คฤหาสน์นี้จะต้องถูกปิดตายเพื่อให้สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ตายไปจากความทรงจำของเขา และเขาก็จะไม่นึกถึงมันอีก!อี้จิ่นหลียกเท้าและก้าวไปยังประตูทางเข้าคฤหาสน์เขาจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก! ทั้งความหวังและความสิ้นหวังของเขาเกิดขึ้นในคฤหาสน์แห่งนี้ และมันก็จะกลายเป็นสิ่งต้องห้ามตั้งแต่นี้ไป เหมือนกับที่ผู้หญิงซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยเรียกเธอว่า ‘พี่สาว’ ก็ได้กลายเป็นสิ่งต้องห้ามเช่นกัน! ...การมาที่บริษัทของหวาลี่ฟางทำให้หลิงอี้หรานค่อนข้างแปลกใจแต่หวาลี่ฟางมาหาทนายกู้เพื่อขอคำแนะนำด้านกฎหมายและเธอก็ขอให้ทนายกู้ช่วยจัดการกับเรื่องการหมิ่นประมาท เธอบอกว่าเธออยากฟ้องพวกชาวเน็ตที่ชอบคอมเมนต์มุ่งร้ายแก่เธอ ทนายกู้ปฏิเสธเรื่องธุรกิจไม่ได้ อีกทั้งหวาลี่ฟางยังจะจ่ายให้เขาอย่างงามด้วยหลังจากคุยธุระที่เธอต้องการแล้ว หวาลี่ฟางก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันว่าจ้างบริษัทของคุณให้ทำคดีนี้ก็เพราะอี้หรานลูกพี่ลูกน้องของฉันที่ทำงานที่นี่ค่ะ ฉันรู้สึกว่าสามารถมอบหมายงานให้คุณได้ แล้วในขณะเดียวกันฉันก็รู้สึกวางใจได้ด้วยค่ะ”ทนายกู้ตอบรับอย่างสุภาพไปสองสามคำตอนที่หวาลี่ฟางกำลังจะกลับ ทนายกู้ก็กล่าวว่า “อี
จ้าวต้าจู้มองหวาลี่ฟางอย่างไม่พอใจและกล่าวว่า “ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก! พูดถึงเรื่องนี้แล้ว เธอดูดีกว่าแต่ก่อนนะ ดูเหมือนกู้ลี่เฉินจะเต็มใจให้เงินเธอใช้ไม่ขาดเลยสิ”“แกต้องการอะไร?” หวาลี่ฟางถามอย่างขุ่นเคือง พวกเขาหย่ากันแล้ว แต่สองสามวันก่อนนี้จ้าวต้าจู้ก็ขอเงินไปจากเธอ เขาบอกว่าถ้าเธอไม่จ่าย เขาก็จะโพสต์รูปเก่า ๆ ของเธอให้ชาวเน็ตได้เห็นว่าเมื่อก่อนเธอเป็นอย่างไรในรูปภาพพวกนั้นเธอเคยขี้เหร่และไร้รสนิยม และบางรูปก็เป็นรูปเมื่อก่อนตอนที่เธอถ่ายกับจ้าวต้าจู้ในสภาพที่สนิทสนมด้วย!ถ้ารูปพวกนั้นว่อนไปในโลกออนไลน์ ลืมเรื่องที่ลี่เฉินจะมีท่าทีอย่างไรเมื่อเห็นมันไปได้เลย เพราะแค่รูปพวกนั้นก็เป็นเหมือนความลับสุดยอดในชีวิตของเธอแล้ว และถ้ามันถูกเผยแพร่ไปเธอก็จะกลายเป็นคนดังในชั่วข้ามคืนดังนั้นเธอจึงต้องซื้อรูปพวกนั้นจากเขาเธอคิดว่ามันจบไปแล้ว แต่จ้าวต้าจู้ก็ยังคงปรากฏตัวและขอเงินจากเธอ แต่ละครั้งเขาจะเอารูปให้เธอทีละรูปสองรูป และไม่ยอมมอบให้เธอทั้งหมดในคราวเดียว“ขึ้นอยู่กับว่าเธอให้ฉันได้เท่าไหร่” จ้าวต้าจู้พูดเหมือนเป็นตัวร้ายหวาลี่ฟางอึกอักและพูดว่า “งั้น 50 ล้าน แล้วเอาให้ฉันทุกรูปท
