เจียงเย่าจิ่งหันไปมองกู้ฮว๋ายเดิมทีเขาก็โกรธขนาดนี้เพราะภาพวาดนี้อยู่แล้วในเมื่อถ้าเขาอยากโกรธก็ให้โกรธต่อไปเถอะ!เขาเอ่ยขึ้นมานิ่ง ๆ “เผา”ซ่งอวิ้นอวิ้นวาดให้เขาเหรอ? ได้สิ งั้นเขาจะทำให้ภาพนี้กลายเป็นขี้เถ้าซะ!กู้ฮว๋าย “...”เขาโกรธจนพูดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่น้อยนี่มันจะรังแกกันเกินไปแล้วนะ!ฮั่วซุนโทรให้คนมาจัดการ ก่อนจะไล่ออกไปอีกครั้ง “ไปกันเถอะครับคุณกู้”กู้ฮว๋ายโกรธจนอกสั่น!โกรธมากจนไม่สามารถปล่อยวางได้เลย!แต่สิ่งที่ทำให้เขาโกรธหน้าดำยิ่งกว่าเก่าคือ ไม่รู้ว่าฮั่วซุนตั้งใจหรือเปล่า ทันทีที่เขาเดินออกมาจากบริษัทก็เห็นฉากที่ภาพนั้นโดนเผาไปแล้ว!ความโกรธในตอนนี้เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้เลย“ฮั่วซุน เจียงเย่าจิ่งชอบซ่งอวิ้นอวิ้นหรือเปล่า?”เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเจียงเย่าจิ่งถึงไม่โกรธอย่างนั้นก็เหลือแค่คำอธิบายเดียวคือ เจียงเย่าจิ่งชอบซ่งอวิ้นอวิ้น?แต่ถ้าเขาชอบซ่งอวิ้นอวิ้นจริง ทำไมถึงได้ผลักเธอตกจากอาคารล่ะ?กู้ฮว๋ายไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ฮั่วซุนจะบอกเรื่องส่วนตัวของเจียงเย่าจิ่งให้เขาได้อย่างไรกันล่ะ เขายิ้ม “ผมเป็นแค่ลูกน้องจะไปรู้เรื่องของเจ้านายได้
ซ่งอวิ้นอวิ้นตกใจ คงไม่ใช่เจียงเย่าจิ่งหรอกนะ?เขาได้ยินที่กู้ฮว๋ายพูดเมื่อกี้หรือเปล่า?เธอมองไปยังประตูก่อนจะรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาคือป้าหวู่กู้ฮว๋ายเห็นท่าทีของซ่งอวิ้นอวิ้นทั้งหมดเธอกลัวเจียงเย่าจิ่งขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ?แต่ก็ใช่แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ศัตรูของเจียงเย่าจิ่ง แต่ก็พอจะนึกออกว่าซ่งอวิ้นอวิ้นต้องทนทุกข์ทรมานกับเจียงเย่าจิ่งมากแค่ไหน!ก็ไม่แปลกที่จะต้องกลัวกู้ฮว๋ายแอบคิดในใจอย่างเงียบ ๆ ป้าหวู่เหลือบมองกู้ฮว๋ายอย่างไม่ไว้ใจนัก ก่อนจะวางอาหารลงบนโต๊ะ “คุณผู้หญิง คุณต้องพักผ่อนนะคะ”ซ่งอวิ้นอวิ้นเห็นว่าป้าหวู่ไม่ชอบกู้ฮว๋าย เธอจึงยิ้มก่อนจะเอ่ย “เข้าใจแล้วค่ะ”เธอยังคงใส่ใจป้าหวู่อยู่เพราะป้าหวู่หวังดีกับเธอจริง ๆ “กู้ฮว๋าย เดี๋ยวฉันต้องกินข้าวเที่ยงแล้ว ที่นี่ไม่มีอะไรให้คุณกินหรอก คุณไปก่อนเถอะ”กู้ฮว๋ายขยับปากเล็กน้อย ทำไมวันนี้เขารู้สึกเหมือนไปที่ไหนก็โดนไล่เลยล่ะ?แถมลูกน้องเจียงเย่าจิ่งก็จงรักภักดีซะเหลือเกินแม้แต่คนใช้ก็หมือนกับฮั่วซุนปกป้องและซื่อสัตย์ หึ น่ารำคาญชะมัด!“งั้นฉันไปก่อนนะ” กู้ฮว๋ายเอ่ยซ่งอวิ้นอวิ้นส่งเสียงอืมตอบกลับ
