"คุณไม่ใช่ไอวา" ดวงตาคมกริบฉายแววสับสนอย่างชัดเจนจับจ้องคนที่นอนสะอื้นให้ใต้ร่างไม่วางตา ความรู้สึกผิดก่อตัวขึ้นในใจนิดๆ แต่เพียงชั่วครู่เท่านั้นก่อนแววตาจะกลับมาแข็งกร้าวเหมือนเดิม"ระ..รู้แล้วก็ออกไปจากตัวฉันคนสารเลว" ร่างบางมองใบหน้าหล่อเหลาผ่านม่านน้ำตาด้วยแววตาเกลียดชังพลางออกแรงบิดข้อมือให้หลุดจากการจับกุมของมือหนา ภายในใจของเธอมันแหลกเหลวไม่มีชิ้นดีไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองต้องมาพบเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ความบริสุทธิ์ที่เก็บรักษามา20 กว่าปีถูกผู้ชายสารเลวพรากไปในเวลาอันรวดเร็วไม่ทันให้เธอได้ตั้งตัวตั้งใจสักนิด เธอเกลียดเขา เกลียดพี่สาวฝาแฝด เกลียดที่ฟ้าไม่ยุติธรรมทำให้เธอต้องมารับกรรมในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่ออีกคนหาได้สะทกสะท้านไม่กลับกดข้อมือเล็กกับพื้นแน่นขึ้นจับจ้องใบหน้าคมอยู่อย่างนั้นนานนับนาที ก่อนดึงแก่นกายออกจากร่องสวาทคับแคบลุกขึ้นยืนรูดซิบใส่กระดุมกางเกงให้เรียบร้อยทั้งที่ยังมีคราบเลือดติดอยู่ ส่วนร่างบางเมื่อได้รับอิสระก็รีบพยุงกายลุกขึ้นนั่งดึงกางเกงขึ้นมาสวมใส่ทันที กัดฟันข่มความปวดร้าวระบมกลางกายสาวเอาไว้ไม่แสดงอาการใดๆ ออกมาให้ร่างสูงสมเพชแม้จะรู้สึกเจ็บปวดเพียงใ
'ครืด ครืด' เสียงโทรศัพท์ปลุกให้ร่างสูงที่นอนหลับอยู่บนเตียงคิงไซส์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่ มือหนาเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์มากดรับสายทั้งที่ตายังปิดสนิท ก่อนกรอกน้ำเสียงงัวเงียลงตามสาย"ภาคินพูดสายครับ"(ผมเองครับคุณภาคินที่ให้ไปสืบได้เรื่องแล้วนะครับ) "ฉันรู้แล้วว่าเธอมีฝาแฝด"(งั้นคุณภาคินต้องการรู้อะไรเกี่ยวกับไอวาและฝาแฝดไหมครับ)"คุณรู้อะไรบ้างก็ว่ามา"(ฝาแฝดของไอวาชื่อเอวาครับ เธอไปอยู่กับพ่อที่นอร์เวย์ตั้งแต่เด็กครับเพิ่งกลับมาไทยเมื่อไม่กี่วันก่อน)"อืม คุณให้นักสืบตามสืบเรื่องของไอวาต่อยิ่งได้เรื่องเน่าเฟะของเธอก็ยิ่งดี บอกนักสืบฉันมีค่าจ้างให้ไม่อั้น"(ได้ครับ) นิ้วเรียวกดวางสายแล้ววางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมหลังจากสั่งงานผู้ช่วยคนสนิทเสร็จ ก่อนใช้มือนวดคลึงขมับเบาๆ พร้อมปรือตาขึ้นช้าคงเป็นเพราะเมื่อวานดื่มแอลกอฮอล์มากไปหน่อยเลยทำให้รู้สึกมึนๆ"เอวา" เหตุการณ์เมื่อคืนผุดขึ้นในสมองเป็นฉากๆ เมื่อสายตาสะดุดเข้ากับร่างบางที่นอนหลับข้างๆ เสียงกรีดร้องและท่าทางแสนเจ็บปวดของเธอยังคงชัดเจนในสมองแม้จะเมาก็แต่เขาก็รู้ว่าทำอะไรลงไปเขาข่มแหงรังแกเธอซ้ำๆ จนเธอรับไม่ไหวแล้วสลบไป"เ
