ห้องหนังสือจวนเสนาบดีเฉินกงหลี่“ยกเครื่องเสวยยังห้องลับหรือยัง”ร่างสูงที่นั่งร่างอักษร ถามคนสนิท“ยังขอรับ”“นี่มันยามไหนแล้ว คนในนั้นก็ต้องกิน อี้เหมยไม่ได้สั่งไว้หรือว่าให้ใครยกอาหารเช้า”“ขอรับคุณหนูรองไม่ได้สั่งอะไรไว้คงจะลืมขอรับ”“อืมมม ให้ใครยกของกินไปมากหน่อยที่ห้องลับ เลือกเครื่องสวยที่ดีที่สุดยกไปไวที่สุด” ไห่หยวนเดินออกไปสั่งสาวใช้เบาๆ“มีใครสำคัญในนั้นหรือขอรับ ในเมื่อท่านอ๋องยังไม่ฟื้น”“ไห่หยวน อย่าถามมาก ท่านพ่อเดินทางเข้าวังหลวงหรือยัง”“เอ่อ ขอรับนายท่านเข้าวังหลวงไปแล้วฝ่าบาททรงเรียกสี่ตระกูลใหญ่”เฉินซือกวานพยักหน้าขึ้นลง“คงอยากจะลองดูท่าทีของทั้งสี่ตระกูลใหญ่ว่าจะมีท่าทีเช่นไรหากสั่งให้มีการตามล่าตัวอ๋องฉินจวิ้นหวัง ท่านพ่อเองก็คงต้องแสดงละครว่าเห็นด้วยทั้งที่ไม่เห็นด้วย เตรียมการให้พร้อมจัดคนของเราเฝ้าเวรยามสั่งให้คนบ้านเฉินเตรียมเก้บข้าวของมีค่าควรเมืองซ่อนไว้ในที่ปลอดภัย เตรียมเสบียงใส่ไว้บนรถบรรทุกสินค้าให้เต็มสักหลายๆคันหน่อยส่งไปรั้งไว้ที่นอกเขตวังหลวงจัดคนเฝ้าไว้ เสื้อผ้าและของใช้จำเป็นเก็บและขนไปให้พอสั่งการเดี๋ยวนี้เลย”“คุณชายใหญ่ครับ กลัวว่านายท่านจะถูก
“ใครกันอยากจะทำแบบนั้น”“ไม่รู้สิแต่ข้าเวลาเหลืออดกับเจ้าอะนะหานจงวิธีทีเดียวที่ทำได้คือ แกล้งให้เจ็บใจเช่นการจูบเจ้าเสียหานจงจะได้รู้ว่าไม่ควรจะมาโกรธข้าในความจริงที่ข้าพูดมาถึงคนอย่างเยี่ยนฉือจะไม่มีวรยุทธ์แต่ก็มีวิชาแพทย์ข้าอาจปรุงยาปลุกกำหนัดแอบผสมสุราให้เจ้าดื่ม เผื่อว่าอะไรอะไรจะดีขึ้น”"ข้าเลิกพูดกับท่านแล้วเราสองคนต่างเป็นคนร่วมเดินทางทำเพื่อให้ได้ยาวิเศษก็พอข้าอาจแค่คุ้มกันท่านต่อไปเราไม่ต้องพูดกันอีกเลยจึงดี เมื่อได้ยาไปรักษาหวางซื่อแล้วต่างคนต่างแยกย้าย”คำพูดที่พูดออกมาเองกลับรู้สึกว่าเจ็บปวดไม่น้อย หานจงกลืนน้ำลายลงคอช้าๆอีกคนเล่าจะรู้สึกอย่างไร“ไม่มีทาง ใครกันให้เจ้าเป็นคนกะเกณฑ์ ข้าเยี่ยนฉือหาใช่คนที่ใครคอยกะเกณฑ์ได้ไม่”อารมณ์เดียวกับต้าเหนิงที่ต้องการอยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารหานจงหน้าเหวอคนอาไร ทำไมไม่เจ็บปวดทำไมไม่รู้สึกอะไรกับการที่หานจงกำลังจะตัดสัมพันธ์แต่ตรงกันข้ามเขากลับฮึกเหิม ดักทางหานจงไว้เสียหมดห้องลับบ้านเฉินวันที่ฟ้าสดใส วันที่ทุกอย่างกำลังจะลงตัวต้าเหนิงนอนแช่ในน้ำเย็นสบาย ถึงจะไม่ได้นอนก็เถอะ แต่กลับรู้สึกสบายใจ นางจิ้งจอกอี้เหมยป่านนี้ยังไม่โผล่หั
