและกำมือเล็ก ๆ เข้าเป็นหมัดอย่างเงียบเชียบ‘ผมจะปกป้องคุณแม่ให้ได้ ไม่ว่าคุณแม่จะเคยเข้าคุก หรือคุณแม่จะเป็นคนไม่ดี แต่ผมก็จะปกป้องคุณแม่เอง!‘เพราะว่าคุณแม่เป็นคุณแม่ที่ผมรักที่สุด!’ ...ตอนบ่าย ทนายกู้เอายูเอสบีแฟลชไดรฟ์อันเล็ก ๆ มา
ในตอนนี้หลิงอี้หรานบอกกับเจ้าหน้าที่ทีมงานว่าเธอมาส่งยูเอสบีแฟลชไดรฟ์ให้หวาลี่ฟาง และเดินตัดผ่านกลุ่มคนไปยังบริเวณพักผ่อนของทีมงานถ่ายทำซึ่งติดต่อขอยืมมาจากทางห้างสรรพสินค้าช่างแต่งหน้ากำลังแต่งหน้าให้หวาลี่ฟางอยู่ เธอยังไม่ได้เปลี่ยนเป็นชุดสำหรับเข้าฉาก และยังคงสวมเสื้อผ้าของตัวเองอยู่ซึ่งทั้งหมดเป็นเสื้อผ้าแบรนด์หรูทุกชิ้น นอกจากนั้นแบรนด์หรูที่หวาลี่ฟางชอบก็มักจะมีโลโก้สะท้อนแสงราวกับว่าเธอกลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าเธอกำลังสวมเสื้อผ้าแบรนด์อะไรอยู่เธอยังสวมแหวนและสร้อยข้อมือที่ทั้งหมดรวมกันแล้วเป็นราคามูลค่ามหาศาลอีกด้วยเมื่อเห็นการแต่งตัวของหวาลี่ฟางแล้ว หลิงอี้หรานจึงคิดว่า ใครจะไปนึกออกว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอคนนี้มีลักษณะเป็นอย่างไรตอนที่อยู่ในเมืองเล็ก ๆ เมื่อก่อนนี้ “อี้หรานมาแล้ว” หวาลี่ฟางกล่าวและแสร้งทำเป็นตื่นเต้น “นี่ยูเอสบีที่เธออยากได้” หลิงอี้หรานพูดและดึงยูเอสบีแฟลชไดรฟ์ออกมาส่งให้หวาลี่ฟางหวาลี่ฟางไม่ได้รับมันไป แต่กลับพูดว่า “ตอนนี้ฉันกำลังยุ่งอยู่น่ะ เดี๋ยวก็ถึงคิวฉันถ่ายแล้ว ทำไมเธอไม่ไปเดินเล่นรอแถวนี้ก่อนล่ะ? นอกจากเรื่องยูเอสบีแฟลชไดรฟ์แล้ว ฉันก็อยากถาม
เป็นไปอย่างที่คิด บางคนที่อยู่แถวนั้นได้ยินสิ่งที่อู๋หมินชุยพูดและตอนนี้ก็มองมาด้วยสายตาบางอย่างบางคนถึงกับถามว่า “นาง... เคยเข้าคุกมาเหรอ? แต่ทำไมยังเป็นผู้ช่วยทนายได้อีกล่ะ... ในเมื่อเคยเข้าคุกมานี่ไม่ใช่เหรอ?”พวกเขาพูดถึงหลิงอี้หรานอยู่! อู๋หมินชุยมองหลิงอี้หรานด้วยความอิจฉา ‘ยัยผู้หญิงคนนี้ยังเป็นผู้ช่วยทนายความได้หลังจากออกจากคุกด้วยงั้นเหรอ?’