“ท่านหมอ พระสนมเอ่อให้ตามท่านที่ตำหนักที่16”หมอหลวงรีบรนรานหิ้วหลวมยากระซิบกับเจายี่เบาๆ“สนมเอ่อเป็นที่โปรดปรานเพียงนี้ ข้าควรจะเรียกเงินทองสักเท่าไหร่ดี”เจายี่ยิ้มเจื่อนๆ“ ท่านก็ลองบอกพระสนมเถอะเรื่องนี้ข้า….ขอไม่ยุ่ง”เดินนำทันทีหมอหลวงส่ายหน้าไปมาเบ้ปาก“ชินางอ้วนเจายี่ เดี๋ยวไปเดี๋ยวกลับ เจ้าคงได้เงินทองมากมายสิท่าจึงกันท่าข้า” เดินตามเจายี่ไปอย่างเร่งรีบไม่ได้อืดอาดเหมือนตอนที่ต้าเหนิงกำลังจะตายในตอนนั้น วันนั้นหมอหลวงคนเดียวกันนี้ยังหวานเย็นไม่รู้สี่รู้แปดอะไรทำทีเหมือว่า ไม่ใช่ธุระของตัวเองสนมเอ่อจะตายหรือจะอยู่ก็ไม่เกี่ยวกับเขาตำหนัก16ต้าเหนิงนั่งไขว้ห้าง โบกพัดในมือไปมา ข้างข้างกันนั้นมีองครักษ์ของตำหนักสิบหกสี่ห้าคนยืนอารักขาอยู่ เจายี่ตกใจไม่น้อยคิดไม่ออกว่าต้าเหนิงเรียกองรักษ์พวกนี้มาตอนไหน และมาทำอะไรอย่าบอกนะว่าเอามาเก็บศพหมอหลวง“มาแล้วรึ”น้ำเสียงเรียบเฉยเย้นชาแต่ แฝงไว้ด้วยความตื่นเต้นตื่นเต้นที่จะได้ล้างแค้น“ฮ่าาาข้าน้อยงี้รีบมาเลยขอรับพระสนมเจ็บป่วยตรงไหน ข้าน้อยจะตรวจดูอาการให้อย่างดี”ปากก็พูดมือก็ล้วงเข้าไปในหลวมยาเพื่อคนหาอุปกรณ์ต่างๆในการตรวจอาการป่วยของต้าเ
บ้านเฉิน“เจ้าควรไปบอกหวางเย่เรื่องนี้เรื่องที่พระสนมอยู่แบบหวาดระแวง”หานจงพูดเบาๆราวกระซิบกับท่านหมอเยี่ยนฉือ“หวางเย่ไม่รู้ว่าข้าเข้าไปในวังหลวง ข้าฝืนบัญชาหวางเย่เรื่องนี้และถ้าร้ว่าข้าเขาไปแล้วไม่ได้รู้สึกอะไรไม่ได้ตื่นเต้นอะไรหรือคิดถึงสนมเอ่อต้าเหนิงเหมือนที่นางคิดถึงหวางเย่ เป็นข้าเองที่รู้สึกไม่ดี”“ข้าเชื่อในตัวหวางซือว่าจะไม่มีทางทำแบบนั้น หวางเย่กับสนมเอ่อมากกว่าคนเคียงข้างหวางเย่ของข้าทั้งห่วงใยและคอยปกป้องสนมเอ่อ”“นั่นอาจเป้นเพราบัญชาของไท่ซางหวงหรือเปล่าจึงจำต้องดูแลและปกป้อง”“กล้าพนันกับข้าไหมว่าฝ่าบาทมีใจให้กับสนมเอ่อ”เยี่ยนฉือยื่นมาหน้ามาใกล้ๆ“เดิมพันคืออะไร”“เงินเก็บทั้งชีวิตสามในสิบส่วนของข้า”หานจงพูดแบบไม่ต้องคิด“ไม่ได้ใจดำเพียงนั้นหากเจ้าแพ้พนันขอแค่ยอมตาใจข้าสามวัน ไม่ว่าข้าต้องการอะไรเจ้าจะต้องยินยอมหรือเรียกว่าเป็นทาสข้า สามวันเท่านั้น แบะหากข้าแพ้พนันก็เช่นเดียวกันข้ายินดีเป็นทาสเจ้าสามวันเช่นกัน”“ได้ ข้าหานจงไม่คยก้ลวสิ่งใด มะไปด้วยกันไปบอกหวางเย่ว่า พระสนมฝากความคิดถึงมาถึงหวางเย่”คว้ามือเยี่ยนฉืออย่างลืมตัวอีกคนก้มมองมือที่หานจงกำไว้แน่นด้วยความรู้สึก