“พอแล้วต้าเหนิงกำลังจะตาย”ฉินเกอหลงยิ้มบางอีกแล้ว“ปล่อยเถอะค่ะ แบบนี้ท่านอ๋องจะเจ็บที่บาดแผล”ต้าเหนิงค่อยๆขยับตัวลงจากอกของคนเจ็บ ที่แอบยิ้มพราย“ไม่เจ็บแล้วหรือ”ตากลมจ้องมองใหบน้าหล่อเลหานิ่ง“เจ็บสิ”“เจ็บแล้วทำไม…ยังจูบต้าเหนิงได้อีก”“หืมมข้านะหรือ ไม่ใช่เจ้าที่จูบข้าก่อนหรอกหรือ” ต้าเหนิงยิ้มเจื่อนๆ“ก็ต้องป้อนยา นี่ ต้าเหนิงปะปะป้อนยาท่านอ๋องนะไม่ได้ตั้งใจจูบสักหน่อย”พูดอ้อมแอ้ม“แสดงว่าข้าเข้าใจเจ้าผิดสินะ เช่นนั้นก็ควรจะเข้าใจว่าเจ้าแค่ป้อนยา ไม่ได้ใจสั่นเวลาที่ป้อนยาข้าหัวใจเจ้าที่ข้าได้ยินมันแทบจะทะลุออกจากอกไม่ได้เต้นโครมคราม ยามที่อยู่บนตัวข้ายามที่ป้อนยาข้าเช่นนั้นข้าก็ไม่ได้จูบเจ้าหรอกนะ ข้าก็แค่ใช้ริมฝีปากของข้าค้นหาความจริงในใจเจ้าเท่านั้น”ต้าเหนิงก้มหน้าเขินอายจนมุมก็ใจเจ้ากรรมก่อนหน้านั้นเต้นจนแทบทะลุออกจากอกจริงๆ“ไม่นับปะคำแล้วหรือ”เปลี่ยนเรื่องพูดเสียทันทีอีกคน หลุบตามองมือตัวเอง“นับสิตราบที่เจ้ายังไม่รู้ใจตัวเอง”“คุณหนูเจ้าขาฟื้นแล้วจริงๆเจ้าค่ะท่านอ๋องฟื้นแล้ว”เสียงดังมาก่อนจะเ้นตัวด้วยซ้ำ ฉินเกอหลงแทบไม่ต้องปรับสีหน้าที่เรียบเฉยมึนตึงเพราะคำพูดของต้าเหนิง“
“ไม่ได้แอบดูแล้วทำไมถึงรู้ว่าข้าต้องเปลี่ยนอาภรณ์ตัวใหม่”อี้เหมยถอนหายใจ“เจ้าน่ะแกล้งโง่เสียบ้างจะฉลาดมากไปแล้วสงสัยมากไปแล้ว พี่ใหญ่ก็คือคนสำคัญของบ้านเฉิน หากเจ้าเที่ยวเอาเรื่องนี้ไปพูดว่าพี่ใหญ่แอบดูเจ้าอาบน้ำเพียงเราะเจ้าสงสัยเขาและ และอะไรก็แล้วแต่เจ้าก็ควรสงบคำเสียบ้างไม่มีใครสอนเจ้าเรื่องนี้เลยหรือว่าเรามาอาศัยบ้านของเขาก็ควรเคารพเจ้าบ้าน นี่เจ้าคิดว่าที่นี่เป็นบ้านตระกูลเอ่อที่แหลกสลายไปแล้วหรือว่าคิดว่าที่นี่คือตำหนักสิบหกของเจ้าจึงได้ทำตัวไม่อ้อนน้อมเช่นนี้”ต้าเหนิงกำลังขยับปากจะเถียงนี่ก็แสดงว่าเป็นเจ้าบ้านจะทำอะไรก็ได้สินะแล้ว แล้วให้อ่อนน้อมกับคนที่แอบดูต้าเหนิงอาบน้ำเนี๊ยนะ“พอแล้ว อี้เหมย พี่ใหญ่ของเจ้าผิดเองที่แอบเข้ามาโดยพลการที่แห่งนี้ยกให้หวางเย่แล้วข้าก็ไม่ควรเข้ามาวุ่นวายอีก เอาเป็นว่าข้าขอโทษเจ้าด้วยพระสนมเอ่อเดิมข้าตั้งใจจะเยี่ยมอาการบาดเจ็บของหวางเยว่แต่ว่ามาทีไรพบนางอยู่ที่นี่ทุกครั้งและคิดว่าท่านอ๋องคงยังไม่ฟื้นก็ควรรอให้ท่านอ๋องฟื้นขึ้นมาก่อนจึงจะมาอีกที” คิดว่าขอโทษแล้วก็จบหรือฝากไว้ก่อนเถอะ“พี่ใหญ่ หวางเยว่ฟื้นแล้ว”“ฟื้นแล้วแล้วทำไมพวกเจ้าไม่อยู่คอยดูเ
