ยามตะวันใกล้ลับขอบฟ้าจิ้งหรีดที่เกาะอยู่ตามต้นไม้เริ่มพากันส่งเสียงร้องระงมชวนให้คนฟังขนลุกไม่น้อย สายลมเย็นโชยกระทบผิวนวลของร่างบางที่นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ภายในกระท่อมจนรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงกระดูกบนผิวขาวเนียนของเธอเต็มไปด้วยรอยยุงกัดแสบคันไปหมดครั้นจะใช้มือปัดปายยุงที่มาสูบเลือดจากตัวก็ทำไม่ได้เพราะถูดมัดไว้
"พ่อ แม่ช่วยหนูด้วยหนูกลัวเหลือเกิน" ความกลัวเข้าเกราะกุมใจดวงน้อยๆ ของเอวามากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อรอบตัวเริ่มมืดสนิทในกระท่อมไม่มีแม้แต่ตะเกียงหรือเทียนสักเล่มสำหรับให้ความสว่าง
"กรี๊ดด!" เสียงกรีดเปล่งออกจากริมฝีปากเอิบอิ่มด้วยความตกใจในตอนที่ตุ๊กแกแผดเสียงดังขึ้น ร่างบอบบางสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวสุดขีดน้ำสีใสไหลอาบสองแก้มนวลหยดลงบนคอเสื้อจนเปียกปอน ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆ กระท่อมผ่านความความมืดสลัวอย่างหวาดระแวงเธอไม่สามารถรู้ได้เลยว่าตอนนี้ตุ๊กแกตัวนั้นอยู่ส่วนไหนของกระท่อมและอยู่ใกล้เธอหรือเปล่า
"อะ..โอ้ย!" ไม่ทันที่อาการหวาดกลัวจะได้จางหายไปเธอก็ต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดร้องโอดครวญออกมาเมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกปวดบริเวณท้องตามมาด้วยเสียงร้องของท้องคงเป็นเพราะตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้เธอไม่มีข้าวตกถึงท้องสักเม็ดน้ำสักหยดก็ไม่มีเลยทำให้ท้องไส้ปั่นป่วน เหงื่อเม็ดเล็กเริ่มผุดขึ้นตามกรอบหน้าทั้งที่อากาศเย็น
"โอ้ย! ทำไมมันปวดอย่างนี้" ฟันคมขบลงบนกลีบปากอวบจนแดงเถือก นิ้วเท้าจิกเกร็งลงบนพื้นรองเท้าอย่างแรงสะกดกลั้นความเจ็บปวดที่กำลังเล่นงานท้องไส้ของเธอมันช่างทรมานรู้สึกเจ็บปวดเหมือนจะตายเสียให้ได้
นี่เธอต้องอยู่ท่ามกลางความมืด ต้องทนหิวทนทรมานจากอาการปวดท้อง ต้องนอนบนพื้นสกปรกจริงๆ หรือทำไมสวรรค์ช่างโหดร้ายกับเธอเหลือเกินทั้งที่เธอไม่เคยทำร้ายใคร แล้วเธอจะผ่านพ้นคืนนี้ไปได้ไหมหรือจะตายเป็นผีเฝ้ากระท่อมอยู่ที่นี่ความกลัวประดังเข้ามาหยาดน้ำตาไหลออกจากตาคู่สวยไม่ขาดสาย
"สู้ๆ สิเอวาเธอจะมาตายที่นี่ไม่ได้" เอวากลืนก้อนสะอื้นลงคอพยายามเรียกแรงฮึดสู้ให้ตัวเองเธอจะมัวสิ้นหวังไม่ได้ ก่อนคลานไปล้มตัวลงนอนบนเสื่อเก่าๆ ด้วยความจำใจข่มตาให้หลับลงเพื่อหลีกหนีความกลัวและความเจ็บปวด เนื้อตัวของเธอเริ่มสั่นเทาเมื่ออากาศยิ่งเหน็บหนาวขึ้นเรื่อยๆ จนต้องนอนขดตัวในใจก็ขอพรภาวนาให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัยถึงวันพรุ่งนี้ไม่หนาวตายเสียก่อน น้ำสีใสค่อยๆ ไหลออกจากห่างตาคู่สวยอีกครั้งอย่างกลั้นไม่อยู่เธอกลัวเหลือเกินกลัวว่าจะไม่ได้กลับไปเจอหน้าพ่อกับแม่อีก
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอนอนร้องไห้อยู่อย่างนั้นก่อนเสียงสะอื้นจะค่อยๆ เงียบลงคงเป็นเพราะควมเพลียทำให้เธอผล็อยหลับไปในที่สุด
วันต่อมา
"อื้ออ" แสงแดดอ่อนๆ ยามแปดโมงเช้าสาดส่องผ่านช่องฝาสานไม้ไผ่เข้ามากระทบเปลือกตาของร่างบางที่นอนขดตัวอยู่ในกระท่อมให้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในเช้าของวันใหม่
"ฉันยังไม่ตายเหรอ" น้ำเสียงแหบแห้งเปล่งออกจากริมฝีปากเอิบอิ่มเบาๆ เมื่อลืมตาขึ้นมาพบกับแสงตะวันเธอยังคงนอนนิ่งอยู่อย่างนั้นเพราะรู้สึกอ่อนเพลียจนไม่มีเรี่ยวแรงจะลุกขึ้นอีกทั้งอาการปวดท้องก็ยังไม่หายไป
ใบหน้าสวยคม ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อบัดนี้ได้เปลี่ยนเป็นซีดเผือดไร้เลือดผาดเรี่ยวแรงของเธอเริ่มอ่อนล้าลงทุกทีจากการขาดน้ำขาดอาหารมาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ แต่เธอก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะผ่านพ้นคืนอันโหดร้ายนั้นมาได้
โคร่ม!
