ฉินหมิงโกรธจัดจนหัวเราะออกมาแม้ว่าเขาไม่อยากจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลโอวโดยไม่มีเหตุผล แต่ถ้าโอวเย่าเฟิงรั้นที่จะใช้อำนาจของเขามากดหัวเขาให้ได้ เขาก็ไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครรังแกได้ง่าย ๆ!นอกจากนี้ แม้แต่ตระกูลเหลิ่งหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่และราชาแดนเหนือลี่ตั๋วไห่เขายังไม่เกรงกลัว แล้วจะเห็นตระกูลโอวเล็ก ๆ นี้อยู่ในสายตาได้อย่างไร!“ไอ้หนู แกร้องขอสิ่งนี้เองนะ!”“ในเมื่อแกรนหาที่ตาย ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะช่วยสนองให้!”โอวเย่าเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นก็โบกมือสั่งชายที่อยู่ข้างหลังเขา “โอวติง ไปสั่งสอนบทเรียนให้กับไอ้เด็กนี่หน่อย ให้เขารู้ผลที่ตามมาจากการต่อต้านตระกูลโอวของเรา!"“ครับ”โอวติงรับคำสั่ง จากนั้นก็เดินออกมาจากฝูงชน“ไอ้หนู แกบอกฉันมาสิว่าแกอยากตายยังไง?”โอวติงส่งสายตาเย็นชาไปทางฉินหมิง ออร่ารอบตัวของเขาช่างแข็งแกร่ง เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าชายคนนี้เป็นผู้ฝึกยุทธ“อาศัยแก?”“แกยังไม่มีคุณสมบัตินั้น!”ฉินหมิงหัวเราะเยาะและมองโอวติงราวกับว่าเขากำลังมองมดปลวก!ยกเว้นเค่อรุ่ย ในบรรดาคนรุ่นใหม่ของเมืองเจียงเฉิงยังไม่มีใครสักคนที่บุกทะลวงเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ได้ด้วยตัวเอ
ในอาณาเขตเล็ก ๆ อย่างเมืองเจียงเฉิง ตราบเท่าที่ผู้อาวุโสรุ่นแรก ๆ ไม่ลงมาจัดการด้วยตัวเอง การจะจัดการกับฉินหมิงนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!“โจวเจี้ยน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้ชายคนนี้กล้าทำร้ายคนของกลุ่มธุรกิจโอลการกรุ๊ปของเรา กระทั่งกล้าที่จะเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลโอวของเราอย่างเปิดเผย!”“ที่แท้เขาก็ถูกแกสั่งมา!”เมื่อเห็นว่าฉินหมิงและโจวเจี้ยนนั้นดูเหมือนว่าจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน โอวเย่าเฟิงก็ตระหนักอะไรบางอย่างได้เขาเข้าใจไปอย่างผิด ๆ ว่าโจวเจี้ยนจงใจสั่งให้ฉินหมิงมาทำลายความร่วมมือระหว่างบริษัทคังกรุ๊ปและกลุ่มธุรกิจโอลการกรุ๊ป จากนั้นก็ใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ทำกำไรจากมันทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็น่าเกลียดยิ่งขึ้น!“โอวเย่าเฟิง ฉันไม่มีปัญญาสั่งคุณฉินได้หรอกนะ!”“แกอย่ามาตัดสินสุภาพบุรุษด้วยหัวใจของคนต่ำช้า!”โจวเจี้ยนพูดอย่างเย็นชาแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็พอเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับความร่วมมือเมื่อสักครู่นี้“แกโกหกผีอยู่เหรอ?”“คิดว่าฉันหลอกง่ายเหมือนกับเด็กสามขวบจริง ๆ?”โอวเย่าเฟิงเยาะเย้ยเขาเชื่อไปหมดใจแล้วว่าฉินหมิงเป็นคนของโจ