“เช่นนั้นขาจะส่งนางไปที่วิหารเทียมฟ้าเสียก็จะถือว่า บัญชาของไท่ซางหวงฝ่าบาททรงทำตามบัญชาแล้วต่อไปจะเป็นจะตายก็ไม่เกี่ยวกับเรา ไทฮองไทเฮาก็ทรงจำศีลที่นั่นบางทีหากนางบวชเสียกัวกั๋วจึงจะไม่ประหารนาง หรือหากจะทำอะไรนางก็ต้องเกรงใจไทฮองไทเฮาบ้างไม่มากก็น้อยตอนนี้ทางเดียวที่เราจะทั้งหมดจะรอดก็คือจะต้องให้ฝ่าบาทปลอดภัยและยอมที่จะทวงบัลลังก์คืน และตอนนี้ข้าว่าถึงเวลาแล้วทั้งฝ่าบาทและกัวกั๋วฮ่องเต้บาดหมางกันเกินกว่าที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม”ลู่ซือห่าวถอนหายใจยาวในวันนั้นที่ลู่ซือห่าวเข้าพบฉินเกอหลงพร้อมกับถวายฎีกาและถามคำถามสำคัญสิ่งที่ฉินเกอหลงตอบกลับมาคือไม่ และไม่“ฝ่าบาทเคยตอบกลับข้ากับคำถามสำคัญนี่แล้วว่า …ไม่”“แล้วหากสิ่งที่พวกท่านคิดมันผิดเล่าฝ่าบาทมิได้ทำเพราะบัญชาของไท่ซางหวงหากแต่เป็นเพราะมีใจปฏิพัทธ์สนมเอ่อผู้งดงามที่แม้แต่กัวกั๋วฮ่องเต้ยังปรารถนาในตัวนางที่พูดว่าจะประหารก็คงแค่เพียงพูดให้ตัวองไม่ต้องอับอายแต่ในความเป็นจริงแล้วข้าเห้นว่ากัวกั๋วฮ่องเต้ปรารถนาในตัวนางเพียงใดถึงกับตั้งใจให้นางนั่งตำแหน่งฮองเฮาในเทศกาลโคมไฟใครๆก็เห็นว่ากัวกั๋วทำเพื่อนางทั้งหมด เช่นนั้นทำไมเราไม่ใช่สนม
เพียงพริบตากับจูบรสหวานฉินเกอหลงก็พลิกตัวลงในท่านอนหงายปล่อยต้าเหนิงเป็นอิสระ ต้าเหนิงรับจัดแต่งอาภรณ์ที่หลุดลุ่ย“ขอโทษ”น้ำเสียงออ่นโยนเหลือเกินทำให้รู้สึกว่าอีกคนรู้สึกผิดจริงๆ อาการตัวสั่นหายไปริมฝีปากที่ดำคล้ำก็กลายเป็นแดงใสเหมือนเดิม“มะมะไม่เป็นไรหรอก”ถึงจะบอกไปอย่างนั้นแต่รู้สึกนอยด์เหมือนกัน"ข้าไม่อาจระงับอาการเจ็บปวดได้ด้วยตัวเอง แต่เมื่อร่างกายของเจ้าที่ข้ากอดจูบทำให้ความเจ็บปวดบรรเทาเบาบาง”จะดีใจหรือเสียใจดี เขาหาอะไรทำให้ลืมความเจ็บปวดสินะต้าเหนิงทำตาโต ตายแล้ววววแล้วถ้าเขาเจ็บขึ้นมาอีกไม่มีต้าเหนิงแล้วบังเอิญในบังเอิญอี้เหมยหรือใครอยู่ใกล้ๆเขาไม่กอดจูบให้ตัวเองหายเจ็บปวดหรือๆไร แ้ลวถ้าไม่มีใครอย่างไรจึงจะหายเจ็บปวด“ หวางเย่ อี้เหมยนำชายามบ่ายกับขนมมาถวาย”อี้เหมยเดินเข้ามาพร้อมกับสาวใช้คนนั้น สาวใช้นามเสี่ยวฟางคนที่ยกสำรับมาให้อี้เหมยที่อยู่ๆก็เดินมากระแทกต้าเหนิงจนเกือบล้มอี้เหมยต้องประคองไว้ นางยัดอะไรบางอย่างในมือของต้าเหนิง“ขอโทษจริงๆเจ้าค่ะ พระสนมเปรอะเปื้อนแล้วไหมเล่าเจ้าค่ะ พระสนมไม่ออกไปล้างอาภรณ์ที่เปรอะที่ห้องน้ำเจ้าค่ะ”เสี่ยวฟางนางเป็นคนพูดเจื้อยแจ้วและก
“อยากกอดก็กอดเสียให้พอ”นั่งนิ่งไม่ไหวติง“แล้วถ้าอยากจะจูบเล่า ละละแล้วอยากทำมากกว่านั้นเล่า”สายตามากความหมายยังส่งมาให้ตลอดเวลา“ท่านอ๋องจะผูกมัดต้าเหนิงไปเพื่ออะไร”เสียงสั่น“เพื่อให้เจ้าเป็นของข้าคนเดียว”ฉินเกอหลงรั้งเอวบางให้แนบชิด“ช่างเถอะนั่นมันเรื่องของท่านอ๋อง.... ไว้ใจคนบ้านเฉินได้แค่ไหน”ฉินเกอหลงขมวดคิ้วแต่ยังไม่คลายอ้อมกอด“เจ้ากังวลใจอะไร”“ต้าเหนิงก็แค่คิดว่าหากไม่มีต้าเหนิงหรือหากแค่ฝ่าบาทที่บาดเจ็บมาเขาจะดูแล และจะดีกับฝ่าบาทใช่ไหม”ปลายเสียงเศร้าแต่อีกคนไม่ทันจับสังเกตุ“บ้านเฉินกับข้านะหรือ เดิมเป็นพวกเขาที่เสด็จพ่อให้การไว้วางใจข้าเชื่อใจพวกเขาแปดในสิบส่วนที่เดียว แต่หากกัวกั๋วฮ่องเต้จะกดดันพวกเขา ข้าก็คงไม่อาจรู้ว่าพวกเขาจะเลือกภักดี.... กับข้าหรือว่าเลือกทางรอด เจ้าไม่วางใจพวกเขาหรือไรหรือไร คนเราเมื่อถึงคราวที่ใกล้ตายหรือกำลังจะตายมักจะเผยธาตุแท้ ข้าสัญญาจะไม่ให้เจ้าต้องลำบากจะปกป้องเจ้า แม้ว่าจะไม่เหลือใครที่อยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่ก็ตามขอให้รู้ไว้ว่ามีข้าที่จะไม่มีทางให้เจ้าต้องพบกับอันตราย” ต้าเหนิงยกมือกอดรอบเอวหนาซบหน้าลงบนอกกว้าง“ต้าเหนิงมาที่นี่เพียงลำพังเหลื
“ฮ่าาาาในที่สุดเจ้าก็เข้าใจอะไรเสียที การที่จะเอาบัลลังก์มังกรมาใส่พานให้กับฝ่าบาท เจ้าก็ต้องลงทุน”ต้าเหนิงยิ้มหวาน“ขอบคุณใต้เท้าเฉินที่สั่งสอน”เฉินซือกวานยทนเอามือกอดอกรู้สึกสับสนกับสิ่งที่ต้อตัดงสินใจ“ว่าแต่เจ้าจะไม่เสียใจทีหลัง แล้วกล่าวหาว่าข้ากดดันเจ้าใช่ไหมหากวันใดที่ไม่เป็นดั่งใจเจ้า”“ข้าต้าเหนิงตัดสินใจ ทำสิ่งใดลงไปแล้วไม่มีทางเสียใจตอนนี้ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว รอแค่ใต้เท้าส่งเสริมข้า ไปกันเถอะค่ะเวลาของเราเหลือน้อยแล้ว”ก้าวเดินออกจากห้องขึ้นไปบนเกี้ยวไม่เหลียวหลังเฉินซือกวาน ถอนหายใจยาววังหลวงต้าเหนิงเดินก้มหน้าเข้ามาพร้อมกับองครักษ์ที่เดินตามมาด้วยสองคน ไม่ได้มีท่าทีว่าหวาดกลัวคล้ายกับว่าต้าเหนิงคนที่กลวตายคนนั้นหายไปแล้วกัวกั๋วฮ่องเต้ ยิ้มเหยียดเดินเข้ามารวบเอวบางของต้าเหนิงบังคับให้เดินเข้าไปในตำหนัก“อยู่ในกำมือของข้าแล้วต่อก็เหลือแค่….จะทำอย่างไรให้หัวใจเจ้าอยู่ในกำมือข้าเช่นกันกับร่างกาย”เชยคางมนให้สบตาต้าเหนิงยิ้มเย็นสองสัปดาห์ผ่านไปหานจงที่กำลังปีนขึ้นไปบนผาสูงเยียนฉือยืนมือให้จับแต่อีกคนกลับมองผ่าน“นี่หากรังเกียจกันขนาดนี้ แม้แต่มือยังไม่ให้สัมผัสโดน เจ้าก็จะต
“ไม่ต้องพูดได้ไหม”รีบเดินเลี่ยง ฉินเกอหลงที่เอนตัวพิงอยู่กับพนังห้องรีบคว้ามือบางไว้“เอ่อต้าเหนิงมีช่วงเวลานี้ด้วยหรือ”“ช่วงเวลาอะไร”ฉินเกอหลงยิ้มกรุ้มกริ่ม“ช่วงเวลาเขินอายข้าเห็นก่อนหน้านั้นยามที่ข้าไม่อยากเข้าใกล้เจ้า เจ้าก็หาทางเข้ามาใกล้ชิดข้าก่อน”“อย่ามาพูดแบบนี้นะ ก็ท่านอ๋องเอาแต่เก็กไม่ยอม… ไม่ยอมพูดกับต้าเหนิงนี่”ดวงตากลมโตหลุบตามองพื้นเสียกลัวอีกคนเป็นความในใจจากดวงตา“ใกล้ชิดเจ้าแล้วอย่างไรใกล้ชิดเจ้าแล้ว ข้าแทบจะหยุดหายใจ ข้าแทบจะสะกดกลั้นความรู้สึกเสน่หาเจ้าไม่ได้แล้วจะไม่ให้ทำที่ว่าเฉยชาได้อย่างไรกัน