เจียงเย่าจิ่งไม่ขยับซ่งอวิ้นอวิ้นลืมตาก่อนจะกะพริบเล็กน้อย “คุณคงไม่ได้จะกินของฉันหรอกใช่ไหม?”โดยไม่ทันให้เจียงเย่าจิ่งได้เอ่ยอะไรออกมา เธอก็รีบพูดทันที “ซุปนี่ฉันกินไปแล้ว มันมีน้ำลายนะ”เจียงเย่าจิ่งเอ่ย “ฉันไม่คิดว่ามันสกปรกหรอก”ซ่งอวิ้นอวิ้น “...”เธอตกใจจนอ้าปากค้าง!นี่ใช่เจียงเย่าจิ่งที่เธอรู้จักรึเปล่า?นี่กลายเป็นคนดื้อแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?เธอถือชามไว้ราวกับกลัวว่าเจียงเย่าจิ่งจะแย่งไปจากมือไม่ใช่เพราะกลัวว่าเขาจะกินซุปในชาม แต่เพราะเธอเคยกินมันไปแล้ว มันก็รู้สึกขัดเขินถ้าจะให้เจียงเย่าจิ่งกินต่อพวกเขายังไม่สนิทกันพอที่จะใช้ชามร่วมกันได้นะ!“เธอหน้าแดงเหรอ?”เจียงเย่าจิ่งหัวเราะออกมาเบา ๆ นี่เธอกำลังเขินอายอยู่เหรอ?ช่างไร้เดียงสาเสียจริงซ่งอวิ้นอวิ้นจับหน้าตัวเองก่อนจะโต้กลับ “หน้าใครแดง? ฉันไม่ได้หน้าแดงนะ คุณอย่ามาพูดจาซี้ซั้ว”เจียงเย่าจิ่งไม่ได้เถียงเธอกลับ เขาแค่เอ่ยอย่างไม่อะไร “ตามใจเธอแล้วกัน ไม่หน้าแดงก็ไม่หน้าแดง”ใจซ่งอวิ้นอวิ้นรัดแน่น ก่อนจะหันสายตาไปทางอื่นโดยไม่กล้าสบตาเขาเธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองตื่นเต้นหรือเขินอายอะไรเธอแค่รู้สึกตล
เจียงเย่าจิ่งมองคนส่งพัสดุตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาจับจ้องไปยังช่อดอกกุหลาบขนาดใหญ่ที่เขาถืออยู่ซ่งอวิ้นอวิ้นเหรอ?ตอนนี้ซ่งอวิ้นอวิ้นยืดหัวออกไปมองด้วยความอยากรู้ ก่อนจะเอ่ยถาม “ใครอยู่ตรงประตูเหรอ?”คนส่งของสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นบางอย่างที่แผ่ออกมาจากเจียงเย่าจิ่ง ก่อนจะตอบด้วยความระวังว่า “ขอโทษนะครับ นี่ใช่คุณซ่งไหมครับ? ผมเป็นคนส่งของในพื้นที่ ตอนนี้มีพัสดุชิ้นหนึ่งมาส่ง รบกวนช่วยเซ็นให้ด้วยครับ!”“ขอถามหน่อยค่ะใครให้คุณส่งของชิ้นนี้คะ?” ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยถามคนส่งพัสดุตอบ “คุณกู้ครับ”ซ่งอวิ้นอวิ้นหันไปมองเจียงเย่าจิ่งทันที ตอนนี้ใบหน้าของเขาตึงเครียดไปหมด แม้ว่าจะเห็นเพียงแค่ใบหน้าด้านข้าง แต่ก็รู้สึกได้เลยว่าตอนนี้เขาไม่พอใจมากเธอรู้ว่าเจียงเย่าจิงเดาได้แน่ว่านั่นคือกู้ฮว๋ายที่เป็นคนส่งเธอรู้ทันทีว่าเจียงเย่าจิงโกรธแน่ แต่เธอก็ยังให้คนส่งพัสดุนำของเข้ามาคนส่งพัสดุหันด้านข้างก่อนจะค่อย ๆ เขยิบทีละนิดอย่างระมัดระวังผ่านเจียงเย่าจิ่งเข้ามา ก่อนจะยื่นช่อกุหลาบแดง 99 ดอกช่อใหญ่ให้กับซ่งอวิ้นอวิ้น “รบกวนเซ็นตรงนี้ด้วยครับ”ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยตกลงหลังจากที่เซ็นรับพัสดุ
