@ปางไม้วิโรจน์อัครโชติ
รถสปอร์ตหรูเคลื่อนตัวมาจอดลงยังปางไม้ในช่วงเช้าของอีกวันหลังจากวิ่งยาวนานกว่าเก้าชั่วโมง ภาคินหันมองร่างบางข้างๆ ที่นอนหลับอยู่ด้วยแววตายากเกินคาดเดาได้ก่อนหยิบขวดน้ำขึ้นมาเปิดฝาแล้วราดลงบนศีรษะเล็กทุยทำเอาคนที่หลับอยู่สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจเมื่อน้ำเย็นๆ สัมผัสลงบนศีรษะไหลลงอาบใบหน้าและเสื้อของเธอจนเปียก
"คุณทำบ้าอะไรฉันเปียกหมดแล้ว" เอวาใช้มือลูบน้ำที่เกราะบนใบหน้าออกแล้วหันไปต่อว่าเจ้าของการกระทำด้วยความไม่พอใจเธอก็แค่เผลอหลับไปแต่เขาก็ไม่จำเป็นปลุกเธอด้วยวิธีแบบนี้ ทว่าคิ้วสวยก็ต้องขมวดชนกันเป็นปมด้วยความสงสัยเมื่อมองผ่านกระจกรถเห็นว่ารอบๆ บริเวณโอบล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่และป่าเขียวชะอุ่ม "คุณพาฉันมาที่ไหน"
"ยินดีต้อนรับสู่นรก" ร่างสูงพูดเพียงแค่นั้นไม่ได้ตอบคำถามของหญิงสาวก่อนเปิดประตูลงจากรถเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งที่เธอนั่งแล้วเอื้อมไปจับแขนเล็กดึงลงจากรถ
"ปล่อยฉัน ฉันไม่ไป" ร่างบางพยายามขืนตัวต่อต้านไม่ให้ตัวเองเดินตามแรงลากของชายหนุ่มพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวงคนที่อยู่ต่างประเทศตั้งแต่เด็กๆ แบบเธอไม่สามารถเดาได้เลยว่าที่นี่คือส่วนไหนของประเทศไทยและเขาจะทำอะไรกับเธอกันแน่ "บอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่ไอวาถ้าคุณอยากแก้แค้นก็ไปแก้แค้นไอวาสิ ฉันไม่เกี่ยว"
ภาคินหยุดเดินอัตโนมัติหันกลับไปมองใบหน้าสวยคมอย่างเอาเรื่องเธอกล้าพูดออกมาได้ยังไงว่าตัวเองไม่ใช่ไอวาผู้หญิงแพศยาไม่ว่าจะมองมุมไหนเธอก็คือไอวา แหวนเพชรและสร้อยบนคอก็เป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่าเธอคือไอวา มือหนายกขึ้นกระชากสร้อยบนคอระหงจนขาดวิ่นติดมือแล้วยื่นมันไปตรงหน้าเธอ ขณะที่สายตาจ้องมองแหวนเพชรบนนิ้วเขม็ง "แล้วนี่อะไรหากคุณไม่ใช่ไอวาแล้วสร้อยคอจี้เพชรรูปหัวใจกับแหวนเพชรบนนิ้วที่ผมซื้อให้ไปอยู่ที่คุณได้ยังไง"
"อะ..ไอวาให้ฉันมาฉะ..ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นของคุณ" เอวาส่ายหน้าปฏิเสธพัลวันรู้สึกสับสนงุนงงไปหมดคำถามมากมายผุดขึ้นในสมองหากสร้อยกับแหวนเป็นของเขาจริงๆ แล้วทำไมพี่สาวฝาแฝดถึงบอกว่าเป็นของขวัญที่ตั้งใจซื้อให้เธอ
สมองเริ่มประมวลเรื่องราวต่างๆ เมื่อหลายวันก่อนเธอได้เล่าเรื่องชายหนุ่มให้พี่สาวฟังและถามไถ่ถึงสาเหตุพี่สาวก็บอกว่าเธอขอเลิกกับเขาแล้วหนีไปอยู่อิตาลีกับพ่อแค่นั้นพอสองวันให้หลังพี่สาวก็เอาสร้อยกับแหวนมามอบให้ทั้งที่ไม่เคยมอบอะไรให้เธอเลยสักครั้งด้วยความดีใจที่ได้ของขวัญจากพี่สาวครั้งแรกเธอจึงรีบใส่มันทันที เธอเพิ่งเข้าใจในตอนนี้นี่เองว่าพี่สาวต้องการให้ชายหนุ่มคิดว่าเธอเป็นไอวาแล้วมาแก้แค้นเธอแทน
"ทำไมพี่ไอถึงทำกับเอวาแบบนี้" น้ำตาแห่งความผิดหวังเสียใจพรั่งพรูออกจากตาคู่สวยอย่างกลั้นไม่อยู่เธอรู้ว่าพี่สาวฝาแฝดไม่ได้รักและผูกพันกับเธอสักนิด แต่คิดไม่ถึงว่าพี่สาวที่คลานตามหลังกันมาจะกล้าส่งน้องสาวตัวเองลงนรกทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น
"เลิกแสดงละครสักทีไอวาก้มหน้ารับผลกรรมจากการกระทำของตัวเองไปเถอะ" เสียงสะอื้นไห้ของร่างบางทำภาคินรู้สึกรำคาญไม่น้อยเขาใช้ลิ้นด้นกระพุ้งแก้มอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนฉุดกระชากลากถูเธอให้เดินต่อน้ำตา และคำพูดของเธอไม่ได้ทำให้เขาใจอ่อนขึ้นมาสักนิดเธอแสร้งทำว่ารักเขามาได้ถึงสองปีแล้วเรื่องแค่นี้ทำไมเธอจะแสแสร้งแกล้งทำไม่ได้ความอคติ ความโกรธแค้นบดบังสมองและจิตใจของเขาจนแยกแยะไม่ออก ปิดหูปิดตาเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ไร้เหตุ