"อื้อ โอ้ยย!"ร่างบางที่โดนพิษไข้เล่นงานนอนหลับไป1 วัน1 คืนเต็มๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่ เสียงหวานร้องโอดครวญออกมาเบาๆ เพียงแค่ขยับตัวก็ปวดร้าวระบมไปทั้งช่วงล่างโดยเฉพาะกลางกายสาว"ตื่นได้สักทีนะเอวา" ดวงตากลมโตเบิกโพลงด้วยความตกใจเมื่อเสียงทุ้มอันคุ้นเคยดังขึ้นเหนือศีรษะ เมื่อแหงนหน้าขึ้นมองก็พบว่าเขานั่งพิงหัวเตียงจับจ้องเธออยู่ "อึก""อะ..ไอ้สารเลว" เธอรีบพยุงกายลุกขึ้นนั่งแล้วพาตัวถอยห่างร่างสูงด้วยความหวาดกลัว น้ำสีใสค่อยๆ เอ่อคลอตาคู่สวยอย่างกลั้นไม่อยู่เพียงเห็นหน้าเขาภาพที่เธอโดนย่ำยีก็ฉายขึ้นในสมองเป็นฉากๆ หัวใจของเธอแตกสลายไม่เหลือชิ้นดีมันเจ็บปวดรวดร้าวจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้"แต่เมื่อคืนคุณยังนอนกอดคนสารเลวคนนี้อยู่เลยนะเอวา" ภาคินกดยิ้มมุมปากพร้อมกับคลานเข้าหาร่างบางที่นั่งปลายเตียงช้าๆ ทำอีกคนต้องรีบดีดตัวลงจากเตียง"โอ้ยย!"ตุ้บ! แต่เพียงเท้าแตะถึงพื้นเท่านั้นใบหน้าคมก็ต้องเบ้ออกมาด้วยความเจ็บ ขาอ่อนยวบร่วงลงไปนั่งกองกับพื้น"หึ" เสียงเค้นหัวเราะดังกระหึ่มในลำคอหนาอย่างเย้ยหยันกับภาพตรงหน้า เอวาได้แต่เม้มปากแน่นข่มความเจ็บเอาไว้ใช้มือยันพื้นพยายามถ
เหล้าราคาแพงถูกภาคินกระดกลงคอครั้งแล้วครั้งเล่าหลังจากได้พูดคุยกับพีรวัฒน์ผู้จัดการปางไม้ถึงเรื่องระหว่างเขากับเอวาและรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว พีรวัฒน์พาคนงาน3 คนที่อยู่ใกล้เขาและเห็นเหตุการณ์ในวันนั้นอย่างชัดเจนเข้ามายืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองกับไอวา คนงานทั้ง3 ยืนยันว่าทั้งสองไม่ได้จูบตามที่หลายๆ คนพูดกัน แต่ธีรวัฒน์พยายามช่วยหญิงสาวเอาเศษอะไรบางอย่างในตาออกต่างหาก แล้วที่กระท่อมทั้งสองก็ไม่ได้ทำอะไรกันพีรวัฒน์แค่มาดูหญิงสาวเพราะเธอปวดตา และก็ไม่ได้มาคนเดียวมีคนงานอีกคนมาด้วยแต่เขาให้คนงานกลับไปเอายาล้างตาเพราะลืมเอาติดมือมา เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เขาเข้าไปเห็นทั้งสองล้มทับกันจึงดูเหมือนทั้งสองกำลังจะทำเรื่องอย่างว่าอันที่จริงพวกเขาแค่เสียหลักล้มเท่านั้น ทว่ามารู้ตอนนี้จะมีประโยชน์อะไรกันเมื่อเขาทำร้ายเธอไปแล้ว"แม่งเอ้ย!"เพล้งง! เสียงทุ้มสบถออกมาระคนหัวเสีย สิ้นเสียงมือหนาก็ขว้างแก้วเหล้าในมือลงบนพื้นอย่างแรงจนแตกกระจาย ความรู้สึกหลากหลายประดังเข้ามาจนเขาสับสนหญิงสาวไม่ใช่ไอวา ไม่ได้ทำเรื่องเลวทรามอย่างที่คิดเขาทำร้ายคนบริสุทธิ์สุดท้ายแล้วเขามันก็เลวไม่ต่างจากไอวาเลย "มึงทำอะไร
เอวานั่งทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างด้วยใจเหม่อลอยนี่ก็ผ่านมา2 วันแล้วที่เธอถูกขังอยู่ในบ้านหลังนี้ แต่ยังดีหน่อยที่ไม่ต้องมานั่งหวาดกลัวนอนสะดุ้งเพราะเจ้าของบ้านได้หายหน้าหายตาไปตั้งแต่วันที่นั่งทานข้าวด้วยกันแล้วซึ่งมันดีมากๆ ร่างบางมัวแต่นั่งเหม่อลอยโดยไม่รู้เลยว่าได้มีคนเปิดประตูเข้ามายืนมองนานแล้ว ภาคินยืนมองร่างบางอยู่อย่างนั้นนานหลายนาทีก่อนเอ่ยเรียก "เอวา""คะ..