ความริษยาปรากฏวาบขึ้นในดวงตาของคงจื่ออินขณะที่เธอมองโจวหยันซึ่งยืนอยู่ข้างโจวเชียนหยุน เธอไม่เคยคิดเลยว่าโจวเชียนหยุนจะสามารถให้กำเนิดเด็กคนหนึ่งในคุกได้!ในขณะเดียวกันนั้น เธอก็สูญเสียความสามารถในการตั้งครรภ์ไป และตอนนี้ยังโดนบังคับให้เลี้ยงลูกของโจวเชียนหยุนด้วย คงจื่ออินกล่าวว่า “เชียนหยุน ไม่เจอกันนานเลยนะ ฉันได้ยินเหวินหมิงบอกว่า อาหยันน้อยเป็นลูกเขา ถ้าอย่างนั้นแล้วฉันจะดูแลอาหยันน้อยเป็นลูกของฉันเอง!”ขณะที่คงจื่ออินพูด เธอก็ทำท่าทางชี้ไปยังคนขับรถด้านหลังเธอซึ่งตอนนี้กำลังถือของเล่นเด็กหลายชิ้นไว้ในมือ“นี่เป็นของเล่นที่ฉันเตรียมไว้ให้อาหยันน้อย ฉันไม่รู้ว่าพวกเธออยู่ที่ไหน ฉันก็เลยต้องเอามาให้เธอที่นี่” รอยยิ้มสุภาพปรากฏขึ้นบนมุมปากของคงจื่ออินขณะที่เธอพูด ถึงอย่างนั้นโจวเชียนหยุนก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้นตอนนั้นคงจื่ออินก็ส่งรอยยิ้มสุภาพเช่นนี้ให้เธอ แต่เพียงพริบตาเดียวคงจื่ออินก็แสดงละครฉากตกลงบันไดไปแล้ว แล้วครั้งนี้คงจื่ออินคิดจะทำอะไรอีกล่ะ?โจวเชียนหยุนดึงลูกชายให้หลบหลังเธอโดยอัตโนมัติ“เธอจะทำอะไร?” โจวเชียนหยุนถามพลางตั้งท่าป้องกัน “ฉันจะ
เพราะว่าเขาเข้าใจ เขาเลยโกรธน่ะสิ!ในการ์ตูนพวกคนที่เข้าคุกก็มีแต่คนไม่ดีทั้งนั้น แม่ของเขาเป็นคนที่ดีที่สุดในโลก แล้วเธอจะเป็นคนไม่ดีได้อย่างไร?คงจื่ออินมองไปยังอาหยันน้อยด้วยความรังเกียจที่แฝงเร้นในแววตา โดยเฉพาะเมื่อดวงตาของเด็กชายดูเหมือนกับโจวเชียนหยุนไม่มีผิด“ถามแม่เธอดูสิ จะได้รู้ว่าเธอเคยเข้าคุกจริงหรือเปล่า” สายตาของคงจื่ออินหยุดลงบนใบหน้าซีดขาวของโจวเชียนหยุนขณะที่พูดด้วยความจริงใจอันจอมปลอมว่า “เชียนหยุน เธอไม่ได้โกหกลูกใช่ไหม?”หัวใจของโจวเชียนหยุนรู้สึกราวกับถูกทิ่มแทง ริมฝีปากของเธอสั่นขณะมองไปยังใบหน้าอ่อนเยาว์ของลูกชาย เขากำลังร้องขอคำตอบที่ไม่รู้จะตอบอย่างไร “ดูเหมือนคุณคงจะว่างมากจริง ๆ นะคะเนี่ย!” หลิงอี้หรานเดินเข้าไปหาโจวเชียนหยุนและพูดกับคงจื่ออิน “คุณคง ก่อนหน้านี้คุณส่งอันธพาลเจ้าถิ่นไปสร้างปัญหาที่แผงขายของของพี่โจวเยอะเลยนี่ ฉันสงสัยจังว่าตระกูลคงสมรู้ร่วมคิดกับแก๊งอาชญากรพวกนี้ด้วยหรือเปล่า? เขากำลังปราบปรามแก๊งพวกนี้กันอยู่ หวังว่าตระกูลคงจะไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายนะคะ ไม่งั้นวันหนึ่งอาจมีใครได้เข้าไปนอนในคุกเอาได้นะคะ”ในทันใดนั้นใบหน้าของคงจื่ออินก็ซ