คนไม่กี่คนนี้ สามารถก้าวเข้ามาสร้างมิตรภาพที่ดีกับโจวเจี้ยนได้ โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาทั้งหมดล้วนเพียบพร้อมไปด้วยสถานะและทรัพย์สิน เป็นทายาทสายตรงของตระกูลใหญ่ที่อยู่ในระดับเดียวกันอย่างไรก็ตาม ตระกูลโจวและตระกูลโอวนั้นเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ แม้ว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับโจวเจี้ยน แต่ก็ไม่สะดวกใจที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขุ่นเคืองระหว่างทั้งสองตระกูล จึงทำได้เพียงพูดสักหลายคำเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมแทนโจวเจี้ยน“รังแกเด็กแล้วจะยังไง?”“ฉันเคยเตือนโจวเจี้ยนไปก่อนหน้านี้แล้ว บอกให้เขาออกไปแต่เขาก็รั้นที่จะอยู่ต่อ!”“เขายืนกรานที่จะเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ด้วยตัวเอง จะตำหนิฉันได้ยังไง!”โอวเย่าเฟิงยิ้มอย่างเย็นชาเขารู้ว่ามีกฎที่ไม่ได้ระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในหมู่กองกำลังของตระกูลใหญ่ ๆ ว่าห้ามไม่ให้ผู้อาวุโสกว่ารังแกคนรุ่นเยาว์โดยเฉพาะอย่างยิ่งทายาทสายตรงของตระกูลใหญ่แต่ครั้งนี้เป็นโจวเจี้ยนที่ยืนกรานจะเข้ามาแทรกแซงความบาดหมางระหว่างเขากับฉินหมิงเอง และเขาก็อธิบายกับอีกฝ่ายด้วยความอดทนไปแล้ว ดังนั้นกฎที่ไม่ได้ระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรนั้นจึงนับว่าเป็นโมฆะ!นอกจากนี้ เขาเพ
“ปากคุณนี่มันเหม็นจริง ๆ!”ดวงตาของฉินหมิงเปลี่ยนเป็นเย็นชาเขาไม่ชอบใจที่โอวเย่าเฟิงใช้อำนาจรังแกคนมานานแล้ว ตอนนี้อีกฝ่ายทั้งด่าทั้งว่าเขาเป็นสุนัขตัวหนึ่ง เขาจะทนมันได้อย่างไรกัน เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและเล็งตบไปที่โอวเย่าเฟิงเพียะ!เสียงตบดังขึ้น โอวเย่าเฟิงไม่ทันระวังจึงถูกตบจัง ๆ หนึ่งฉาด ความเจ็บปวดและแสบร้อนลามไปทั่วใบหน้าของเขา เขาเกือบจะล้มคะมำกับพื้นเพราะการตบของฉินหมิง“แกกำลังรนหาที่ตาย!”หลังจากที่โอวเย่าเฟิงตอบสนองกลับมาได้ เขาก็โกรธมาก ยกกำปั้นขึ้นเตรียมจะชกไปที่หน้าของฉินหมิงตูม!ฉินหมิงยกเท้าเตะอีกครั้ง จากนั้นก็ชิงลงมือก่อนแล้วยกเท้าถีบไปที่หน้าอกของโอวเย่าเฟิงทำให้ร่างของโอวเย่าเฟิงลอยกระเด็นออกไป“บังอาจ!”โอวฟู่ที่ยืนอยู่ข้างหลังโกรธจัด เขาไม่มีเวลามาคิดมากอีกแล้วจึงปล่อยหมัดที่เต็มไปด้วยพลังออกไป มุ่งโจมตีไปที่กลางแผ่นหลังของฉินหมิงฉินหมิงไม่ได้มองเขาด้วยซ้ำ เพียงหมุนตัวแล้วต่อยออกไป เผชิญหน้ากับการโจมตีของโอวฟู่ตรง ๆ!“ไอ้หนู ไปลงนรกซะ!”โอวฟู่มีสีหน้าเย็นชามาก เขาลอบเคียดแค้นฉินหมิงที่ตบหน้าโอวเย่าเฟิงเมื่อสักครู่นี้ ดังนั้นเขาจึงไม่แสดงค