"บอกว่าฉันไม่ใช่ไอวาไง ปล่อยฉัน!" เสียงหวานเปล่งออกจากริมฝีปากเอิบอิ่มทั้งน้ำตาขณะพยายามขัดขืนสุดฤทธิ์ ทว่าแรงผู้หญิงบอบบางหรือจะต้านทานกำลังผู้ชายตัวโตกว่าได้สุดท้ายตัวเธอก็ลอยละลิ่วไปตามแรงกระชาก "คุณจะพาฉันไปไหน"
"...." ภาคินลากร่างบางมาจนถึงกระท่อมหลังคามุงจากกันด้วยฝาสานไม้ไผ่เก่าๆ หลังเล็กพออยู่ได้แค่สองที่ตั้งอยู่โดดๆ เพียงหลังเดียวท่ามกลางต้นไม่น้อยใหญ่ห่างออกไปมีลำธารเล็กๆ สำหรับไว้ตักน้ำใช้เพราะที่นี่ไม่มีทั้งน้ำปะปาและไฟฟ้า
"โอ๊ยย!" ร่างบางถูกภาคินเหวี่ยงเข้าไปในกระท่อมที่เต็มไปด้วยไรฝุ่น ใบไม้แห้งที่ปลิวเข้ามาทางหน้าต่างอย่างไร้ความอ่อนโยนจนร่างบางกระแทกกับพื้นดังตุบทำให้เธอเจ็บไม่น้อย ใบหน้าสวยเหยเกด้วยความเจ็บ
"ขอให้มีความสุขกับการอยู่ที่นี่นะคุณไอวา" ร่างบางหายเจ็บเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้ยินประโยคจากปากร่างสูง ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆ กระท่อมที่มีแค่เสื่อผุพังกับหมอนใบเก่าหนึ่งใบสภาพคนไม่น่าจะอยู่ได้ด้วยความหวาดกลัว
"มะ..ไม่คุณอย่าทำแบบนี้กับฉันเลย ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้" ใบหน้าสวยส่ายไปมาพัลวันน้ำตาที่เพิ่งแห้งไปเริ่มไหลออกมาอีกครั้งจะให้คนที่อยู่อย่างสุขสบายมาตั้งแต่เล็กจนโตแบบเธอมาอยู่ท่ามกลางป่าเขาไร้ผู้คน ไร้ไฟฟ้า ไร้สิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างได้ยังไงกันเธอเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียว
"หึ" ภาคินเค้นหัวเราะในลำคออย่างสมเพชกับท่าทางหวาดกลัวของคนตรงหน้าเขารู้สึกสะใจเป็นที่สุดเมื่อได้เห็นผู้หญิงอย่างไอวาตกอยู่สภาพแบบนี้แต่นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้นเธอยังต้องเจออะไรอีกเยอะ
"โชคดีนะไอวาหวังคุณจะผ่านพ้นคืนนี้ไปได้ อย่าตายซะก่อนละ" เสียงทุ้มเอ่ยอย่างเย้ยหยันก่อนหมุนตัวเดินออกจากกระท่อม เอวารีบหยัดกายลุกขึ้นวิ่งตามร่างสูงไปทันทีแต่ก็ช้าไปเสียแล้วเมื่อร่างสูงปิดประตูใส่หน้าเธอดังปังในจังหวะที่กำลังจะก้าวเท้าออกพ้นประตู
ปังๆ!
"คุณอย่าทิ้งฉันไว้ที่นี่" มือเรียวที่ถูกมัดไว้ด้วยเข็มขัดยกขึ้นทุบประตูไม้อย่างแรงพลางขอร้องคนด้านนอกด้วยน้ำเสียงสั่นแต่ก็ได้รับเพียงความเงียบตอบกลับ เธอทิ้งตัวลงนั่งชันเข่าพิงประตูอย่างสิ้นหวังเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหนักดังออกห่างไปเรื่อยๆ จนเงียบไปในที่สุด
"ฮึก! ใครก็ได้มาช่วยฉันออกไปที" ดวงตากลมโตกวาดมองรอบๆ กระท่อมผ่านม่านน้ำตาเธอรู้สึกกลัวเหลือเกินแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นั่งกอดเข่าร้องไห้อย่างน่าเวทนาโดยไม่รู้เลยว่ามีใครอีกคนยืนฟังเสียงสะอื้นของเธอด้วยความสะใจ
ภาคินทำเหมือนว่าเขาไปแล้วแต่ความเป็นจริงเขายังอยู่บริเวณกระท่อมเพื่อรอดูปฏิกิริยาของคนด้านใน มือหนาล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาต่อสายหาพีรวัฒน์ผู้จัดการของปางไม้ ถือสายรอไม่นานปลายสายก็กดรับ
(สวัสดีครับคุณภาคิน)
"มาหาฉันที่กระท่อมริมลำธารหน่อย"
(ครับ) นิ้วเรียวกดวางสายทันทีหลังจากลูกน้องรับทราบแล้วเขายืนรอเพียงสิบนาทีลูกน้องก็มาถึง
"สวัสดีครับคุณภาคิน" พีรวัฒน์กล่าวทักทายผู้เป็นเจ้านายที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาด้วยความนบน้อมตามมารยาทพลางมองไปยังกระท่อมด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นดังแว่วมาเบาๆ ก่อนหันกลับมาถามผู้เป็นเจ้านาย "คุณภาคินเรียกผมมาที่กระท่อมร้างทำไมครับ"
"เฝ้าคนในกระท่อมให้ดีอย่าให้หนีไปได้"
"ครับ"
"เฝ้าอยู่ห่างๆ ไม่ต้องให้เธอรู้ว่ามีคนอยู่ด้วยให้เธอคิดว่าตัวเองถูกขังอยู่กลางป่าคนเดียว"
"ครับ" พีรวัฒน์รับคำสั่งเจ้านายอย่างงงๆ ถึงแม้ในใจจะรู้สึกสงสัยมากแค่ไหนแต่ก็ไม่กล้าถามออกไปเดี๋ยวจะโดนเจ้านายดุเอาได้