“พอเถอะยิ่งพูดเหมือนข้ายิ่งเลวอย่างไงไม่รู้ ไปเดินเล่นกัน ที่ตำหนักม่านฟ้าดีกว่า”เอ่ยปากชวนยิ้มๆแต่ในใจรู้ดีว่ากำลังเริ่มแผนการตามขั้นตามตอนที่ตกลงกันไว้ใต้เท้าเฉินเจายี่ยิ้ม“เพคะ ฝ่าบาทเสด็จที่นั่น เห็นว่ากำลังสร้างตำหนักใหม่ให้กับสนมคนใหม่”ต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลง “สนมคนใหม่มิน่าล่ะคงดีใจเหมือนได้แก้วกำลังจะได้สนมคนใหม่เร็วๆนี้ ว่าแต่ใครคือสนมคนใหม่แล้วทำไมข้าไม่เคยเห็นหน้านาง”อดสงสัยไม่ได้“สนมคนใหม่หรือเจ้าค่ะ ได้ยินขันทีข้างกายฝ่าบาท ที่ปากไม่มีหูรูดคนนั้น พูดว่าเป็นคุณหนูรองจากบ้าน..เฉิน”ต้าเหนิงขมวดคิ้ว“จะจะจริงหรือ แล้วนางยอมเข้ามาหรือไรยอมถวายตัวหรือไร”“โอ๊ย เจ้าค่ะใครๆเขาก็ยอมกันทั้งนั้นไม่มีใครเหมือนพระสนมหรอกเจ้าค่ะ”“นี่เจ้าบังอาจว่าข้าหรือ”“จริงๆเจ้าค่ะใครๆเขาก็อยากจะเป็นที่โปรดปราน”“เช่นนั้นเจ้ามาเนรมิตข้าที่ให้เป็นที่โปรดปรานบ้างเถอะ”เจ้ายี่ยิ้ม“พระสนมก็งดงามอยู่แล้วเจ้าค่ะ ฝ่าบาทชอบสีชมพูก็ต้องสวมใส่อาภรณ์สีชมพูเจ้าค่ะ”ต้าเหนิงคิดถึงใครบางคนที่ชอบสีอะไรก้ไม่รู้ รู้แต่ว่าต้าเหนิงเข้าใกล้ที่ไรเหมือนผื่นจะขึ้นป่านนี้ยังนับปะคำอยู่ไหมนะบ้านเฉิน ฉินเกอหลงนับปะคำในท
วังหลวงตำหนักม่านฟ้ากัวกั๋วฮ่องเต้นั่งจิบชาที่ริมศาลาไม้ยามบ่าย แรงงานยังคงลงมือสร้างตำหนักใหม่เพื่อสนมคนใหม่ของกัวกั๋ว ใครบ้างจะมีเวลามาสนใจสิ่งรอบข้างยกเว้นกั่วกั๋วฮ่องเต้ร่างบางของต้าเหนิงยืนหันหลังชื่นชมดอกเหมยอยู่ห่างออกไปจากศาลาทำเหมือนว่าไม่เห็นว่ากัวกั๋วอยู่ตรงนั้นพอดีกับที่สายผมพัดผ่านกัวกั๋วฮ่องเต้ หันไปตรงที่ต้าเหนิงยืนอยู่พอเหมาะพอเจาะกัวกั๋วฮ่องเต้อ้าปากค้าง ราวกับโลกกำลังหยุดหมุน“นางคือใคร”กัวกั๋วฮ่องเต้หยุดนิ่งเมื่อต้าเหนิงยืนอยู่ใต้ต้นดอกเหมยสีแดงงดงาม ระรานตาอาภรณ์สีชมพูหวานมวยผมถูกเกล้ารวบเรียบตึง ปล่อยปอยผมระข้างแก้มใสริมฝีปากสีชมพูใส สวยจนคนมองแทบหยุดหายใจ“สนมเอ่ออย่างนั้นหรือนางคือสนมเอ่อนั่นเอง”แววตาระยับด้วยความรู้สึกตื่นเต้นกับภาพงดงามตรงหน้า นางตั้งใจจัดฉากต่อหน้าเขาให้งดงามแหละไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผมหรือแม้แต่การยืนใต้ต้นดอกเหมย นั่นนางก็จงใจให้งดงามและเป็นสีที่เขาชอบ“เพฮะนั่นคือสนมเอ่อ”ขันทีข้างกายประสานมือสอพลอ ไม่เคยเอ่ยคำขัดใจสักครั้ง“นางตั้งใจมายั่วยวนข้าเพราะเห็นว่าข้ากำลังจะรับสนมคนใหม่เข้ามาท่านว่าอย่างนั้นไหมกงกง”ขันทีชรายิ้มประสานมือก้มศ
มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ยาที่พระสนมต้องการนี่คือสุดยอดยาปลุกกำนัดที่ได้ผลดีที่สุด”ต้าเหนิงพยักหน้ายิ้มๆ“รู้ได้อย่างไรเคยลองหรือ”ย้อนถามหมอหลวงกับคำอวดอ้างสรรพคุณ“เอ่อ อย่าบอกใครนะพ่ะย่ะค่ะข้าน้อยเคยลองมาแล้ว ทั้งคือพ่ะย่ะค่ะยานี่ได้ผลดีที่สุดรับรอง ฝ่าบาทจะต้อง โปรดปรานพระสนมเกินใคร”ต้าเหนิงยิ้มบางๆ“ดีมากซื่อสัตย์ยุติธรรมแบบนี้สิถึงเรียกว่าหมอหลวงที่จริงใจ เอ้านี่คือส่วนของท่าน หากได้ผลดีข้าจะจัดสรรเพิ่มเติมให้”วางกระสอบเงินลงตรงหน้า หมอหลวงตาโตเงินทั้งกระสอบ“ไปได้แล้วจำไว้อย่าบอกใครเชียว หากบอกใครไปคราวหลังพวกเหล่าสนมทั้งหลายก็จะถือเอาแบบเดียวกับข้าเพื่อผูกใจฝ่าบาท”“ข้าน้อยน้อมรับคำสั่งพระสนม”ยิ้มอย่างพออกพอใจแล้วหอบกระสอบเงินเดินออกจากตำหนักที่16 ด้วยสีหน้าสมหวังที่สุดเจายี่ถอนหายใจ หนักใจและไม่เข้าใจในเวลาเดียวกันว่าทำไมต้าเหนิงต้องทำอะไรขนาดนี้ด้วยค่ำแล้ว กัวกั๋วฮ่องเต้สาวเท้าอย่างรวดเร็วใบหน้าแย้มแยิ้มขันทีชราข้างกายเร่งฝีเท้าตามไปติดๆใจไปถึงที่ตำหนักสิบหกเสียนานแล้วอยู่ๆก็หยุดชะงักกึก“ข้า ดูดีหรือยังกงกง”ขันทีรีบเดินวนรอบตัวของกัวกั่วฮ่องเต้ องครักษ์ที่ยืนประจำการรีบก้มหน้ามอง
“หวางเย่อย่าทำแบบนั้นพ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์อีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ รีบเตือนสติ“ไปยืนตรงนู้นคอยดูต้นทาง”ฉินเกอหลงสั่งเบาๆองครักษ์นายนั้นรีบเดินไปยืน พิงกำแพงคกหลวงห่างออกไป“ข้าจะพาเจ้าหนี”กระซิบเบาๆ“อย่าทำแบบนี้ ไม่ให้ทำแบบนี้ท่านอ๋องกลับไปเสียต้าเหนิงทำทุกอย่างเพื่อท่านเพื่อที่ว่า เหมยเขียวม้าไม้ไผ่ของท่านกับคุณหนูรองบ้านเฉินจะได้ไม่ต้องคลาดจากกัน”“เจ้ากำลังน้อยใจและเข้าใจผิดเอาชีวิตมาเสี่ยง”“ข้าทำแบบนี้ส่งสัญญาณให้ใต้เท้าเฉินนำกำลังคนเข้ามาชิงบัลลังก์เพื่อท่านอ๋อง”“เจ้าคิดโง่ๆเจ้าคิดว่าเจ้าพอสำหรับมีค่าใต้เท้าเฉินหรือไรมีค่าสพอให้เขาร้อนรนเพราะเจ้าจะถูกประหารหรือ”“ใต้เท้าเฉินสัญญากับต้าเหนิงแบบนั้น”“นี่เจ้ายังไม่เข้ามใจอีกหรือที่เขาวางแผนไว้เพราะใช่เจ้าเป็นเหยี่อและข้าเป็นปลา เขาตั้งใจให้ความเป็นความตายของเจ้าส่งผลให้ข้ามาชิงตัวเจ้าไป”“ต้าเหนิงรับยาพิษชนิดเบามาจากใต้เท้าเฉินสับเปลี่ยนกับยาปลุกกำหนัดของหมอหลวง ตั้งใจแก้แค้นหมอหลวงคนนั้นให้ถูกกัวกั๋วฮ่องเต้ประหารโดยโยนความผิดว่าต้าเหนิงไม่รู้เรื่องยานั้นยานั่นำด้มาจากหมอหลวงที่คิดฆ่าเต้าเหนิงเพราะต้าเหนิงเพิ่งจะฟาดปากหมอหลวงตัวร้ายนั่
ตระกูลเฉิน หานจงวิ่งรนรานมาที่ห้องพักของเยี่ยนฉือ “เยี่ยนฉือ แย่แล้วท่านหมอแย่แล้วตื่นเร็วเข้า”“ทำไม เกิดอะไรขึ้น"สีหน้าตื่นตกใจ"หวางเย่ไม่ได้อยู่ในห้อง”หานจงละล่ำละลักเยี่ยนฉือผุดลุกจกแท่นนอนสะดุดขาตัเองหานจงอ้าปากค้างเมื่อร่างสูงของเยี่ยนฉือล้มทับหานจงเข้าเต็มเปาแต่นั่นไม่เลวร้ายเท่ากับริมฝีปากอุ่นประกบเข้ากับริมฝีปากของหานจงต่างคนต่างนิ่งงัน