ขข้าแต่เดิมไม่เคยเข้าใกล้หญิงใดมาก่อนวันนี้ต้องมาใกล้ชิดกับสนมคนงามของกัวกั๋วที่นางพยายามจะเข้าใกล้ถูกเนื้อต้องตัวข้าตลอดเวลา เจ้าคิดว่าบุรุษที่ไม่เคยใกล้ชิดหญิงใดเช่นข้าบำเพ็ญเพียรเป็นนักบวชมาตั้งนานจะไม่ตะบะแตกหรือไร”“ นั่นมันเรื่องของท่านอ๋อง ต้าเหนิงไม่พูดด้วยแล้ว”เขินจนไม่รู้จะไปอย่างไร เดินเอาห่อยาไปยังเตาไฟเพื่อจะเคี่ยวยา“โอ้ไม่น่าเชื่อแค่เพียงคนเร่ร่อนรอนแรมเหตุใดได้มาพักในเรือนรับรองของแขกคนสำคัญของซูตงกันเลยนะ”เชียวไฉหรานเดินเข้ามาข้างในห้องอย่างถือวิสาสะ ไม่ท
“ที่นี่คือ”“ซูตงขอรับ”“ซูตง”“ดินแดนซูตงที่โอบลอ้มไปด้วยหุบเขาและแมกไม้พวกท่านไม่มีทางผ่านเข้ามาได้หากไม่เคยมาที่นี่ และมีคนนำทาง”ต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลงจริงด้วยเพราะตอนที่ขเ้ามาต้าเหนิงเอาแต่ห่วงฉินเกอหลงจนไม่มีเวลาได้ชื่นชมทิวทัศน์รอบๆตัวรู้แค่ว่ามันคือหุบเขาทางเข้าเป็นม่านน้ำตกข้างในเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อนคงเคยเป็นปล่องภูเขาไฟแต่ตอนนี้มอดดับจึงเหลือแต่ความอุดมสมบูรณ์ของหมู่แมกไม้และสายน้ำลำธาร“เคยได้ยินคนผู้หนึ่งกล่าวถึงที่นี่เยียนฉือ เจ้ารู้จักท่านหมอที่ชื่อเยียนฉือหรือไม่”เสี่ยวจิ้งยิ้มดวงตาพร่างพราวท่านหมอวางหลวมยาพร้อมกับเดินเข้ามาจับชีพจร“ท่านหมอเทวดาเยี่ยนฉือคือคนที่สอนวิชาแพทย์แก้ข้าน้อย หากว่าท่านคือสหายเช่นนั้นข้าน้อยคงต้องดูแลท่านราวกับสหายคนหนึ่งเช่นกัน”ฉินเกอหลงถอนหายใจ“แหมท่านหมอนะหรือสนิทกันที่สุดเลยเป็นคนสนิท..อุ๊ป”รีบยกมืออุดปากตัวเองพูดมากไปแล้วต้าเหนิง“ท่านหมอกับเราสองคนมีมิตรภาพพี่ดีต่อกันอย่าพูดว่าเป็นดังสหายเรากับท่านหมอ รู้จักเพียงผิวเผิน”ฉินเกอหลงรีบแก้ต่าง ต้าเหนิงขมดคิ้วว่าทำไมไม่ขิงไปเลยว่าสนิทกับท่านหมอเทวดานั่นพวกเขาจะได้รู้สึกว่าเป็นคนกันเอง“โอ้
“ไฉหรานเจ้าทำแบบนี้พี่ใหญ่เฉินของเจ้าจะแบกรับภาระไม่ไหวนะ”เชียวกงเล่อพูดยิ้มๆ“เชอะก็ข้าอยากจะฝึกกระบี่ให้เก่งกาจขึ้นกว่าเดิมจะได้ จัดการกับคนเร่รอนสองคนนั่นให้พวกเขาเห็นว่าคนซูตงเก่งกาจเพียงใด”“น้องสาวเจ้าก็เก่งอยู่แล้วนี่จะต้องกลัวอะไรแล้วใครกันทำน้องสาวข้าให้อยากเอาชนะเพียงนี้”“พี่ใหญ่เฉินท่านถามพี่ใหญ่เชียวดูสิเขาชื่นชมคนเหล่านั้นทำให้ข้าโดนท่านพ่อตำหนิแล้วยังห้ามไม่ให้ข้าจัดการพวกเขาเสียก่อนให้อยู่หมัดไม่เข้าใจริงๆว่าทำไมต้องเอาใจพวเขาเพียงนั้น ถึงกับต้องรั้งพวกเขาอยู่ที่นี่”“นี่เจ้าแอบฟังข้ากับท่านพ่อคุยกันหรือไรไร้มารยาท”“พี่ใหญ่เฉินเห็นไหมพวกเขากันข้าออกจากฝูงแล้วเอาใจคนอื่น”เสียงยังออดอ้อน“ใครกันคนแปลกหน้าเหมือนว่าคนพวกนั้นจะทำให้ไฉหรานขุ่นเคืองไม่น้อยแล้วทำให้พี่ใหญเชียวของเราออกโรงปกป้องเพียงนั้น”“ฮะฮะฮะฮ่า อย่าได้สนใจเลยก้แค่คนเร่ร่อนธรรมดา ไฉหรานก็แค่หาใครในซูตง ประอลงด้วยไม่ได้ทุกคนต่างยอมแพ้ก็เลยคันไม้คันมือก็เท่านั้น ส่วนข้าก็ในฐานะจ้าวบ้านก็ต้องดูแลแขกบ้าน”“หือ คนในซูตต่างยอมแพไฉหรานหมดเลยหรือ ไม่น่าเชื่อว่าจะฝีมือก้าวหน้าเพียงนี้” เชียวกงเล่อยิ้มขำ“ใครบอกที่