ภาคินเมื่อสั่งงานลูกน้องเรียบร้อยแล้วก็เดินออกไปขึ้นรถขับกลับบ้านพักที่อยู่ห่างจากกระท่อมประมาณ15 กิโลเมตรเพื่อพักผ่อนเพราะขับรถมาทั้งคืนทำให้รู้สึกล้า
ยามตะวันใกล้ลับขอบฟ้าจิ้งหรีดที่เกาะอยู่ตามต้นไม้เริ่มพากันส่งเสียงร้องระงมชวนให้คนฟังขนลุกไม่น้อย สายลมเย็นโชยกระทบผิวนวลของร่างบางที่นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ภายในกระท่อมจนรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงกระดูกบนผิวขาวเนียนของเธอเต็มไปด้วยรอยยุงกัดแสบคันไปหมดครั้นจะใช้มือปัดปายยุงที่มาสูบเลือดจากตัวก็ทำไม่ได้เพราะถูดมัดไว้"พ่อ แม่ช่วยหนูด้วยหนูกลัวเหลือเกิน" ความกลัวเข้าเกราะกุมใจดวงน้อยๆ ของเอวามากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อรอบตัวเริ่มมืดสนิทในกระท่อมไม่มีแม้แต่ตะเกียงหรือเทียนสักเล่มสำหรับให้ความสว่าง"กรี๊ดด!" เสียงกรีดเปล่งออกจากริมฝีปากเอิบอิ่มด้วยความตกใจในตอนที่ตุ๊กแกแผดเสียงดังขึ้น ร่างบอบบางสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวสุดขีดน้ำสีใสไหลอาบสองแก้มนวลหยดลงบนคอเสื้อจนเปียกปอน ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆ กระท่อมผ่านความความมืดสลัวอย่างหวาดระแวงเธอไม่สามารถรู้ได้เลยว่าตอนนี้ตุ๊กแกตัวนั้นอยู่ส่วนไหนของกระท่อมและอยู่ใกล้เธอหรือเปล่า"อะ..โอ้ย!" ไม่ทันที่อาการหวาดกลัวจะได้จางหายไปเธอก็ต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดร้องโอดครวญออกมาเมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกปวดบริเวณท้องตามมาด้วยเสียงร้องของท้องคงเป็นเพราะตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้เธ
"อย่าเข้ามาใกล้ฉัน" เอวาร้องห้ามเสียงสั่นเมื่อกระเถิบถอยหลังจนติดฝาสานไม้ไผ่แต่ร่างสูงก็ยังย่างสามขุมเข้าหาเธอไม่ยอมหยุด ดวงตากลมโตจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความหวาดหวั่นคงไม่ใช่ว่าเขาโกรธที่เธอไปว่าเขาเป็นผีห่าซาตานแล้วจะเตะเธอเหมือนกะละมังใบนั้น"ปากเก่งไม่ใช่เหรอกลัวทำไม" เสียงทุ้มเปล่งออกจากริมฝีปากหนาอย่างเย้ยหยันกับท่าทางตื่นตระหนกแววตาหวาดหวั่นของเธอ เท้าใหญ่เดินมาหยุดยืนตรงหน้าร่างบางก่อนจะเอื้อมมือไปจับเข็มขัดที่เหลือยาวออกมาจากการมัดข้อมือเล็กไว้ ขณะที่อีกคนก็พยายามพาตัวหนีดึงข้อมือออกจากการจับกุมสุดแรง "คุณจะทำอะไร""โอ๊ย!" เธอหลุดร้องด้วยความเจ็บในตอนที่ชายหนุ่มดึงกระชากเข็มขัดอย่างแรงทำให้เสียดสีกับแผลถลอกจนเลือดซิบออกมา ตัวลอยขึ้นปะทะร่างสูงจังๆ ก่อนจะล้มลงนั่งกองกับพื้นอีกครั้งสร้างความเจ็บปวดให้เธอไม่น้อย ฟันคมขบลงบนกลีบปากเอิบอิ่มจนหอเลือดข่มความเจ็บปวดเอาไว้ ก่อนแหงนหน้าต่อว่าเจ้าของการกระทำอันป่าเถื่อนด้วยความโกรธ "ฉันเป็นผู้หญิงนะทำไมคุณต้องทำรุนแรงกับฉันด้วย""เพราะผมมีความสุขที่ได้เห็นความเจ็บปวดของคุณไงไอวา" ร่างสูงตอบอย่างไร้ความรู้สึกแสยะยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันเขาส
เอวาถูกคนงานวัยกลางอุ้มมาวางลงในกระท่อมหลังจากนั้นไม่นานก็เห็นผู้จัดการปางและเมียสาวเดินกึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้าไปในกระท่อม"ทำไมคุณภาคินถึงเอาผู้หญิงคนนี้มาไว้ที่กระท่อมร้างกลางป่าแบบนี้คะพี่พี" ลิลลี่ภรรยาของพีรวัฒน์หันไปถามสามีด้วยความสงสัยเมื่อเห็นร่างบางที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเสื่อเก่าๆ เปรอะเปื้อนไปด้วยไรฝุ่นทำให้เกิดความสงสารขึ้นมาจับใจ"พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน คุณภาคินแค่ให้พี่มาเฝ้าเธออยู่ห่างๆ แล้วพี่ก็ไม่กล้าถามด้วยกลัวโดนด่า" พีรวัฒน์ตอบเมียสาวตามความจริงเขาก็รู้สึกสงสารผู้หญิงคนนี้ไม่แพ้กันแต่ก็ทำอะไรไม่ได้"น่าสงสารจัง" ลิลลี่พึมพำออกมาเบาๆ ก่อนนั่งลงข้างๆ ร่างบางแล้วหยิบยาดมออกมาจากกระเป๋ายาจ่อไปที่จมูกโด่งสันของคนที่นอนไม่ได้สติเธอมองใบหน้าสวยคมที่ซีดเผือดอย่างพินิจพิจารณาถึงแม้จะมอมแมมแต่ก็ดูออกว่าหญิงสาวเป็นคนสวยมาก อีกทั้งผิวพรรณก็ขาวผุดผ่องเรียบเนียนคงไม่ใช่คนแถวนี้น่าจะเป็นคุณหนูของบ้านไหนสักแห่ง"ตัวร้อนจี้เลยค่ะพี่พี" เสียงหวานเปล่งบอกผู้เป็นสามีด้วยความตกใจเมื่อสัมผัสลงบนผิวเนียนของหญิงสาว อุณหภูมิร่างกายร้อนระอุจนน่าตกใจหากปล่อยไว้คงช็อคเป็นแน่ เธอรีบหันไปสั่งสามีด้
โคร่ม!เสียงเปิดประตูทำให้ร่างบางที่กำลังนอนหลับอยู่สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งอัตโนมัติ มือเรียวยกขึ้นขยี้ตาเบาๆ ไล่อาการงัวเงียแล้วเพ่งมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ"เช้าแล้วเหรอ" เสียงหวานพึมพำเบาๆ เธอจำไม่ได้เลยว่าเมื่อวานตัวเองเผลอหลับไปตอนไหนคงเป็นเพราะฤทธิ์ยาลดไข้ทำให้นอนหลับเสียสนิทรู้ตัวอีกทีก็เช้าของอีกวันแล้ว หน้าตาของเธอดูสดชื่นมีเลือดฝาดดีกว่าเมื่อวานเยอะคงเพราะได้ทานอาหารและพักผ่อนเต็มที่จะมีก็แต่อาการมึนๆ จากพิษไข้นิดหน่อย ดวงตากลมโตปรายมองร่างสูงที่เพิ่งเดินพ้นประตูเข้ามานิ่งๆ รอดูว่าเขาจะทำอะไรเธออีก ภาคินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหญิงสาวนั่งอยู่หน้าตาก็ดูดีขึ้นกว่าเมื่อวานมากเขาคิดว่าเธอจะนอนซมเพราะพิษไข้ หรือไม่ก็สำออยแกล้งป่วยเพื่อจะได้ไม่ต้องทำงานเสียอีก ดวงตาคมกริบไล่มองร่างบางตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าก่อนออกคำสั่งเสียงดุ "ตื่นแล้วก็ไปทำงาน""...." สิ้นเสียงทุ้มร่างบางก็หยัดกายลุกขึ้นยืนทันที เธอเลือกจะไม่ตอบโต้ชายหนุ่มให้เปลืองน้ำลายถึงตอบโต้ไปก็ไมชนะเขาอยู่ดีสู้เก็บแรงไว้ขนฟืนขึ้นรถดีกว่า อีกคนยิ่งแปลกใจเข้าไปอีกกับท่าทางนิ่งสงบของร่างบางดวงตาคมกริบจับ
หลายวันต่อมา"คุณเอวาครับ ผมเอาข้าวมาให้ครับ" เอวาที่กำลังขนไม้ฟืนขึ้นรถชะงักหยุดเมื่อเสียงทุ้มของพีรวัฒน์ดังขึ้นด้านหลัง เธอหันไประบายยิ้มอ่อนๆ ให้เจ้าของเสียง แล้วรีบเอาไม้ไปวางท้ายรถจากนั้นจึงเดินไปหาชายหนุ่ม"ขอบคุณมากนะคะ ลำบากคุณพีแย่เลยต้องมาส่งข้าวให้ฉันทุกวัน" เธอยื่นมือไปรับข้าวกล่องจากชายหนุ่มพร้อมเอ่ยขอบคุณด้วยความเกรงใจ"มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ คุณภาคินสั่งไว้" พีรวัฒน์ยิ้มตอบ อีกคนเพียงระบายยิ้มอ่อนๆ พอพูดถึงภาคินผู้ชายใจร้าย เธอก็ไม่ได้เจอเขามา3 วันแล้ว พีรวัฒน์บอกว่าเขากลับไปกรุงเทพซึ่งมันเป็นเรื่องดีมากๆ ตั้งแต่ไม่มีเขาเธอก็สบายใจขึ้นเยอะไม่ต้องมานั่งระแวงว่าเขาจะหาเรื่องอะไรทรมานเธออีก และเป็นโอกาสที่เธอจะได้หาช่องทางหนี แต่ดูเหมือนการออกไปจากที่นี่ไม่ง่ายเอาเสียเลยเพราะเธอพยายามหาหนทางมา2-3 วันแล้วก็ยังไม่เห็นสักช่องทาง พอคิดถึงเรื่องนี้เธอถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่คิดไม่ตกจริงๆ ว่าควรทำยังไง"คุณเอวาเป็นอะไรหรือเปล่าครับ" พีรวัฒน์ถามขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวยืนเหม่อลอย ใบหน้าตึงเครียดคล้ายกับกำลังคิดอะไรอยู่ เสียงของเขาทำให้เอวาหลุดออกจากห้วงความคิด "เปล่าค่