เนิ่นนาน เยียนฉือบดริมฝีปากกับปากสีแดงสดของหานจงเบาๆหานจงยกมือขึ้นดันอกกว้างของอีกคนทันที"ปลฃ่อยนะ"เยี่ยนฉือกับพลิกร่างเล็กไว้ใต้ร่างของเขาไม่ยอมปล่อยนึกโมโหที่อีกคนออกคำสั่งเสียงเข้มทั้งที่เขาอาวุโสกว่าเจ้าเด็กนี่อีก“อะ ปะปล่อยข้านะ เจ้าวายร้าย” เยียนฉือชี้มือข้าหาตัวเอง สีหน้างงงันจะมากไปแล้วกล้าว่าเขาเลยหรือเห็นจะต้องสั่งสอนกันบ้างก้มลงอีกครั้งแต่ไม่ทันระวังตัวหานจงอาศัยทีเผลอพลิกตัว หลุดออกจากการทาบทับ"เจ้าวายร้ายเยี่ยนฉือคนจ้าเล่ห์นี่กำลังหน้าสิ่วน้าขวาน เจ้าจอมวายร้าย"ยังย้ำคำเดิม"ข้าหรือเจ้าวายร้ายผิดแล้วมันก็แค่อุบัติเหตุ ข้าไม่ได้ตั้งใจด้วยซ้ำ”หานจงขมวดคิ้ว เบ้ปาก“อุบัติเหตุน่ะมันตอนที่ล้มหลังจากนั้นสมองของหมอเทวดาเยียนฉือก็ค
เฉินซือกวานเดินเข้ามาข้างใน“ผิดแล้ว ท่านพ่อ หวางเย่จะไม่มีทางนั่งบัลลังก์หากสิ่งที่หวางเย่ได้มาเพียงเพราะท่านใส่พานให้กับหวางเย่”“พูดเช่นนี้ราวกับจะเป็นศัตรูกัน”“ท่าพ่อได้โปรดไตร่ตรองมบอยาถอนพิษ ลูกจะนำไปให้เอ่อต้าเหนิงหากนางถือประหารในตอนนี้ เกรงว่าหวางเย่จะยิ่งเจ็บปวด คนของลูส่งข่างว่าไทเฮาจะประหารนางด้วยตัวเองหากว่ากัวกั๋วฮ่องเต้ไม่ฟื้น”“เฉินซือกวานเจ้าแซ่เฉินแล้วเหตุใดถึงไม่ยอมเดินตามทางบิดาของเจ้าที่วาดเสียทางไว้เพื่อเจ้า”“เช่นไรจึงเรียปูทาง ทางที่ที่เดินเหยียบย้ำผู้อื่นให้เจ็บปวดและปนไปด้วยคราบน้ำตา ข้าละอายใจในการก้าวเดิน”“ดีพูดได้ดี เช่นนั้น เสี้นทางนี้เก็บไว้ให้อี้เหมยเพียงคนเดียว”สะบัดชายเสื้อจากไปด้วยโทสะ เฉินซือกวานถอนหายใจยาว หากเราพยายามเชื่อว่าสิ่งถูกต้องเราจะพยายามทำให้สิ่งนั้นถูกต้องสำหรับคนอื่นด้วยวังหลวง“ลากตัวนางมาป้ายนี้ฮ่องเต้ยังไม่ฟื้น ข้าจะประหารนางเสียก่อนดวงตะวันจะโผล่พ้นขอบฟ้า”เสียงตวาดดังๆของไทเฮาทำเอาเจายี่หน้าถอดสี“ทำอย่างไรดี”พึมพำเบาๆความกลัวเริ่มเข้าครอบงำกลัวว่าต้าเหนิงจะถูกประหารแล้วจะหานายหญิงดีดีแบบนี้ได้จากที่ไหน”คิดหาทางหนีทีไล่ เมื่ออง
“ส่งข่าวบอกกับเสด็จย่า ข้ายังไม่สะดวกที่จะกลับไปแสวงบุญที่วิหารเทียมฟ้าอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้วเวลานี้ไม่เหมาะสมที่จะโยกย้าย” หานจงถอนหายใจยาว หันหลังก้าวเดิน เสียงลูกดอกแหวกอากาศมาแต่ไกลพุ่งเข้าใส่ฉินเกอหลงที่นั่งนั่งทว่าฉินเกอหลงกลับใช้ประคำในมือตวัดเข้าใส่ดอกให้ตกลงข้างกายหานจงพุ่งตัวตามต้นตอของลูกดอก บุรษที่สวมอาภรณ์พรางตัว พุ่งตัววิ่งลัดเลาะบนกำแพงหนีออกจากวัดไปง่ายดาย“ไม่ต้องตาม”“หวางเย่ แย่แล้วใครกันที่คิดทำร้ายหวางเย่ได้อีกก็ในเมื่อร่างข้อตกลงว่าจะไม่ ทำร้ายและสังหารหวางเย่แล้วนอกจากนั้นหวางเย่ยังมีใครที่คิดจะทำร้ายอีก”ฉินเกอหลง ขมวดคิ้วดกดำ“นั่นสินะ ข้าไร้สามารถที่จะบอกว่าใครเป็นคนที่คิดจะจัดการกับข้า”“หวางเย่ ควรจะคิดเสียใหม่เถิด ใครจะปล่อยให้ศัตรูยังมีชีวิตอยู่เป็นหอกข้างแคร่ไปวันๆ”“นั่นสินะข้าเองที่เข้าใจผิดไปเองว่ายอมถอยแล้วกัวกั๋วฮ่องเต้จะปล่อยข้าไป” หมู่บ้านซูตง“เรีบบร้อยหรือไม่”“ขอรับท่านจ้าวบ้านข้าน้อยแค่ทำให้ฉินเกอหลงรู้ว่ามีคนปองร้าย”“ดีมากจัดการ ต่อไปได้เรื่อยๆ จนกว่าเขาจะยอมเดินทางกลับวังหลวง” เอ่อถูหวังซวนยิ้มมุมปาก“อีกไม่นานอีกไม่นานเท่านั้นฉินเกอหลงจะต้อง
บ้านเฉิน“นางกำนัลที่ชื่อเจายี่”“เจ้าค่ะคุณหนูรอง พูดคุยกับนางแล้วเจ้าค่ะ นางยินดีรับเงินที่คุณหนูรองมอบให้นางและนางยินดีทำตามคำสั่งของคุณหนูรองเจ้าค่ะ”“ดีมากมอบยาให้นางหรือยัง”“เจ้าค่ะ ข้าน้อยสงสัยเจ้าค่ะยานั่นไม่ทำให้ตายทำไมคุณหนูไม่ให้ยาที่ทำให้ตายได้เลยเจ้าคะจะยื้อเวลาไปทำไมกัน พระสนมเอ่อตายได้ก็สาวมาไม่ถึงคุณหนูรองอยู่ดี เพราะท่านเฉินเป็นถึงผู้นำสี่ตระกูลใหญ่”“ข้าตั้งใจให้นางค่อยๆ ป่วยและตายไปในที่สุดกว่าทุกอย่างจะพร้อมให้นางอยู่ในฐานะสนมให้สบายพอท่านอ๋องกลับมานางก็จากไปพอดีช่างน่าสมเพชยิ่งนัก” สาวใช้นิ่งงันคิดไม่ถึงว่าเฉินอี้เหมยจะมีความคิดที่ร้ายกาจเช่นนี้“ส่งยาเข้าไปเรื่อยๆ คงอีกสักพักว่านางจะล้มป่วย”ตำหนักสิบหก“เครื่องเสวยที่ฝ่าบาทประทานมาให้กับพระสนมเอ่อเป็นเครื่องเสวยที่ได้วัตถุดิบจากโพ้นทะเล อีกอย่างอาหารทะเลพวกนี้หายากยิ่งแล้วกว่าจะส่งมาต้องใช้กล่องไม้ที่สั่งทำเป็นพิเศษใส่น้ำทะเลลงไปให้สัตว์น้ำที่ต้องการ นำมาถวายเป้นเครื่องบรรณาการกับฝ่าบาทได้อาศัยและยังต้องให้อาหารเลี้ยงดุจนพวกมันอ้วนท้วนส่งมาถึงนี่เพื่อปรุงเครื่องเสวยที่สดใหม่” ขันทีตัวเค่อเดินยกปูม้าตัวใหญ่สองสาม
“ไม่มีจริงๆ แล้วสินะ ต้าเหนิง ลูกแม่แกเสียใจไหม” คุณปทุมถาม ต้าเหนิงน้ำเสียงเศร้าๆ“ไม่นี่แม่ ไม่ได้รู้สึกอะไรโล่งใจด้วยซ้ำ”“ต้าอย่าทำเป็นฝืนใจเลยต้า แม่ขอโทษ ที่ทำให้..หนูอายคนอื่นเขา”“ไม่ใช่แม่สักหน่อย เป็นคนพวกนั้นต่างหากที่ตั้งใจมาหลอกเราจะว่าไปได้ที่ดินตั้งเกือบร้อยไร่เพื่อต่อทุนทำไมพวกเขาไม่ยอมมาแต่งนะ” ตั้งข้อสังเกตคุณปทุมถอนหายใจยาว“ป๊าส่งคนตามกวนหยงแล้ว แต่จนป่านนี้ยังไม่ได้ข่าว”“ช่างเถอะค่ะใครสนกันไม่แต่งก็ไม่แต่งก็แค่ดูตัวไปเรื่อยๆ จะยากอะไร”คุณปทุมยิ้มเศร้าๆ“แม่กับป๊าไม่น่าบังคับต้าเลย” ต้าเหนิงกอดรอบเอวอวบของคุณปทุม“อย่าคิดมากน่าคุณนายปทุมใครเขาโทษป๊ากับแม่เล่า ดีจะตายไม่ได้แต่งไม่งั้นคืนนี้ไม่ได้หลับได้นอน” คุณปทุมขำกับความทะลึ่งของต้าเหนิง“ดีสิแบบนั้นแม่จะได้มีหลานเร็วๆ”“ไม่อย่างนั้นสิคะ ที่ไม่ได้นอนเพราะเอาแต่คิดรายรับรายจ่ายจนหัวหมุนกว่าจะขาดทุน” คุณปทุมอมยิ้ม“ป๊าแกก็เสียใจป่านนี้คงโทรไปต่อว่าคนพวกนั้น ดึกขนาดนี้ใครจะรับโทรศัพท์ ต้าไปนอนได้แล้วลูกเกือบจะตีหนึ่งแล้ว” ต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลงอย่างว่าง่ายเดินขึ้นไปชั้นบนห้องนอนของต้าเหนิงที่ถูกจัดเป็นห้องหอผ่าน
วันนี้ต้าเหนิงถูกคุณปทุมคุมตัวมานั่งที่ห้องด้านล่างเพื่อใช้สำหรับแต่งตัว ไมไ่ด้จัดงานที่โรงแรมอย่างที่ควรจะเป็นเพียงจัดที่บ้านหลังใหญ่ราคาหลายสิบหลานที่ป๊าของต้าเหนิงเป็นคนสร้างมันขึ้นเองกับมือไม่มีแขกมีแค่ญาติผู้ใหญที่มาคอยดูความสำเร้จของลูกหลาน ตามธรรมเนียมไทยแท้“วาสนาจริงๆ นะคะเนี๊ยะ ดูสิสินสอดตั้ง100ล้านทำบุญด้วยอะไรคะเนี๊ยะ” หนึ่งในญาติผู้ใหญ่ที่แม่บอกต้าเหนิงแต่ความจริงแล้วก้แค่เพื่อนสมัยปฐมของแม่ที่ยังแวะเวียนกินข้าวเล่นไพ่นกกระจอกด้วยกัน ตั้งประเด็นให้คนอื่นพลอยชื่นชมสิ่งที่ต้าเหนิงและคุณปทุมกำลังจะได้รับ“มีลูกสาวสวยก้บแบนี้แหละค่ะ ว่าแต่หนูต้านี่26แล้วใช่ไหมคะทำไมหน้าเด็กๆ แล้วยังสวยกว่าดาราบางคนอีก” เพื่อนอีกคนที่มักจะชอบพูดไปในด้านดีเสียหมดพูดขึ้นบ้างคุณปทุมยิ้มจะได้โอกาสคุยโม้ก็วันนี้แหละ“ยัยต้านะเหรอคะโอ๊ย เขาก็หน้าเด็กแบบนี้แหละค่ะ แต่สมองอะนะเกินตัวคิดอะไรนี่อย่างกับคอมพิวเตอร์ มียัยต้าคนเดียวสบายแปดอย่างนี่เขาเหมือนพ่อเขานะ เดินทางสายอสังหาเหมือนกันเดือนๆ หนึ่งยัยต้าขายบ้านได้เป็นสิบๆ หลังได้เงินมาก็คงไปแต่งสวยเขาแหละแม่กับพ่อไม่เคยขอสักบาทแต่จะว่าไปของแทร่ทั้งนั้น
“ต้องแต่งแล้วหรือคะ ตายแล้วต้ายังไม่ได้บอกเพื่อนๆ เลยเรื่องนี้ ไวไปไหมคะ”จะมีกี่คนกันศัตรูจะมากมากกว่าสินะฮ่าาาาคุณปทุมส่ายหน้าระอาใจ“สมัยนี้เขาก็แต่งกันสายฟ้าแลบแบบนี้แหละ ใครๆเขาก็ทำกัน”“เขาแน่ใจหรือคะ ว่าเขาอยากจะแต่งหนูหน้าก็ยังไม่เคยเป็นกันสักครั้ง” นัดสองครั้งต้าเหนิงก็แกล้งไปไม่ตรง เวลาจนผู้ชายคนนั้นไม่รอใครจะรอเล่าไปสายสองชั่วโมงแต่มาบอกกับคุณปทุมว่า เป็นฝ่ายชายที่ไม่มาให้ต้าเหนิงรอเก้อถึงอย่างนั้นแม่กับพ่อก็ยังไปตกลงให้ต้าเหนิงแต่งกับเขาอีก“อย่างไงก็ต้องแต่ป๊าแกตกลงกับ พ่อกับแม่เขาไว้แล้ว”“แม่ ผู้ชายคนนั้นไม่มาดูตัวต้าเลยนะแม่คิดว่าเขารักลูกแม่จริงหรือ….” คุณ ปทุมถอนหายใจ“ป๊าแกอะ ตอนนี้ยังอยู่กับก๊วนเพื่อนตีกอล์ฟอยู่เมืองจีน เขาบอกว่าผู้ชายเขาเตรียมขันหมากมาแล้วเราแค่จัดสถานที่ไว้รอ เขาไปกินข้าวกับพ่อกับแม่ของผู้ชายตกลงกันแล้วเรียบร้อย ต้าก็แค่ยอมแต่งไปเขามีกิจการใหญ่โต กำลังขยายกิจการมาลงทุนในไทย แล้วต้าอะนะปีนี้26แล้วอยู่นานไปไม่ดีนะคนจีนเขาว่ายิ่งแต่งไวยิ่งสบายไปข้างหน้า แม่จ้างออแกไนท์ไว้แล้วเราแค่จัดสถานที่พรุ่งนี้ขันหมากก็มา”ต้าเหนิงขมวดคิ้วทำมต้องเป็นฝ่ายหญิงที
