“คุณชายใหญ่ลี่? คุณชายใหญ่ลี่คนไหน?”ฉินหมิงชะงัก เท้าที่ยกขึ้นสูงของเขาหยุด ณ กลางอากาศแต่ก็ไม่ได้วางมันลงไป“ในเมืองเจียงเฉิงของเรายังจะมีคุณชายใหญ่ลี่คนไหนอีก? ย่อมเป็นลี่หย่งเจี๋ยลูกชายของราชาแดนเหนืออยู่แล้ว!”เอ้าเฟิงรีบยกลี่หย่งเจี๋ยขึ้นมาเขารู้ว่าตระกูลลี่เป็นหนึ่งในหกกองกำลังชั้นนำของเมืองเจียงเฉิง และเขาก็รู้ด้วยว่าลี่หย่งเจี๋ยเป็นคุณชายใหญ่สายตรงของตระกูลลี่ถึงแม้ว่ากังฟูของฉินหมิงจะทรงพลังมากแล้วอย่างไร มียอดฝีมือมากมายในตระกูลลี่กระทั่งยังมีปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งอีกนับไม่ถ้วน!ด้วยมีลี่หย่งเจี๋ยคอยหนุนหลังเขาอยู่ ไม่ว่าทักษะการต่อสู้ของฉินหมิงจะสูงส่งแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถต่อกรกับตระกูลลี่ได้!"ที่แท้ก็เป็นเขา!"ฉินหมิงรู้สึกประหลาดใจมาก จากนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้เขาเคยจัดการกับลี่หย่งเจี๋ยมาแล้วหลายครั้ง ลี่หย่งเจี๋ยก็ไม่เคยได้เปรียบเมื่อตกมาอยู่ในมือของเขาสักครั้งตอนนี้เอ้าเฟิงต้องการใช้ลี่หย่งเจี๋ยเพื่อกดศีรษะเขา นี่ไม่ใช่เรื่องตลกหรอกเหรอ!อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาลองคิดในอีกทางหนึ่ง จู่ ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติครั้งนี้เอ้าเฟิงมาเป็นตัวแทนของหลินห
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอ้าเฟิง เขารู้ว่าฉินหมิงเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีอำนาจซึ่งมีสถานะแย่กว่าลี่หย่งเจี๋ยเป็นพันเป็นหมื่นเท่าถ้าฉินหมิงใช้กำลังเข้าขัดขวางการเข้าซื้อกิจการกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ปของลี่หย่งเจี๋ย เขาและประธานหลิวย่อมไม่สามารถทำอะไรกับฉินหมิงได้อย่างแน่นอนแต่ตอนนี้ฉินหมิงกำลังรนหาที่ตายเอง เขาถึงกับต้องการเผชิญหน้ากับลี่หย่งเจี๋ยแบบตัวต่อตัว!ด้วยสถานะและอำนาจอันสูงส่งของลี่หย่งเจี๋ย การฆ่าฉินหมิงก็เป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ!เอ้าเฟิงรู้สึกตื่นเต้นมาก ชั่วขณะหนึ่งเขาเริ่มแอบจินตนาการว่าเมื่อลี่หย่งเจี๋ยมาถึงด้วยตนเองในภายหลัง เขาจะทำให้ฉินหมิงมีชีวิตอยู่มิสู้ตาย ไม่อย่างนั้นคงยากที่จะขจัดความเกลียดชังในใจของเขาไปได้!ตรงกันข้ามกับความสุขของเอ้าเฟิงและคนอื่น ๆ อารมณ์ของหานซีจมดิ่งลงสู่จุดต่ำสุด“ฉินหมิง คุณบ้าไปแล้วเหรอ?”“ตระกูลลี่เป็นหนึ่งในหกกองกำลังชั้นนำของเมืองเจียงเฉิงของเรา ถ้าคุณปล่อยให้พวกเขาเรียกลี่หย่งเจี๋ยมาที่นี่ นี่ไม่เท่ากับการแสวงหาหาความตายหรอกเหรอ?”หานซีดึงแขนของฉินหมิงอย่างรวดเร็ว สีหน้าดูกังวลเธอรู้เกี่ยวกับภูมิหลังของฉินหมิงเป็นอย่างดี
