คนไม่กี่คนนี้ สามารถก้าวเข้ามาสร้างมิตรภาพที่ดีกับโจวเจี้ยนได้ โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาทั้งหมดล้วนเพียบพร้อมไปด้วยสถานะและทรัพย์สิน เป็นทายาทสายตรงของตระกูลใหญ่ที่อยู่ในระดับเดียวกันอย่างไรก็ตาม ตระกูลโจวและตระกูลโอวนั้นเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ แม้ว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับโจวเจี้ยน แต่ก็ไม่สะดวกใจที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขุ่นเคืองระหว่างทั้งสองตระกูล จึงทำได้เพียงพูดสักหลายคำเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมแทนโจวเจี้ยน“รังแกเด็กแล้วจะยังไง?”“ฉันเคยเตือนโจวเจี้ยนไปก่อนหน้านี้แล้ว บอกให้เขาออกไปแต่เขาก็รั้นที่จะอยู่ต่อ!”“เขายืนกรานที่จะเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ด้วยตัวเอง จะตำหนิฉันได้ยังไง!”โอวเย่าเฟิงยิ้มอย่างเย็นชาเขารู้ว่ามีกฎที่ไม่ได้ระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในหมู่กองกำลังของตระกูลใหญ่ ๆ ว่าห้ามไม่ให้ผู้อาวุโสกว่ารังแกคนรุ่นเยาว์โดยเฉพาะอย่างยิ่งทายาทสายตรงของตระกูลใหญ่แต่ครั้งนี้เป็นโจวเจี้ยนที่ยืนกรานจะเข้ามาแทรกแซงความบาดหมางระหว่างเขากับฉินหมิงเอง และเขาก็อธิบายกับอีกฝ่ายด้วยความอดทนไปแล้ว ดังนั้นกฎที่ไม่ได้ระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรนั้นจึงนับว่าเป็นโมฆะ!นอกจากนี้ เขาเพ
“ปากคุณนี่มันเหม็นจริง ๆ!”ดวงตาของฉินหมิงเปลี่ยนเป็นเย็นชาเขาไม่ชอบใจที่โอวเย่าเฟิงใช้อำนาจรังแกคนมานานแล้ว ตอนนี้อีกฝ่ายทั้งด่าทั้งว่าเขาเป็นสุนัขตัวหนึ่ง เขาจะทนมันได้อย่างไรกัน เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและเล็งตบไปที่โอวเย่าเฟิงเพียะ!เสียงตบดังขึ้น โอวเย่าเฟิงไม่ทันระวังจึงถูกตบจัง ๆ หนึ่งฉาด ความเจ็บปวดและแสบร้อนลามไปทั่วใบหน้าของเขา เขาเกือบจะล้มคะมำกับพื้นเพราะการตบของฉินหมิง“แกกำลังรนหาที่ตาย!”หลังจากที่โอวเย่าเฟิงตอบสนองกลับมาได้ เขาก็โกรธมาก ยกกำปั้นขึ้นเตรียมจะชกไปที่หน้าของฉินหมิงตูม!ฉินหมิงยกเท้าเตะอีกครั้ง จากนั้นก็ชิงลงมือก่อนแล้วยกเท้าถีบไปที่หน้าอกของโอวเย่าเฟิงทำให้ร่างของโอวเย่าเฟิงลอยกระเด็นออกไป“บังอาจ!”โอวฟู่ที่ยืนอยู่ข้างหลังโกรธจัด เขาไม่มีเวลามาคิดมากอีกแล้วจึงปล่อยหมัดที่เต็มไปด้วยพลังออกไป มุ่งโจมตีไปที่กลางแผ่นหลังของฉินหมิงฉินหมิงไม่ได้มองเขาด้วยซ้ำ เพียงหมุนตัวแล้วต่อยออกไป เผชิญหน้ากับการโจมตีของโอวฟู่ตรง ๆ!“ไอ้หนู ไปลงนรกซะ!”โอวฟู่มีสีหน้าเย็นชามาก เขาลอบเคียดแค้นฉินหมิงที่ตบหน้าโอวเย่าเฟิงเมื่อสักครู่นี้ ดังนั้นเขาจึงไม่แสดงค