ภัตตาคารแห่งหนึ่งต้าเหนิงหอบกระเป๋าวิ่งเข้าไปข้างในเลยเวลานัดอีกแล้วจูหรานนั่งอยู่อีกมุมหนึ่งคอยมองผู้หญิงที่ใส่เดสสีขาวสะอาดนั่นก็คือต้าเหนิง“สวยไม่เบา” พูดขึ้นเบาๆกวนหยงหลุบตามองโต๊ะอาหาร สวยสิสวยจนเขาตกตะลึงสวยกว่าจูหรานไม่น้อยเขานิยมผู้หญิงสวยหวานเวลานอนร่วมเตียงยามที่กำลังนัวเนียกัน จะหวานขนาดไหน แต่พูดไปเสียอีกทาง“นัดบ่ายสี่โมง มาหกโมงเย็น ใครจะรอ”“คุณอย่างไรเล่า คุณสือกวนหยงที่นั่งรออยู่ที่นี่แต่ไม่ไปพบ”“การนัดหมายของเราสองคนสิ้นสุดแล้วเขาไม่มาตอนสี่โมงก้เท่ากับไม่มาถ้าผมแสดงตัวว่ารอเขาตั้งสองชั่วโมงเขาก็จะหัวเราะเยาะหาว่าผมอยากแต่งกับเขาจนตัวสั่นสินะ”จูหรานยิ้มบางๆ“ผู้หญิงคนนี้เขาจะสำนึกไหมว่าตัวเองมาสายเลยทำให้ไม่เจอคุณ คุณไม่ออกไปพบเขาหน่อยหรือ”“ความจริงผมก็อยากจะพบเขานะแต่ จะลองนัดไปดูอีกครั้งว่าจะมาสายอีกไหม” จูหรานอมยิ้ม“สวยไหม”“ไม่เท่าไหร่” ลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปชะโงกแต่รีบหันหลังไม่ให้ต้าเหนิงเห็นเพราะต้าเหนิงที่เดินจ้ำกลับมาทางเดิมพร้อมกับคุยโทรศัพท์กับคุณปทุม“ไม่เจอค่ะคุณแม่คนอะไรให้ต้ามารอตั้งนานต้าไม่รอแล้วนะคะกลับบ้านดีกว่าค่ะเสียเวลา” กวนหยงยิ้มมุมปาก
“เป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจจริงๆ เลยครับ”“ผมเคยไปดูตัวมาแล้วผู้หญิงคนนี้เหมาะที่จะเป็นโสดจนตาย” หนุ่มคนหนึ่งพูดนินทาให้หนุ่มคนหนึ่งฟังเรื่องต้าเหนิง“เราพบผู้หญิงคนเดียวกันใช่ไหม”“นั่นใช่นางเลยแหละต้าเหนิงคนนั้นคนที่ ปากจัดเหลี่ยมเยอะ” ต้าเหนิงที่นั่งหันหลังอยู่อีกฝั่งของชายหนุ่มทั้งสองยิ้มมุมปากคุณปทุมส่ายหน้าไปมา“แย่จริง พรุ่งนี้แม่นักคนดูตัวให้อีกคนจากประเทศจีนอีกแล้ว”“ใครคะ”“ญาติห่างๆๆๆๆ กับเรา เขามีธุรกิจเป็นของตัวเองหล่อรวยและโปรไฟล์ดี”“ก็แบบนี้ทุกคน แต่คนนี้ไม่เชิงว่าดูตัวแม่กับพ่อลงความเห็นกันแล้วเราแค่อยากให้พวกลุกได้พบกันความจริงเราทาบทามและหาฤกษ์ดีไว้แล้ว”ต้าเหนิงเลิกคิ้ว ใช้ตะเกียบในมือพันเส้นหมี่ฮกเกี้ยนในจาน“มัดมือชกเลยหรือ”“กินข้าวกันสองสามครั้งแล้วแต่งเลยพรุ่งพบกันที่ร้านเดิมที่แม่เคยนัดหนุ่มๆ ไว้ให้ต้านั่นแหละลูก” ต้าเหนิงถอนหายใจเฉิงตู“ยังโสดครับท่าน ชื่อว่าคุณต้าเหนิงโสดสนิท มีคนมาดูตัวแต่ก็ไม่เคยตกลงกับใคร” ฉินเกอหลงพยักหน้าขึ้นลง “หาทางพามาที่นี่ได้หรือยัง” หานจงถอนหายใจ (หานจงก็มา) “ยังไม่รู้ว่าจะเอาแบบไหนเลยครับผมไม่รู้จะจัดการอย่างไร ถ้าเป็นที่นี่ใครๆ