คุณ" คนถูกเรียกหลุดออกจาภวังค์หันมองต้นทางต้นเสียง ก่อนดวงตากลมโตจะเบิกกว้างด้วยความตกใจรีบหยัดกายลุกขึ้นยืนแล้วถอยหลังจนติดผนังเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงคือผู้ชายสารเลวความปลอดภัยของเธอคงจะจบสิ้นตั้งแต่วินาทีนี้แล้วสินะ "คุณต้องการอะไร" เธอพยายามข่มความกลัวเอาไว้เปล่งเสียงถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ "ตามผมมา" ร่างสูงเอ่ยเพียงแค่นั้นแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้อง เอวามองตามหลังแผ่นหลังกว้างระคนสงสัยก่อนตัดสินใจเดินตามไปเพราะมันคงดีกว่าจะต้องอยู่กับเขาสองต่อสองในห้องนี้ สมองของเธอเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามชายหนุ่มต้องการจะทำอะไรอีกและจะพาเธอไปไหน"กรี๊ดด!" "ภาคินคุณจับฉันมาทำไม ปล่อยฉันนะ""กรี๊ด! ไอ้พวกบ้าปล่อยฉันนะ" เสียงกรีดและเ
"ฉันต้องการออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้""...." ภาคินนิ่งเงียบอย่างใช้ความคิดเมื่อได้ยินคำตอบจากริมฝีปากเอิบอิ่มอย่างน้อยเธอก็ไม่ได้แสนดีจนโง่เหมือนนางเอกในละครน้ำเน่าที่เป็นแม่พระยอมเสียสละเพื่อคนที่ทำร้ายตัวเอง ดวงตาคมกริบจับจ้องใบหน้าคมด้วยแววตายากเกินคาดเดาได้ หลังจากทุกอย่างกระจ่างเขาก็รู้ว่าตัวเองทำผิดอย่างมหันต์ยิ่งมองหน้าเธอก็ยิ่งรู้สึกผิด แล้วเขาใจทำอะไรได้บ้างเพื่อชดเชยความเลวที่ได้กระทำกับเธอ"เงียบทำไมคุณอยากจะแก้แค้นไอวาก็เชิญเลย แต่ให้คนพาฉันออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้" เสียงหวานดังขึ้นอีกครั้งทำให้ภาคินหลุดออกจากห้วงความคิดเขานิ่งเงียบอยู่อย่างนั้นนานนับนาทีก่อนพูดขึ้น "เรื่องที่เกิดขึ้นผมจะรับผิดชอบ" "หึ! รับผิดชอบงั้นเหรอ ฉันอยากได้ความบริสุทธิ์คืน คุณคืนให้ฉันได้ไหม ให้ฉันคืนได้หรือเปล่า" คำพูดของร่างสูงทำเอาเอวาถึงกับเค้นหัวเราะในลำคอจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาด้วยแววตาเย้ยหยันคนที่ยืนตรงหน้าเธอตอนนี้เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนกับก่อนหน้านี้ พอความจริงกระจ่างก็คงรู้สึกผิดสินะแต่มันจะมีประโยชน์อะไรกันเมื่อเธอเรียกร้องสิ่งที่เสียไปกลับมาไม่ได้แล้วหัวใจของเธอมันแตกสลายไปกับกับการกระท
เอวาเดินทางมาถึงกรุงเทพประมาณช่วงกลางดึกของวัน เธอลอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พยายามทำตัวให้ปกติที่สุดก่อนยกมือขึ้นกดกริ่งหน้ารั้วบ้าน ยืนรอเพียงไม่นานก็เห็นมารดาเดินออกมา"เอวา" ดวงเดือนระบายยิ้มด้วยความดีใจเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่นอกรั้วคือบุตรสาวคนเล็ก เธอรีบเปิดประตูรั้วแล้วโผล่เข้าสวมกอดบุตรสาว "เอวาหายไปไหนมาหลายวันลูก แม่เป็นห่วงมากรู้ไหม""เอวาขอโทษนะคะที่หายไปโดยไม่ได้บอกทำให้แม่เป็นห่วง