ภาคินพุ่งตรงไปยังกระท่อมของหญิงสาวทันทีที่เดินทางมาถึงปางไม้ ทว่าเขาก็ต้องชะงักเท้าอัตโนมัติเมื่อเดินเข้าใกล้บริเวณกระท่อมแล้วได้ยินเสียงคนคุยกันดังเว่วมา"ดีขึ้นหรือยังครับ""ยังรู้สึกระคายเคืองนิดหน่อยค่ะ" "ว๊ายย!" ร่างสูงยืนฟังบทสนทนาของคนทั้งสองเงียบๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงร้องอุทานของหญิงสาวจึงรีบปรี่เข้าไปในกระท่อมด้วยความเร็ว"ทำอะไรกัน!" เสียงทุ้มตะเบ็งดังลั่นด้วยความรู้สึกโมโหเมื่อเปิดประตูเข้ามาเห็นทั้งสองกำลังนอนทับกันโดยพีรวัฒน์อยู่ด้านบนหญิงสาวนอนด้านล่างทำให้คิดเป็นอื่นไม่ได้จริงๆ นอกจากทั้งสองกำลังจะทำเรื่องบัดสีบัดเถลิง"คุณภาคิน""คุณ" พีรวัฒน์กับเอวาเบิกตากว้างด้วยความตกใจเอ่ยออกมาอย่างพร้อมเพรียง เมื่อหายตกใจก็รีบผละออกจากกันแล้วลุกขึ้นยืนด้วยความเร็ว"มันไม่ใช่อย่างที่คุณภาคินคิดนะครับ" พีรวัฒน์รีบอธิบายพัลวัน ส่วนเอวายืนมองทั้งสองหนุ่มสลับไปมาด้วยความงุนงงเธอก็แค่เสียหลักล้มแล้วคว้าตัวพีรวัฒน์เอาไว้เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยว แต่เขาดันเสียหลักล้มลงไปกับเธอด้วยไม่ได้มีอะไรในก่อไผ่เลยสักนิด"กลับไปดูเมียพีรวัฒน์ อย่ามายุ่งกับผู้หญิงคนนี้" ภาคินผ่อนลมหายใจเข้าออกเบาๆ พยายา
"คุณไม่ใช่ไอวา" ดวงตาคมกริบฉายแววสับสนอย่างชัดเจนจับจ้องคนที่นอนสะอื้นให้ใต้ร่างไม่วางตา ความรู้สึกผิดก่อตัวขึ้นในใจนิดๆ แต่เพียงชั่วครู่เท่านั้นก่อนแววตาจะกลับมาแข็งกร้าวเหมือนเดิม"ระ..รู้แล้วก็ออกไปจากตัวฉันคนสารเลว" ร่างบางมองใบหน้าหล่อเหลาผ่านม่านน้ำตาด้วยแววตาเกลียดชังพลางออกแรงบิดข้อมือให้หลุดจากการจับกุมของมือหนา ภายในใจของเธอมันแหลกเหลวไม่มีชิ้นดีไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองต้องมาพบเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ความบริสุทธิ์ที่เก็บรักษามา20 กว่าปีถูกผู้ชายสารเลวพรากไปในเวลาอันรวดเร็วไม่ทันให้เธอได้ตั้งตัวตั้งใจสักนิด เธอเกลียดเขา เกลียดพี่สาวฝาแฝด เกลียดที่ฟ้าไม่ยุติธรรมทำให้เธอต้องมารับกรรมในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่ออีกคนหาได้สะทกสะท้านไม่กลับกดข้อมือเล็กกับพื้นแน่นขึ้นจับจ้องใบหน้าคมอยู่อย่างนั้นนานนับนาที ก่อนดึงแก่นกายออกจากร่องสวาทคับแคบลุกขึ้นยืนรูดซิบใส่กระดุมกางเกงให้เรียบร้อยทั้งที่ยังมีคราบเลือดติดอยู่ ส่วนร่างบางเมื่อได้รับอิสระก็รีบพยุงกายลุกขึ้นนั่งดึงกางเกงขึ้นมาสวมใส่ทันที กัดฟันข่มความปวดร้าวระบมกลางกายสาวเอาไว้ไม่แสดงอาการใดๆ ออกมาให้ร่างสูงสมเพชแม้จะรู้สึกเจ็บปวดเพียงใ
'ครืด ครืด' เสียงโทรศัพท์ปลุกให้ร่างสูงที่นอนหลับอยู่บนเตียงคิงไซส์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่ มือหนาเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์มากดรับสายทั้งที่ตายังปิดสนิท ก่อนกรอกน้ำเสียงงัวเงียลงตามสาย"ภาคินพูดสายครับ"(ผมเองครับคุณภาคินที่ให้ไปสืบได้เรื่องแล้วนะครับ) "ฉันรู้แล้วว่าเธอมีฝาแฝด"(งั้นคุณภาคินต้องการรู้อะไรเกี่ยวกับไอวาและฝาแฝดไหมครับ)"คุณรู้อะไรบ้างก็ว่ามา"(ฝาแฝดของไอวาชื่อเอวาครับ เธอไปอยู่กับพ่อที่นอร์เวย์ตั้งแต่เด็กครับเพิ่งกลับมาไทยเมื่อไม่กี่วันก่อน)"อืม คุณให้นักสืบตามสืบเรื่องของไอวาต่อยิ่งได้เรื่องเน่าเฟะของเธอก็ยิ่งดี บอกนักสืบฉันมีค่าจ้างให้ไม่อั้น"(ได้ครับ) นิ้วเรียวกดวางสายแล้ววางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมหลังจากสั่งงานผู้ช่วยคนสนิทเสร็จ ก่อนใช้มือนวดคลึงขมับเบาๆ พร้อมปรือตาขึ้นช้าคงเป็นเพราะเมื่อวานดื่มแอลกอฮอล์มากไปหน่อยเลยทำให้รู้สึกมึนๆ"เอวา" เหตุการณ์เมื่อคืนผุดขึ้นในสมองเป็นฉากๆ เมื่อสายตาสะดุดเข้ากับร่างบางที่นอนหลับข้างๆ เสียงกรีดร้องและท่าทางแสนเจ็บปวดของเธอยังคงชัดเจนในสมองแม้จะเมาก็แต่เขาก็รู้ว่าทำอะไรลงไปเขาข่มแหงรังแกเธอซ้ำๆ จนเธอรับไม่ไหวแล้วสลบไป"เ