หานซีทอดถอนใจด้วยความรู้สึกของเธอที่มีต่อฉินหมิง เธอย่อมไม่สามารถทิ้งฉินหมิงไว้เพียงคนเดียวได้ ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอยู่ต่อและรับผลที่จะตามมาร่วมกับฉินหมิง“วางใจเถอะครับ ผมบอกแล้วว่าไม่เป็นไร มันก็จะไม่เป็นไร...”ฉินหมิงยิ้มและไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม......ราวยี่สิบนาทีต่อมา เสียงฝีเท้าอันรวดเร็วก็ดังขึ้นปัง!สิ้นเสียงดังลั่น ประตูของห้องส่วนตัวก็ถูกเปิดออก ลี่หย่งเจี๋ยก้าวเข้ามาจากด้านนอกด้วยใบหน้าที่มืดมนโดยมีบอดี้การ์ดที่ทรงพลังหลายคนตามอยู่ข้างหลังเขา“นายน้อยลี่ คุณมาแล้ว!”เอ้าเฟิงและคนอื่น ๆ มีความสุขมาก พวกเขาคลานพื้นไปหยุดต่อหน้าลี่หย่งเจี๋ยราวกับว่าพวกเขาได้เห็นผู้ช่วยให้รอดชีวิต“ใครกล้ามาทำลายเรื่องดี ๆ ของตระกูลลี่ของเรา? เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วเหรอ!”ลี่หย่งเจี๋ยตะโกนด้วยความโกรธ ออร่าอาฆาตพยาบาทพวยพุ่งออกมาจากร่างของเขา“นายน้อยลี่ เป็นไอ้หนูคนนี้แหละครับ!”เอ้าเฟิงและประธานหลิวชี้ไปที่ฉินหมิง ใบหน้าของทั้งสองคนเต็มไปด้วยความเคียดแค้นลี่หย่งเจี๋ยมองตามทิศทางที่พวกเอ้าเฟิงทั้งสองคนชี้ไป คนแรกที่เขาเห็นก็คือหานซีที่สวยมาก จากนั้
“ผมเคยบอกคุณไปก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่เหรอว่า เมื่อไม่นานมานี้ผมได้ร่วมก่อตั้งบริษัทกับคนอื่นและบริษัทนี้ก็ชื่อหมิงเหยากรุ๊ป…”ฉินหมิงอธิบายด้วยรอยยิ้ม“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!”หานซีตระหนักได้ในทันใดก่อนหน้านี้ฉินหมิงเคยพูดเรื่องนี้กับเธอจริง ๆ แต่เธอคิดว่าหมิงเหยากรุ๊ปเป็นบริษัทเล็ก ๆ ที่เพิ่งเริ่มต้น ดังนั้นเธอจึงไม่เก็บมาใส่ใจแต่ตอนนี้ด้วยสถานะที่สูงส่งของลี่หย่งเจี๋ย เขาถึงกับสามารถเรียกชื่อหมิงเหยากรุ๊ปได้ เธอจึงอดสงสัยไม่ได้จริง ๆ ว่าหมิงเหยากรุ๊ปมีชื่อเสียงมากใช่หรือไม่?แต่ว่าทำไมเธอถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย?แน่นอนว่าไม่เพียงแค่เธอเท่านั้น แม้แต่เอ้าเฟิงและประธานหลิวเองก็คิดเช่นเดียวกัน ทั้งคู่ไม่เคยได้ยินชื่อหมิงเหยากรุ๊ปมาก่อน พวกเขาจึงคิดว่าหมิงเหยากรุ๊ปเป็นเพียงบริษัทเล็ก ๆ ที่ไม่มีนัยสำคัญ!“ที่แท้เขาก็คือประธานบริษัทของหมิงเหยากรุ๊ป?”แตกต่างจากปฏิกิริยาของหานซี เอ้าเฟิงและประธานหลิว พี่สี่และเหล่าอู่มีสีหน้าตกตะลึงมากพี่สี่และเหล่าอู่ทั้งสองคนล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ เกี่ยวกับชื่อเสียงของหมิงเหยากรุ๊ปนั้นทั้งสองคนได้ยินผ่านหูมานานแล้ว อย่างไรก็ตามเป็นเพราะเมื่อสักครู
เธอไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าฉินหมิงคนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ไร้พลัง จู่ ๆ กลับกลายเป็นอันดับที่หนึ่งในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของเมืองเจียงเฉิงไปได้อย่างไร?นี่มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!“ซีซี นี่เป็นแค่คำยกย่องอย่างไม่เป็นทางการของกองกำลังของตระกูลใหญ่ ไม่ควรถือเป็นจริงจัง…”ฉินหมิงหัวเราะแห้ง ๆ เขาเกาศีรษะอย่างเขินอายเล็กน้อยแต่ไหนแต่ไรมาเขาก็เป็นคนถ่อมตัว การที่กองกำลังของตระกูลใหญ่ยกย่องฉินหมิงว่าเป็นอันดับที่หนึ่งในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของเมืองเจียงเฉิง ชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้เขารับไว้ไม่ไหวหรอก!“นี่...”หานซี เอ้าเฟิงและประธานหลิวทั้งสามคนตกตะลึงไปโดยสมบูรณ์แล้ว!แม้ว่าท่าทางของฉินหมิงจะถ่อมตัวมากและเขาก็ไม่กล้ารับชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แต่นี่ก็แสดงให้เห็นทางอ้อมเช่นกันว่าที่กองกำลังของตระกูลใหญ่ยกย่องฉินหมิงว่าเป็นอันดับที่หนึ่งในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของเมืองเจียงเฉิงเป็นเรื่องจริง!นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดในเมืองเจียงเฉิงแห่งนี้มีคุณชายสายตรงจากตระกูลที่ร่ำรวยและทรงอำนาจมากมายนับไม่ถ้วน ในบรรดาพวกเขาเหล่านั้น ซูห่าวและเค่ออั๋งและอีกไม่กี่คนนับเป็นคนที่โดดเด่นที่สุด พวกเขาพร้อมไปด้วยภูม
ลี่หย่งเจี๋ยพูดด้วยสีหน้าอิจฉานับตั้งแต่ที่พ่อของเขาไปสู่ขอที่ตระกูลหลิน เขาก็ถูกหลินหว่านชิงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เขาเดาว่าหลินหว่านชิงเองก็ยังคงรักฉินหมิงอยู่ แต่เนื่องจากฉินหมิงและซูซินเหยาคบหากันแล้ว หลินหว่านชิงจึงต้องยอมแพ้!หลินหว่านชิงและซูซินเหยาต่างก็เป็นหนึ่งในสี่สาวงามแห่งเมืองเจียงเฉิง หนึ่งในนั้นคนหนึ่งอยู่ในอันดับที่หนึ่งและอีกคนอยู่ในอันดับที่สอง ผู้หญิงทั้งสองคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนไหนก็ล้วนแต่เป็นเทพธิดาที่อยู่ในใจของลูกหลานตระกูลชั้นสูงของเมืองเจียงเฉิง!จุดนี้ไม่มีใครเป็นข้อยกเว้น เพราะเขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ใฝ่ฝันถึงพวกเธอ แต่ผู้หญิงทั้งสองคนนี้ล้วนดูถูกเขา!แต่ฉินหมิงกลับโชคดีได้รับความโปรดปรานจากผู้หญิงทั้งสองคน หลินหว่านชิงและซูซินเหยา คนหนึ่งคือแฟนเก่า และอีกคนคือแฟนคนปัจจุบันของฉินหมิง!ใครก็ยากที่จะจินตนาการถึงความรู้สึกขมขื่นในใจของเขาได้!“ฉินหมิงคนนี้ถึงกับเป็นแฟนของซูซินเหยาจริงเหรอ ๆ? และก็เป็นลูกเขยในอนาคตของตระกูลซูด้วย?”เอ้าเฟิงและประธานหลิวโง่งมไปหมดแล้วเมื่อสักครู่นี้พวกเขาทั้งสองคนได้รู้จากปากของพี่สี่แล้วว่าหมิงเหยากรุ๊ปมีความเกี่ยวข้องกับ
