เธอไม่ได้รู้สึกอารมณ์แปรปรวนอะไรเพราะเหตุผลนี้นี่เป็นความคิดที่กู้ฮว๋ายคิดเขากล้าทำแบบนี้แสดงว่าต้องเตรียมพร้อมที่จะจัดการกับเจียงเย่าจิ่งถ้าเขาไม่ได้ทำ แล้วเกิดการสูญเสียที่ใหญ่หลวงขนาดนี้ คงพูดได้แค่ว่าเขาโง่มาก“ที่รักของเธอ ตอนนี้ไม่มีอะไรจะพูดแล้วเหรอ?” เจียงเย่าจิ่งสังเกตดูการแสดงออกของซ่งอวิ้นอวิ้นแม้ว่ากู้ฮว๋ายจะอธิบายแล้ว แต่เขาก็ไม่เชื่อทั้งหมดเขาให้ซ่งอวิ้นอวิ้นได้เห็นสิ่งเหล่านี้เพื่อดูท่าทีของเธอซ่งอวิ้นอวิ้นไม่สนใจอะไรเลยหลังจากอ่านแล้ว ตอนนี้คำพูดของกู้ฮว๋ายสามารถยืนยันได้แล้วว่าเขาพูดความจริงถ้าซ่งอวิ้นอวิ้นชอบกู้ฮว๋ายจริง ๆ ตอนนี้ที่กู้ฮว๋ายกำลังเผชิญกับสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ ทำไมเธอไม่มีท่าทีร้อนใจเลยแม้แต่น้อยเพราะว่าไม่ห่วง ก็เลยไม่ได้สนใจสินะ!แม้ว่าเธอกับกู้ฮว๋ายจะเป็นเพียงแค่การแสดง แต่เรื่องที่เธอต้องการจะหย่าคือเรื่องจริง!เธออยากจะจากเขาไปมากมายขนาดนี้เลยเหรอ?“ซ่งอวิ้นอวิ้น ทำไมเธอถึงอยากหย่าขนาดนี้?” แววตาของเขามืดลงและน้ำเสียงหนักแน่นซ่งอวิ้นอวิ้นกะพริบตา “คุณก็รู้ว่ากู้ฮว๋ายกับฉัน…”“เขาสารภาพกับฉันแล้วว่าพวกเธอกำลังหลอก
“คุณ คุณปล่อยมือฉันก่อน” ซ่งอวิ้นอวิ้นพยายามขยับมือออกพลางเอ่ยเสียงเบาเจียงเย่าจิ่งไม่ยอมปล่อย เขาโอบมืออันอ่อนโยนของเธอไว้ในฝ่ามือ ก่อนก้มหัวลงไปจูบเธอถ้าเป็นเมื่อก่อนซ่งอวิ้นอวิ้นจะต่อต้านแน่นอน แต่ครั้งนี้เธอกลับเงียบอย่างน่าประหลาดใจและไม่ได้ผลักเขาออกเธอถึงขั้นหลับตาลง!เธอไม่เคยรู้สึกถึงลมหายใจของใครสักคนอย่างเงียบ ๆ เท่านี้มาก่อน รู้สึกถึงความพลุ่งพล่านบางอย่างในใจตัวเองที่มาพร้อมกับการจูบ!จูบของเขาช่างนุ่มนวล อ่อนโยน และน่าหลงใหลทำให้ผู้คนดำดิ่งลงไปอย่างง่ายดาย!เป็นครั้งแรกที่ซ่งอวิ้นอวิ้นเชื่อฟังมากจนเจียงเย่าจิ่งต้องการมากกว่านี้และรู้สึกไม่พอกับการจูบแบบนี้อีกต่อไปจูบของเขาเริ่มลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยคิดที่จะครอบครองเธอทีละนิดปลายนิ้วของเขาพาดผ่านไหปลาร้าของร่างเล็ก ก่อนจะเริ่มปลดกระดุมเสื้อ จนมันไหลหลุดออกจากไหล่ ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้สึกหนาวบริเวณหน้าอก เธอถึงได้รู้สึกตัวว่าเจียงเย่าจิ่งกำลังทำอะไรอยู่ เธอได้สติคืนมาทันทีจากจูบที่ราวกับถูกต้องมนตร์ ก่อนจะเลี่ยงตัวออกด้วยความตื่นตระหนก “ไม่ได้นะ…”แววตาของเจียงเย่าจิ่งพร่ามัว “เมื่อกี้เธอก็รู้สึกดีไม่ใช่เหรอ?