พอดีเอวามีเรื่องด่วนต้องไปทำนิดหน่อยค่ะ" เอวาสวมกอดตอบมารดาอย่างแนบแน่นพร้อมซบหน้าลงบนไหล่เพียงแค่ได้รับไออุ่นจากอ้อมกอดมารดาน้ำตาก็พลันไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่แม้พยายามจะกลั้นแล้วก็ตามเพราะไม่อยากให้มารดารู้ว่าตัวเองไปพบเจอกับอะไรเกรงว่าท่านจะเครียด "อึก""เอวาเป็นอะไรลูกร้องไห้ทำไม" ดวงเดือนผละกอดออกมองหน้าถามบุตรสาวด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินเสียงสะอื้น คนโดนถามรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาพยายามสะกดกลั้นน้ำตาฝืนระบายยิ้มให้มารดาอ่อนๆ "เอวาคิดถึงแม่ไงคะ""ร้องไห้เป็นเด็กๆ ไปได้" ดวงเดือนถึงกับหลุดยิ้มเมื่อได้ฟังเหตุผลของบุตรสาวขณะยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กทุยอย่างเอ็นดู เธอก็นึกว่าบุตรสาวร้องไห้เพราะเป็นอะไร
วันต่อมา"ไอ้เหี้ยคินตื่นได้แล้วโว้ย!" เสียงร้องตะโกนของเจมส์ดังกึกก้องทั่วห้องนั่งเล่นทำภาคินที่กำลังนอนหลับบนโซฟาสะดุ้งโหย่งเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ก่อนหยัดกายลุกขึ้นนั่งพิงพนักโซฟาใช้มือนวดคลึงขมับเบาๆ ดวงตาคมกริบตวัดมองเพื่อนชายที่ยืนยิ้มหน้าระรื่นอย่างไม่สบอารมณ์ "มึงจะเสียงดังทำไมไอ้เหี้ยเจมส์" "มึงรีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเลยจะได้ไปสนามบินกัน กูจองตั๋วไว้เที่ยงตรงนี่ก็10 โมงแล้ว จะกลับไหมกรุงเทพถ้าไม่กูจะได้กลับคนเดียว" เจมส์หาได้ใส่ใจคำพูดเพื่อนชายไม่ ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาพร้อมร่ายยาวเมื่อเห็นว่าอีกแค่ชั่วโมงเดียวเครื่องก็ออกแล้วแต่อีกคนยังนั่งมึนอยู่"พูดมาก" ภาคินถอนหายใจออกมาแรงๆ กับความปากมากของเพื่อน ก่อนสะบัดศีรษะพรึบๆ ไล่อาการแฮงค์ออกแล้วลุกเดินขึ้นไปยังห้องนอนเพื่ออาบน้ำแต่งตัว ทว่าทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วเห็นเตียงนอนก็ทำให้นึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นอีกครั้ง "ขอโทษ" เสียงทุ้มเปล่งออกจากริมฝีปากหนาอย่างรู้สึกผิด ความรู้สึกผิดกำลังกัดกินใจของเขาอยู่ตลอดเวลากรรมคงสนองคืนคนอย่างเขาแล้วละทำให้เขาต้องจมอยู่กับความทุกข์ทรมานจากความรู้สึกผิด ดวงตาคมกริบจับจ้องเตียงนอ
5 ปีต่อมาวันเวลาหมุนเวียนดำเนินไปเรื่อย ๆ นี่ก็ผ่านมาห้าปีแล้วที่เอวากับภาคินได้สร้างครอบครัวด้วยกัน ทั้งสองคนได้ตกลงแต่งงานจดทะเบียนสมรสกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อสามปีก่อนมีลูกเป็นโซ่ผูกใจด้วยกันสามคนก็คืออลัน อลินดา อคิน และยังมีบุตรสาวบุตรธรรมอีกหนึ่งคนชื่อพะพายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับอคินบุตรชายคนสุดท้อง"มามี๊ แด๊ดดี๊พี่อลันแกล้งพะพายอีกแล้วครับ" เสียงของอคินเด็กน้อยวัยสี่ขวบเศษ ๆ หน้าตาหล่อเหลาตั้งแต่เด็กวิ่งเข้ามาฟ้องบิดากับมารดาที่นั่งอยู่ในบ้านเสียงดั่งลั่น ภาคินกับเอวาที่กำลังนั่งคุยกันถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนลุกเดินตามบุตรชายคนเล็กออกไปยังลานหน้าบ้าน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกชายคนโตอย่างอลันทะเลาะกับลูกบุตรธรรมแต่มันเกิดขึ้นตลอดตั้งแต่พวกเขารับพะพายเด็กกำพร้ามาเลี้ยงดู "พะพาย! ยัยตัวแสบกล้าทำฉันเลือดออกเหรอห๊ะ""พะพายไม่ได้ตั้งใจนะ ก็พี่อลันแกล้งพะพายก่อน""ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่ ฉันไม่ใช่พี่เธอ" เสียงของอลันกับพะพายที่กำลังทะเลาะกันดังแว่วมาทำให้ภาคินต้องรีบเดินเข้าไปห้ามศึก "ทะเลาะอะไรกันอลัน พะพาย" อลันกับพะพายเงียบปากลงทันทีมองหน้าผู้เป็นบิดาตาปริบ ๆ ภาคิน
วันต่อมา"แด๊ดดี๊ มามี๊ๆ" เสียงร้องตะโกนของสองแฝดที่ดังอยู่หน้าห้องปลุกให้คนเป็นพ่อแม่อย่างเอวากับภาคินที่กำลังนอนกอดกันอยู่ภายในห้องรู้สึกตัวตื่น"คุณนอนต่อเถอะผมไปเปิดประตูให้ลูกเอง" ภาคินยกมือขึ้นรั้งไหล่เมียสาวที่กำลังจะลุกให้นอนลงเหมือนเดิมเพราะอยากให้เธอพักผ่อนเมื่อคืนเขาเล่นต่อแขนต่อขาให้ลูกจนเธอแทบหมดแรง ก่อนเขาจะลุกลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้ลูกแทน"กู๊ดมอร์นิ่งค่ะแด๊ดดี๊" อลินดาเอ่ยทักทายเสียงใสพร้อมฉีกยิ้มจนตายีทันทีที่บิดาเปิดประตูออกมา"มอร์นิ่งคิดส์ครับคนสวย" ภาคินย่อตัวลงหอมแก้มซ้ายแก้มขวาของบุตรสาวฟอดใหญ่แล้วหอมแก้มบุตรชายต่อ "มอร์นิ่งคิดส์ครับคนหล่อ""มอร์นิ่งครับแด๊ดดี๊" อลันยิ้มตอบบิดาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจากนั้นก็พากันเดินเข้าไปในห้อง"ทำไมไม่นอนต่อ" ใบหน้าหล่อเหลาเลิ่กคิ้วขึ้นถามเมื่อเห็นว่าร่างบางนั่งพิงหัวเตียงอยู่"นอนไม่หลับแล้ว" เอวาระบายยิ้มตอบชายหนุ่มแล้วหันไปถามไถ่สองแฝดต่อ "เมื่อคืนนอนกับคุณปู่ คุณย่าเป็นไงบ้างคะ""สบายมากครับ สบายมากค่ะ" สองแฝดตอบเสียงเจื้อยแจ้วก่อนอลินดาจะกระโดดขึ้นเตียงไปนั่งทับหน้าขามารดาที่นั่งยืดขายาวเหยียด การกระทำของบุตรสาวสร้างความ
"ว๊าย!""ภาคินปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ" เอวาร้องท้วงเสียงดังลั่นเมื่อจู่ ๆ ชายหนุ่มก็เดินอ้อมมาช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวขณะที่เธอกำลังลงจากรถหลังจากรถมาจอดลงหน้าบ้านวิโรจน์อัครโชติแล้ว"ปล่อยแน่...