ต้าเหนิง เดินทอดน่องอยู่บนสถานีรถไฟฟ้า“กริ้งๆๆๆๆ” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นรีบเอาแนบหู“สวัสดีค่ะ” ปลายสายพูดเบาๆ“ใครคะรู้จักเราด้วยหรือคะ”“ไม่รู้จักแค่จะโทรมาด่า อินังสารเลวอิชั่วแย่งผัวชาวบ้านอิหน้าด้าน อิ กระ…” ต้าเหนิงสตั้นแป็บ“นี่มาได้กันแบบนี้เลยหรือฉันไปทำอะไรให้คุณ”“ผัวฉันพูดถึงเธอทุกวัน คอยดูนะแม่จะบุกไปตบให้” ต้าเหนิงถอนหายใจ“ฉันแค่ขายบ้านผัวเธอชื่ออะไรฉันจะได้ไม่ต้องขายบ้านให้เคสนี้ขอผ่าน” เสียงปลายสายบ่นงึมงำ“คุณ กำธร” ต้าเหนิงถอนหายใจยาว“ขอบคุณ รอรับผลกรรมได้เลย” วางสายพร้อมกับยิ้มหยันยี่สิบนาทีต่อมา“เห็นไหมฉันอยู่กับใคร” ต้าเหนิงนอนบนเตียงด้วยชุดนอนบางเบา แกว่งเนกไทในมือไปมาวีดีโอคอลให้สาวคู่กรณีเมื่อครู่ได้เห็น“แกๆๆ นางต้าเหนิงแกเอาผัวฉันไปกกหรือ”“ฮะๆๆๆ ฮ่า ฉันไม่ได้กกเขา แต่เขากกฉันจริงไหมคะคุณกำธร อย่าลืมโอนเงินค่ามักจำบ้านด้วยนะคะเพิ่มอีก6แสน สำหรับเรื่องบนเตียงในวันนี้ของเรา ฮ่าาาา” หันไปทางด้านหลังทำหน้าเหยเกเหมือนกำลังกำลังโดนกระทุ้งด้วยอะไรบางอย่างอยู่ที่บั้นท้าย ปลายสายหน้าถอดสี“กรี๊ดดดดดดดฉันจะฆ่าแก แกนังต้าเหนิงฉันจะฆ่าแก” ต้าเหนิงกดวางสาย ยิ้มมุมปากเ
วิหารเทียมฟ้า“ไทฮองไทเฮาเพคะ มีคนผู้หนึ่งอยากจะไทฮองไทเฮาเพคะ”ร่างท้วมหยุดชะงักเงยหน้าขึ้นมองรูปสลักองค์พระประติมาที่แกะสลักจากหยกขาวสูงตระหง่านในวิหารเทียมฟ้า“เชิญเขาเข้ามาได้” ร่างสูงสวมหมวกปิดบังใบหน้า หนวดสีเทายาวลงมาที่กลางอกเดินเข้ามายืนตรงหน้าไทฮองไทเฮาที่หน้าถอดสี“ท่านผู้นี้ ท่านยังไม่ตายหรอกหรือ” เอ่อถูหวังชวนเงยหน้าขึ้นยิ้มน้อยๆ“ซีโหยว ท่านยังความทรงจำเกี่ยวกับข้าอีกหรือ”“ความทรงจำมากมายด้วยเรื่องของเราสามคน” ไทฮองไทเฮาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นน้อยๆ“ฮะฮะฮ่าาาา ข้ามาดีไม่ได้มาทวงความแค้นอะไรกับท่านหรอกแค่อยากจะบอกเรื่องที่เคยตกลงกันไว้”“เรื่องคนของตระกูลเอ่ออย่างนั้นหรือ ไท่ซางหวงพยายามตลอดมาที่จะให้คนในตระกูลเอ่ออยู่สบายแต่พอสิ้นไท่ซางหวง” ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปถึงจะบอกว่าพยายามก็ไม่อาจบังคับกะเกณฑ์ใครได้ ตอนนี้จึงได้ภาวนาให้นางรอดพ้นวิกฤติ” หมายถึงอะไรยังมีเหลือคนของตระกูลเอ่ออยู่อีกหรือไร”“ท่านไม่ได้มาเพราะเรื่องนี้หรือ ข้าไม่อาจห้ามปรามนางได้นางเข้าวังไปอาศัยบารมีของไทเฮา นางช่างเดียงสานักไม่รู้หรือไรว่ากำลังขี่หลังเสืออยู่ เดิมข้าคิดแค่เพียงว่านางเข้าไปเพื่อพบ…ฉินเกอห