“ดีขึ้นหรือยัง”กงเล่อเอ่ปากทักเมื่อเห้นว่าต้าเหนิงนั่งสัปหงกเอามือเท้าคางมองฉินเกอหลงบนแท่นนอนไม้ไผ่ เขาวางผ้าห่มผืนใหม่ลงบนโต๊ะข้างๆ“ไม่ดีขึ้นไม่เห็นว่าเขาเอ๊ยสามีข้าจะฟื้นคืนสติ หมอหลวงเอ๊ยหมอของพวกท่านเชื่อถือได้หรือไม่”คิดถึงท่านหมอเทวดาเยี่ยนแือขึ้นมาทันที แล้วหานจงหากรู้ว่าหวางเย่ของเขาบาดเจ้บแบบนี้จะต้อง หนักใจอีกแน่ สองคนนั้นป่านนี้เป็นอย่างไรบ้าง“ถึงจะเป็นหมอบ้านป่าแต่ก้พอจะดูแลคนบาดเจ็บได้แน่ๆ และอาจจะไม่มียาดีเพราะนี่คือบ้านป่าแต่สมุนไพรหลายอย่างที่มีคุณภาพกว่าสุมนไพรแห้งๆ”ทรุดกายยลงข้างๆต้าเหนิงที่รีบลุกขึ้นยืนเชียวกงเล่ออมยิ้มขำกับท่าทีระวังตัวของต้าเหนิง“กล้วข้าหรือ”ต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลงหงึกหงัก เชียวกงเล่อยิ้มบางๆ“กลัวก็บอกว่ากลัว นับถือนับถือแต่ไม่ต้องกลัวข้าเพราะข้าไม่นิยมขืนใจภรรยาชาวบ้าน”พูดที่เล่นที่จริงเพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลาย“พูดแบบนี้แสดงว่าหากเป็นหญิงอื่นที่ผลัดหลงเข้ามาไม่มีสามีท่านก็จะขืนใจเช่นนั้นหรือ” เชียวกงเล่อยิ้มขำ แม่นางคนนนี้ช่างเจรจายิ่งนัก นางคงพูดจ้อได้ทั้งวันหากคนคนนั้นเป็นคนที่นางวางใจ“พูดแบบนี้ข้า เลยนึกขึ้นมาได้ว่าจะให้เสี่วจิ้งมาดูแลเจ้
เรือนใหญ่กลางหมู่บ้าน เชียวกงเล่อยืนก้มศรีษะตรงหน้าบิดาเชียวกวงเล่อข้างหน้าสาวน้อยวัยสดใสทว่าท่าทีราวกับจอมยุทธ์หนุ่มเชียวไฉหรานยืนอยู่ข้างๆบิดากับมารดา เชียวหรูเหมินที่อยู่ในวัยกลางคนทว่ายังสาว“อาการบาดเจ็บของคนแปลกหน้าคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง”“ขอครับท่านพ่อ บาดเจ็บไม่น้อยแต่เพราะเพลงกระบี่ของเขาเยี่ยมยอดทีเดียวเลยทำให้ พวกเราไม่อาจล้มเขาได้ต้องใช้ คนของเราถึงสอบสองคนจึงทำให้เขานิ่งได้ขอรับ”เชียวไฉยาอ้าปากค้าง“พวกท่าน ไร้ความสามารถกันเองหรือเปล่าถึงได้ พ่ายแพ้แก่เขาเพลงกระบี่ใครกันจะยอดเยี่ยมกว่าเพลงกระบี่ซูตงของเราได้อย่างไรกัน”น้ำเสียงหยิ่งยโสไม่ได้น่าเอ็นดูเหมือนหน้าตา“ไฉหราน”เสียงมารดาปรามเบาๆคิ้วเรียวขาวขมวดเข้าหากัน เชียวกงเล่อยิ้มน้อยๆ“ลูกอ่อนหัดจริงๆท่านพ่อเพียงสองกระบวนท่าก็แพ้ให้กับคนแปลกหน้านั้น หากไม่ใช้คนหมู่มากเหมือนที่ฮูหยินเขากล่าวโทษว่าพวกเราเป็นหมาหมู่ ก็คงไม่อาจเอาชนะเขาได้”ไฉหรานยิ้มมุมปาก“คนแปลกหน้าป่าเถื่อนนั่นจะเก่งกว่าคนซูตงของเราได้อย่างไร”“ไฉหรานเจ้าผิดแล้วคนจากวังหลวง บางคนสามารถต่อกรกับนักรบของเราได้ถึงสิบคนได้ง่ายๆการที่จะรับหน้าที่องครักษ์ของอ่องเ