5 ปีต่อมาวันเวลาหมุนเวียนดำเนินไปเรื่อย ๆ นี่ก็ผ่านมาห้าปีแล้วที่เอวากับภาคินได้สร้างครอบครัวด้วยกัน ทั้งสองคนได้ตกลงแต่งงานจดทะเบียนสมรสกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อสามปีก่อนมีลูกเป็นโซ่ผูกใจด้วยกันสามคนก็คืออลัน อลินดา อคิน และยังมีบุตรสาวบุตรธรรมอีกหนึ่งคนชื่อพะพายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับอคินบุตรชายคนสุดท้อง"มามี๊ แด๊ดดี๊พี่อลันแกล้งพะพายอีกแล้วครับ" เสียงของอคินเด็กน้อยวัยสี่ขวบเศษ ๆ หน้าตาหล่อเหลาตั้งแต่เด็กวิ่งเข้ามาฟ้องบิดากับมารดาที่นั่งอยู่ในบ้านเสียงดั่งลั่น ภาคินกับเอวาที่กำลังนั่งคุยกันถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนลุกเดินตามบุตรชายคนเล็กออกไปยังลานหน้าบ้าน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกชายคนโตอย่างอลันทะเลาะกับลูกบุตรธรรมแต่มันเกิดขึ้นตลอดตั้งแต่พวกเขารับพะพายเด็กกำพร้ามาเลี้ยงดู "พะพาย! ยัยตัวแสบกล้าทำฉันเลือดออกเหรอห๊ะ""พะพายไม่ได้ตั้งใจนะ ก็พี่อลันแกล้งพะพายก่อน""ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่ ฉันไม่ใช่พี่เธอ" เสียงของอลันกับพะพายที่กำลังทะเลาะกันดังแว่วมาทำให้ภาคินต้องรีบเดินเข้าไปห้ามศึก "ทะเลาะอะไรกันอลัน พะพาย" อลันกับพะพายเงียบปากลงทันทีมองหน้าผู้เป็นบิดาตาปริบ ๆ ภาคิน
วันต่อมา"แด๊ดดี๊ มามี๊ๆ" เสียงร้องตะโกนของสองแฝดที่ดังอยู่หน้าห้องปลุกให้คนเป็นพ่อแม่อย่างเอวากับภาคินที่กำลังนอนกอดกันอยู่ภายในห้องรู้สึกตัวตื่น"คุณนอนต่อเถอะผมไปเปิดประตูให้ลูกเอง" ภาคินยกมือขึ้นรั้งไหล่เมียสาวที่กำลังจะลุกให้นอนลงเหมือนเดิมเพราะอยากให้เธอพักผ่อนเมื่อคืนเขาเล่นต่อแขนต่อขาให้ลูกจนเธอแทบหมดแรง ก่อนเขาจะลุกลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้ลูกแทน"กู๊ดมอร์นิ่งค่ะแด๊ดดี๊" อลินดาเอ่ยทักทายเสียงใสพร้อมฉีกยิ้มจนตายีทันทีที่บิดาเปิดประตูออกมา"มอร์นิ่งคิดส์ครับคนสวย" ภาคินย่อตัวลงหอมแก้มซ้ายแก้มขวาของบุตรสาวฟอดใหญ่แล้วหอมแก้มบุตรชายต่อ "มอร์นิ่งคิดส์ครับคนหล่อ""มอร์นิ่งครับแด๊ดดี๊" อลันยิ้มตอบบิดาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจากนั้นก็พากันเดินเข้าไปในห้อง"ทำไมไม่นอนต่อ" ใบหน้าหล่อเหลาเลิ่กคิ้วขึ้นถามเมื่อเห็นว่าร่างบางนั่งพิงหัวเตียงอยู่"นอนไม่หลับแล้ว" เอวาระบายยิ้มตอบชายหนุ่มแล้วหันไปถามไถ่สองแฝดต่อ "เมื่อคืนนอนกับคุณปู่ คุณย่าเป็นไงบ้างคะ""สบายมากครับ สบายมากค่ะ" สองแฝดตอบเสียงเจื้อยแจ้วก่อนอลินดาจะกระโดดขึ้นเตียงไปนั่งทับหน้าขามารดาที่นั่งยืดขายาวเหยียด การกระทำของบุตรสาวสร้างความ
"ว๊าย!""ภาคินปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ" เอวาร้องท้วงเสียงดังลั่นเมื่อจู่ ๆ ชายหนุ่มก็เดินอ้อมมาช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวขณะที่เธอกำลังลงจากรถหลังจากรถมาจอดลงหน้าบ้านวิโรจน์อัครโชติแล้ว"ปล่อยแน่...แต่หลังจากต่อแขนต่อขาให้ลูกแล้วนะ" ภาคินตอบหน้าระรื่นไม่ได้สนใจเสียงโวยวายของคนในวงแขนสักนิดอุ้มเธอเดินดุ้ม ๆ เข้าบ้าน "ฉันท้องอยู่นะ คุณคงจะทำอย่างที่พูดจริง ๆ ไม่ได้" คนฟังถึงกับอ้าปากเหวอเมื่อได้ยินคำพูดจากริมฝีปากหนาทำได้เพียงส่งเสียงร้องท้วงไม่กล้าดิ้นหรือขัดขืนอะไรยกมือขึ้นคล้องคอร่างสูงไว้แน่นเพราะกลัวตกตอนนี้เธอไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วร่างบางถูกภาคินอุ้มมาวางบนเตียงอย่างแผ่วเบาก่อนเขาจะตามขึ้นไปคร่อมเธอเอาไว้จับจ้องใบหน้าคมที่ห่างกันเพียงคืบด้วยแววตาหวานเยิ้ม "ผมรักคุณนะ"เอวาระบายยิ้มหวานให้คนด้านบนมองสบแววตาหวานเยิ้มด้วยแววตาอ่อนโยนยกมือขึ้นประคองใบหน้าหล่อเหลาพร้อมเอื้อนเอ่ยความรู้สึกในใจออกมา "ตอนนี้ฉันยังไม่รู้หรอกว่าตัวเองรักคุณแล้วหรือเปล่า แต่ฉันมีความสุขและรู้สึกอบอุ่นที่มีคุณอยู่ใกล้ ๆ ฉันเชื่อว่าสักวันคุณจะทำให้ฉันกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าฉันรักคุณ ฉันเปิดโอกาสให้คุณได้ทำ