อาหยันน้อยถามออกมาด้วยความสับสน “ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนไม่ดีเหรอฮะ? ไม่อย่างนั้นทำไมเธอต้องพูดว่าแม่และคุณน้าเคยอยู่ในคุกด้วย?”โจวเชียนหยุนไม่รู้ว่าจะอธิบายลูกชายของเธออย่างไรดีหลิงอี้หรานย่อตัวนั่งลงและลูบหัวเจ้าตัวน้อย “ถึงใครบางคนจะเคยเข้าคุก แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาเป็นคนไม่ดีนะ ดูน้าสิหยันน้อย น้าเองก็เคยเข้าคุกมาเหมือนกัน แต่มีคนไม่ดีใส่ร้ายน้า แล้วกระบวนการทางกฎหมายก็มอบความยุติธรรมให้กับน้าและจับคนร้ายตัวจริงได้ในที่สุด”เจ้าตัวน้อยเข้าใจได้ครึ่งหนึ่ง และถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อหลิงอี้หรานบอกว่าผู้ร้ายตัวจริงถูกจับแล้ว“คุณแม่ล่ะฮะ? คุณแม่ก็โดนคนไม่ดีใส่ร้ายด้วยหรือเปล่า?” เจ้าตัวน้อยหันหน้าไปมองแม่ของเขาโจวเชียนหยุนสูดลมหายใจเข้าลึก เรื่องบางเรื่อง ถึงเธอพยายามจะหลีกเลี่ยงมากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ต้องเผชิญหน้ากับมันอยู่ดี‘นี่เป็นเพียงเรื่องที่ต้องเผชิญหน้าให้เร็วขึ้นก็เท่านั้น’ เธอบอกตัวเอง“อาหยันน้อย แม่ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง แม่มีจิตสำนึกที่ดี และสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดทั้งหมดไม่ใช่เรื่องจริงเลย แม่ไม่เคยทำร้ายเธอ” โจวเชียนหยุนกล่าวเธอไม่อยากลากเด็กเข้ามายุ่งก
“พี่เป็นคนแรกที่มีน้ำใจให้กับฉัน เพราะอย่างนั้นฉันก็เต็มใจอยากจะช่วยค่ะ” หลิงอี้หรานกล่าว แม้เธอจะช่วยพี่โจวได้ไม่มากก็ตามคดีของพี่โจวเป็นเวลาเกือบ 5 ปีแล้ว แม้ว่าจะมีหลักฐาน แต่ก็ยากที่จะสืบสวนเป็นพิเศษเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น หลิงอี้หรานก็นึกถึงอี้จิ่นหลีที่เคยช่วยเธอให้พ้นจากคดีความ ถ้าไม่ใช่เพราะอี้จิ่นหลี เธอก็คงยังรับโทษเมาแล้วขับรถชนคนตายอยู่อี้จิ่นหลี...‘หยุดคิดนะ! เรื่องระหว่างเรามันจบลงไปแล้ว!’ หลิงอี้หรานบอกกับตัวเอง!ใกล้กับหน้าต่าง อาหยันน้อยกำลังยืนบนเก้าอี้ ร่างกายส่วนบนของเขาโน้มไปบนขอบหน้าต่างขณะที่เขามองผ่านหน้าต่างไปยังโจวเชียนหยุน“หยันน้อย กำลังมองแม่เหรอลูก?” คุณนายโจวซึ่งยืนอยู่ข้างเจ้าตัวเล็กถาม“ฮะ” เจ้าตัวน้อยตอบ เขายังคงมองโจวเชียนหยุนอยู่จนกระทั่งร่างของเธอเล็กลง ๆ จนเขามองไม่เห็นเธออีก จากนั้นเขาก็ก้มหน้าลงเล็กน้อยและกำมือเล็ก ๆ เข้าเป็นหมัดอย่างเงียบเชียบ‘ผมจะปกป้องคุณแม่ให้ได้ ไม่ว่าคุณแม่จะเคยเข้าคุก หรือคุณแม่จะเป็นคนไม่ดี แต่ผมก็จะปกป้องคุณแม่เอง!‘เพราะว่าคุณแม่เป็นคุณแม่ที่ผมรักที่สุด!’ ...ตอนบ่าย ทนายกู้เอายูเอสบีแฟลชไดรฟ์อันเล็ก ๆ มา