ร่างบางถึงกับสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ ประตูก็ถูกเปิดออกอย่างแรงจนเสียงดังโครมครามราวกับประตูจะหลุดติดมือคนเปิด ก่อนรีบหยัดกายลุกขึ้นนั่งด้วยความเร็วในตอนที่เห็นร่างสูงเดินเข้ามา
"นึกว่าจะตายซะแล้วทนใช้ได้นิ" ภาคินแสยะยิ้มมุมปากจับจ้องร่างบางตรงหน้าด้วยแววตาสมเพช สภาพของเธอต้องนี้ชั่งดูไม่ได้เสียเลยตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยยุงกัดเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไรฝุ่นจนดูสกปรกมอมแมมหมดคราบคุณหนูไฮโซ "เป็นไงได้ลองลิ้มรสความลำบากแล้วรู้สึกยังไงบ้าง"
เอวาได้แต่เก็บงำความโกรธเอาไว้ ข่มไม่ได้ตัวเองแสดงความอ่อนแอออกมาต่อหน้าผู้ชายใจร้ายให้เขาหัวเราะเยาะได้ ค่อยๆ แหงนหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยแววตาแข็งกร้าวเธอเกลียดเขา เธอโกรธเขา โกรธทุกอย่างที่ทำให้เธอต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ "พอใจคุณหรือยังที่เห็นฉันเป็นแบบนี้ ปล่อยฉันไปได้หรือยัง"
"นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้นไอวา" คำตอบของร่างสูงทำเอาคนฟังถึงกับเหวอ ดวงตากลมโตจับจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจเขาจับเธอมาทรมานขนาดนี้แล้วยังไม่สาแก่ใจอีกเหรอเธออยากจะรู้จริงๆ ว่าสิ่งที่พี่สาวฝาแฝดทำมันเลวร้ายมากใช่ไหมถึงทำให้คนคนนึงโกรธแค้นได้มากมายเช่นนี้
"คุณแค้นอะไรนักหนาถึงต้องทำกันขนาดนี้" เสียงหวานเปล่งออกจากริมฝีปากเอิบอิ่มอย่างไม่เข้าใจหากเธอหลีกเลี่ยงเวรกรรมครั้งนี้ไม่ได้อย่างน้อยเธอก็สมควรได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ระหว่างเขากับพี่สาวฝาแฝดของเธอ
"อย่ามาตีหน้าซื่อไอวาคุณรู้อยู่แกใจดีว่าตัวเองทำเลวอะไรกับผมไว้บ้าง" ภาคินใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างนึกโมโหที่ร่างบางเอาแต่ตีหน้าซื่อปฏิเสธทั้งๆ ที่มีหลักฐานยืนยันว่าเธอคือไอวาจริงๆ ดวงตาคมกริบจับจ้องใบหน้าคมเขม็งพร้อมเอ่ยขึ้นอีกครั้ง "เลิกแสดงแล้วไปทำงานซะถ้าไม่อยากอดตาย"
"หมายความว่าไง"
"อยู่ที่นี่คุณต้องทำงานแลกข้าวปลาอาหาร"
"ฉันไม่ทำ"
"ไม่ทำก็ได้แต่คุณคงต้องอดตายเป็นผีเฝ้ากระท่อมอยู่ที่นี่"
"...." ริมฝีปากเอิบอิ่มเม้มเข้าหากันแน่นเมื่อสิ้นเสียงทุ้มดวงตากลมโตจับจ้องร่างสูงด้วยแววตาโกรธแค้นเธอรู้ว่าคนอย่างเขาจะทำอย่างที่พูดจริงๆ หากเธออยากมีชีวิตรอดกลับไปหาครอบครัว และทวงความยุติธรรมจากพี่สาวฝาแฝดก็คงต้องยอมทำตามคำสั่งของเขาแล้วค่อยหาหนทางหนีออกไป
เธอจะไม่ยอมตายอยู่ที่นี่แล้วปล่อยให้คนผิดอย่างพี่สาวฝาแฝดอยู่อย่างสุขสบายไม่สำนึกกับความผิดของตัวเองพี่สาวจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ เมื่อก่อนเธอยอมพี่สาวทุกอย่างเพราะคิดว่าพี่สาวใช้ชีวิตอยู่ไทยลำบากกว่าเธอมากๆ จึงอยากชดเชยความสุขให้บ้างแต่เมื่อพี่สาวไม่เห็นเธอเป็นน้องเธอก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพื่อพี่สาวอีกแล้ว ความรักความผูกพันมันพังทลายไปตั้งแต่วินาทีที่รู้ว่าพี่สาวฝาแฝดตั้งใจส่งเธอลงนรกแล้วในใจมีแต่ความโกรธ ความผิดหวังและความเสียใจ
ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งโกรธแค้นพี่สาวฝาแฝด มือเรียวกำเข้าหากันแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนข่มอารมณ์เอาไว้เรียกแรงฮึดสู้ให้ตัวเอง แล้วแหงนหน้าขึ้นพูดกับร่างสูงอีกครั้ง "ตอนนี้ฉันทำไม่ไหวหรอกนะ ฉันไม่ได้กินข้าวกินน้ำมา1 วัน1 คืนเต็มๆ แล้ว"
"งั้นผมจะใจดีให้คุณกินข้าวฟรี1 มื้อ" ภาคินกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปากก่อนหมุนตัวเดินออกไปจากกระท่อมทิ้งให้หญิงสาวมองตามหลังด้วยความสงสัยทำไมจู่ๆ เขาถึงพูดง่ายใจดีขนาดนั้นสัญชาตญาณของเธอมันบอกว่าไม่น่าไว้ใจ
และเธอคิดไม่ผิดจริงๆ เมื่อได้เห็นกะละมังเก่าๆ ที่ชายหนุ่มเอาวางตรงหน้าเธอข้างในมีข้าวกับแกงที่ถูกเทร่วมกันมันเหมือนข้าวหมามากกว่าข้าวคน หรือบางทีข้าวหมาอาจจะดีกว่าข้าวที่เขาเอามาให้เธอด้วยซ้ำไป