แต่หลังจากต่อแขนต่อขาให้ลูกแล้วนะ" ภาคินตอบหน้าระรื่นไม่ได้สนใจเสียงโวยวายของคนในวงแขนสักนิดอุ้มเธอเดินดุ้ม ๆ เข้าบ้าน "ฉันท้องอยู่นะ คุณคงจะทำอย่างที่พูดจริง ๆ ไม่ได้" คนฟังถึงกับอ้าปากเหวอเมื่อได้ยินคำพูดจากริมฝีปากหนาทำได้เพียงส่งเสียงร้องท้วงไม่กล้าดิ้นหรือขัดขืนอะไรยกมือขึ้นคล้องคอร่างสูงไว้แน่นเพราะกลัวตกตอนนี้เธอไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วร่างบางถูกภาคินอุ้มมาวางบนเตียงอย่างแผ่วเบาก่อนเขาจะตามขึ้นไปคร่อมเธอเอาไว้จับจ้องใบหน้าคมที่ห่างกันเพียงคืบด้วยแววตาหวานเยิ้ม "ผมรักคุณนะ"เอวาระบายยิ้มหวานให้คนด้านบนมองสบแววตาหวานเยิ้มด้วยแววตาอ่อนโยนยกมือขึ้นประคองใบหน้าหล่อเหลาพร้อมเอื้อนเอ่ยความรู้สึกในใจออกมา "ตอนนี้ฉันยังไม่รู้หรอกว่าตัวเองรักคุณแล้วหรือเปล่า แต่ฉันมีความสุขและรู้สึกอบอุ่นที่มีคุณอยู่ใกล้ ๆ ฉันเชื่อว่าสักวันคุณจะทำให้ฉันกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าฉันรักคุณ ฉันเปิดโอกาสให้คุณได้ทำ
วันเวลาหมุนเวียนมาจนถึงวันงานประมูลเครื่องเพชร รถลีมูซีนคันหรูที่มีสองหนุ่มสาวนั่งอยู่เบาะหลังเคลื่อนตัวมาจอดลงยังหน้าโรงแรมชื่อดังใจกลางเมืองกรุงซึ่งเป็นสถานที่จัดงานประมูลเครื่องเพชรร่างสูงในชุดสูทสีเทาเข้มเข้ารูปเปิดประตูลงจากรถด้วยท่าทางสง่าผ่าเผยก่อนเดินอ้อมไปเปิดประตูรถอีกฝั่ง"ขอบคุณค่ะ" เอวาในชุดเดรสเปิดไหล่แขนพองสีเทาอ่อนยาวเสมอเข่าผ่าข้างเล็กน้อยโชว์เรียวขาขาวเนียนเรียบหรูดูดีก้าวลงจากรถพร้อมระบายยิ้มหวานให้ชายหนุ่มเชิงขอบคุณ "พร้อมไหม" ชายหนุ่มระบายยิ้มบาง ๆ พร้อมยกแขนขึ้นให้อีกคนคล้อง มือเรียวสอดเข้ามาคล้องแขนแกร่งอย่างว่าง่ายพยักหน้าแทนคำตอบว่าเธอพร้อมแล้วจากนั้นทั้งสองก็เดินควงคู่เข้าไปในงานทันทีที่ภาคินกับเอวาย่างกรายเข้ามาในงานทุกสายตาก็มองมายังทั้งสอง ก่อนเสียงซุบซิบจะเริ่มดังขึ้นทุกคนต่างให้ความสนใจกับผู้หญิงหน้าตาสะสวยข้างกายนักธุรกิจหนุ่มชื่อดังเพราะเขาไม่เคยควงผู้หญิงออกงานเลยสักครั้ง กล้องจากนักข่าวหลายสำนักก็กดชัตเตอร์รูปของสองหนุ่มสาวระรัวก่อนจะมีนักข่าวสองสามคนเดินเข้ามาสัมภาษณ์ "สวัสดีค่ะคุณภาคิน""สวัสดีครับ" ภาคินตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนปรายตามองสี
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านหน้าต่างกระจกเข้ามากระทบเปลือกตาบางของร่างสูงที่นอนกอดลูกบนเตียงคิงไซส์ให้รู้สึกตัวตื่นในช่วงสาย ๆ ของวันใหม่ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็ได้เจอหน้าลูกเมียเป็นอันดับแรกเขาหยัดกายลุกขึ้นนั่งก่อนโน้มไปจูบหน้าผากบุตรชายที่นอนข้าง ๆ อย่างแผ่วเบาแล้วเลื่อนไปจูบหน้าผากบุตรสาวต่อจากนั้นก็ลงจากเตียงเดินอ้อมไปริมเตียงอีกฝั่งที่แม่สองแฝดนอนอยู่โน้มลงจูบหน้าผากมนเบา ๆ "ผมรักคุณกับลูกนะ" ดวงตาคมกริบไล่มองใบหน้าสามคนแม่ลูกที่นอนหลับบนเตียงด้วยความอิ่มเอมใจ ก่อนละสายตาออกแล้วจัดการอาบน้ำแต่งตัวหยิบโน้ตบุ๊คเดินลงมานั่งทำงานที่ห้องนั่งเล่นปล่อยให้เมียกับลูกนอนต่อโดยไม่คิดจะปลุกเพราะเมื่อคืนทั้งสามคนนอนดึกเพราะมัวแต่พูดคุยหยอกล้อกับเขาอยู่"คุณน้าจะไปไหนครับ" ภาคินเปล่งเสียงถามขึ้นเมื่อเหลือบสายตาาไปเห็นมารดาของหญิงสาวกำลังเดินถือตะกร้าผ่านห้องนั่งเล่นไป ดวงเดือนหยุดชะงักหันไปตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มกว่าที่ผ่านมา "ว่าจะออกไปจ่ายตลาดหน่อยนะ" ทำคนฟังอย่างภาคินแปลกใจไม่น้อยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของดวงเดือนทั้งที่ที่ผ่านมาเธอมักจะแยกเขี้ยวใส่เขาตลอดบาง