เธอหลุบตาลงเล็กน้อย“ป้าหวู่ เก็บของให้คุณผู้หญิงด้วยนะครับ” ฮั่วซุนเอ่ยป้าหวู่เก็บเสื้อผ้าที่ซ่งอวิ้นอวิ้นเปลี่ยนตอนอยู่ในโรงพยาบาล และไม่มีอะไรต้องเก็บเพิ่มแล้วเธอทำทุกอย่างเสร็จอย่างรวดเร็ว ฮั่วซุนก็เข็นวีลแชร์มาป้าหวู่ช่วยเธอพยุงตัวขึ้นมานั่งฮั่วซุนได้พาใครบางคนมาด้วย เหมือนกลัวว่าซ่งอวิ้นอวิ้นจะหนีไปเมื่อเห็นท่าทีแบบนี้ ป้าหวู่ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง จึงกระซิบถามเธอ “คุณผู้หญิง คุณทำให้คุณผู้ชายโกรธอีกแล้วเหรอคะ?”ซ่งอวิ้นอวิ้นยอมรับอย่างเงียบ ๆ“ทำไมล่ะคะ?” ป้าหวู่ไม่เข้าใจเลย ซ่งอวิ้นอวิ้นสามารถเข้ากับเจียงเย่าจิ่งได้ดีขอเพียงแต่เธอเต็มใจ ตอนนี้เธอได้เป็นคุณผู้หญิงเจียงแล้วคุณนายตระกูลเจียงที่ใคร ๆ ต่างก็อิจฉา!ทำไมเธอถึงได้ต่อต้านเจียงเย่าจิ่งตลอดเลยป้าหวู่ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ และก็ไม่ชอบเธอแบบนี้เหมือนกัน“เพราะว่า…”ยังไม่ทันที่ซ่งอวิ้นอวิ้นจะพูดจบ เธอก็เห็นฮั่วซุนนำดอกกุหลาบที่กู้ฮว๋ายส่งมาลงกับพื้นและใช้เท้าขยี้ดอกกุหลาบทิ้ง หลังจากที่ทำลายดอกกุหลาบเสร็จแล้วก็หันมาเอ่ยกับซ่งอวิ้นอวิ้น “อันนี้ก็เป็นสิ่งที่คุณเจียงสั่งมาด้วยครับ”ใบหน้าของซ่งอ
หมอไม่ได้ตอบในทันที และถามไปอีกว่า “คนในครอบครัวคุณล่ะ?”ไป๋ซิ่วฮุ่ยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบตอบขึ้นมาทันที “ฉันค่ะ ฉันเป็นภรรยาเขา”ยิ่งคุณไม่มีอะไรมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งโหยหาบางสิ่งมากขึ้นเท่านั้นไป๋ซิ่วฮุ่ยก็เป็นแบบนั้นเธอกลัวพลาดโอกาสที่จะได้พูดสถานะของตัวเอง!เห็นได้ชัดอยู่ว่าเธอเป็นมือที่สาม แต่เธอก็ยังพูดออกมาได้ว่าตัวเองเป็นภรรยาของซ่งลี่เฉิง“คุณหมอคะ อาการป่วยของสามีฉันไม่ได้ร้ายแรงใช่ไหมคะ?” เธอเอ่ยถามหมอเอ่ย “ไม่ร้ายแรงครับ ไม่ต้องกังวล ผมเปิดใบตรวจให้แล้ว เดี๋ยวให้ไปตรวจใหม่อีกรอบ”หมอเขียนใบตรวจยื่นให้กับซ่งลี่เฉิง และเอ่ยกับเขา “คุณไปได้ครับ เดี๋ยวให้ภรรยาคุณอยู่ที่นี่ก่อน”ซ่งลี่เฉิงรู้ว่าหมอพยายามจะไม่ทำให้เขาใจเสียเขาเอ่ย “คุณหมอมีอะไรก็พูดกับผมมาตรง ๆ ได้เลย ไม่ต้องปิดบังผมหรอก ผมรับได้”หมอเงียบไปด้วยความลำบากใจครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “ได้ครับ”เขามองใบตรวจสุขภาพอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ย “คุณมีเนื้องอกในสมองร้ายแรง”แม้ว่าซ่งลี่เฉิงจะเตรียมใจมาแล้ว แต่เมื่อได้ยินแบบนั้นเขาก็แทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้ มือทั้งสองข้างของเขาที่วางอยู่บนตักก็กำหมัดแน่นไป๋ซิ่วฮุ่ยเขยิบเข
เธอไม่ได้รู้สึกอารมณ์แปรปรวนอะไรเพราะเหตุผลนี้นี่เป็นความคิดที่กู้ฮว๋ายคิดเขากล้าทำแบบนี้แสดงว่าต้องเตรียมพร้อมที่จะจัดการกับเจียงเย่าจิ่งถ้าเขาไม่ได้ทำ แล้วเกิดการสูญเสียที่ใหญ่หลวงขนาดนี้ คงพูดได้แค่ว่าเขาโง่มาก“ที่รักของเธอ ตอนนี้ไม่มีอะไรจะพูดแล้วเหรอ?” เจียงเย่าจิ่งสังเกตดูการแสดงออกของซ่งอวิ้นอวิ้นแม้ว่ากู้ฮว๋ายจะอธิบายแล้ว แต่เขาก็ไม่เชื่อทั้งหมดเขาให้ซ่งอวิ้นอวิ้นได้เห็นสิ่งเหล่านี้เพื่อดูท่าทีของเธอซ่งอวิ้นอวิ้นไม่สนใจอะไรเลยหลังจากอ่านแล้ว ตอนนี้คำพูดของกู้ฮว๋ายสามารถยืนยันได้แล้วว่าเขาพูดความจริงถ้าซ่งอวิ้นอวิ้นชอบกู้ฮว๋ายจริง ๆ ตอนนี้ที่กู้ฮว๋ายกำลังเผชิญกับสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ ทำไมเธอไม่มีท่าทีร้อนใจเลยแม้แต่น้อยเพราะว่าไม่ห่วง ก็เลยไม่ได้สนใจสินะ!แม้ว่าเธอกับกู้ฮว๋ายจะเป็นเพียงแค่การแสดง แต่เรื่องที่เธอต้องการจะหย่าคือเรื่องจริง!เธออยากจะจากเขาไปมากมายขนาดนี้เลยเหรอ?“ซ่งอวิ้นอวิ้น ทำไมเธอถึงอยากหย่าขนาดนี้?” แววตาของเขามืดลงและน้ำเสียงหนักแน่นซ่งอวิ้นอวิ้นกะพริบตา “คุณก็รู้ว่ากู้ฮว๋ายกับฉัน…”“เขาสารภาพกับฉันแล้วว่าพวกเธอกำลังหลอก
“คุณ คุณปล่อยมือฉันก่อน” ซ่งอวิ้นอวิ้นพยายามขยับมือออกพลางเอ่ยเสียงเบาเจียงเย่าจิ่งไม่ยอมปล่อย เขาโอบมืออันอ่อนโยนของเธอไว้ในฝ่ามือ ก่อนก้มหัวลงไปจูบเธอถ้าเป็นเมื่อก่อนซ่งอวิ้นอวิ้นจะต่อต้านแน่นอน แต่ครั้งนี้เธอกลับเงียบอย่างน่าประหลาดใจและไม่ได้ผลักเขาออกเธอถึงขั้นหลับตาลง!เธอไม่เคยรู้สึกถึงลมหายใจของใครสักคนอย่างเงียบ ๆ เท่านี้มาก่อน รู้สึกถึงความพลุ่งพล่านบางอย่างในใจตัวเองที่มาพร้อมกับการจูบ!จูบของเขาช่างนุ่มนวล อ่อนโยน และน่าหลงใหลทำให้ผู้คนดำดิ่งลงไปอย่างง่ายดาย!เป็นครั้งแรกที่ซ่งอวิ้นอวิ้นเชื่อฟังมากจนเจียงเย่าจิ่งต้องการมากกว่านี้และรู้สึกไม่พอกับการจูบแบบนี้อีกต่อไปจูบของเขาเริ่มลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยคิดที่จะครอบครองเธอทีละนิดปลายนิ้วของเขาพาดผ่านไหปลาร้าของร่างเล็ก ก่อนจะเริ่มปลดกระดุมเสื้อ จนมันไหลหลุดออกจากไหล่ ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้สึกหนาวบริเวณหน้าอก เธอถึงได้รู้สึกตัวว่าเจียงเย่าจิ่งกำลังทำอะไรอยู่ เธอได้สติคืนมาทันทีจากจูบที่ราวกับถูกต้องมนตร์ ก่อนจะเลี่ยงตัวออกด้วยความตื่นตระหนก “ไม่ได้นะ…”แววตาของเจียงเย่าจิ่งพร่ามัว “เมื่อกี้เธอก็รู้สึกดีไม่ใช่เหรอ?