"กินซะสิหิวไม่ใช่เหรอ" เสียงทุ้มเอ่ยอย่างเย้ยหยันเมื่อหญิงสาวเอาแต่นั่งนิ่งการกระทำของเขาสร้างความโกรธแค้นให้ร่างบางเป็นอย่างมาก
"ฉันเป็นคนไม่ใช่หมา อีกอย่างข้าวแบบนี้หมาก็คงจะแดกไม่ลง" ดวงตากลมโตจ้องมองร่างสูงเขม็งเขาทำแบบนี้ก็เปรียบเสมือนเธอเป็นหมาแค่ไม่พูดออกมาก็เท่านั้นเองเธอโกรธเขาจนตัวสั่น น้ำตาเริ่มเอ่อคลอตาคู่สวยจนพร่ามัวถึงแม้พยายามจะกลั้นแล้วก็ตามเพราะไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้เขาเห็นแต่สุดท้ายก็กลั้นไม่อยู่ น้ำตาที่ไหลออกมาไม่ได้เกิดจากความอ่อนแอแต่เกิดจากความคับแค้นใจต่างหาก เธอคับแค้นใจที่เขามารังแกแต่เธอไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย
"คุณมันก็ไม่ต่างจากสุนัขจิ้งจอกนักหรอกไอวา"
"ถ้าฉันเป็นสุนัขจิ้งจอก คุณมันก็ผีห่าซาตาน"
"ปากดีงั้นข้าวก็ไม่ต้องกินมันแล้ว" ภาคินใช่ลิ้นดันกระพุ้งแก้มมองร่างบางด้วยแววตาเกรี้ยวกราด สิ้นเสียงพูดเท้าใหญ่ก็เตะกะละมังข้าวอย่างแรงจนลอยไปชนข้างฝาข้าวกระเด็นกระดอนเกลื่อนเต็มพื้นไปหมด ร่างบางถึงกับสะดุ้งโหย่งด้วยความตกใจกับการกระทำของชายหนุ่มเขามันป่าเถื่อนที่สุด
"ยะ..อย่าเข้ามานะ" ใจดวงน้อยกระตุกวูบขึ้นมาดื้อๆ ความกลัวเริ่มเข้าเกราะกุมเมื่อร่างสูงย่างสามขุมเข้าหาเธอช้าๆ จ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ร่างกายเริ่มกระเถิบถอยหลังหนีตามสัญชาตญาณเมื่อรับรู้ได้ถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา
"อย่าเข้ามาใกล้ฉัน" เอวาร้องห้ามเสียงสั่นเมื่อกระเถิบถอยหลังจนติดฝาสานไม้ไผ่แต่ร่างสูงก็ยังย่างสามขุมเข้าหาเธอไม่ยอมหยุด ดวงตากลมโตจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความหวาดหวั่นคงไม่ใช่ว่าเขาโกรธที่เธอไปว่าเขาเป็นผีห่าซาตานแล้วจะเตะเธอเหมือนกะละมังใบนั้น"ปากเก่งไม่ใช่เหรอกลัวทำไม" เสียงทุ้มเปล่งออกจากริมฝีปากหนาอย่างเย้ยหยันกับท่าทางตื่นตระหนกแววตาหวาดหวั่นของเธอ เท้าใหญ่เดินมาหยุดยืนตรงหน้าร่างบางก่อนจะเอื้อมมือไปจับเข็มขัดที่เหลือยาวออกมาจากการมัดข้อมือเล็กไว้ ขณะที่อีกคนก็พยายามพาตัวหนีดึงข้อมือออกจากการจับกุมสุดแรง "คุณจะทำอะไร""โอ๊ย!" เธอหลุดร้องด้วยความเจ็บในตอนที่ชายหนุ่มดึงกระชากเข็มขัดอย่างแรงทำให้เสียดสีกับแผลถลอกจนเลือดซิบออกมา ตัวลอยขึ้นปะทะร่างสูงจังๆ ก่อนจะล้มลงนั่งกองกับพื้นอีกครั้งสร้างความเจ็บปวดให้เธอไม่น้อย ฟันคมขบลงบนกลีบปากเอิบอิ่มจนหอเลือดข่มความเจ็บปวดเอาไว้ ก่อนแหงนหน้าต่อว่าเจ้าของการกระทำอันป่าเถื่อนด้วยความโกรธ "ฉันเป็นผู้หญิงนะทำไมคุณต้องทำรุนแรงกับฉันด้วย""เพราะผมมีความสุขที่ได้เห็นความเจ็บปวดของคุณไงไอวา" ร่างสูงตอบอย่างไร้ความรู้สึกแสยะยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันเขาส
เอวาถูกคนงานวัยกลางอุ้มมาวางลงในกระท่อมหลังจากนั้นไม่นานก็เห็นผู้จัดการปางและเมียสาวเดินกึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้าไปในกระท่อม"ทำไมคุณภาคินถึงเอาผู้หญิงคนนี้มาไว้ที่กระท่อมร้างกลางป่าแบบนี้คะพี่พี" ลิลลี่ภรรยาของพีรวัฒน์หันไปถามสามีด้วยความสงสัยเมื่อเห็นร่างบางที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเสื่อเก่าๆ เปรอะเปื้อนไปด้วยไรฝุ่นทำให้เกิดความสงสารขึ้นมาจับใจ"พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน คุณภาคินแค่ให้พี่มาเฝ้าเธออยู่ห่างๆ แล้วพี่ก็ไม่กล้าถามด้วยกลัวโดนด่า" พีรวัฒน์ตอบเมียสาวตามความจริงเขาก็รู้สึกสงสารผู้หญิงคนนี้ไม่แพ้กันแต่ก็ทำอะไรไม่ได้"น่าสงสารจัง" ลิลลี่พึมพำออกมาเบาๆ ก่อนนั่งลงข้างๆ ร่างบางแล้วหยิบยาดมออกมาจากกระเป๋ายาจ่อไปที่จมูกโด่งสันของคนที่นอนไม่ได้สติเธอมองใบหน้าสวยคมที่ซีดเผือดอย่างพินิจพิจารณาถึงแม้จะมอมแมมแต่ก็ดูออกว่าหญิงสาวเป็นคนสวยมาก อีกทั้งผิวพรรณก็ขาวผุดผ่องเรียบเนียนคงไม่ใช่คนแถวนี้น่าจะเป็นคุณหนูของบ้านไหนสักแห่ง"ตัวร้อนจี้เลยค่ะพี่พี" เสียงหวานเปล่งบอกผู้เป็นสามีด้วยความตกใจเมื่อสัมผัสลงบนผิวเนียนของหญิงสาว อุณหภูมิร่างกายร้อนระอุจนน่าตกใจหากปล่อยไว้คงช็อคเป็นแน่ เธอรีบหันไปสั่งสามีด้