ในตอนนี้หลิงอี้หรานบอกกับเจ้าหน้าที่ทีมงานว่าเธอมาส่งยูเอสบีแฟลชไดรฟ์ให้หวาลี่ฟาง และเดินตัดผ่านกลุ่มคนไปยังบริเวณพักผ่อนของทีมงานถ่ายทำซึ่งติดต่อขอยืมมาจากทางห้างสรรพสินค้าช่างแต่งหน้ากำลังแต่งหน้าให้หวาลี่ฟางอยู่ เธอยังไม่ได้เปลี่ยนเป็นชุดสำหรับเข้าฉาก และยังคงสวมเสื้อผ้าของตัวเองอยู่ซึ่งทั้งหมดเป็นเสื้อผ้าแบรนด์หรูทุกชิ้น นอกจากนั้นแบรนด์หรูที่หวาลี่ฟางชอบก็มักจะมีโลโก้สะท้อนแสงราวกับว่าเธอกลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าเธอกำลังสวมเสื้อผ้าแบรนด์อะไรอยู่เธอยังสวมแหวนและสร้อยข้อมือที่ทั้งหมดรวมกันแล้วเป็นราคามูลค่ามหาศาลอีกด้วยเมื่อเห็นการแต่งตัวของหวาลี่ฟางแล้ว หลิงอี้หรานจึงคิดว่า ใครจะไปนึกออกว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอคนนี้มีลักษณะเป็นอย่างไรตอนที่อยู่ในเมืองเล็ก ๆ เมื่อก่อนนี้ “อี้หรานมาแล้ว” หวาลี่ฟางกล่าวและแสร้งทำเป็นตื่นเต้น “นี่ยูเอสบีที่เธออยากได้” หลิงอี้หรานพูดและดึงยูเอสบีแฟลชไดรฟ์ออกมาส่งให้หวาลี่ฟางหวาลี่ฟางไม่ได้รับมันไป แต่กลับพูดว่า “ตอนนี้ฉันกำลังยุ่งอยู่น่ะ เดี๋ยวก็ถึงคิวฉันถ่ายแล้ว ทำไมเธอไม่ไปเดินเล่นรอแถวนี้ก่อนล่ะ? นอกจากเรื่องยูเอสบีแฟลชไดรฟ์แล้ว ฉันก็อยากถาม
เป็นไปอย่างที่คิด บางคนที่อยู่แถวนั้นได้ยินสิ่งที่อู๋หมินชุยพูดและตอนนี้ก็มองมาด้วยสายตาบางอย่างบางคนถึงกับถามว่า “นาง... เคยเข้าคุกมาเหรอ? แต่ทำไมยังเป็นผู้ช่วยทนายได้อีกล่ะ... ในเมื่อเคยเข้าคุกมานี่ไม่ใช่เหรอ?”พวกเขาพูดถึงหลิงอี้หรานอยู่! อู๋หมินชุยมองหลิงอี้หรานด้วยความอิจฉา ‘ยัยผู้หญิงคนนี้ยังเป็นผู้ช่วยทนายความได้หลังจากออกจากคุกด้วยงั้นเหรอ?’ผิดกับเธอที่เมื่อออกมาแล้วกลับมีชีวิตที่ไม่ราบรื่นนักเมื่อเทียบกับตอนอยู่ในคุก เพราะอย่างน้อยตอนอยู่ในคุกเธอยังสามารถอวดเบ่งต้องหน้าผู้ต้องขังคนอื่น ๆ ได้หลิงอี้หรานเคยชินกับสายตาแปลกประหลาดรอบตัวไปเสียแล้ว และไม่อยากจะอธิบายอะไร ทว่าไม่คาดคิดเลยว่าหวาลี่ฟางจะช่วยหาข้อแก้ต่างให้เธอด้วยการกล่าวว่า “ก็แค่สองปีเอง ไม่เห็นเป็นไรเลย”พูดจบหวาลี่ฟางก็มองไปยังหลิงอี้หรานด้วยสายตาที่แสร้งว่าจิตใจดีพลางพูดว่า “อี้หราน เราเป็นญาติกันนะ ฉันไม่สนหรอกว่าเธอเคยเข้าคุกมา ถ้ามีเรื่องลำบากอะไร ก็บอกฉันได้”แสงสะท้อนปรากฏผ่านดวงตาของอี้หราน นี่ยัยลูกพี่ลูกน้องของเธอพยายามแสดงความรักพี่รักน้องออกมาอีกแล้วเหรอ?เป็นไปตามคาด บางคนที่ยกยอปอปั้นหวาลี่ฟาง