“ไอ้หนู ฉันขอเตือนแก ส่งสัญญามานี่เดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าเสียมารยาทกับแกนะ!”ปรธานหลิวโกรธมากตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน“คุณจะเสียมารยาทกับผมเหรอ?”“ผมอยากจะเห็นว่าคุณจะทำอะไรที่เป็นการเสียมารยาทกับผมได้!”ฉินหมิงหัวเราะและมองดูประธานหลิวด้วยความดูถูก“ไอ้หนู แกวอนหาเรื่องเองนะ ในเมื่อแกอยากตาย ฉันจะช่วยเอง!”ประธานหลิวหงุดหงิด เขาหันกลับมาและสั่งบอดี้การ์ดทั้งสอง "แกสองคนสั่งสอนไอ้หนูนี่ให้ฉัน หักมือสกปรกทั้งสองข้างของมัน แล้วเอาสัญญาคืนมา!"“ครับ”บอดี้การ์ดทั้งสองตอบรับและเดินก้าวมาเมื่อเห็นฉากนี้เอ้าเฟิงก็โซเซขึ้นมาจากพื้นดิน จากนั้นเขาก็นึกถึงการแสดงฝีมือของฉินหมิงในบริษัทและรีบเตือนเขาว่า "ประธานหลิว ไอ้หนูนี่ดูเหมือนจะรู้จักกังฟูบ้าง เขาสามารถต่อสู้กับบอดี้การ์ดหลายคนได้ด้วยตัวเอง คุณบอกบอดี้การ์ดสองคนของคุณให้ระวังด้วย...”“ไม่เป็นไร แค่นี้ไม่มีอะไรหรอก!”“รองประธานเอ้า ไม่ต้องกังวล บอดี้การ์ดทั้งสองนี้เป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ที่นคุณชายใหญ่ส่งมาให้ฉันเป็นพิเศษ ไม่ว่าไอ้หนูนี่จะแข็งแกร่งแค่ไหน เขาก็ไม่มีวันเทียบได้กับบอดี้การ์ดสองคนนี้!”ประธานหลิวยิ้มอย่างเย็น
พวกเขาทั้งสองคนใช้หัวแม่เท้าคิดก็สามารถเดาได้ว่าฉินหมิงไม่มีทางเอาชนะเหล่าอู่ได้!ตู้ม!ภายใต้การจ้องมองของเอ้าเฟิงและคนอื่น ๆ นิ้วของฉินหมิงก็ปะทะเข้ากับการโจมตีของเหล่าอู่แกร๊ก!เสียงกระดูกแตกที่ชัดเจนดังส่งมา ฉินหมิงใช้นิ้วเดียวของเขาหักนิ้วมือของเหล่าอู่ พลังวิญญาณที่อยู่บนปลายนิ้วฉีกกระชากพลังปราณแท้จริงของเหล่าอู่ออกจากกัน จากนั้นพลังที่เหลืออยู่ก็กระแทกไปที่หน้าอกของเหล่าอู่อย่างแรง"อ๊ากกก..."เหล่าอู่กรีดร้องโหยหวน ร่างใหญ่ของเขาปลิวไปชนกับกำแพงด้านหลังแล้วร่วงลงกับพื้นเต็มแรง“นี่...เป็นไปได้ยังไง!”เมื่อเห็นฉากนี้เอ้าเฟิงและอีกสามคนก็ตกตะลึง พวกเขาทั้งหมดมองไปที่ฉินหมิงด้วยความไม่เชื่อพวกเขาทั้งสามคนไม่เคยคิดฝันเลยว่านิ้วที่ช้าและอ่อนแอของฉินหมิงจะทำให้นิ้วของเหล่าอู่หักได้จริง ๆ แถมยังทำร้ายเหล่าอู่จนบาดเจ็บถึงเพียงนี้ด้วยการขยับตัวเพียงครั้งเดียว!ถ้าพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง พวกเขาคงไม่เชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง!โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่สี่ เขารู้ดีว่าระดับการบ่มเพาะของเหล่าอู่นั้นไม่ธรรมดา และเขาก็รู้ดีเช่นกันว่าฉินหมิงไม่มีความผันผวนของพลังปราณแท้จริงกระจายออก
ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนได้เห็นความแข็งแกร่งของฉินหมิงแล้ว ในใจจึงยังคงหวาดผวาอยู่ พวกเขากังวลมากว่าพี่สี่จะเดินตามรอยเท้าของเหล่าอู่!"พวกคุณวางใจเถอะ เมื่อสักครู่นี้เป็นเพราะฉันประมาทและประเมินศัตรูต่ำเกินไป ถึงได้พ่ายแพ้ให้กับไอ้หนูนั่น!"“ระดับการบ่มเพาะของพี่สี่นั้นเหนือกว่าของฉันมาก คิดที่จะฆ่าไอ้หนูนั่นย่อมเป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ!”เหล่าอู่พูดอย่างมั่นใจ“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว"เอ้าเฟิงและประธานหลิวลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดหัวใจที่ค้างเติ่งอยู่ก็สามารถวางลงได้พวกเขาทั้งสองคนล้วนเป็นคนธรรมดา ย่อมรู้เรื่องเกี่ยวกับผู้ฝึกยุทธไม่มากนักอย่างไรก็ตาม เหล่าอู่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ในเมื่อเหล่าอู่พูดว่าพี่สี่จะชนะอย่างแน่นอน ถ้าอย่างนั้นย่อมไม่ผิดไปจากนี้!ชั่วครู่หนึ่ง ทั้งคู่ก็ถูกความมั่นใจอันท่วมท้นของเหล่าอู่ส่งผลกระทบ ความหวังริบหรี่ถูกจุดประกายขึ้นในดวงตาของพวกเขาอีกครั้ง!ฉินหมิงไม่สนใจเอ้าเฟิงและคนอื่น ๆ เขาหันไปมองพี่สี่และพูดด้วยเสียงเบา “ทำไม นายก็จะออกมาตายด้วยเหรอ?”“ไอ้หนู อย่าหยิ่งผยองมากเกินไปนัก!”“อย่าคิดว่าตัวเองเป็นปรมาจารย์กังฟูสายนอกเทียบเท่ากั
ใครก็ยากที่จะจินตนาการถึงความตกใจในใจของพวกเขาได้!ชั่วครู่หนึ่ง สถานที่แห่งนี้ทั้งหมดพลันเงียบกริบ!“ฉินหมิง คุณ...คุณสุดยอดมาก!”หานซีตอบสนองกลับมาเป็นคนแรก ใบหน้าที่สวยงามของเธอแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น ดวงตาที่สวยงามของเธอเองก็เปล่งประกายระยิบระยับเธอเคยเห็นฉินหมิงต่อสู้กับคนอื่นมาแล้วหลายครั้ง แต่เธอไม่เคยเห็นฉินหมิงใช้กังฟูที่ทรงพลังขนาดนี้มาก่อนที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เธอชื่นชอบผู้ชายประเภทที่แข็งแกร่งมาโดยตลอด ฉินหมิงปกป้องเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ช่วยกำบังลมและฝนให้กับเธอ ดังนั้นหัวใจของเธอจึงหวั่นไหวเพราะเขามานานแล้วเธอรับรู้ได้เลยว่าความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อฉินหมิงนั้นดูเหมือนจะลึกซึ้งยิ่งขึ้นทุกที กระทั่งไม่อาจถอนตัวได้อีกต่อไป!"นี่...นี่มันบ้าบออะไรกัน?"ตรงกันข้ามกับความสุขของหานซี เอ้าเฟิงและประธานหลิวหน้าซีด ขาของพวกเขาอ่อนแรงด้วยความกลัว!กังฟูที่ยอดเยี่ยมของฉินหมิงทำให้ทั้งคู่ตกตะลึงอย่างมาก!โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอ้าเฟิง เขากลัวจนเกือบจะฉี่ราดแล้ว!ก่อนที่ฉินหมิงจะออกจากกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ป เขาเคยสร้างปัญหาให้กับฉินหมิงหลายครั้ง ด้วยทักษะที่น่ากลัวของฉินหม