โคร่ม!เสียงเปิดประตูทำให้ร่างบางที่กำลังนอนหลับอยู่สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งอัตโนมัติ มือเรียวยกขึ้นขยี้ตาเบาๆ ไล่อาการงัวเงียแล้วเพ่งมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ"เช้าแล้วเหรอ" เสียงหวานพึมพำเบาๆ เธอจำไม่ได้เลยว่าเมื่อวานตัวเองเผลอหลับไปตอนไหนคงเป็นเพราะฤทธิ์ยาลดไข้ทำให้นอนหลับเสียสนิทรู้ตัวอีกทีก็เช้าของอีกวันแล้ว หน้าตาของเธอดูสดชื่นมีเลือดฝาดดีกว่าเมื่อวานเยอะคงเพราะได้ทานอาหารและพักผ่อนเต็มที่จะมีก็แต่อาการมึนๆ จากพิษไข้นิดหน่อย ดวงตากลมโตปรายมองร่างสูงที่เพิ่งเดินพ้นประตูเข้ามานิ่งๆ รอดูว่าเขาจะทำอะไรเธออีก ภาคินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหญิงสาวนั่งอยู่หน้าตาก็ดูดีขึ้นกว่าเมื่อวานมากเขาคิดว่าเธอจะนอนซมเพราะพิษไข้ หรือไม่ก็สำออยแกล้งป่วยเพื่อจะได้ไม่ต้องทำงานเสียอีก ดวงตาคมกริบไล่มองร่างบางตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าก่อนออกคำสั่งเสียงดุ "ตื่นแล้วก็ไปทำงาน""...." สิ้นเสียงทุ้มร่างบางก็หยัดกายลุกขึ้นยืนทันที เธอเลือกจะไม่ตอบโต้ชายหนุ่มให้เปลืองน้ำลายถึงตอบโต้ไปก็ไมชนะเขาอยู่ดีสู้เก็บแรงไว้ขนฟืนขึ้นรถดีกว่า อีกคนยิ่งแปลกใจเข้าไปอีกกับท่าทางนิ่งสงบของร่างบางดวงตาคมกริบจับ
หลายวันต่อมา"คุณเอวาครับ ผมเอาข้าวมาให้ครับ" เอวาที่กำลังขนไม้ฟืนขึ้นรถชะงักหยุดเมื่อเสียงทุ้มของพีรวัฒน์ดังขึ้นด้านหลัง เธอหันไประบายยิ้มอ่อนๆ ให้เจ้าของเสียง แล้วรีบเอาไม้ไปวางท้ายรถจากนั้นจึงเดินไปหาชายหนุ่ม"ขอบคุณมากนะคะ ลำบากคุณพีแย่เลยต้องมาส่งข้าวให้ฉันทุกวัน" เธอยื่นมือไปรับข้าวกล่องจากชายหนุ่มพร้อมเอ่ยขอบคุณด้วยความเกรงใจ"มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ คุณภาคินสั่งไว้" พีรวัฒน์ยิ้มตอบ อีกคนเพียงระบายยิ้มอ่อนๆ พอพูดถึงภาคินผู้ชายใจร้าย เธอก็ไม่ได้เจอเขามา3 วันแล้ว พีรวัฒน์บอกว่าเขากลับไปกรุงเทพซึ่งมันเป็นเรื่องดีมากๆ ตั้งแต่ไม่มีเขาเธอก็สบายใจขึ้นเยอะไม่ต้องมานั่งระแวงว่าเขาจะหาเรื่องอะไรทรมานเธออีก และเป็นโอกาสที่เธอจะได้หาช่องทางหนี แต่ดูเหมือนการออกไปจากที่นี่ไม่ง่ายเอาเสียเลยเพราะเธอพยายามหาหนทางมา2-3 วันแล้วก็ยังไม่เห็นสักช่องทาง พอคิดถึงเรื่องนี้เธอถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่คิดไม่ตกจริงๆ ว่าควรทำยังไง"คุณเอวาเป็นอะไรหรือเปล่าครับ" พีรวัฒน์ถามขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวยืนเหม่อลอย ใบหน้าตึงเครียดคล้ายกับกำลังคิดอะไรอยู่ เสียงของเขาทำให้เอวาหลุดออกจากห้วงความคิด "เปล่าค่
ภาคินพุ่งตรงไปยังกระท่อมของหญิงสาวทันทีที่เดินทางมาถึงปางไม้ ทว่าเขาก็ต้องชะงักเท้าอัตโนมัติเมื่อเดินเข้าใกล้บริเวณกระท่อมแล้วได้ยินเสียงคนคุยกันดังเว่วมา"ดีขึ้นหรือยังครับ""ยังรู้สึกระคายเคืองนิดหน่อยค่ะ" "ว๊ายย!" ร่างสูงยืนฟังบทสนทนาของคนทั้งสองเงียบๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงร้องอุทานของหญิงสาวจึงรีบปรี่เข้าไปในกระท่อมด้วยความเร็ว"ทำอะไรกัน!" เสียงทุ้มตะเบ็งดังลั่นด้วยความรู้สึกโมโหเมื่อเปิดประตูเข้ามาเห็นทั้งสองกำลังนอนทับกันโดยพีรวัฒน์อยู่ด้านบนหญิงสาวนอนด้านล่างทำให้คิดเป็นอื่นไม่ได้จริงๆ นอกจากทั้งสองกำลังจะทำเรื่องบัดสีบัดเถลิง"คุณภาคิน""คุณ" พีรวัฒน์กับเอวาเบิกตากว้างด้วยความตกใจเอ่ยออกมาอย่างพร้อมเพรียง เมื่อหายตกใจก็รีบผละออกจากกันแล้วลุกขึ้นยืนด้วยความเร็ว"มันไม่ใช่อย่างที่คุณภาคินคิดนะครับ" พีรวัฒน์รีบอธิบายพัลวัน ส่วนเอวายืนมองทั้งสองหนุ่มสลับไปมาด้วยความงุนงงเธอก็แค่เสียหลักล้มแล้วคว้าตัวพีรวัฒน์เอาไว้เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยว แต่เขาดันเสียหลักล้มลงไปกับเธอด้วยไม่ได้มีอะไรในก่อไผ่เลยสักนิด"กลับไปดูเมียพีรวัฒน์ อย่ามายุ่งกับผู้หญิงคนนี้" ภาคินผ่อนลมหายใจเข้าออกเบาๆ พยายา