เจียงเย่าจิ่งรีบเดินออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด! เบื้องหลังของเขาคือเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวของหยางเชี่ยนเชี่ยน ฮั่วซุนรู้สึกสับสน เจียงเย่าจิ่งไม่ใช่คนโหดเหี้ยมแบบนั้น โดยเฉพาะคนที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก "คุณเจียงครับ?" เจียงเย่าจิ่งชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถแล้วพูดว่า "ไปบอกมู่ฉินว่าฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของลูกชายเธออีก" เมื่อสักครู่นี้เขาไม่แยแส เพราะคิดว่านี่อาจจะเป็นการแสดงละครตบตาของมู่ฉินกับหยางเชี่ยนเชี่ยน นี่เป็นการแสดงละครตบตากันชัด ๆ เพียงแต่มู่ฉินให้สัญญากับหยางเชี่ยนเชี่ยนว่าเธอจะไม่ถูกข่มขืน นั่นเป็นแค่คำหวานของเธอเท่านั้น เธอรู้ว่าการจะทำให้เจียงเย่าจิ่งเชื่อนั้น ลำพังแค่การแสดงละครตบตาย่อมหลอกเขาไม่ได้ ดังนั้นตั้งแต่ตอนที่หยางเชี่ยนเชี่ยนตอบตกลงที่จะเล่นละครฉากนี้กับมู่ฉิน เธอก็ถูกลิขิตให้ต้องเสียความบริสุทธิ์แล้ว! ฮั่วซุนพยักหน้าอยู่เงียบ ๆ จากนั้นเขาก็รีบกลับไป ดูเหมือนว่าเขาจะมาช้าเกินไปเสียแล้ว น้ำเสียงของหยางเชี่ยนเชี่ยนฟังดูน่าสลดใจ แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องนำความมาบอกกล่าว มู่ฉินยิ้มราวกับคาดเอาไว้แล
ฮั่วซุนไม่มีทางเลือกนอกจากบอกเจียงเย่าจิ่ง เจียงเย่าจิ่งชะงักแล้วหันมามองฮั่วซุน "นายว่ายังไงนะ?" ฮั่วซุนทวนคำอีกครั้งแล้วพูดว่า "เขาคิดจะจับตัวหยางเชี่ยนเชี่ยน ทำยังไงดีครับ?" เจียงเย่าจิ่งยื่น "เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?" มู่ฉินพูดตรงเข้าประเด็น "ฉันได้ยินมาว่าตอนที่เธอตกน้ำ หยางเชี่ยนเชี่ยนช่วยเธอไว้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าตอนนั้นเธอจมน้ำไปซะ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นของลูกชายฉันแล้ว เป็นหล่อนที่ทำลายเรื่องดี ๆ ของฉัน เธอคิดว่าฉันจะปล่อยหล่อนไปงั้นเหรอ?" "ต้องการอะไรก็ว่ามา" เจียงเย่าจิ่งพูดตามตรง "เอาล่ะ ในเมื่อเธอตรงไปตรงมาขนาดนั้น ฉันก็จะไม่พูดจาอ้อมค้อมกับเธออีก หยางเชี่ยนเชี่ยนเป็นผู้มีพระคุณของเธอใช่ไหมล่ะ? ฉันขอแลกเธอกับลูกชายของฉันว่ายังไงล่ะ?" มู่ฉินเอ่ยขึ้น หลังจากได้พบหยางเชี่ยนเชี่ยน เธอก็รู้ว่าหยางเชี่ยนเชี่ยนชอบเจียงเย่าจิ่ง ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองคนจึงบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ตอนที่กำลังดำเนินแผนการครั้งนี้ มู่ฉินคิดว่าเธอสามารถใช้เหตุการณ์ครั้งนี้มาแลกเปลี่ยนเพื่อให้เจียงเย่าจิ่งยอมปล่อยลูกชายของเธอไป "ลูกชายของคุณไม่ไ
เมื่อซ่งรุ่ยเจี๋ยได้ยินเสียง เขาก็รีบซ่อนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ใต้ผ้าห่ม เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วเสียจนทั้งซ่งอวิ้นอวิ้นหรือหานซินก็ไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา! หานซินวางอาหารเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง "เธอหิวหรือยัง? รีบมากินอาหารเช้าเถอะ" เมื่อหานซินพูดจบ เธอก็ค่อย ๆ หยิบอาหารที่เตรียมไว้ออกมา "ผมไม่อยากกิน ผมอยากอยู่คนเดียว" ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของซ่งรุ่ยเจี๋ยฉายแววเย็นชา ไม่ได้แสดงความเสียใจออกมานัก หานซินคิดจะเกลี้ยกล่อม