“คุณชายใหญ่ลี่? คุณชายใหญ่ลี่คนไหน?”ฉินหมิงชะงัก เท้าที่ยกขึ้นสูงของเขาหยุด ณ กลางอากาศแต่ก็ไม่ได้วางมันลงไป“ในเมืองเจียงเฉิงของเรายังจะมีคุณชายใหญ่ลี่คนไหนอีก? ย่อมเป็นลี่หย่งเจี๋ยลูกชายของราชาแดนเหนืออยู่แล้ว!”เอ้าเฟิงรีบยกลี่หย่งเจี๋ยขึ้นมาเขารู้ว่าตระกูลลี่เป็นหนึ่งในหกกองกำลังชั้นนำของเมืองเจียงเฉิง และเขาก็รู้ด้วยว่าลี่หย่งเจี๋ยเป็นคุณชายใหญ่สายตรงของตระกูลลี่ถึงแม้ว่ากังฟูของฉินหมิงจะทรงพลังมากแล้วอย่างไร มียอดฝีมือมากมายในตระกูลลี่กระทั่งยังมีปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งอีกนับไม่ถ้วน!ด้วยมีลี่หย่งเจี๋ยคอยหนุนหลังเขาอยู่ ไม่ว่าทักษะการต่อสู้ของฉินหมิงจะสูงส่งแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถต่อกรกับตระกูลลี่ได้!"ที่แท้ก็เป็นเขา!"ฉินหมิงรู้สึกประหลาดใจมาก จากนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้เขาเคยจัดการกับลี่หย่งเจี๋ยมาแล้วหลายครั้ง ลี่หย่งเจี๋ยก็ไม่เคยได้เปรียบเมื่อตกมาอยู่ในมือของเขาสักครั้งตอนนี้เอ้าเฟิงต้องการใช้ลี่หย่งเจี๋ยเพื่อกดศีรษะเขา นี่ไม่ใช่เรื่องตลกหรอกเหรอ!อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาลองคิดในอีกทางหนึ่ง จู่ ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติครั้งนี้เอ้าเฟิงมาเป็นตัวแทนของหลินห
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอ้าเฟิง เขารู้ว่าฉินหมิงเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีอำนาจซึ่งมีสถานะแย่กว่าลี่หย่งเจี๋ยเป็นพันเป็นหมื่นเท่าถ้าฉินหมิงใช้กำลังเข้าขัดขวางการเข้าซื้อกิจการกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ปของลี่หย่งเจี๋ย เขาและประธานหลิวย่อมไม่สามารถทำอะไรกับฉินหมิงได้อย่างแน่นอนแต่ตอนนี้ฉินหมิงกำลังรนหาที่ตายเอง เขาถึงกับต้องการเผชิญหน้ากับลี่หย่งเจี๋ยแบบตัวต่อตัว!ด้วยสถานะและอำนาจอันสูงส่งของลี่หย่งเจี๋ย การฆ่าฉินหมิงก็เป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ!เอ้าเฟิงรู้สึกตื่นเต้นมาก ชั่วขณะหนึ่งเขาเริ่มแอบจินตนาการว่าเมื่อลี่หย่งเจี๋ยมาถึงด้วยตนเองในภายหลัง เขาจะทำให้ฉินหมิงมีชีวิตอยู่มิสู้ตาย ไม่อย่างนั้นคงยากที่จะขจัดความเกลียดชังในใจของเขาไปได้!ตรงกันข้ามกับความสุขของเอ้าเฟิงและคนอื่น ๆ อารมณ์ของหานซีจมดิ่งลงสู่จุดต่ำสุด“ฉินหมิง คุณบ้าไปแล้วเหรอ?”“ตระกูลลี่เป็นหนึ่งในหกกองกำลังชั้นนำของเมืองเจียงเฉิงของเรา ถ้าคุณปล่อยให้พวกเขาเรียกลี่หย่งเจี๋ยมาที่นี่ นี่ไม่เท่ากับการแสวงหาหาความตายหรอกเหรอ?”หานซีดึงแขนของฉินหมิงอย่างรวดเร็ว สีหน้าดูกังวลเธอรู้เกี่ยวกับภูมิหลังของฉินหมิงเป็นอย่างดี