"คุณไม่ใช่ไอวา" ดวงตาคมกริบฉายแววสับสนอย่างชัดเจนจับจ้องคนที่นอนสะอื้นให้ใต้ร่างไม่วางตา ความรู้สึกผิดก่อตัวขึ้นในใจนิดๆ แต่เพียงชั่วครู่เท่านั้นก่อนแววตาจะกลับมาแข็งกร้าวเหมือนเดิม"ระ..รู้แล้วก็ออกไปจากตัวฉันคนสารเลว" ร่างบางมองใบหน้าหล่อเหลาผ่านม่านน้ำตาด้วยแววตาเกลียดชังพลางออกแรงบิดข้อมือให้หลุดจากการจับกุมของมือหนา ภายในใจของเธอมันแหลกเหลวไม่มีชิ้นดีไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองต้องมาพบเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ความบริสุทธิ์ที่เก็บรักษามา20 กว่าปีถูกผู้ชายสารเลวพรากไปในเวลาอันรวดเร็วไม่ทันให้เธอได้ตั้งตัวตั้งใจสักนิด เธอเกลียดเขา เกลียดพี่สาวฝาแฝด เกลียดที่ฟ้าไม่ยุติธรรมทำให้เธอต้องมารับกรรมในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่ออีกคนหาได้สะทกสะท้านไม่กลับกดข้อมือเล็กกับพื้นแน่นขึ้นจับจ้องใบหน้าคมอยู่อย่างนั้นนานนับนาที ก่อนดึงแก่นกายออกจากร่องสวาทคับแคบลุกขึ้นยืนรูดซิบใส่กระดุมกางเกงให้เรียบร้อยทั้งที่ยังมีคราบเลือดติดอยู่ ส่วนร่างบางเมื่อได้รับอิสระก็รีบพยุงกายลุกขึ้นนั่งดึงกางเกงขึ้นมาสวมใส่ทันที กัดฟันข่มความปวดร้าวระบมกลางกายสาวเอาไว้ไม่แสดงอาการใดๆ ออกมาให้ร่างสูงสมเพชแม้จะรู้สึกเจ็บปวดเพียงใ
'ครืด ครืด' เสียงโทรศัพท์ปลุกให้ร่างสูงที่นอนหลับอยู่บนเตียงคิงไซส์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่ มือหนาเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์มากดรับสายทั้งที่ตายังปิดสนิท ก่อนกรอกน้ำเสียงงัวเงียลงตามสาย"ภาคินพูดสายครับ"(ผมเองครับคุณภาคินที่ให้ไปสืบได้เรื่องแล้วนะครับ) "ฉันรู้แล้วว่าเธอมีฝาแฝด"(งั้นคุณภาคินต้องการรู้อะไรเกี่ยวกับไอวาและฝาแฝดไหมครับ)"คุณรู้อะไรบ้างก็ว่ามา"(ฝาแฝดของไอวาชื่อเอวาครับ เธอไปอยู่กับพ่อที่นอร์เวย์ตั้งแต่เด็กครับเพิ่งกลับมาไทยเมื่อไม่กี่วันก่อน)"อืม คุณให้นักสืบตามสืบเรื่องของไอวาต่อยิ่งได้เรื่องเน่าเฟะของเธอก็ยิ่งดี บอกนักสืบฉันมีค่าจ้างให้ไม่อั้น"(ได้ครับ) นิ้วเรียวกดวางสายแล้ววางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมหลังจากสั่งงานผู้ช่วยคนสนิทเสร็จ ก่อนใช้มือนวดคลึงขมับเบาๆ พร้อมปรือตาขึ้นช้าคงเป็นเพราะเมื่อวานดื่มแอลกอฮอล์มากไปหน่อยเลยทำให้รู้สึกมึนๆ"เอวา" เหตุการณ์เมื่อคืนผุดขึ้นในสมองเป็นฉากๆ เมื่อสายตาสะดุดเข้ากับร่างบางที่นอนหลับข้างๆ เสียงกรีดร้องและท่าทางแสนเจ็บปวดของเธอยังคงชัดเจนในสมองแม้จะเมาก็แต่เขาก็รู้ว่าทำอะไรลงไปเขาข่มแหงรังแกเธอซ้ำๆ จนเธอรับไม่ไหวแล้วสลบไป"เ
"อื้อ โอ้ยย!"ร่างบางที่โดนพิษไข้เล่นงานนอนหลับไป1 วัน1 คืนเต็มๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่ เสียงหวานร้องโอดครวญออกมาเบาๆ เพียงแค่ขยับตัวก็ปวดร้าวระบมไปทั้งช่วงล่างโดยเฉพาะกลางกายสาว"ตื่นได้สักทีนะเอวา" ดวงตากลมโตเบิกโพลงด้วยความตกใจเมื่อเสียงทุ้มอันคุ้นเคยดังขึ้นเหนือศีรษะ เมื่อแหงนหน้าขึ้นมองก็พบว่าเขานั่งพิงหัวเตียงจับจ้องเธออยู่ "อึก""อะ..ไอ้สารเลว" เธอรีบพยุงกายลุกขึ้นนั่งแล้วพาตัวถอยห่างร่างสูงด้วยความหวาดกลัว น้ำสีใสค่อยๆ เอ่อคลอตาคู่สวยอย่างกลั้นไม่อยู่เพียงเห็นหน้าเขาภาพที่เธอโดนย่ำยีก็ฉายขึ้นในสมองเป็นฉากๆ หัวใจของเธอแตกสลายไม่เหลือชิ้นดีมันเจ็บปวดรวดร้าวจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้"แต่เมื่อคืนคุณยังนอนกอดคนสารเลวคนนี้อยู่เลยนะเอวา" ภาคินกดยิ้มมุมปากพร้อมกับคลานเข้าหาร่างบางที่นั่งปลายเตียงช้าๆ ทำอีกคนต้องรีบดีดตัวลงจากเตียง"โอ้ยย!"ตุ้บ! แต่เพียงเท้าแตะถึงพื้นเท่านั้นใบหน้าคมก็ต้องเบ้ออกมาด้วยความเจ็บ ขาอ่อนยวบร่วงลงไปนั่งกองกับพื้น"หึ" เสียงเค้นหัวเราะดังกระหึ่มในลำคอหนาอย่างเย้ยหยันกับภาพตรงหน้า เอวาได้แต่เม้มปากแน่นข่มความเจ็บเอาไว้ใช้มือยันพื้นพยายามถ