ผิดกับเธอที่เมื่อออกมาแล้วกลับมีชีวิตที่ไม่ราบรื่นนักเมื่อเทียบกับตอนอยู่ในคุก เพราะอย่างน้อยตอนอยู่ในคุกเธอยังสามารถอวดเบ่งต้องหน้าผู้ต้องขังคนอื่น ๆ ได้หลิงอี้หรานเคยชินกับสายตาแปลกประหลาดรอบตัวไปเสียแล้ว และไม่อยากจะอธิบายอะไร ทว่าไม่คาดคิดเลยว่าหวาลี่ฟางจะช่วยหาข้อแก้ต่างให้เธอด้วยการกล่าวว่า “ก็แค่สองปีเอง ไม่เห็นเป็นไรเลย”พูดจบหวาลี่ฟางก็มองไปยังหลิงอี้หรานด้วยสายตาที่แสร้งว่าจิตใจดีพลางพูดว่า “อี้หราน เราเป็นญาติกันนะ ฉันไม่สนหรอกว่าเธอเคยเข้าคุกมา ถ้ามีเรื่องลำบากอะไร ก็บอกฉันได้”แสงสะท้อนปรากฏผ่านดวงตาของอี้หราน นี่ยัยลูกพี่ลูกน้องของเธอพยายามแสดงความรักพี่รักน้องออกมาอีกแล้วเหรอ?เป็นไปตามคาด บางคนที่ยกยอปอปั้นหวาลี่ฟาง
เกิดอะไรขึ้น?หลิงอี้หรานแทบจะวิ่งออกไปยังประตูทางออกของส่วนนั่งเล่นนี้ในทันที เธอรู้สึกได้เพียงหัวใจที่ร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่มในตอนที่ดึงที่จับประตูประตูถูกล็อกจากข้างนอก!นี่เป็นการจัดฉากงั้นเหรอ? หรือหวาลี่ฟางเป็นคนทำ?เสียงหอบหายใจของจ้าวต้าจู้เข้ามาใกล้ และเขาก็พุ่งมาหาเธอ...ข้างนอกส่วนนั่งเล่น หวาลี่ฟางยังคงปล่อยให้ช่างแต่งหน้าให้เธอนิ่ง ๆ แต่ทั้งที่ภายในใจเธอกำลังประหม่าเธอไม่รู้ว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดีไหม!เธอจงใจขอให้จ้าวต้าจู้มาหาวันนี้ จากนั้นเธอก็ใส่ยาลงไปในเครื่องดื่มของจ้าวต้าจู้และขอให้เขาซ่อนตัวอยู่หลังผ้าม่านในส่วนนั่งเล่นรอเธอแน่นอนว่าข้ออ้างของเธอคือ มันคงดูไม่ดีหากเธอโดนพบว่าสนิทใกล้ชิดกับเขา อีกอย่างเรื่องนี้ควรทำแบบลับ ๆ และไม่ควรมีใครรู้แม้ว่าข้ออ้างของเธอจะมีช่องโหว่เต็มไปหมด แต่จ้าวต้าจู้ก็ยังคงเชื่อเธอ แถมยังมีเงิน 50 ล้านเป็นตัวดึงความสนใจเขาไว้ด้วยและตอนนี้ ด้วยแผนของหวาลี่ฟางยานั่นก็คงจะออกฤทธิ์ใส่จ้าวต้าจู้หลังจากที่หลิงอี้หรานเข้าไปในห้องของส่วนนั่งเล่นแล้ว จากนั้นเธอก็พาลี่เฉินมาเพื่อจับพวกเขาให้ได้คาหนังคาเขา ไม่เพียงหลิงอี้หรานจะอับอายข
หัวใจของหวาลี่ฟางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่เธอก็ยังคงฝืนปั้นหน้ายิ้ม “นะ... แน่สิคะ ฉันรู้ แถมอี้หรานเองก็อยู่ที่นี่ด้วย ฉันขอให้เธอรอในส่วนนั่งเล่นน่ะค่ะ พอดี... มันยังไม่ถึงเวลาของฉัน งั้นเดี๋ยวฉันไปหาเธอก่อน” พูดจบหวาลี่ฟางก็ทำท่าทางว่าเธอกำลังจะตรงไปยังส่วนนั่งเล่น“เธอก็อยู่นี่งั้นเหรอ?” กู้ลี่เฉินตะลึงและรีบตามหวาลี่ฟางไปทันที “งั้นเราก็ไปที่นั่นด้วยกันเถอะ” เขาอยากเห็นหน้าอี้หราน และรู้สึกคิดถึงเธอแทบคลั่งในตอนที่ไม่ได้เห็นหน้าเธอถ้าไม่ได้กลัวว่าการตามตื๊อของเขาจะทำให้เธอรำคาญหรือกลัว เขาคงไปหาเธอทุกวันแล้ว!