หานซีทอดถอนใจด้วยความรู้สึกของเธอที่มีต่อฉินหมิง เธอย่อมไม่สามารถทิ้งฉินหมิงไว้เพียงคนเดียวได้ ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอยู่ต่อและรับผลที่จะตามมาร่วมกับฉินหมิง“วางใจเถอะครับ ผมบอกแล้วว่าไม่เป็นไร มันก็จะไม่เป็นไร...”ฉินหมิงยิ้มและไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม......ราวยี่สิบนาทีต่อมา เสียงฝีเท้าอันรวดเร็วก็ดังขึ้นปัง!สิ้นเสียงดังลั่น ประตูของห้องส่วนตัวก็ถูกเปิดออก ลี่หย่งเจี๋ยก้าวเข้ามาจากด้านนอกด้วยใบหน้าที่มืดมนโดยมีบอดี้การ์ดที่ทรงพลังหลายคนตามอยู่ข้างหลังเขา“นายน้อยลี่ คุณมาแล้ว!”เอ้าเฟิงและคนอื่น ๆ มีความสุขมาก พวกเขาคลานพื้นไปหยุดต่อหน้าลี่หย่งเจี๋ยราวกับว่าพวกเขาได้เห็นผู้ช่วยให้รอดชีวิต“ใครกล้ามาทำลายเรื่องดี ๆ ของตระกูลลี่ของเรา? เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วเหรอ!”ลี่หย่งเจี๋ยตะโกนด้วยความโกรธ ออร่าอาฆาตพยาบาทพวยพุ่งออกมาจากร่างของเขา“นายน้อยลี่ เป็นไอ้หนูคนนี้แหละครับ!”เอ้าเฟิงและประธานหลิวชี้ไปที่ฉินหมิง ใบหน้าของทั้งสองคนเต็มไปด้วยความเคียดแค้นลี่หย่งเจี๋ยมองตามทิศทางที่พวกเอ้าเฟิงทั้งสองคนชี้ไป คนแรกที่เขาเห็นก็คือหานซีที่สวยมาก จากนั้
“ผมเคยบอกคุณไปก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่เหรอว่า เมื่อไม่นานมานี้ผมได้ร่วมก่อตั้งบริษัทกับคนอื่นและบริษัทนี้ก็ชื่อหมิงเหยากรุ๊ป…”ฉินหมิงอธิบายด้วยรอยยิ้ม“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!”หานซีตระหนักได้ในทันใดก่อนหน้านี้ฉินหมิงเคยพูดเรื่องนี้กับเธอจริง ๆ แต่เธอคิดว่าหมิงเหยากรุ๊ปเป็นบริษัทเล็ก ๆ ที่เพิ่งเริ่มต้น ดังนั้นเธอจึงไม่เก็บมาใส่ใจแต่ตอนนี้ด้วยสถานะที่สูงส่งของลี่หย่งเจี๋ย เขาถึงกับสามารถเรียกชื่อหมิงเหยากรุ๊ปได้ เธอจึงอดสงสัยไม่ได้จริง ๆ ว่าหมิงเหยากรุ๊ปมีชื่อเสียงมากใช่หรือไม่?แต่ว่าทำไมเธอถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย?แน่นอนว่าไม่เพียงแค่เธอเท่านั้น แม้แต่เอ้าเฟิงและประธานหลิวเองก็คิดเช่นเดียวกัน ทั้งคู่ไม่เคยได้ยินชื่อหมิงเหยากรุ๊ปมาก่อน พวกเขาจึงคิดว่าหมิงเหยากรุ๊ปเป็นเพียงบริษัทเล็ก ๆ ที่ไม่มีนัยสำคัญ!“ที่แท้เขาก็คือประธานบริษัทของหมิงเหยากรุ๊ป?”แตกต่างจากปฏิกิริยาของหานซี เอ้าเฟิงและประธานหลิว พี่สี่และเหล่าอู่มีสีหน้าตกตะลึงมากพี่สี่และเหล่าอู่ทั้งสองคนล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ เกี่ยวกับชื่อเสียงของหมิงเหยากรุ๊ปนั้นทั้งสองคนได้ยินผ่านหูมานานแล้ว อย่างไรก็ตามเป็นเพราะเมื่อสักครู