5 ปีต่อมาวันเวลาหมุนเวียนดำเนินไปเรื่อย ๆ นี่ก็ผ่านมาห้าปีแล้วที่เอวากับภาคินได้สร้างครอบครัวด้วยกัน ทั้งสองคนได้ตกลงแต่งงานจดทะเบียนสมรสกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อสามปีก่อนมีลูกเป็นโซ่ผูกใจด้วยกันสามคนก็คืออลัน อลินดา อคิน และยังมีบุตรสาวบุตรธรรมอีกหนึ่งคนชื่อพะพายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับอคินบุตรชายคนสุดท้อง"มามี๊ แด๊ดดี๊พี่อลันแกล้งพะพายอีกแล้วครับ" เสียงของอคินเด็กน้อยวัยสี่ขวบเศษ ๆ หน้าตาหล่อเหลาตั้งแต่เด็กวิ่งเข้ามาฟ้องบิดากับมารดาที่นั่งอยู่ในบ้านเสียงดั่งลั่น ภาคินกับเอวาที่กำลังนั่งคุยกันถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนลุกเดินตามบุตรชายคนเล็กออกไปยังลานหน้าบ้าน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกชายคนโตอย่างอลันทะเลาะกับลูกบุตรธรรมแต่มันเกิดขึ้นตลอดตั้งแต่พวกเขารับพะพายเด็กกำพร้ามาเลี้ยงดู "พะพาย! ยัยตัวแสบกล้าทำฉันเลือดออกเหรอห๊ะ""พะพายไม่ได้ตั้งใจนะ ก็พี่อลันแกล้งพะพายก่อน""ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่ ฉันไม่ใช่พี่เธอ" เสียงของอลันกับพะพายที่กำลังทะเลาะกันดังแว่วมาทำให้ภาคินต้องรีบเดินเข้าไปห้ามศึก "ทะเลาะอะไรกันอลัน พะพาย" อลันกับพะพายเงียบปากลงทันทีมองหน้าผู้เป็นบิดาตาปริบ ๆ ภาคิน
วันต่อมา"แด๊ดดี๊ มามี๊ๆ" เสียงร้องตะโกนของสองแฝดที่ดังอยู่หน้าห้องปลุกให้คนเป็นพ่อแม่อย่างเอวากับภาคินที่กำลังนอนกอดกันอยู่ภายในห้องรู้สึกตัวตื่น"คุณนอนต่อเถอะผมไปเปิดประตูให้ลูกเอง" ภาคินยกมือขึ้นรั้งไหล่เมียสาวที่กำลังจะลุกให้นอนลงเหมือนเดิมเพราะอยากให้เธอพักผ่อนเมื่อคืนเขาเล่นต่อแขนต่อขาให้ลูกจนเธอแทบหมดแรง ก่อนเขาจะลุกลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้ลูกแทน"กู๊ดมอร์นิ่งค่ะแด๊ดดี๊" อลินดาเอ่ยทักทายเสียงใสพร้อมฉีกยิ้มจนตายีทันทีที่บิดาเปิดประตูออกมา"มอร์นิ่งคิดส์ครับคนสวย" ภาคินย่อตัวลงหอมแก้มซ้ายแก้มขวาของบุตรสาวฟอดใหญ่แล้วหอมแก้มบุตรชายต่อ "มอร์นิ่งคิดส์ครับคนหล่อ""มอร์นิ่งครับแด๊ดดี๊" อลันยิ้มตอบบิดาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจากนั้นก็พากันเดินเข้าไปในห้อง"ทำไมไม่นอนต่อ" ใบหน้าหล่อเหลาเลิ่กคิ้วขึ้นถามเมื่อเห็นว่าร่างบางนั่งพิงหัวเตียงอยู่"นอนไม่หลับแล้ว" เอวาระบายยิ้มตอบชายหนุ่มแล้วหันไปถามไถ่สองแฝดต่อ "เมื่อคืนนอนกับคุณปู่ คุณย่าเป็นไงบ้างคะ""สบายมากครับ สบายมากค่ะ" สองแฝดตอบเสียงเจื้อยแจ้วก่อนอลินดาจะกระโดดขึ้นเตียงไปนั่งทับหน้าขามารดาที่นั่งยืดขายาวเหยียด การกระทำของบุตรสาวสร้างความ
"ว๊าย!""ภาคินปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ" เอวาร้องท้วงเสียงดังลั่นเมื่อจู่ ๆ ชายหนุ่มก็เดินอ้อมมาช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวขณะที่เธอกำลังลงจากรถหลังจากรถมาจอดลงหน้าบ้านวิโรจน์อัครโชติแล้ว"ปล่อยแน่...แต่หลังจากต่อแขนต่อขาให้ลูกแล้วนะ" ภาคินตอบหน้าระรื่นไม่ได้สนใจเสียงโวยวายของคนในวงแขนสักนิดอุ้มเธอเดินดุ้ม ๆ เข้าบ้าน "ฉันท้องอยู่นะ คุณคงจะทำอย่างที่พูดจริง ๆ ไม่ได้" คนฟังถึงกับอ้าปากเหวอเมื่อได้ยินคำพูดจากริมฝีปากหนาทำได้เพียงส่งเสียงร้องท้วงไม่กล้าดิ้นหรือขัดขืนอะไรยกมือขึ้นคล้องคอร่างสูงไว้แน่นเพราะกลัวตกตอนนี้เธอไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วร่างบางถูกภาคินอุ้มมาวางบนเตียงอย่างแผ่วเบาก่อนเขาจะตามขึ้นไปคร่อมเธอเอาไว้จับจ้องใบหน้าคมที่ห่างกันเพียงคืบด้วยแววตาหวานเยิ้ม "ผมรักคุณนะ"เอวาระบายยิ้มหวานให้คนด้านบนมองสบแววตาหวานเยิ้มด้วยแววตาอ่อนโยนยกมือขึ้นประคองใบหน้าหล่อเหลาพร้อมเอื้อนเอ่ยความรู้สึกในใจออกมา "ตอนนี้ฉันยังไม่รู้หรอกว่าตัวเองรักคุณแล้วหรือเปล่า แต่ฉันมีความสุขและรู้สึกอบอุ่นที่มีคุณอยู่ใกล้ ๆ ฉันเชื่อว่าสักวันคุณจะทำให้ฉันกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าฉันรักคุณ ฉันเปิดโอกาสให้คุณได้ทำ