กลางป่าหนทางมุ่งหน้าสู่สุ่ยจิง“ไหวไหม เยี่ยนแือพยุงร่างอ่อนแรงของหานจงยังถ้ำเล็กๆที่แทบจะมองไม่เป็นปากถ้ำเพราะมีต้นไม้ปกคลุมเป็นดงหนา หานจงอดสงสัยไม่ได้ว่าเยี่ยนฉือรู้ได้อย่างไรว่ามีถ้ำอยู่ที่นี่ คนอื่รับรองไม่มีใครรู้แน่แม้แต่หานจงที่เข้ามาในตอนแรกมองไม่เห็นปากถ้ำด้วยซ้ำไปแจ่เยียนฉือกับแหวกดงไม้หนาพาหานจงเร้นกายเข้ามาในถ้า หากจะลึกลับเพียงนี้หานจงคิดอยู่ที่นี่ได้ยาวๆเพราะไม่มีทางที่ใครจะหาเขากับเยียนฉือพบ“พักก่อนคงไม่มีใครตามมาแล้ว จากที่ข้าคาดเดาพวกเขาหยุดที่จะค้นหาเราแล้ว เพราะได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว”“เขาได้ตัวหวางเย่กับสนมเอ่อไปแล้วหรือ”“เจ้าน่ะนะเลิกเรียกเอ่อต้าเหนิงว่าพระสนมได้แล้วไม่เห็นหรือไรว่านางเป็นตายไม่ยอมทอดกายให้กับกัวกั๋ว ทำไมเราไม่ให้เกียรติในสิ่งที่นางไม่อยากเป็น เลิกยัดเยียดคำว่าพระสนมให้นางเสียที”“เข้าใจแล้วน่า”“นั่งลงก่อนสิ”หานจงพยักหน้าเจ็บปวดไปทั่วตัวบาดแผลก็มีทั้งลึกทั้งตื้นสร้างความเจ็บปวดให้กับหานจงไม่น้อย“โอ๊ะๆๆเจ็บจัง”หานจงทำหน้าตาเหยเก ทิ้งตัวลงบนพื้นเยี่ยนฉือรีบเข้าประคอง”“ฝีมือกระบี่เจ้ายังต้องพัฒนาอีกไกล เห็นได้ชัดว่าไม่อาจเอาชนะผู้ที่ผ่านการฝึ
“ลุกขึ้นหยุดร้อง”เชียวกงเล่อฉินเกอหลงก้มหน้าดวงตาพร่ามัว ไม่ชอบหยาดน้ำตาของต้าเหนิงไม่ว่านางจะเสแสร้งหรือจริงใจ สติดับวูบด้วยอาการบาดเจ็บ“สามี๊ฮือออออออออออออย่าตายนะ”ถลาแหวกฝูงชนเข้าไปกอดร่างสูงแน่นิ่ง ตกใจไม่น้อยอันนี้ไม่ได้แกล้งละหน้าเสีย ถ้าฉินเกอหลงตายจริงๆต้าเหนิงก็แย่สิ จะต้องพบกับอะไรอีกหนอ คราวนี้กลายเป็นน้ำตาจริงน้ำตาแห่งความกลัวและตื่นตกใจ“ม่ายยยยยนะจะตายไม่ได้นะฮือออออออย่าทิ้งข้าไปนะฮือออออแย่แล้ว ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยด้วยพวกเจ้าใจดำอำมหิต…เหลือเกิน ทำไมอยู่ดูเฉยๆเล่าช่วยเขาหน่อยฮืออออออออ”“ต้าเหนิงอย่าร้องไห้”ฉินเกอหลงลืมตาขึ้นช้าๆพูดเบาๆ แล้วหมดสติไปอีกครั้งอาจเพราะต้าเหนิงเขย่าตัวหรือจะด้วยอะไรก็แล้วแต่“พวกเจ้าช่วยเขา”เชียวกงเล่อสั่งดังประกาศิต ลูกสมุนเหล่านั้นต่างกรูกันเข้ามาพยุงดึงแขนดึงขา รับเอาร่างไร้สติของฉินเกอหลงขึ้นไปบนหลังมาแล้วพากลับหมู่บ้านของพวกเขา“เจ้าจะมากับเราไหม”ต้าเหนิงส่ายหน้า เรื่องอะไรจะขึ้นไปบนหลังม้าตัวเดียวกับคนแปลกหน้า“อย่างนั้นก้วิ่งตามม้าไป ไม่แน่นะจากที่ร้องไห้ฟูมฟายว่าสามีเจ้าจะตายทิ้งเจ้ากับ..ลูกในท้องอาจจะเป็น เจ้าที่ตายก่อนสามี”“มี