ทันทีที่เขาเข้าประตูมาก็เรียกเธออย่างสนิทสนมทันทีซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา และไม่มีท่าทีหวั่นไหวอะไรกับคำว่าพี่ที่เอ่ยออกมาด้วย เธอเอ่ย “มีเรื่องอะไรถึงได้อยากเจอฉันล่ะ?”“พี่เป็นหมอ ก็ต้องรู้จักแพทย์ที่ชำนาญการมาก พี่ช่วยหาคนให้ได้ไหม พ่อป่วยร้ายแรงมาก ถ้าไม่ผ่าตัด… อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน” ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้แววตาของเด็กผู้ชายร่างสูงในเวลานี้ดูหดหู่เศร้าโศกมากใจของซ่งอวิ้นอวิ้นบีบรัดแน่น เธอพอจะเดาได้อยู่แล้ว แต่พอมาได้ยินกับหูแบบนี้ก็อดจะตกใจไม่ได้เช่นกัน“หมอว่าไงบ้าง? โรคอะไร?” เธอลดเสียงพูดลง“มะเร็งสมองร้ายแรง และตอนนี้แพร่ลามไปยังปอดแล้ว” ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยซ่งอวิ้นอวิ้นตกตะลึง “เป็น… เป็นไปได้ไงน่ะ?”“พี่ ถ้าพี่มีเส้นสายช่วยพ่อหาหมอดี ๆ สักคนได้ไหม อาจจะมีสักทางพอช่วยพ่อได้บ้าง” ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยอย่างเป็นกังวลซ่งอวิ้นอวิ้นรู้ดีว่าหากมีการแพร่กระจายแสดงว่าเป็นมะเร็งระยะท้าย ๆ แล้วแม้จะผ่าตัด แต่ก็ใช่ว่าโอกาสสำเร็จจะมากเมื่อไม่เห็นเธอพูดอะไร ซ่งรุ่ยเจี๋ยก็ถามอีก “ทำไมล่ะ พี่ไม่อยากช่วยชีวิตพ่อเหรอ?”ซ่งอวิ้นอวิ้นต้องสงบสติอารมณ์ลง “
พนักงานก็พูดซ้ำอีกครั้ง และอธิบายว่า “นี่คือบัตรแบล็กโกลด์ค่ะ เฉพาะผู้ที่มีเงินฝากมากกว่าหนึ่งแสนล้านเท่านั้นค่ะถึงจะได้รับ”คนที่สามารถซื้อชุดกาน้ำชาดินเหนียวสีม่วงได้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนที่ร่ำรวยพนักงานที่ทำงานในร้านนี้มาก็ยังไม่เคยเจอมหาเศรษฐีเลยสักครั้งคงต้องทำความเข้าใจโลกของคนรวยสักหน่อยแล้วซ่งอวิ้นอวิ้นนิ่งค้างไปเธอนึกไปตอนที่เจียงเย่าจิ่งพูด เขาบอกว่า เธอจะซื้ออะไรก็ได้ตามใจในที่สุดเธอก็เข้าใจความหมายของประโยคนี้แล้วแต่ว่า…เธอจะรับเงินมากมายขนาดนี้จากเจียงเย่าจิ่งได้อย่างไรกัน?พนักงานเก็บของใส่ห่อให้เรียบร้อยและป้าหวู่ก็รับไปถือ“บัตรของคุณค่ะ” พนักงานยื่นบัตรคืนให้ด้วยมือทั้งสองข้างซ่งอวิ้นอวิ้นรับมา เห็นอยู่ว่ามันเป็นแค่บัตรหนึ่งใบ แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนกับว่ามันหนักจนไม่สามารถถือไว้ได้เลยเจียงเย่าจิ่งบอกว่าชอบเธอ เธอก็มองว่ามันเป็นเรื่องตลกและไม่เคยเอามาใส่ใจเลยถ้าสิ่งที่เขาพูดไม่ใช่ความจริง เขาจะให้บัตรนี้กับเธอได้อย่างไรเธอยิ้มอย่างขมขื่น อย่างที่คิด เงินสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้หญิงทุกคนได้ไม่เว้นแม้แต่เธอที่เริ่มจะรู้สึกประทับใจขึ้นมาเล็