วันเวลาหมุนเวียนมาจนถึงวันงานประมูลเครื่องเพชร รถลีมูซีนคันหรูที่มีสองหนุ่มสาวนั่งอยู่เบาะหลังเคลื่อนตัวมาจอดลงยังหน้าโรงแรมชื่อดังใจกลางเมืองกรุงซึ่งเป็นสถานที่จัดงานประมูลเครื่องเพชรร่างสูงในชุดสูทสีเทาเข้มเข้ารูปเปิดประตูลงจากรถด้วยท่าทางสง่าผ่าเผยก่อนเดินอ้อมไปเปิดประตูรถอีกฝั่ง"ขอบคุณค่ะ" เอวาในชุดเดรสเปิดไหล่แขนพองสีเทาอ่อนยาวเสมอเข่าผ่าข้างเล็กน้อยโชว์เรียวขาขาวเนียนเรียบหรูดูดีก้าวลงจากรถพร้อมระบายยิ้มหวานให้ชายหนุ่มเชิงขอบคุณ "พร้อมไหม" ชายหนุ่มระบายยิ้มบาง ๆ พร้อมยกแขนขึ้นให้อีกคนคล้อง มือเรียวสอดเข้ามาคล้องแขนแกร่งอย่างว่าง่ายพยักหน้าแทนคำตอบว่าเธอพร้อมแล้วจากนั้นทั้งสองก็เดินควงคู่เข้าไปในงานทันทีที่ภาคินกับเอวาย่างกรายเข้ามาในงานทุกสายตาก็มองมายังทั้งสอง ก่อนเสียงซุบซิบจะเริ่มดังขึ้นทุกคนต่างให้ความสนใจกับผู้หญิงหน้าตาสะสวยข้างกายนักธุรกิจหนุ่มชื่อดังเพราะเขาไม่เคยควงผู้หญิงออกงานเลยสักครั้ง กล้องจากนักข่าวหลายสำนักก็กดชัตเตอร์รูปของสองหนุ่มสาวระรัวก่อนจะมีนักข่าวสองสามคนเดินเข้ามาสัมภาษณ์ "สวัสดีค่ะคุณภาคิน""สวัสดีครับ" ภาคินตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนปรายตามองสี
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านหน้าต่างกระจกเข้ามากระทบเปลือกตาบางของร่างสูงที่นอนกอดลูกบนเตียงคิงไซส์ให้รู้สึกตัวตื่นในช่วงสาย ๆ ของวันใหม่ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็ได้เจอหน้าลูกเมียเป็นอันดับแรกเขาหยัดกายลุกขึ้นนั่งก่อนโน้มไปจูบหน้าผากบุตรชายที่นอนข้าง ๆ อย่างแผ่วเบาแล้วเลื่อนไปจูบหน้าผากบุตรสาวต่อจากนั้นก็ลงจากเตียงเดินอ้อมไปริมเตียงอีกฝั่งที่แม่สองแฝดนอนอยู่โน้มลงจูบหน้าผากมนเบา ๆ "ผมรักคุณกับลูกนะ" ดวงตาคมกริบไล่มองใบหน้าสามคนแม่ลูกที่นอนหลับบนเตียงด้วยความอิ่มเอมใจ ก่อนละสายตาออกแล้วจัดการอาบน้ำแต่งตัวหยิบโน้ตบุ๊คเดินลงมานั่งทำงานที่ห้องนั่งเล่นปล่อยให้เมียกับลูกนอนต่อโดยไม่คิดจะปลุกเพราะเมื่อคืนทั้งสามคนนอนดึกเพราะมัวแต่พูดคุยหยอกล้อกับเขาอยู่"คุณน้าจะไปไหนครับ" ภาคินเปล่งเสียงถามขึ้นเมื่อเหลือบสายตาาไปเห็นมารดาของหญิงสาวกำลังเดินถือตะกร้าผ่านห้องนั่งเล่นไป ดวงเดือนหยุดชะงักหันไปตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มกว่าที่ผ่านมา "ว่าจะออกไปจ่ายตลาดหน่อยนะ" ทำคนฟังอย่างภาคินแปลกใจไม่น้อยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของดวงเดือนทั้งที่ที่ผ่านมาเธอมักจะแยกเขี้ยวใส่เขาตลอดบาง
วันต่อมา"มามี๊คะเมื่อไรแด๊ดดี๊จะกลับมา อลินคิดถึงแด๊ดดี๊แล้วค่ะ" เสียงของอลินดาดังขึ้นทำลายความเงียบขณะที่ทุกคนกำลังนั่งทานอาหารอยู่ "อีกสองวันแด๊ดดี๊ก็จะกลับแล้วค่ะ อดทนอีกหน่อยนะคะ" เอวาวางช้อนลงเอื้อมมือไปลูบศรีษะเล็กทุยอย่างเอ็นดูเธอเองก็คิดถึงชายหนุ่มมากเหมือนกันไม่รู้ทำไมถึงคิดถึงมากขนาดนี้ "อลันก็คิดถึงแด๊ดดี๊ครับ" อลันพูดเสริมอีกเสียงพร้อมทำหน้าเหงาหงอยจนคนเป็นแม่ต้องเลื่อนไปลูบศีรษะปลอบประโลม "เดี๋ยวแด๊ดดี๊ก็กลับมาแล้วครับ""ครับ ค่ะ" สองแฝดพยักหน้ารับรู้แล้วก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อเมื่อเสร็จก็ขอมารดาขึ้นไปนอนดูการ์ตูนบนห้องนอน ส่วนเอวาก็ช่วยมารดาเก็บจานล้างจากนั้นก็มานั่งคุยกันต่อที่โซฟา"แม่ว่าลูกดูมีน้ำมีนวลขึ้นนะ" ดวงเดือนไล่สายตามองบุตรสาวตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าก่อนพูดลอย ๆ เพราะดูบุตรสาวมีน้ำมีนวลอวบอิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก "สงสัยช่วงนี้คงเจริญอาหารค่ะ" คนโดนทักตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ดวงเดือนไม่ได้ซักไซร้อะไรต่อพูดคุยเรื่องอีกแทนผ่านไปครึ่งชั่วโมงเธอจึงขอแยกตัวออกไปข้างนอกเพราะมีนัดกับเพื่อน ๆ"เฮ้อ" เอวาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เอนกายพิงพนักโซฟาแล้วค่อย ๆ หลับตาลงด้วยสมองหนัก