แต่ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขัดจังหวะหานซินได้ทันเวลา "แม่คะ ให้เขาอยู่คนเดียวสักพักเถอะ" หานซินกล้ำกลืนคำพูดเกลี้ยกล่อมกลับลงไปแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "อาหารอยู่ตรงนี้นะ เธอหิวเมื่อไหร่ก็มากินล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยไม่พูดอะไร หานซินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ "เฮ้อ" "พอเถอะค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นดึงตตัวหานซินออกไป "รุ่ยเจี๋ย นายก็พักผ่อนด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นปิดประตูห้องพักผู้ป่วยแล้วบอกหานซินวว่า "รุ่ยเจี๋ยต้องการเวลาทำใจ เขากินอะไรไม่ลงหรอกค่ะ อย่าไปเกลี้ยกล่อมเขาเลย ไป๋ซิ่วฮุ่ยเป็นแม่ของเขา เขาคงรับไม่ได้ไปสักพัก นี่เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้" หานซินเข้าใจแล้ว "แม่รู้ แม่เป็น
ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "พี่มาแต่เช้าขนาดนั้น คงรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม?" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้ปิดบัง "ใช่" แววตาที่ไร้ชีวิตชีวาของซ่งรุ่ยเจี๋ย มองไปทางอื่นโดยไร้จุดมุ่งหมาย "ตำรวจมาถามเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วถามว่าผมได้เจอแม่หรือเปล่า" ซ่งอวิ้นอวิ้นฟังอยู่เงียบ ๆ ที่จริงเขารู้แก่ใจว่าเมื่อไป๋ซิ่วฮุ่ยถูกใครสักคนพาตัวออกไปก็หมดทางรอดแล้ว "นายต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไรดี ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้น "แม่ผมตายเมื่อคืนนี้ พี่รู้เรื่องเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน?" "ฉัน..." พอนึกถึงสิ่งที่เจียงเย่าจิ่งพูด เธอก็เปลี่ยนเปลี่ยนคำพูดเป็น "ฉันเพิ่งจะได้ยินตำรวจพูดถึงรู้น่ะสิ" "อ้อ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรู้ว่าเธอกำลังโกหกอยู่ชัด ๆ เธอกำลังปิดบังอะไรสักอย่างใช่ไหม? ทำไมต้องปิดบังด้วยเล่า? เพราะเธอรู้ว่าคนที่ฆ่าแม่ของเขาคือเจียงเย่าจิ่งอย่างนั้นเหรอ? ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ? ตั้งใจที่จะปิดบังไม่ให้เขารู้ใช่ไหม? เขากำหมัดที่อยู่ใต้ผ้าห่มแน่น พลางรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ "ผมเสียใจด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยเสียงเบา ซ่งรุ่ยเจี๋ยยิ้มเหยีย
พ่อบ้านเฉียนรวบรวมคำพูดแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ตอนนี้นายน้อยไม่มีอะไรต้องกังวล ดังนั้นเขาจึงประชันหน้ากับพวกเราได้เต็มที่ แต่ถ้าหลังบ้านเกิดไฟลุกไหม้ เขาก็จะเสียสมาธิแล้วพวกเราก็จะมีโอกาสขึ้นมา" "โอ้ พ่อบ้านเฉียนพูดถูก" มู่ฉินเห็นด้วยยิ่งนัก เธอถองข้อศอกใส่สามีตัวเอง "พูดอะไรบ้างสิ" เจียงอวี้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า "เป็นความคิดที่ดีอยู่หรอก แต่… พวกเราจะจุดไฟหลังบ้านเจียงเย่าจิ่งได้ยังไงล่ะ นั่นต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญไม่ใช่รึไง?" นายท่านเจียงยังคงเงียบ เพราะเหตุผลเดียวกันนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจียงเย่าจิ่งกับซ่งอวิ้นอวิ้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดี ประกอบกับมีลูกเพิ่มเข้ามา ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนแนบแน่นขึ้นไปอีก "ไม่เห็นจะยากเลย พวกเราก็แค่หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้งลงไปท่ามกลางความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนเสียก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" ถึงแม้ว่ามู่ฉินจะย่างเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่เสน่ห์ของเธอก็ยังคงอยู่ ประกอบกับการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทำให้ยากจะมองอายุที่แท้จริงของเธอออก เธอกลอกตาดำขลับ "ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง มือที่สามถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามที่สุดเลยเชียวล่ะ ถ้ามีมือที
ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้รีบเข้านอนทันที แต่กลับไปหาซวงซวง ป้าหวู่พาซวงซวงเข้านอนแล้ว แต่เธอก็ยังอยากตรวจสอบดูให้แน่ใจ ตอนนี้ซวงซวงหลับลึกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงย่องเบาออกมา เมื่อกลับมาที่ห้องนอน เธอก็นั่งตรงขอบเตียง แต่กลับไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไป เธอกุมศีรษะแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องนั้น นอกจากหลินหรุ่ยกับตระกูลเจียงแล้ว เธอก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร หลังจากเจียงเย่าจิ่งเดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เห็นซ่งอวิ้นอวิ้นนั่งอยู่ตรงขอบเตียง ดังนั้นเขาจึงเดินเข้ามากอดเธอแล้วนอนลงบนเตียง จากนั้นก็พลิกตัวอยู่เหนือร่างของเธอ จูบที่พร่างพรมลงมาทั้งดูดดื่มและเร่าร้อน ขณะที่บรรยากาศกำลังเป็นไปได้สวย ซวงซวงก็ร้องไห้ขึ้นมา พวกเขาทั้งสองคนต่างตะลึงงัน ซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นฝ่ายที่มีท่าทีตอบสนองก่อนแล้วผลักเขาออกไป "ซวงซวงอาจจะหิวก็ได้" "ป้าหวู่จะป้อนเขาเอง" "แต่…" ก่อนที่เธอจะทันได้พูดให้จบประโยค เธอก็โดนจูบ สกัดกั้นคำพูดของเธอจนหมดสิ้น! ทุกสิ่งทุกอย่างพรั่งพรูออกมา! ราตีช่างแสนยาวนาน ทว่ากลับเต็มไปด้วยความรักใคร่เร่าร้อน! …… คฤหาสน์ต้นตระกูลเจียงเปิดไฟสว่างจ้า คราวนี้แผนใส่ร้ายเจียงเย่าจิ่
"ทำไมเธอยังไม่นอนอีกล่ะ?" เจียงเย่าจิ่งเดินเข้ามา "ฉันทำให้เธอตื่นหรือเปล่า?" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขึ้นมาว่า "เปล่าหรอก ฉันกำลังรอคุณอยู่น่ะ" เมื่อเธอพูดจบก็ลงจากเตียงแล้วเดินเข้ามากอดเขาไว้ จากนั้นก็แนบใบหน้าเข้ากับหน้าอกของเขา การเคลื่อนไหวของเธอทำให้เจียงเย่าจิ่งรู้สึกประหลาดใจเสียจนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ยิ้มพลางถามว่า "เธอเป็นอะไรไปน่ะ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นบอกว่าไม่มีอะไร "ฉันก็แค่อยากจะกอดคุณ" เจียงเย่าจิ่งก้มมองเธอ "ปล่อยก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแล้วเธอค่อยมากอดก็ได้ ตอนนี้ฉันสกปรกจะแย่" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ยอมปล่อยแล้วกอดเขาให้แน่นขึ้น ร่างกายของทั้งสองคนบดเบียดเข้าหากันอย่างแนบแน่น เจียงเย่าจิ่งถามเสียงเบาว่า "เธอเป็นอะไรไป?" ทำไมถึงรู้สึกว่าเธอไม่ปกติเลยล่ะ? ซ่งอวิ้นอวิ้นลูบหน้าอกของเขา "นับจากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าอยู่ที่ไหนฉันก็จะเป็นบ้านให้คุณเอง ฉันจะรักคุณให้มาก ๆ" เจียงเย่าจิ่งหลุบตาลง ท่ามกลางแสงสลัวรางเลือน เขายังมองเห็นประกายในดวงตาของเธอและเนื้อตัวที่สั่นระริกอยู่บ้าง