หลังจากที่ออกมาจากบ้านของแพทย์เฉพาะทางแล้ว เธอก็กลับมาที่คฤหาสน์เธอทิ้งตัวอยู่บนโซฟาด้วยความใจลอยเธอกำลังคิดอยู่ว่าจะบอกเรื่องนี้กับหานซินดีไหมอย่างไรซ่งลี่เฉิงกับหานซินก็เป็นสามีภรรยาที่อยู่ด้วยกันมานาน 20 กว่าปีแล้วเธอคิดว่าหานซินมีสิทธิ์ที่จะรู้เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเตรียมจะโทรหาหานซิน แต่โทรศัพท์กลับสั่นขึ้นมาพอดี เป็นข้อความหานซินที่ส่งวิดีโอมานั่นเองรวมเป็นสองข้อความที่ส่งมาในวิดีโอเป็นซวงซวงที่ใส่ชุดเด็กทารกสีฟ้า เส้นผมสีดำบาง ดวงตากวาดมองไปรอบ ๆ ไม่รู้ว่ากำลังมองอะไรอยู่ แต่ท่าทางนี้ดูน่ารักมาก ๆ ‘ซวงซวงครบเดือนแล้ว เดือนนี้น้ำหนักขึ้นหกเจ็ดกรัม ใกล้จะสามกิโลกรัมแล้ว ลูกดูซิว่าอ้วนขึ้นไหม?’‘ดูเด็กคนนี้สิ หน้าตาเหมือนลูกเลยใช่ไหมล่ะ?’ ตั้งแต่ซ่งอวิ้นอวิ้นติดต่อกับหานซิน หานซินก็รู้ว่าซ่งอวิ้นอวิ้นหนีพ้นเงื้อมมือของกู้ฮว๋ายได้แล้ว แต่ตอนนี้กลับตกอยู่ในเงื้อมมือของเจียงเย่าจิ่งอีกครั้งดังนั้นตอนนี้เลยยังไม่สามารถมาอยู่ด้วยกันได้ซ่งอวิ้นอวิ้นบอกกับหานซินว่าเธอสบายดี ให้หานซินดูแลซวงซวงให้ดีเธอไม่อยากให้ลูกสาวต้องมาเป็นกังวล เธอจึงพยายามดูแลซวงซวงอย
ซ่งรุ่ยเจี๋ยโมโหจนพูดติดอ่าง “เธอ เห็นคนจะตายก็ไม่คิดจะช่วยไม่ใช่เหรอไง? แล้วจะมาที่นี่ทำไมอีกล่ะ?”ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหมือนเดิม “ฉันมาเอาปูนปลาสเตอร์ออก”“หึ อย่างที่คิด เธอมันนางมารใจร้าย!“ ซ่งรุ่ยเจี๋ยรู้สึกโมโหมากและกำลังจะอ้าปากพ่นคำด่าซ่งลี่เฉิงอยากเจอเธอเธอกลับทำตัวไม่รู้สึกรู้สาอะไรแบบนี้!“คุณผู้หญิงของพวกเราดีมากพอแล้วค่ะ ไม่งั้นก็ไม่มาหา…”“ป้าหวู่” ซ่งอวิ้นอวิ้นขัดจังหวะการพูดของป้าหวู่ เธอไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ใครฟังถึงสิ่งที่เธอทำและเขาก็เป็นลูกชายของไป๋ซิ่วฮุ่ย!ซ่งรุ่ยเจี๋ยมีความคิดเป็นของตัวเอง เธอไม่จำเป็นต้องสนใจสิ่งที่เขาคิดด้วยซ้ำ!ซ่งลี่เฉิงได้ยินเสียงพูดคุยจากตรงประตูห้องคนไข้ เขาจึงตะโกนว่า “อวิ้นอวิ้นเหรอ?”ซ่งอวิ้นอวิ้นเม้มริมฝีปากก่อนจะตอบ “ฉันเอง”“เข้ามาก่อน ฉันมีเรื่องอยากคุยกับแก”ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้อยากเข้าไป ก่อนจะเอ่ย “คุณพักผ่อนเพื่อฟื้นตัวไปก่อนเถอะค่ะ”“อวิ้นอวิ้น!” ซ่งลี่เฉิงเพิ่มเสียงให้หนักขึ้น “ต้องให้ฉันลุกจากเตียงไปหาแกไหม?”“พ่อ ไม่ต้องเรียกเขาแล้ว ใจเขาโดนหมากินไปแล้ว” ซ่งรุ่ยเจี๋ยยังคงด่าเธอ“โอหัง ทำไมแกพ
“พอได้แล้ว!” ซ่งลี่เฉิงด่าเธอไป๋ซิ่วฮุ่ยตะคอกซ่งอวิ้นอวิ้นโดยไม่สนใจคำพูดของซ่งลี่เฉิง “เธอเป็นลูกสาวที่แต่งงานออกไปแล้ว ออกไปแล้วก็ออกไปแล้ว อย่าแม้แต่ที่จะคิดถึงสมบัติตระกูลซ่งเลย เพราะสมบัติทั้งหมดจะตกเป็นของรุ่ยเจี๋ย”“ฉันยังไม่ตาย เธอก็คิดจะครองสมบัติทั้งหมดของบ้านแล้วงั้นสิ เธอกำลังแช่งให้ฉันตายใช่ไหมล่ะ?” ซ่งลี่เฉิงรู้สึกโกรธ ถ้าเขามีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ก็คงเป็นเพราะไป๋ซิ่วฮุ่ยนั่นแหละ!ไป๋ซิ่วฮุ่ยลูบหลังของเขาอย่างไม่เต็มใจ “คุณพูดอะไรกันคะ คุณเป็นที่พึ่งของฉันนะคะ”ตอนนี้เธอยังไม่อยากให้ซ่งลี่เฉิงตาย เพราะยังไม่ได้โน้มน้าวให้เขาเขียนพินัยกรรมเลย!ซ่งอวิ้นอวิ้นเหลือบมองไป๋ซิ่วฮุ่ย ก็ดูออกว่าเธอนั้นอยากได้สมบัติของตระกูลซ่งมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เมื่อเธอออกมาจากห้องพักคนไข้ก็พูดกับป้าหวู่ว่า “ไปกันเถอะค่ะ”ป้าหวู่เข็นเธอออกไปเธอได้ถอดเฝือกที่ขาออกแล้ว คุณหมอบอกว่าอีกไม่กี่วันเธอก็จะสามารถเดินได้คล่องแล้ว แต่ว่ายังไม่สามารถออกกำลังกายหนัก ๆ ได้ชั่วคราว อย่างเช่น วิ่ง กระโดดเชือก หรือกีฬาที่ใช้ขาในการออกกำลังกายเมื่อเธอถอดเฝือกเสร็จแล้วก็ไปพบกับผู้เชี่ยวชาญ