วันเวลาหมุนเวียนดำเนินไปเรื่อยๆ จากวันเคลื่อนไปเป็นเดือนนี่ก็ผ่านมาสามเดือนแล้วที่ภาคินคอยตามดูแลเอวาและลูกๆ ดูเหมือนทุกอย่างจะดีขึ้นตามลำดับ วันแรกเป็นยังไงวันนี้เขาก็ยังเป็นแบบนั้นความเสมอต้นเสมอปลายทำให้เอวายอมเปิดใจให้เขาในระดับหนึ่ง ความรู้สึกดีๆ เริ่มก่อตัวเธอยอมรับเลยว่ารู้สึกอบอุ่นใจไม่น้อยที่มีเขาคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ "เป็นอะไรลูกนั่งหน้าหงอยเชียว คิดถึงภาคินเหรอ" เสียงของดวงเดือนทำให้คนที่นั่งดูทีวีแต่จิตใจกลับเหม่อลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวหลุดจากภวังค์ ก่อนหันรีบหันไปปฏิเสธทันควัน "หนูจะคิดถึงเขาทำไมกันละแม่" "ใจลูก ลูกย่อมรู้ดีว่าทำไม" ดวงเดือนระบายยิ้มบางๆ มองบุตรสาวด้วยความเอ็นดูเธออาบน้ำร้อนมาก่อนทำไมจะดูไม่ออกว่าบุตรสาวเปลี่ยนไปตั้งแต่พ่อของสองแฝดหายไปเพราะต้องบินไปดูงานที่ต่างประเทศหนึ่งอาทิตย์"..." เอวาเพียงระบายยิ้มให้มารดาถึงปากเธอจะบอกออกไปแบบนั้นแต่ในใจเธอก็คิดถึงเขาจริง ๆ นั่นแหละ ตลอดสามเดือนที่ผ่านมาชายหนุ่มทำตัวติดเธอกับลูกตลอดไม่เว้นแม้แต่เวลานอนขนาดเธอกลับมาอยู่กับมารดาเขาก็ยังตามมานอนด้วยโดยให้เหตุผลว่าอยากนอนกับลูก ทุกวันเธอจะได้ยินคำหยอดหวาน ๆ จากปากเขาตลอ
หลายวันต่อมาเอวายังคงอยู่ที่บ้านของภาคินเหมือนเดิมไม่ได้กลับบ้านตั้งแต่วันนั้นแล้วเหตุผลก็คงไม่ต้องบอกเพราะลูกๆ ของเธอยังไงละออดอ้อนให้อยู่ต่อ ดูเหมือนสองแฝดจะติดปู่กับย่าเอามากก็ผู้ใหญ่ทั้งสองเล่นตามใจหลานขนาดนั้นหลานจะไม่ชอบได้ยังไงคนลำบากก็เห็นจะมีแต่เธอนี่แหละถูกพ่อสองแฝดแทะโลมทางสายตา ทางคำพูดและการกระทำทุกวัน เวลานอนก็แอบย่องมานอนกอดเธอทุกคืนถึงแม้จะไม่มีอะไรเกินเลยก็ตามเถอะพอด่าเขาก็ทำหน้ามึนกลายเป็นเธอเสียเองที่ประสาทเสียอย่างเช่นตอนนี้เพี๊ยะ!"ภาคินคุณช่วยตั้งใจขับรถหน่อยได้ไหม" หญิงสาวตีลงบนมือปลาหมึกของร่างสูงที่อยู่ไม่นิ่งยื่นมาวางบนหน้าขาของเธอทั้งที่กำลังขับรถอยู่อย่างแรง"โอ้ย! ผมเจ็บนะ" คนโดนตีร้องโอยด้วยความเจ็บรีบหดมือกลับก่อนหัวเราะออกมาเบา ๆ มิหน่ำซ้ำยังพูดจาเย้าแหย่ให้อีกคนหัวเสียอีก "ผัวจับนิดจับหน่อยไม่ได้หรือไงครับเมีย""พูดจาให้มันดี ๆ ลูกอยู่เห็นไหม" ใบหน้าคมหันขวับไปมองค้อนคนข้างๆ ตาเขียว มือเรียวเอื้อมไปหยิกเอวหนาด้วยความหมั่นไส้"โอ้ยๆ เจ็บๆ" เสียงทุ้มร้องโอดโอยเบาๆ พลางเด้งเอวหนีมือเรียว เอวายกยิ้มมุมปากอย่างสะใจก่อนปล่อยมือออกจากเอวหนาและไม่มีที่จะพูดข
"ภาคิน! อะไรของคุณเนี่ยฉันจะนอน เมื่อกี้ยังไม่พอหรือไง" เอวาเอี่ยวหน้าต่อว่าร่างสูงที่นอนซ้อนหลังเธอภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ด้วยน้ำเสียงดุเพราะเขาเอาแต่กดจูบที่ไหล่สลับกับคลอเคลียซอกคอ มือก็อยู่ไม่นิ่งสอดผ่านเอวคอดกิ่วมาลูบวนหน้าท้องแบนราบแล้วแบบนี้เธอจะข่มตานอนได้ยังไงก่อนหน้านี้เขาก็ตักตวงความสุขจากร่างกายเธอนับครั้งไม่ถ้วนทั้งที่บอกว่าขอแค่ครั้งเดียวซึ่งครั้งเดียวของเขาไม่มีอยู่จริงเล่นเอาน้องสาวเธอบวมช้ำเจ็บแสบไปหมด"ครับๆ ไม่กวนแล้วครับ" ภาคินยอมหยุดการกระทำนอนกอดร่างบางนิ่งๆ ก่อนกดจูบหนักๆ บนศีรษะเล็กทุยจากนั้นจึงหลับตาลง เอวาไม่ได้ขัดขืนอะไรยอมหลับตาลงในอ้อมกอดของร่างสูงอย่างว่าง่ายเพราะรู้สึกเหนื่อยจากกิจกรรมก่อนหน้านี้อยากพักผ่อนเต็มทีแล้วเพียงไม่นานทั้งสองก็ผล็อยไป'ก็อก ก็อก'หลายชั่วโมงต่อมาเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นปลุกให้ชายหนุ่มที่นอนกอดร่างบางรู้สึกตัวตื่น มือหนายกขึ้นขยี้ตาเบาๆ ไล่อาการงัวเงีย ก่อนผงกหน้ามองคนในอ้อมกอดก็พบว่าเธอยังหลับอยู่ เขาค่อยๆ ดึงแขนออกจากเอวคอดกิ่วขยับตัวลงจากเตียงอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวทำให้อีกคนตื่น แล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวจากนั้นก็เดินไ