เขาไม่ได้เจอหน้าเธอมาก็หลายวันแล้ว เพราะหวังว่าเธอจะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้ และทุกวันเขาก็ต้องข่มใจตัวเองไม่ให้ไปเจอเธอหวาลี่ฟางรู้สึกพอใจ แน่นอนว่าเพราะทุกอย่างเป็นไปตามแผนของเธอหลิงอี้หรานเสร็จแน่ เพราะเมื่อทุกคนไปถึงหน้าประตู เธอก็จะเปิดประตูห้องไปพร้อมกับตะโกนด้วยความประหลาดใจ!ในขณะที่พวกเขากำลังเดินไปยังประตูส่วนนั่งเล่น จู่ ๆ เสียงของรถฉุกเฉินก็ดังขึ้นตรงบริเวณใกล้กับทางเข้าห้างสรรพสินค้า จากนั้น เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ซึ่งนำเปลหามมาด้วยและรีบตรงดิ่
‘เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง? จ้าวต้าจู้มันทำอะไร? ฉันวางยามันแล้วนี่ ตอนนี้มันควรจะต้องเมายาอยู่สิ! แต่ตอนนี้มันกดผู้หญิงคนหนึ่งยังไม่ไหวเลยเนี่ยนะ’หลิงอี้หรานเองก็อึ้งไปเช่นกัน เธอไม่คิดว่าจะได้เจอกู้ลี่เฉินเมื่อประตูเปิดออก“คุณมา... ทำอะไรที่นี่?” หลิงอี้หรานถามด้วยความสับสนกู้ลี่เฉินตั้งสติได้อีกครั้งและรีบเข้าไปหาหลิงอี้หราน “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม? ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณใช่หรือเปล่า?”“ฉันไม่เป็นไรค่ะ แต่...”ก่อนที่หลิงอี้หรานจะพูดจบประโยค กู้ลี่เฉินก็เห็นรอยขาดเล็กน้อยบนแขนเสื้อของเธอ มันไม่ได้ชัดมากจนมองเห็นได้ตั้งแต่แรกเห็น แต่เขาก็สามารถเห็นมันได้เมื่อเดินเข้าไปใกล้ “นี่อะไร?”“ตอนเขาเข้ามาใกล้เขาจับฉันไว้ได้สองสามครั้งค่ะ” หลิงอี้หรานกล่าว อย่างไรก็ตามเธออาจต้องทิ้งเสื้อตัวนี้ไป เพราะรอยขาดอยู่ในจุดที่มองเห็นได้ชัดจนเธออาจจะซ่อมไม่ได้แม้จะอยากซ่อมมันก็ตามกู้ลี่เฉินหน้าซีดลงไปในทันทีและช่วยดึงแขนเสื้อของหลิงอี้หรานขึ้นมาอย่างเบามือ จากนั้นเขาก็เห็นรอยข่วนบนแขนของเธอรอยข่วนพวกนั้นเคืองตาเขาเสียจริง! เขาไม่รู้ว่าเธอเอาตัวรอดมาได้อย่างไร แต่ถ้าชายที่ใส่เพียงบ็อกเซอ