วันต่อมา"มามี๊คะเมื่อไรแด๊ดดี๊จะกลับมา อลินคิดถึงแด๊ดดี๊แล้วค่ะ" เสียงของอลินดาดังขึ้นทำลายความเงียบขณะที่ทุกคนกำลังนั่งทานอาหารอยู่ "อีกสองวันแด๊ดดี๊ก็จะกลับแล้วค่ะ อดทนอีกหน่อยนะคะ" เอวาวางช้อนลงเอื้อมมือไปลูบศรีษะเล็กทุยอย่างเอ็นดูเธอเองก็คิดถึงชายหนุ่มมากเหมือนกันไม่รู้ทำไมถึงคิดถึงมากขนาดนี้ "อลันก็คิดถึงแด๊ดดี๊ครับ" อลันพูดเสริมอีกเสียงพร้อมทำหน้าเหงาหงอยจนคนเป็นแม่ต้องเลื่อนไปลูบศีรษะปลอบประโลม "เดี๋ยวแด๊ดดี๊ก็กลับมาแล้วครับ""ครับ ค่ะ" สองแฝดพยักหน้ารับรู้แล้วก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อเมื่อเสร็จก็ขอมารดาขึ้นไปนอนดูการ์ตูนบนห้องนอน ส่วนเอวาก็ช่วยมารดาเก็บจานล้างจากนั้นก็มานั่งคุยกันต่อที่โซฟา"แม่ว่าลูกดูมีน้ำมีนวลขึ้นนะ" ดวงเดือนไล่สายตามองบุตรสาวตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าก่อนพูดลอย ๆ เพราะดูบุตรสาวมีน้ำมีนวลอวบอิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก "สงสัยช่วงนี้คงเจริญอาหารค่ะ" คนโดนทักตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ดวงเดือนไม่ได้ซักไซร้อะไรต่อพูดคุยเรื่องอีกแทนผ่านไปครึ่งชั่วโมงเธอจึงขอแยกตัวออกไปข้างนอกเพราะมีนัดกับเพื่อน ๆ"เฮ้อ" เอวาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เอนกายพิงพนักโซฟาแล้วค่อย ๆ หลับตาลงด้วยสมองหนัก
วันเวลาหมุนเวียนดำเนินไปเรื่อยๆ จากวันเคลื่อนไปเป็นเดือนนี่ก็ผ่านมาสามเดือนแล้วที่ภาคินคอยตามดูแลเอวาและลูกๆ ดูเหมือนทุกอย่างจะดีขึ้นตามลำดับ วันแรกเป็นยังไงวันนี้เขาก็ยังเป็นแบบนั้นความเสมอต้นเสมอปลายทำให้เอวายอมเปิดใจให้เขาในระดับหนึ่ง ความรู้สึกดีๆ เริ่มก่อตัวเธอยอมรับเลยว่ารู้สึกอบอุ่นใจไม่น้อยที่มีเขาคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ "เป็นอะไรลูกนั่งหน้าหงอยเชียว คิดถึงภาคินเหรอ" เสียงของดวงเดือนทำให้คนที่นั่งดูทีวีแต่จิตใจกลับเหม่อลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวหลุดจากภวังค์ ก่อนหันรีบหันไปปฏิเสธทันควัน "หนูจะคิดถึงเขาทำไมกันละแม่" "ใจลูก ลูกย่อมรู้ดีว่าทำไม" ดวงเดือนระบายยิ้มบางๆ มองบุตรสาวด้วยความเอ็นดูเธออาบน้ำร้อนมาก่อนทำไมจะดูไม่ออกว่าบุตรสาวเปลี่ยนไปตั้งแต่พ่อของสองแฝดหายไปเพราะต้องบินไปดูงานที่ต่างประเทศหนึ่งอาทิตย์"..." เอวาเพียงระบายยิ้มให้มารดาถึงปากเธอจะบอกออกไปแบบนั้นแต่ในใจเธอก็คิดถึงเขาจริง ๆ นั่นแหละ ตลอดสามเดือนที่ผ่านมาชายหนุ่มทำตัวติดเธอกับลูกตลอดไม่เว้นแม้แต่เวลานอนขนาดเธอกลับมาอยู่กับมารดาเขาก็ยังตามมานอนด้วยโดยให้เหตุผลว่าอยากนอนกับลูก ทุกวันเธอจะได้ยินคำหยอดหวาน ๆ จากปากเขาตลอ