“เกิดขึ้นเมื่อไหร่?”ฝั่งนั้นปรากฏเสียงของฮั่วซุน “ผมก็เพิ่งได้รับข่าวมาครับ น่าจะเป็นเรื่องที่เกิดเมื่อสองวันก่อน”“หาคนไปตามหากลับมาให้ได้” เขาพูดเสียงเข้ม“ครับ”หลังวางสายโทรศัพท์ เขาก็วางโทรศัพท์กระแทกโต๊ะดัง ปึง!เสียงดังสนั่น บ่งบอกถึงอารมณ์ของเขาในขณะนี้ซ่งอวิ้นอวิ้นถาม “เกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณถึงอารมณ์เสียขนาดนี้?”เฉินเวินเหยียนถูกคนช่วยออกมา และคนที่ช่วยเธอออกมาก็คือเศรษฐีรุ่นที่สองที่เธอเคยแอบชอบมาก่อนเมื่อถูกซ่งอวิ้นอวิ้นจ้องมอง แต่เจียงเย่าจิ่งไม่ยอมบอกเธอ “ไม่มีอะไร”เขาจะไม่ยอมให้เฉินเวินเหยีนมีความสุขเด็ดขาดเพราะการหลอกลวงของเธอ ทำให้เขาได้ฆ่าลูกของตัวเอง!ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้คิดอะไรมาก คงเป็นแค่งานของเขาที่ไม่ราบรื่น ก็เลยก้มหน้ากินข้าวต่อหลังจากกินข้าวเสร็จเจียงเย่าจิ่งก็เตรียมตัวออกไปข้างนอก พอดีกับที่พ่อบ้านเฉียนเดินเข้ามา“คุณผู้ชาย นายท่านต้องการพบคุณครับ เชิญคุณกลับไปกับผมที่คฤหาสน์ต้นตระกูล”เจียงเย่จิ่งพูด “เข้าใจแล้ว”เขาพูดกับซ่งอวิ้นอวิ้นว่า “เธอพักผ่อนอยู่บ้านนะ”ขาของเธอยังไม่หายดีซ่งอวิ้นอวิ้นพยักหน้าพ่อบ้านเฉียนเดินตามหลังเจียงเย่จิ่
เจียงเย่าจิ่งรีบเดินออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด! เบื้องหลังของเขาคือเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวของหยางเชี่ยนเชี่ยน ฮั่วซุนรู้สึกสับสน เจียงเย่าจิ่งไม่ใช่คนโหดเหี้ยมแบบนั้น โดยเฉพาะคนที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก "คุณเจียงครับ?" เจียงเย่าจิ่งชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถแล้วพูดว่า "ไปบอกมู่ฉินว่าฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของลูกชายเธออีก" เมื่อสักครู่นี้เขาไม่แยแส เพราะคิดว่านี่อาจจะเป็นการแสดงละครตบตาของมู่ฉินกับหยางเชี่ยนเชี่ยน นี่เป็นการแสดงละครตบตากันชัด ๆ เพียงแต่มู่ฉินให้สัญญากับหยางเชี่ยนเชี่ยนว่าเธอจะไม่ถูกข่มขืน นั่นเป็นแค่คำหวานของเธอเท่านั้น เธอรู้ว่าการจะทำให้เจียงเย่าจิ่งเชื่อนั้น ลำพังแค่การแสดงละครตบตาย่อมหลอกเขาไม่ได้ ดังนั้นตั้งแต่ตอนที่หยางเชี่ยนเชี่ยนตอบตกลงที่จะเล่นละครฉากนี้กับมู่ฉิน เธอก็ถูกลิขิตให้ต้องเสียความบริสุทธิ์แล้ว! ฮั่วซุนพยักหน้าอยู่เงียบ ๆ จากนั้นเขาก็รีบกลับไป ดูเหมือนว่าเขาจะมาช้าเกินไปเสียแล้ว น้ำเสียงของหยางเชี่ยนเชี่ยนฟังดูน่าสลดใจ แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องนำความมาบอกกล่าว มู่ฉินยิ้มราวกับคาดเอาไว้แล