วันเวลาหมุนเวียนมาจนถึงวันงานประมูลเครื่องเพชร รถลีมูซีนคันหรูที่มีสองหนุ่มสาวนั่งอยู่เบาะหลังเคลื่อนตัวมาจอดลงยังหน้าโรงแรมชื่อดังใจกลางเมืองกรุงซึ่งเป็นสถานที่จัดงานประมูลเครื่องเพชรร่างสูงในชุดสูทสีเทาเข้มเข้ารูปเปิดประตูลงจากรถด้วยท่าทางสง่าผ่าเผยก่อนเดินอ้อมไปเปิดประตูรถอีกฝั่ง"ขอบคุณค่ะ" เอวาในชุดเดรสเปิดไหล่แขนพองสีเทาอ่อนยาวเสมอเข่าผ่าข้างเล็กน้อยโชว์เรียวขาขาวเนียนเรียบหรูดูดีก้าวลงจากรถพร้อมระบายยิ้มหวานให้ชายหนุ่มเชิงขอบคุณ "พร้อมไหม" ชายหนุ่มระบายยิ้มบาง ๆ พร้อมยกแขนขึ้นให้อีกคนคล้อง มือเรียวสอดเข้ามาคล้องแขนแกร่งอย่างว่าง่ายพยักหน้าแทนคำตอบว่าเธอพร้อมแล้วจากนั้นทั้งสองก็เดินควงคู่เข้าไปในงานทันทีที่ภาคินกับเอวาย่างกรายเข้ามาในงานทุกสายตาก็มองมายังทั้งสอง ก่อนเสียงซุบซิบจะเริ่มดังขึ้นทุกคนต่างให้ความสนใจกับผู้หญิงหน้าตาสะสวยข้างกายนักธุรกิจหนุ่มชื่อดังเพราะเขาไม่เคยควงผู้หญิงออกงานเลยสักครั้ง กล้องจากนักข่าวหลายสำนักก็กดชัตเตอร์รูปของสองหนุ่มสาวระรัวก่อนจะมีนักข่าวสองสามคนเดินเข้ามาสัมภาษณ์ "สวัสดีค่ะคุณภาคิน""สวัสดีครับ" ภาคินตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนปรายตามองสี
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านหน้าต่างกระจกเข้ามากระทบเปลือกตาบางของร่างสูงที่นอนกอดลูกบนเตียงคิงไซส์ให้รู้สึกตัวตื่นในช่วงสาย ๆ ของวันใหม่ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็ได้เจอหน้าลูกเมียเป็นอันดับแรกเขาหยัดกายลุกขึ้นนั่งก่อนโน้มไปจูบหน้าผากบุตรชายที่นอนข้าง ๆ อย่างแผ่วเบาแล้วเลื่อนไปจูบหน้าผากบุตรสาวต่อจากนั้นก็ลงจากเตียงเดินอ้อมไปริมเตียงอีกฝั่งที่แม่สองแฝดนอนอยู่โน้มลงจูบหน้าผากมนเบา ๆ "ผมรักคุณกับลูกนะ" ดวงตาคมกริบไล่มองใบหน้าสามคนแม่ลูกที่นอนหลับบนเตียงด้วยความอิ่มเอมใจ ก่อนละสายตาออกแล้วจัดการอาบน้ำแต่งตัวหยิบโน้ตบุ๊คเดินลงมานั่งทำงานที่ห้องนั่งเล่นปล่อยให้เมียกับลูกนอนต่อโดยไม่คิดจะปลุกเพราะเมื่อคืนทั้งสามคนนอนดึกเพราะมัวแต่พูดคุยหยอกล้อกับเขาอยู่"คุณน้าจะไปไหนครับ" ภาคินเปล่งเสียงถามขึ้นเมื่อเหลือบสายตาาไปเห็นมารดาของหญิงสาวกำลังเดินถือตะกร้าผ่านห้องนั่งเล่นไป ดวงเดือนหยุดชะงักหันไปตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มกว่าที่ผ่านมา "ว่าจะออกไปจ่ายตลาดหน่อยนะ" ทำคนฟังอย่างภาคินแปลกใจไม่น้อยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของดวงเดือนทั้งที่ที่ผ่านมาเธอมักจะแยกเขี้ยวใส่เขาตลอดบาง
วันต่อมา"มามี๊คะเมื่อไรแด๊ดดี๊จะกลับมา อลินคิดถึงแด๊ดดี๊แล้วค่ะ" เสียงของอลินดาดังขึ้นทำลายความเงียบขณะที่ทุกคนกำลังนั่งทานอาหารอยู่ "อีกสองวันแด๊ดดี๊ก็จะกลับแล้วค่ะ อดทนอีกหน่อยนะคะ" เอวาวางช้อนลงเอื้อมมือไปลูบศรีษะเล็กทุยอย่างเอ็นดูเธอเองก็คิดถึงชายหนุ่มมากเหมือนกันไม่รู้ทำไมถึงคิดถึงมากขนาดนี้ "อลันก็คิดถึงแด๊ดดี๊ครับ" อลันพูดเสริมอีกเสียงพร้อมทำหน้าเหงาหงอยจนคนเป็นแม่ต้องเลื่อนไปลูบศีรษะปลอบประโลม "เดี๋ยวแด๊ดดี๊ก็กลับมาแล้วครับ""ครับ ค่ะ" สองแฝดพยักหน้ารับรู้แล้วก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อเมื่อเสร็จก็ขอมารดาขึ้นไปนอนดูการ์ตูนบนห้องนอน ส่วนเอวาก็ช่วยมารดาเก็บจานล้างจากนั้นก็มานั่งคุยกันต่อที่โซฟา"แม่ว่าลูกดูมีน้ำมีนวลขึ้นนะ" ดวงเดือนไล่สายตามองบุตรสาวตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าก่อนพูดลอย ๆ เพราะดูบุตรสาวมีน้ำมีนวลอวบอิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก "สงสัยช่วงนี้คงเจริญอาหารค่ะ" คนโดนทักตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ดวงเดือนไม่ได้ซักไซร้อะไรต่อพูดคุยเรื่องอีกแทนผ่านไปครึ่งชั่วโมงเธอจึงขอแยกตัวออกไปข้างนอกเพราะมีนัดกับเพื่อน ๆ"เฮ้อ" เอวาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เอนกายพิงพนักโซฟาแล้วค่อย ๆ หลับตาลงด้วยสมองหนัก