หลายวันต่อมาเอวายังคงอยู่ที่บ้านของภาคินเหมือนเดิมไม่ได้กลับบ้านตั้งแต่วันนั้นแล้วเหตุผลก็คงไม่ต้องบอกเพราะลูกๆ ของเธอยังไงละออดอ้อนให้อยู่ต่อ ดูเหมือนสองแฝดจะติดปู่กับย่าเอามากก็ผู้ใหญ่ทั้งสองเล่นตามใจหลานขนาดนั้นหลานจะไม่ชอบได้ยังไงคนลำบากก็เห็นจะมีแต่เธอนี่แหละถูกพ่อสองแฝดแทะโลมทางสายตา ทางคำพูดและการกระทำทุกวัน เวลานอนก็แอบย่องมานอนกอดเธอทุกคืนถึงแม้จะไม่มีอะไรเกินเลยก็ตามเถอะพอด่าเขาก็ทำหน้ามึนกลายเป็นเธอเสียเองที่ประสาทเสียอย่างเช่นตอนนี้เพี๊ยะ!"ภาคินคุณช่วยตั้งใจขับรถหน่อยได้ไหม" หญิงสาวตีลงบนมือปลาหมึกของร่างสูงที่อยู่ไม่นิ่งยื่นมาวางบนหน้าขาของเธอทั้งที่กำลังขับรถอยู่อย่างแรง"โอ้ย! ผมเจ็บนะ" คนโดนตีร้องโอยด้วยความเจ็บรีบหดมือกลับก่อนหัวเราะออกมาเบา ๆ มิหน่ำซ้ำยังพูดจาเย้าแหย่ให้อีกคนหัวเสียอีก "ผัวจับนิดจับหน่อยไม่ได้หรือไงครับเมีย""พูดจาให้มันดี ๆ ลูกอยู่เห็นไหม" ใบหน้าคมหันขวับไปมองค้อนคนข้างๆ ตาเขียว มือเรียวเอื้อมไปหยิกเอวหนาด้วยความหมั่นไส้"โอ้ยๆ เจ็บๆ" เสียงทุ้มร้องโอดโอยเบาๆ พลางเด้งเอวหนีมือเรียว เอวายกยิ้มมุมปากอย่างสะใจก่อนปล่อยมือออกจากเอวหนาและไม่มีที่จะพูดข
"ภาคิน! อะไรของคุณเนี่ยฉันจะนอน เมื่อกี้ยังไม่พอหรือไง" เอวาเอี่ยวหน้าต่อว่าร่างสูงที่นอนซ้อนหลังเธอภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ด้วยน้ำเสียงดุเพราะเขาเอาแต่กดจูบที่ไหล่สลับกับคลอเคลียซอกคอ มือก็อยู่ไม่นิ่งสอดผ่านเอวคอดกิ่วมาลูบวนหน้าท้องแบนราบแล้วแบบนี้เธอจะข่มตานอนได้ยังไงก่อนหน้านี้เขาก็ตักตวงความสุขจากร่างกายเธอนับครั้งไม่ถ้วนทั้งที่บอกว่าขอแค่ครั้งเดียวซึ่งครั้งเดียวของเขาไม่มีอยู่จริงเล่นเอาน้องสาวเธอบวมช้ำเจ็บแสบไปหมด"ครับๆ ไม่กวนแล้วครับ" ภาคินยอมหยุดการกระทำนอนกอดร่างบางนิ่งๆ ก่อนกดจูบหนักๆ บนศีรษะเล็กทุยจากนั้นจึงหลับตาลง เอวาไม่ได้ขัดขืนอะไรยอมหลับตาลงในอ้อมกอดของร่างสูงอย่างว่าง่ายเพราะรู้สึกเหนื่อยจากกิจกรรมก่อนหน้านี้อยากพักผ่อนเต็มทีแล้วเพียงไม่นานทั้งสองก็ผล็อยไป'ก็อก ก็อก'หลายชั่วโมงต่อมาเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นปลุกให้ชายหนุ่มที่นอนกอดร่างบางรู้สึกตัวตื่น มือหนายกขึ้นขยี้ตาเบาๆ ไล่อาการงัวเงีย ก่อนผงกหน้ามองคนในอ้อมกอดก็พบว่าเธอยังหลับอยู่ เขาค่อยๆ ดึงแขนออกจากเอวคอดกิ่วขยับตัวลงจากเตียงอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวทำให้อีกคนตื่น แล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวจากนั้นก็เดินไ