โอวฟู่ตะลึงงัน เขากุมแขนที่เจ็บปวดของตนแล้วลุกขึ้นจากพื้นอย่างโซซัดโซเซด้วยระดับการบ่มเพาะขั้นกลางระดับปรมาจารย์ของตัวเอง เขากลับพ่ายแพ้ให้กับฉินหมิงด้วยกระบวนท่าเดียวความจริงที่อันโหดร้ายนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจยอมรับได้!“ไอ้หนู...แกเป็นใครกันแน่?”หลังจากที่โอวเย่าเฟิงรู้สึกตัวแล้ว สีหน้าเขาก็เผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวเดิมทีเขาคิดว่าฉินหมิงเป็นเพียงคนธรรมดา ย่อมไม่คิดที่จะถามชื่อของฉินหมิงแต่ตอนนี้ ระดับการบ่มเพาะของฉินหมิงล้ำลึกมากขนาดนี้ที่ทั้งที่อายุยังน้อย เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเป็นคนที่ไร้ชื่อเสียงในเมืองเจียงเฉิง!ลางสังหรณ์ร้ายผุดมาขึ้นในใจของเขาอย่างคลุมเครือ!“โอวเย่าเฟิง แกนี่มันโง่มากจริง ๆ!”“ด้วยอายุของคุณฉิน การที่เขาสามารถล้มยอดฝีมือขั้นกลางระดับปรมาจารย์คนหนึ่งได้ด้วยกระบวนท่าเดียว ในหมู่คนรุ่นเยาว์ของเมืองเจียงเฉิงของเรา ยังมีคนที่สองอีกเหรอ!”โจวเจี้ยนหัวเราะเยาะเย้ย“อย่าบอกนะว่า…”“อย่าบอกนะว่าเขาก็คือฉินหมิง!”โอวเย่าเฟิงตกตะลึง หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตระหนักรู้ในตัวตนของฉินหมิง!แม้ว่าเขาจะไม่ได้ไปเข้าร่วมงานเปิดตัวขายของหมิงเหยากรุ๊ป
เช่นเดียวกับหยางจิง เขาไม่เคยได้ยินชื่อของหมิงเหยากรุ๊ปในโลกธุรกิจมาก่อนเลย เขาจึงไม่เข้าใจว่าโอวเย่าเฟิงซึ่งมีสถานะสูงส่งเป็นถึงคุณชายรองของตระกูลโอว ถึงได้หวาดกลัวคนตัวเล็ก ๆ และบริษัทเล็ก ๆ ที่ไม่เป็นที่รู้จักขนาดนี้!“ไอ้สารเลวเอ๊ย แกมันจะไปรู้อะไร!”“บัดซบ ฉันโดนแกลากมาตายด้วยแล้ว!”โอวเย่าเฟิงโกรธมาก เขายกเท้าเตะรองประธานหลี่จนกลิ้งไปกับพื้น ต้องการจะฉีกรองประธานหลี่ออกเป็นชิ้น ๆ เสียเดี๋ยวนั้น!แม้ว่าฉินหมิงจะไม่ใช่ทายาทสายตรงของตระกูลใหญ่ใด ๆ แต่ในปัจจุบันฉินหมิงเป็นคนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเมืองเจียงเฉิง แถมเขายังได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังหลักทั้งสาม ได้แก่ตระกูลซู ราชาแดนใต้เฝิงเจิ้นและตระกูลโจว เป็นตัวตนหนึ่งที่จัดการและรับมือได้ยากเป็นอย่างมาก!ในการงานเปิดตัวขายของหมิงเหยากรุ๊ป แม้ว่าตระกูลเหลิ่ง ราชาแดนเหนือลี่ตั๋วไห่ และกองกำลังอื่น ๆ จะร่วมมือกันเพื่อเล่นงานฉินหมิง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับฉินหมิงได้ พวกเขาตระกูลโอวยิ่งไม่มีปัญญาทำอะไรกับฉินหมิงได้!แน่นอนว่าตอนนี้ฉินหมิงยังไม่มีกองกำลังเป็นของตัวเอง พวกเขาตระกูลโอวบางทีอาจจะไม่กลัวฉินหมิง แต่ตระกูลโอวไม