วันเวลาหมุนเวียนดำเนินไปเรื่อยๆ จากวันเคลื่อนไปเป็นเดือนนี่ก็ผ่านมาสามเดือนแล้วที่ภาคินคอยตามดูแลเอวาและลูกๆ ดูเหมือนทุกอย่างจะดีขึ้นตามลำดับ วันแรกเป็นยังไงวันนี้เขาก็ยังเป็นแบบนั้นความเสมอต้นเสมอปลายทำให้เอวายอมเปิดใจให้เขาในระดับหนึ่ง ความรู้สึกดีๆ เริ่มก่อตัวเธอยอมรับเลยว่ารู้สึกอบอุ่นใจไม่น้อยที่มีเขาคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ "เป็นอะไรลูกนั่งหน้าหงอยเชียว คิดถึงภาคินเหรอ" เสียงของดวงเดือนทำให้คนที่นั่งดูทีวีแต่จิตใจกลับเหม่อลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวหลุดจากภวังค์ ก่อนหันรีบหันไปปฏิเสธทันควัน "หนูจะคิดถึงเขาทำไมกันละแม่" "ใจลูก ลูกย่อมรู้ดีว่าทำไม" ดวงเดือนระบายยิ้มบางๆ มองบุตรสาวด้วยความเอ็นดูเธออาบน้ำร้อนมาก่อนทำไมจะดูไม่ออกว่าบุตรสาวเปลี่ยนไปตั้งแต่พ่อของสองแฝดหายไปเพราะต้องบินไปดูงานที่ต่างประเทศหนึ่งอาทิตย์"..." เอวาเพียงระบายยิ้มให้มารดาถึงปากเธอจะบอกออกไปแบบนั้นแต่ในใจเธอก็คิดถึงเขาจริง ๆ นั่นแหละ ตลอดสามเดือนที่ผ่านมาชายหนุ่มทำตัวติดเธอกับลูกตลอดไม่เว้นแม้แต่เวลานอนขนาดเธอกลับมาอยู่กับมารดาเขาก็ยังตามมานอนด้วยโดยให้เหตุผลว่าอยากนอนกับลูก ทุกวันเธอจะได้ยินคำหยอดหวาน ๆ จากปากเขาตลอ
หลายวันต่อมาเอวายังคงอยู่ที่บ้านของภาคินเหมือนเดิมไม่ได้กลับบ้านตั้งแต่วันนั้นแล้วเหตุผลก็คงไม่ต้องบอกเพราะลูกๆ ของเธอยังไงละออดอ้อนให้อยู่ต่อ ดูเหมือนสองแฝดจะติดปู่กับย่าเอามากก็ผู้ใหญ่ทั้งสองเล่นตามใจหลานขนาดนั้นหลานจะไม่ชอบได้ยังไงคนลำบากก็เห็นจะมีแต่เธอนี่แหละถูกพ่อสองแฝดแทะโลมทางสายตา ทางคำพูดและการกระทำทุกวัน เวลานอนก็แอบย่องมานอนกอดเธอทุกคืนถึงแม้จะไม่มีอะไรเกินเลยก็ตามเถอะพอด่าเขาก็ทำหน้ามึนกลายเป็นเธอเสียเองที่ประสาทเสียอย่างเช่นตอนนี้เพี๊ยะ!"ภาคินคุณช่วยตั้งใจขับรถหน่อยได้ไหม" หญิงสาวตีลงบนมือปลาหมึกของร่างสูงที่อยู่ไม่นิ่งยื่นมาวางบนหน้าขาของเธอทั้งที่กำลังขับรถอยู่อย่างแรง"โอ้ย! ผมเจ็บนะ" คนโดนตีร้องโอยด้วยความเจ็บรีบหดมือกลับก่อนหัวเราะออกมาเบา ๆ มิหน่ำซ้ำยังพูดจาเย้าแหย่ให้อีกคนหัวเสียอีก "ผัวจับนิดจับหน่อยไม่ได้หรือไงครับเมีย""พูดจาให้มันดี ๆ ลูกอยู่เห็นไหม" ใบหน้าคมหันขวับไปมองค้อนคนข้างๆ ตาเขียว มือเรียวเอื้อมไปหยิกเอวหนาด้วยความหมั่นไส้"โอ้ยๆ เจ็บๆ" เสียงทุ้มร้องโอดโอยเบาๆ พลางเด้งเอวหนีมือเรียว เอวายกยิ้มมุมปากอย่างสะใจก่อนปล่อยมือออกจากเอวหนาและไม่มีที่จะพูดข
"ภาคิน! อะไรของคุณเนี่ยฉันจะนอน เมื่อกี้ยังไม่พอหรือไง" เอวาเอี่ยวหน้าต่อว่าร่างสูงที่นอนซ้อนหลังเธอภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ด้วยน้ำเสียงดุเพราะเขาเอาแต่กดจูบที่ไหล่สลับกับคลอเคลียซอกคอ มือก็อยู่ไม่นิ่งสอดผ่านเอวคอดกิ่วมาลูบวนหน้าท้องแบนราบแล้วแบบนี้เธอจะข่มตานอนได้ยังไงก่อนหน้านี้เขาก็ตักตวงความสุขจากร่างกายเธอนับครั้งไม่ถ้วนทั้งที่บอกว่าขอแค่ครั้งเดียวซึ่งครั้งเดียวของเขาไม่มีอยู่จริงเล่นเอาน้องสาวเธอบวมช้ำเจ็บแสบไปหมด"ครับๆ ไม่กวนแล้วครับ" ภาคินยอมหยุดการกระทำนอนกอดร่างบางนิ่งๆ ก่อนกดจูบหนักๆ บนศีรษะเล็กทุยจากนั้นจึงหลับตาลง เอวาไม่ได้ขัดขืนอะไรยอมหลับตาลงในอ้อมกอดของร่างสูงอย่างว่าง่ายเพราะรู้สึกเหนื่อยจากกิจกรรมก่อนหน้านี้อยากพักผ่อนเต็มทีแล้วเพียงไม่นานทั้งสองก็ผล็อยไป'ก็อก ก็อก'หลายชั่วโมงต่อมาเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นปลุกให้ชายหนุ่มที่นอนกอดร่างบางรู้สึกตัวตื่น มือหนายกขึ้นขยี้ตาเบาๆ ไล่อาการงัวเงีย ก่อนผงกหน้ามองคนในอ้อมกอดก็พบว่าเธอยังหลับอยู่ เขาค่อยๆ ดึงแขนออกจากเอวคอดกิ่วขยับตัวลงจากเตียงอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวทำให้อีกคนตื่น แล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวจากนั้นก็เดินไ