กู้ลี่เฉินตกตะลึงไป แต่ในตอนที่เขาเปิดประตูนั้น ประตูไม่ได้ล็อกไว้“ไปสถานีตำรวจก่อนดีกว่าครับ!” นายตำรวจคนนั้นกล่าว“ค่ะ” หลิงอี้หรานตอบ“ผมจะไปกับคุณ” กู้ลี่เฉินกล่าวพลางจับมือของหลิงอี้หรานไว้“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไปเองได้ ขอบคุณ” หลิงอี้หรานพูดทว่าแทนที่เขาจะปล่อยมือเธอ กู้ลี่เฉินกลับยืนกรานและพูดว่า “ผมจะไปกับคุณ! ผมเป็นพยานคนแรกทันทีที่เปิดประตูออกนะ” ดวงตาฟินิกซ์ของเขามองตรงมายังเธอ ราวกับว่าเขาจะยังคงถ่วงเวลาต่อไป หากเธอตอบปฏิเสธหลิงอี้หรานไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจากต้องพยักหน้าตกลง แม้ว่าเธอจะปฏิเสธ แต่กู้ลี่เฉินก็ไม่ได้ต้องขออนุญาตเธอในการมาสถานีตำรวจ อีกอย่างก็เหมือนกับที่เขาบอก เขาเป็นพยานคนแรกในเหตุการณ์นี้เพราะเขาเป็นคนแรกที่เปิดประตูกู้ลี่เฉินมองไปยังกลุ่มคนนอกประตูและดึงหลิงอี้หรานมาหลบข้างหลังเขา “หลบหลังผมไว้แล้วเดินไป”“ฮะ?” กู้ลี่เฉินเป็นคนนำหลิงอี้หรานออกไปในขณะที่เธอยังคงงง ๆ อยู่ เหล่าทีมงานและลูกค้าในห้างสรรพสินค้ายืนอยู่โดยรอบ แต่ส่วนมากเป็นแฟนคลับของเหล่านักแสดงเสียส่วนใหญ่ต่างก็มองมาทางนี้กันเป็นตาเดียวแม้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยกัน
หวาลี่ฟางกำลังหมกมุ่นกับความคิดตัวเอง ในตอนนั้นเองที่เธอได้ยินเสียงมาจากส่วนนั่งเล่น “หือ อะไรเนี่ย?” นั่นเป็นเสียงของแม่บ้านที่รับหน้าที่ทำความสะอาดสรรพสินค้าจากนั้นใครบางคนก็พูดว่า “รูป... รูปอะไรเนี่ย? ว้าว น่าสะอิดสะเอียนมากเลย!”‘รูปเหรอ?’หวาลี่ฟางขนลุกซู่และจำได้ขึ้นมาว่าเธอไปหลอกให้จ้าวต้าจู้แลกเปลี่ยนรูปกับเธอหลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้ตามจ้าวต้าจู้เข้ามาในส่วนนั่งเล่นหลังจากเอายาให้เขา และเธอก็คำนวณเวลาที่ยาออกฤทธิ์กับจ้าวต้าจู้ขณะที่รออยู่ข้างนอกความคิดตอนแรกของเธอหลังจากที่จ้าวต้าจู้กับหลิงอี้หรานโดนเปิดโปงว่าทำเรื่องคาว ๆ กัน แล้วเธอจะมาเอารูปไปตอนที่ไม่มีใครเห็น แต่เธอไม่ได้คาดคิดว่าเรื่องราวจะกลับกลายเป็นหนังคนละม้วนกับที่เธอคิดเลย ดังนั้นเธอจึงลืมเรื่องเก็บรูปกลับมาเสียสนิทหวาลี่ฟางรีบเข้าไปในส่วนนั่งเล่น และเห็นว่าหลายคนกำลังดูรูปในมือตัวเองในทันใดนั้นก็มีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “นี่ดูเหมือนหวาลี่ฟางนะ” “ว้าว จริงดิ? ผู้หญิงในนี้ดูเชยสะบัดเลยนะ ไม่ใช่เธอหรอก” “รูปแบบถึงเนื้อถึงตัวกับผู้ชายน่าเกลียดและหน้าตาบ้าน ๆ ด้วย เดี๋ยวนะ ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนคนที่อยู่บนเปลห