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องก้มหัวและยอมจำนน!“โอวเย่าเฟิง ผมเห็นแก่หน้าของตระกูลโอวของคุณ ผมจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย!”“ถ้าคุณอยากที่จะขอโทษ ก็แสดงความจริงใจของคุณออกมา ผมอาจจะพิจารณาปล่อยคุณไป!”“ไม่อย่างนั้น คุณก็รอรับผลที่จะตามมาได้เลย!”ฉินหมิงพูดอย่างเย็นชา กลิ่นอายสังหารแผ่ออกมาจากร่างกายของเขาใบหน้าของโอวเย่าเฟิงมืดครึ้มลงไปชั่วขณะ แต่เขาก็จนปัญญาเดิมทีเป็นเขาเองที่เริ่มเหตุการณ์ในครั้งนี้ทั้งหมด แถมทั้งสองฝ่ายยังเป็นคนรุ่นเยาว์เหมือนกัน แม้ว่าเขาจะขอความช่วยเหลือจากตระกูลโอว แต่ตระกูลโอวก็อาจจะไม่สะดวกในการยื่นมือเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้แน่นอนว่า ด้วยสถานะและความสามารถของฉินหมิง แม้ว่าตระกูลโอวอยากจะเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับฉินหมิงได้!ถ้าฉินหมิงโกรธขึ้นมา ถึงตอนนั้นจุดจบของเขาอาจจะแย่ลงไปอีก นี่เป็นอะไรที่ได้ไม่คุ้มเสียเลย!“เอาเถอะ เอาเถอะ ครั้งนี้เป็นผมที่พลาดไปเอง…”โอวเย่าเฟิงกัดฟันและใช้ฝ่ามือฟาดแขนซ้ายจนแขนหักจากนั้นเขาก็อดทนต่อความอัปยศอดสูในใจ งอขาทั้งสองข้างแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าฉินหมิง“ประธานฉินครับ เมื่อสักครู่นี้เป็นผมที
“เอาล่ะ คุณชายรองโอว ลุกขึ้นได้แล้ว!”“นอกจากนี้ ผมขอเตือนคุณสักประโยค ทำความชั่วมากย่อมพิฆาตตัวเอง!”“เห็นแก่หน้าของตระกูลโอว ครั้งนี้ผมจะปล่อยคุณไป!”“แต่ผมขอพูดคำที่ไม่น่าฟังไว้ก่อน ถ้าในอนาคตผมเห็นคุณใช้อำนาจของตระกูลรังแกคนอื่นอีก หรือไม่ก็ขอให้ผู้ที่แข็งแกร่งรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า ครั้งต่อไปคุณอาจจะไม่โชคดีแบบนี้อีกแล้ว!”ฉินหมิงเตือนเขาอย่างเย็นชา“ครับ…”โอวเย่าเฟิงรู้สึกเหมือนกำลังได้รับการนิรโทษกรรม เขาอดทนต่อความเจ็บปวดที่แขนและลุกขึ้น“ประธานฉิน ถ้าคุณไม่มีคำแนะนำอื่นแล้ว ผมขอตัวก่อน”โอวเย่าเฟิงฝืนยิ้มและเตรียมพร้อมที่จะพาคนของเขาออกไป“รอเดี๋ยว!”“รองประธานหลี่คนนี้ทั้งต่ำช้าและสกปรก เขาเป็นคนของกลุ่มธุรกิจโอลการกรุ๊ปของพวกคุณ คุณคงรู้ดีว่าจะต้องจัดการกับเขาอย่างไร!”ฉินหมิงชี้ไปที่รองประธานหลี่ที่เป็นอัมพาตอยู่บนพื้น พูดด้วยสีหน้ารังเกียจ“ผมรู้แล้วครับ!”ดวงตาของโอวเย่าเฟิงฉายแววอำมหิต เขาจับจ้องไปที่รองประธานหลี่ด้วยสายตาที่คมกริบราวกับใบมีดเหตุผลที่เขามายั่วยุฉินหมิงในครั้งนี้ก็เนื่องมาจากถูกรองประธานหลี่ปลุกปั่น เขาเกลียดรองประธานหลี่อย่างสุดหัวใจ แม้ว่า