ยกมือขึ้นกอดรอบเอวหนาไว้ยิ้มสดใสขอกอดนอนสักคืนเถอะน่าคนอาไร้ น่ารักที่สุดกอดนอนแล้วอุ่นที่สุดเกลือกกลิ้งใบหน้ากับอกกว้างเป็นสุขหลับไหลไปในอ้อมกอดของฉินเกอหลงทั้งอุ่นทั้งรู้สึกปลอดภัยวังหลวงในตำหนักพระพันปีที่บัดนี้ในห้องมีเพียงเฉินตงลี่กับไทเฮาเพียงลำพังหลังจากที่ เฉินตงลี่แวะไปที่ตำหนักของกัวกั๋วฮ่องเต้ที่นอนไม่ได้สติ“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาททรงได้รับยาถอนพิษแล้วแต่อาจจะยังไม่ฟื้นในตอนนี้ข้าน้อยเฉินตงลี่จะเรียกเรียกประชุมเหล่าขุนนางเพื่อแสดงความยินดีกับไทเฮาตำแหน่งผู้สั่งการ ในวังหลวงแทนฝ่าบาทในวันพรุ่งนี้หวังว่าไทเฮาจะเตรียมตัวให้พร้อม ”ไทเฮายิ้มลุกขึ้นยืน ส่งมือให้กับใต้เท้าเฉินที่จุมพิตหลังมือเบาๆ“ท่านจะเคียงข้างข้าใช่ไหมเฉินตงลี่แล้วท่านจะสามารถช่วยให้ทั้งสี่ตระกูลใหญ่สนับสนุนข้าใช่ไหม เรื่องนี้ท่านจะทำให้ข้าใช่ไหม”“มิใช่แค่สี่ตระกูลแต่ขุนนางน้อยใหญ่รวมทั้งแม่ทัพและค่ายฝึกที่เผยจ๋ายจะเชื่อฟังคำบัญชาของไทเฮาเพื่อตบแทนตำแหน่งราชครูของเฉินตงลี่”ไทเฮาเดินไปที่ราวแขนเสื้อคลุมเฉินตงี่รีบมา หยิบเสื้อคลุมปักลายหงส์สวมทับให้อย่างเอาใจ ไทเฮายิ้มยกมือขึ้นลูบไล้ลวดลายบนผ้าดวงตา ฉายแ
“ท่านมาได้ทันเวลาพอดีเลยนะใต้เท้าเฉิน”รอมยิ้มหยักที่มุมปากไม่ได้บ่งบอกอะไรแม้แต่น้อยใครเดาออกกันเล่า“ข้าน้อยเพิ่งจะทราบข่าวรีบรุดมาที่นี่เพราะ…ห่วงใย”“ช่างเถอะยานี่ พอจะทำให้กัวกั๋วรอด ถึงจะต้องนอนป่วยเป็นผักก็ไม่เป็นไร ข้าเองก็ไม่อาจตัดใจให้เขาตาย ถึงจะไม่เคยเชื่อฟังข้าดื้อดึงมาตลอดแต่ในส่วนลึกแล้วเขาคือลูกคนเดียวของข้ามีแแม่สักกี่คนที่อยากเห็นลูกตายไปต่อหน้า”“ต่อไปอำนาจสั่งการทั้งหมดก็คือของพระนาง จะตัดชุดหงส์สีทองไว้รอก็ไม่น่าเกลียด ด้านหน้าเป้นฝ่าบาทที่นอนเป็นฉากหน้าให้เหล่าขุนนางได้เห็นด้านหลังม่านเป็นไทเฮา หรือจะให้เฉินตงลี่เรียกว่าหวงตี้ดี”ไทเฮายิ้มอีกครั้งส่งมือเรียวให้กับเฉินตงลี่“ดี ดีที่สุด”รอยยิ้มนี้ใครบ้างจะคาดเดาไม่ได้ เป็นรอยสมหวังอย่างที่สุดกลางป่า“หิวแล้ว”เสียงออดอ้อนจนน่าสงสาร“ท่านอ๋องงงงงงงข้าหิวแล้ว”เดินชนกับร่างสูงที่หยุดเดินกระทันหันฉินเกอหลงคว้าเอวบางไว้ก่อนที่จะล้มลงไปกับพื้น“เช่นนั้นต้องพักใช่ไหมระยาทางจากที่นี่ถึงสุ่ยจิงยังอีกไกลเราควรจะเร่งเดินทางพักเพียงชั่วประเดี๋ยว”จริงด้วย เหมือนในซีรีย์อะเนอะพระเอกก็เร่งนางเอกก็หิวก็เหนื่อยและขาแพลงต้าเหนิงก็ไม่