น้ำเสียงทุ้มของเขาปะปนความแหบพร่าเล็กน้อย "ซ่งอวิ้นอวิ้น วันนี้เธอเป็นอะไรไปกันแน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็ล้างมือแล้วไปหาซวงซวง เห็นเพียงป้าหวู่ที่กำลังอุ้มเขาอยู่ "ป้าหวู่" เธอรู้สึกประหลาดใจนัก ป้าหวู่ยิ้มแล้วพูดว่า "คุณผู้ชายบอกให้ป้ามาที่นี่ เพราะไม่มีใครคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ เลยค่ะ" เจียงเย่าจิ่งเป็นห่วงเรื่องตามหาตัวคนแปลกหน้า ดังนั้นเขาจึงเรียกป้าหวู่ให้มาที่นี่ ซ่งอวิ้นอวิ้นดีใจที่ได้ยินว่าป้าหวู่มาที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในคฤหาสน์ ป้าหวู่ดีกับเธอมากทีเดียว เธอเป็นคนจิตใจดี "มีป้าหวู่อยู่ที่นี่ ฉันรู้สึกเบาใจขึ้นเยอะเลยค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยพลางยิ้มให้ เธอรับซวงซวงมาจากอ้อมแขนของป้าหวู่ จากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาพอดี ทันใดนั้นใบหน้าเล็ก ๆ ก็ยับย่น ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้ว่าเขาคงจะอึเป็นแน่ ดังนั้นเธอจึงบีบจมูกน้อย ๆ ของเขา "เหม็นหรือเปล่าจ๊ะ?" ป้าหวู่จึงพูดว่า "เดี๋ยวป้าเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เองค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นอยากจะทำเอง เธอรู้สึกว่าตนเองติดค้างลูกชายมาโดยตลอด เพราะเธอไม่มีเวลาดูแลเขานัก ตอนนี้เธอมีเวลาแล้ว "งั้นป้าจะเอาน้ำมาให้นะคะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบตกลงแล้ววางซวงซวงลงไป เธอทิ้งผ้าอ้อมที่ใช้แล้วลงถังขยะ จากนั้นก็หยิบกระดาษมาเช็ดก้นของ
ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบกลบเกลื่อนว่า "ไม่มีอะไรหรอก..." "จริงเหรอ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นยื่นน้ำที่รินแล้วให้เขา น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่าไม่เชื่ออยู่ชัด ๆ ซ่งรุ่ยเจี๋ยหลบสายตาแล้วรีบหาข้ออ้างขึ้นมาว่า "เป็นเรื่องในบริษัทน่ะ ส่วนเรื่องเมื่อคราวก่อนก็แก้ปัญหาได้แล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพยักหน้า "นายรับมือได้ดี" "แต่วิธีการก็เป็นความคิดของพี่อยู่ดี" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น เขารู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง เขาต้องยอมรับว่าซ่งลี่เฉิงช่างมีสายตาแหลมคม ถึงให้ซ่งอวิ้นอวิ้นมาดูแลบริษัท ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ถนัด แต่เธอก็เรียนรู้หลาย ๆ สิ่งได้รวดเร็ว! "ฉันแก่กว่านายไม่กี่ปี ฉันถึงต้องใคร่ครวญให้มากหน่อย อีกไม่กี่ปีนายน่าจะล้ำหน้าฉันไปแล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพูดให้กำลังใจ อันที่จริงแล้ว นับตั้งแต่ซ่งลี่เฉิงตายไป ซ่งรุ่ยเจี๋ยก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซ่งรุ่ยเจี๋ยแทบไม่เผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ผมไม่เป็นไรหรอก พี่น่าจะกลับไปดูแลซวงซวงก่อนนะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น "ได้ ถ้านายมีเรื่องอะไรก็ติดต่อฉันได้ตลอดนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นลุกขึ้น "อย่าลืมดื่มน้ำล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบยื่นมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมายกถ้วยชาขึ้นมา "ผมไม่ลื