ฮั่วซุนไม่มีทางเลือกนอกจากบอกเจียงเย่าจิ่ง เจียงเย่าจิ่งชะงักแล้วหันมามองฮั่วซุน "นายว่ายังไงนะ?" ฮั่วซุนทวนคำอีกครั้งแล้วพูดว่า "เขาคิดจะจับตัวหยางเชี่ยนเชี่ยน ทำยังไงดีครับ?" เจียงเย่าจิ่งยื่น "เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?" มู่ฉินพูดตรงเข้าประเด็น "ฉันได้ยินมาว่าตอนที่เธอตกน้ำ หยางเชี่ยนเชี่ยนช่วยเธอไว้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าตอนนั้นเธอจมน้ำไปซะ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นของลูกชายฉันแล้ว เป็นหล่อนที่ทำลายเรื่องดี ๆ ของฉัน เธอคิดว่าฉันจะปล่อยหล่อนไปงั้นเหรอ?" "ต้องการอะไรก็ว่ามา" เจียงเย่าจิ่งพูดตามตรง "เอาล่ะ ในเมื่อเธอตรงไปตรงมาขนาดนั้น ฉันก็จะไม่พูดจาอ้อมค้อมกับเธออีก หยางเชี่ยนเชี่ยนเป็นผู้มีพระคุณของเธอใช่ไหมล่ะ? ฉันขอแลกเธอกับลูกชายของฉันว่ายังไงล่ะ?" มู่ฉินเอ่ยขึ้น หลังจากได้พบหยางเชี่ยนเชี่ยน เธอก็รู้ว่าหยางเชี่ยนเชี่ยนชอบเจียงเย่าจิ่ง ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองคนจึงบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ตอนที่กำลังดำเนินแผนการครั้งนี้ มู่ฉินคิดว่าเธอสามารถใช้เหตุการณ์ครั้งนี้มาแลกเปลี่ยนเพื่อให้เจียงเย่าจิ่งยอมปล่อยลูกชายของเธอไป "ลูกชายของคุณไม่ไ
เมื่อซ่งรุ่ยเจี๋ยได้ยินเสียง เขาก็รีบซ่อนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ใต้ผ้าห่ม เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วเสียจนทั้งซ่งอวิ้นอวิ้นหรือหานซินก็ไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา! หานซินวางอาหารเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง "เธอหิวหรือยัง? รีบมากินอาหารเช้าเถอะ" เมื่อหานซินพูดจบ เธอก็ค่อย ๆ หยิบอาหารที่เตรียมไว้ออกมา "ผมไม่อยากกิน ผมอยากอยู่คนเดียว" ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของซ่งรุ่ยเจี๋ยฉายแววเย็นชา ไม่ได้แสดงความเสียใจออกมานัก หานซินคิดจะเกลี้ยกล่อม แต่ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขัดจังหวะหานซินได้ทันเวลา "แม่คะ ให้เขาอยู่คนเดียวสักพักเถอะ" หานซินกล้ำกลืนคำพูดเกลี้ยกล่อมกลับลงไปแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "อาหารอยู่ตรงนี้นะ เธอหิวเมื่อไหร่ก็มากินล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยไม่พูดอะไร หานซินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ "เฮ้อ" "พอเถอะค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นดึงตตัวหานซินออกไป "รุ่ยเจี๋ย นายก็พักผ่อนด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นปิดประตูห้องพักผู้ป่วยแล้วบอกหานซินวว่า "รุ่ยเจี๋ยต้องการเวลาทำใจ เขากินอะไรไม่ลงหรอกค่ะ อย่าไปเกลี้ยกล่อมเขาเลย ไป๋ซิ่วฮุ่ยเป็นแม่ของเขา เขาคงรับไม่ได้ไปสักพัก นี่เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้" หานซินเข้าใจแล้ว "แม่รู้ แม่เป็น
ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "พี่มาแต่เช้าขนาดนั้น คงรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม?" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้ปิดบัง "ใช่" แววตาที่ไร้ชีวิตชีวาของซ่งรุ่ยเจี๋ย มองไปทางอื่นโดยไร้จุดมุ่งหมาย "ตำรวจมาถามเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วถามว่าผมได้เจอแม่หรือเปล่า" ซ่งอวิ้นอวิ้นฟังอยู่เงียบ ๆ ที่จริงเขารู้แก่ใจว่าเมื่อไป๋ซิ่วฮุ่ยถูกใครสักคนพาตัวออกไปก็หมดทางรอดแล้ว "นายต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไรดี ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้น "แม่ผมตายเมื่อคืนนี้ พี่รู้เรื่องเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน?" "ฉัน..." พอนึกถึงสิ่งที่เจียงเย่าจิ่งพูด เธอก็เปลี่ยนเปลี่ยนคำพูดเป็น "ฉันเพิ่งจะได้ยินตำรวจพูดถึงรู้น่ะสิ" "อ้อ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรู้ว่าเธอกำลังโกหกอยู่ชัด ๆ เธอกำลังปิดบังอะไรสักอย่างใช่ไหม? ทำไมต้องปิดบังด้วยเล่า? เพราะเธอรู้ว่าคนที่ฆ่าแม่ของเขาคือเจียงเย่าจิ่งอย่างนั้นเหรอ? ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ? ตั้งใจที่จะปิดบังไม่ให้เขารู้ใช่ไหม? เขากำหมัดที่อยู่ใต้ผ้าห่มแน่น พลางรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ "ผมเสียใจด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยเสียงเบา ซ่งรุ่ยเจี๋ยยิ้มเหยีย
พ่อบ้านเฉียนรวบรวมคำพูดแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ตอนนี้นายน้อยไม่มีอะไรต้องกังวล ดังนั้นเขาจึงประชันหน้ากับพวกเราได้เต็มที่ แต่ถ้าหลังบ้านเกิดไฟลุกไหม้ เขาก็จะเสียสมาธิแล้วพวกเราก็จะมีโอกาสขึ้นมา" "โอ้ พ่อบ้านเฉียนพูดถูก" มู่ฉินเห็นด้วยยิ่งนัก เธอถองข้อศอกใส่สามีตัวเอง "พูดอะไรบ้างสิ" เจียงอวี้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า "เป็นความคิดที่ดีอยู่หรอก แต่… พวกเราจะจุดไฟหลังบ้านเจียงเย่าจิ่งได้ยังไงล่ะ นั่นต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญไม่ใช่รึไง?" นายท่านเจียงยังคงเงียบ เพราะเหตุผลเดียวกันนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจียงเย่าจิ่งกับซ่งอวิ้นอวิ้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดี ประกอบกับมีลูกเพิ่มเข้ามา ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนแนบแน่นขึ้นไปอีก "ไม่เห็นจะยากเลย พวกเราก็แค่หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้งลงไปท่ามกลางความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนเสียก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" ถึงแม้ว่ามู่ฉินจะย่างเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่เสน่ห์ของเธอก็ยังคงอยู่ ประกอบกับการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทำให้ยากจะมองอายุที่แท้จริงของเธอออก เธอกลอกตาดำขลับ "ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง มือที่สามถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามที่สุดเลยเชียวล่ะ ถ้ามีมือที
ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้รีบเข้านอนทันที แต่กลับไปหาซวงซวง ป้าหวู่พาซวงซวงเข้านอนแล้ว แต่เธอก็ยังอยากตรวจสอบดูให้แน่ใจ ตอนนี้ซวงซวงหลับลึกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงย่องเบาออกมา เมื่อกลับมาที่ห้องนอน เธอก็นั่งตรงขอบเตียง แต่กลับไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไป เธอกุมศีรษะแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องนั้น นอกจากหลินหรุ่ยกับตระกูลเจียงแล้ว เธอก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร หลังจากเจียงเย่าจิ่งเดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เห็นซ่งอวิ้นอวิ้นนั่งอยู่ตรงขอบเตียง ดังนั้นเขาจึงเดินเข้ามากอดเธอแล้วนอนลงบนเตียง จากนั้นก็พลิกตัวอยู่เหนือร่างของเธอ จูบที่พร่างพรมลงมาทั้งดูดดื่มและเร่าร้อน ขณะที่บรรยากาศกำลังเป็นไปได้สวย ซวงซวงก็ร้องไห้ขึ้นมา พวกเขาทั้งสองคนต่างตะลึงงัน ซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นฝ่ายที่มีท่าทีตอบสนองก่อนแล้วผลักเขาออกไป "ซวงซวงอาจจะหิวก็ได้" "ป้าหวู่จะป้อนเขาเอง" "แต่…" ก่อนที่เธอจะทันได้พูดให้จบประโยค เธอก็โดนจูบ สกัดกั้นคำพูดของเธอจนหมดสิ้น! ทุกสิ่งทุกอย่างพรั่งพรูออกมา! ราตีช่างแสนยาวนาน ทว่ากลับเต็มไปด้วยความรักใคร่เร่าร้อน! …… คฤหาสน์ต้นตระกูลเจียงเปิดไฟสว่างจ้า คราวนี้แผนใส่ร้ายเจียงเย่าจิ่
"ทำไมเธอยังไม่นอนอีกล่ะ?" เจียงเย่าจิ่งเดินเข้ามา "ฉันทำให้เธอตื่นหรือเปล่า?" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขึ้นมาว่า "เปล่าหรอก ฉันกำลังรอคุณอยู่น่ะ" เมื่อเธอพูดจบก็ลงจากเตียงแล้วเดินเข้ามากอดเขาไว้ จากนั้นก็แนบใบหน้าเข้ากับหน้าอกของเขา การเคลื่อนไหวของเธอทำให้เจียงเย่าจิ่งรู้สึกประหลาดใจเสียจนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ยิ้มพลางถามว่า "เธอเป็นอะไรไปน่ะ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นบอกว่าไม่มีอะไร "ฉันก็แค่อยากจะกอดคุณ" เจียงเย่าจิ่งก้มมองเธอ "ปล่อยก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแล้วเธอค่อยมากอดก็ได้ ตอนนี้ฉันสกปรกจะแย่" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ยอมปล่อยแล้วกอดเขาให้แน่นขึ้น ร่างกายของทั้งสองคนบดเบียดเข้าหากันอย่างแนบแน่น เจียงเย่าจิ่งถามเสียงเบาว่า "เธอเป็นอะไรไป?" ทำไมถึงรู้สึกว่าเธอไม่ปกติเลยล่ะ? ซ่งอวิ้นอวิ้นลูบหน้าอกของเขา "นับจากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าอยู่ที่ไหนฉันก็จะเป็นบ้านให้คุณเอง ฉันจะรักคุณให้มาก ๆ" เจียงเย่าจิ่งหลุบตาลง ท่ามกลางแสงสลัวรางเลือน เขายังมองเห็นประกายในดวงตาของเธอและเนื้อตัวที่สั่นระริกอยู่บ้าง น้ำเสียงทุ้มของเขาปะปนความแหบพร่าเล็กน้อย "ซ่งอวิ้นอวิ้น วันนี้เธอเป็นอะไรไปกันแน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็ล้างมือแล้วไปหาซวงซวง เห็นเพียงป้าหวู่ที่กำลังอุ้มเขาอยู่ "ป้าหวู่" เธอรู้สึกประหลาดใจนัก ป้าหวู่ยิ้มแล้วพูดว่า "คุณผู้ชายบอกให้ป้ามาที่นี่ เพราะไม่มีใครคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ เลยค่ะ" เจียงเย่าจิ่งเป็นห่วงเรื่องตามหาตัวคนแปลกหน้า ดังนั้นเขาจึงเรียกป้าหวู่ให้มาที่นี่ ซ่งอวิ้นอวิ้นดีใจที่ได้ยินว่าป้าหวู่มาที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในคฤหาสน์ ป้าหวู่ดีกับเธอมากทีเดียว เธอเป็นคนจิตใจดี "มีป้าหวู่อยู่ที่นี่ ฉันรู้สึกเบาใจขึ้นเยอะเลยค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยพลางยิ้มให้ เธอรับซวงซวงมาจากอ้อมแขนของป้าหวู่ จากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาพอดี ทันใดนั้นใบหน้าเล็ก ๆ ก็ยับย่น ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้ว่าเขาคงจะอึเป็นแน่ ดังนั้นเธอจึงบีบจมูกน้อย ๆ ของเขา "เหม็นหรือเปล่าจ๊ะ?" ป้าหวู่จึงพูดว่า "เดี๋ยวป้าเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เองค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นอยากจะทำเอง เธอรู้สึกว่าตนเองติดค้างลูกชายมาโดยตลอด เพราะเธอไม่มีเวลาดูแลเขานัก ตอนนี้เธอมีเวลาแล้ว "งั้นป้าจะเอาน้ำมาให้นะคะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบตกลงแล้ววางซวงซวงลงไป เธอทิ้งผ้าอ้อมที่ใช้แล้วลงถังขยะ จากนั้นก็หยิบกระดาษมาเช็ดก้นของ
ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบกลบเกลื่อนว่า "ไม่มีอะไรหรอก..." "จริงเหรอ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นยื่นน้ำที่รินแล้วให้เขา น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่าไม่เชื่ออยู่ชัด ๆ ซ่งรุ่ยเจี๋ยหลบสายตาแล้วรีบหาข้ออ้างขึ้นมาว่า "เป็นเรื่องในบริษัทน่ะ ส่วนเรื่องเมื่อคราวก่อนก็แก้ปัญหาได้แล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพยักหน้า "นายรับมือได้ดี" "แต่วิธีการก็เป็นความคิดของพี่อยู่ดี" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น เขารู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง เขาต้องยอมรับว่าซ่งลี่เฉิงช่างมีสายตาแหลมคม ถึงให้ซ่งอวิ้นอวิ้นมาดูแลบริษัท ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ถนัด แต่เธอก็เรียนรู้หลาย ๆ สิ่งได้รวดเร็ว! "ฉันแก่กว่านายไม่กี่ปี ฉันถึงต้องใคร่ครวญให้มากหน่อย อีกไม่กี่ปีนายน่าจะล้ำหน้าฉันไปแล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพูดให้กำลังใจ อันที่จริงแล้ว นับตั้งแต่ซ่งลี่เฉิงตายไป ซ่งรุ่ยเจี๋ยก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซ่งรุ่ยเจี๋ยแทบไม่เผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ผมไม่เป็นไรหรอก พี่น่าจะกลับไปดูแลซวงซวงก่อนนะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น "ได้ ถ้านายมีเรื่องอะไรก็ติดต่อฉันได้ตลอดนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นลุกขึ้น "อย่าลืมดื่มน้ำล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบยื่นมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมายกถ้วยชาขึ้นมา "ผมไม่ลื