ไม่เพียงแต่ลี่หย่งเจี๋ยเท่านั้น เอ้าเฟิงและประธานหลิวเองก็คลับคล้ายกับจะสังเกตเห็นถึงสีหน้าที่เปลี่ยนไปของฉินหมิง ดูเหมือนตอนนี้เขากำลังเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำพวกเขาทั้งสองคนอดไม่ได้ที่จะลอบยินดีในใจ อันดับที่หนึ่งในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของเมืองเจียงเฉิงสุนัขอะไร ดูเหมือนว่ายังคงเป็นนายน้อยลี่ที่เหนือกว่ามาก!“ฉินหมิง ถ้ายังไงพวกเราลืมมันไปซะเถอะ?"“ตระกูลลี่ไม่ใช่อะไรที่เราจะไปล้อเล่นดัวยได้ ในเมื่อพวกเขาอยากซื้อกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ป ก็ให้พวกเขาซื้อไปเถอะ"หานซีรีบเกลี้ยกล่อมเธอมองออกว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยต่อฉินหมิง คนอยู่ใต้ชายคาบ้านของผู้อื่นไม่อาจไม่ก้มหัว ฉินหมิงพยายามในเรื่องนี้อย่างเต็มที่แล้ว เธอไม่ต้องการให้ฉินหมิงต่อสู้กับลี่หย่งเจี๋ยเพื่อรักษากลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ปไว้ถึงตอนนั้นด้วยความแข็งแกร่งและรากฐานของตระกูลลี่ ฉินหมิงจะโชคร้ายอย่างแน่นอน!นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่เธออยากเห็น!“ไม่ เราปล่อยมันไปไม่ได้!”“อย่างที่ผมบอกไปเมื่อสักครู่นี้ ผมไม่มีวันปล่อยให้กลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ปตกไปอยู่ในมือของคนอื่น!”ฉินหมิงส่ายหัวและพูดด้วยท่าทางที่มุ่งมั่นมาก“ช่
ต่อให้พวกเขาทั้งสองคนจะโง่แค่ไหน พวกเขาก็มองออกว่าในครั้งนี้ฉินหมิงต้องตายแน่แล้ว!"ฉินหมิง สวรรค์มีทางนายไม่เดิน ประตูนรกไร้ทางกลับบุกจะเข้ามาให้ได้!"“เมื่อก่อนนายตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉันหลายต่อหลายครั้ง แต่ฉันไม่เคยพบโอกาสเหมาะสมที่จะจัดการกับนาย!”“ตอนนี้ดีแล้ว นายส่งตัวเองมาถึงหน้าประตูจริง ๆ ดังนั้นเราสองคนมาชำระแค้นเก่าและแค้นใหม่ไปพร้อมกันเลยเถอะ!”ลี่หย่งเจี๋ยพูดพร้อมกับรอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้า“ชำระแค้นเหรอ?”“อาศัยนายเนี่ยนะ? นายยังไม่มีคุณสมบัตินั้นหรอก!”ฉินหมิงยิ้มอย่างเหยียดหยามและมองไปที่ลี่หย่งเจี๋ยด้วยสายตาดูถูกหลังจากกลืนยามังกรซ่อนลงไปแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจนถึงขั้นสูงสุดระดับปรมาจารย์ อยู่ห่างจากระดับครึ่งก้าวราชาสงครามเพียงเส้นบาง ๆ เท่านั้นไม่ต้องพูดถึงยอดฝีมือขั้นสูงระดับปรมาจารย์สองคน ต่อให้อีกฝ่ายเป็นยอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับปรมาจารย์ทั้งสองคนก็ไม่แน่ว่าจะสามารถทำอะไรเขาได้!“ความตายมาเยือนแล้วยังกล้าปากดี!”“ฟางโหว เซี่ยไท่ พวกแกสองคนไปหักขาของมันแทนฉัน จากนั้นลากตัวมาคุกเข่าต่อหน้าฉัน!”“ฉันอยากจะเห็นนักว่าเป็นปากของมันที่แข็งกว่