โอวฟู่ตะลึงงัน เขากุมแขนที่เจ็บปวดของตนแล้วลุกขึ้นจากพื้นอย่างโซซัดโซเซด้วยระดับการบ่มเพาะขั้นกลางระดับปรมาจารย์ของตัวเอง เขากลับพ่ายแพ้ให้กับฉินหมิงด้วยกระบวนท่าเดียวความจริงที่อันโหดร้ายนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจยอมรับได้!“ไอ้หนู...แกเป็นใครกันแน่?”หลังจากที่โอวเย่าเฟิงรู้สึกตัวแล้ว สีหน้าเขาก็เผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวเดิมทีเขาคิดว่าฉินหมิงเป็นเพียงคนธรรมดา ย่อมไม่คิดที่จะถามชื่อของฉินหมิงแต่ตอนนี้ ระดับการบ่มเพาะของฉินหมิงล้ำลึกมากขนาดนี้ที่ทั้งที่อายุยังน้อย เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเป็นคนที่ไร้ชื่อเสียงในเมืองเจียงเฉิง!ลางสังหรณ์ร้ายผุดมาขึ้นในใจของเขาอย่างคลุมเครือ!“โอวเย่าเฟิง แกนี่มันโง่มากจริง ๆ!”“ด้วยอายุของคุณฉิน การที่เขาสามารถล้มยอดฝีมือขั้นกลางระดับปรมาจารย์คนหนึ่งได้ด้วยกระบวนท่าเดียว ในหมู่คนรุ่นเยาว์ของเมืองเจียงเฉิงของเรา ยังมีคนที่สองอีกเหรอ!”โจวเจี้ยนหัวเราะเยาะเย้ย“อย่าบอกนะว่า…”“อย่าบอกนะว่าเขาก็คือฉินหมิง!”โอวเย่าเฟิงตกตะลึง หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตระหนักรู้ในตัวตนของฉินหมิง!แม้ว่าเขาจะไม่ได้ไปเข้าร่วมงานเปิดตัวขายของหมิงเหยากรุ๊ป
เช่นเดียวกับหยางจิง เขาไม่เคยได้ยินชื่อของหมิงเหยากรุ๊ปในโลกธุรกิจมาก่อนเลย เขาจึงไม่เข้าใจว่าโอวเย่าเฟิงซึ่งมีสถานะสูงส่งเป็นถึงคุณชายรองของตระกูลโอว ถึงได้หวาดกลัวคนตัวเล็ก ๆ และบริษัทเล็ก ๆ ที่ไม่เป็นที่รู้จักขนาดนี้!“ไอ้สารเลวเอ๊ย แกมันจะไปรู้อะไร!”“บัดซบ ฉันโดนแกลากมาตายด้วยแล้ว!”โอวเย่าเฟิงโกรธมาก เขายกเท้าเตะรองประธานหลี่จนกลิ้งไปกับพื้น ต้องการจะฉีกรองประธานหลี่ออกเป็นชิ้น ๆ เสียเดี๋ยวนั้น!แม้ว่าฉินหมิงจะไม่ใช่ทายาทสายตรงของตระกูลใหญ่ใด ๆ แต่ในปัจจุบันฉินหมิงเป็นคนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเมืองเจียงเฉิง แถมเขายังได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังหลักทั้งสาม ได้แก่ตระกูลซู ราชาแดนใต้เฝิงเจิ้นและตระกูลโจว เป็นตัวตนหนึ่งที่จัดการและรับมือได้ยากเป็นอย่างมาก!ในการงานเปิดตัวขายของหมิงเหยากรุ๊ป แม้ว่าตระกูลเหลิ่ง ราชาแดนเหนือลี่ตั๋วไห่ และกองกำลังอื่น ๆ จะร่วมมือกันเพื่อเล่นงานฉินหมิง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับฉินหมิงได้ พวกเขาตระกูลโอวยิ่งไม่มีปัญญาทำอะไรกับฉินหมิงได้!แน่นอนว่าตอนนี้ฉินหมิงยังไม่มีกองกำลังเป็นของตัวเอง พวกเขาตระกูลโอวบางทีอาจจะไม่กลัวฉินหมิง แต่ตระกูลโอวไม
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องก้มหัวและยอมจำนน!“โอวเย่าเฟิง ผมเห็นแก่หน้าของตระกูลโอวของคุณ ผมจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย!”“ถ้าคุณอยากที่จะขอโทษ ก็แสดงความจริงใจของคุณออกมา ผมอาจจะพิจารณาปล่อยคุณไป!”“ไม่อย่างนั้น คุณก็รอรับผลที่จะตามมาได้เลย!”ฉินหมิงพูดอย่างเย็นชา กลิ่นอายสังหารแผ่ออกมาจากร่างกายของเขาใบหน้าของโอวเย่าเฟิงมืดครึ้มลงไปชั่วขณะ แต่เขาก็จนปัญญาเดิมทีเป็นเขาเองที่เริ่มเหตุการณ์ในครั้งนี้ทั้งหมด แถมทั้งสองฝ่ายยังเป็นคนรุ่นเยาว์เหมือนกัน แม้ว่าเขาจะขอความช่วยเหลือจากตระกูลโอว แต่ตระกูลโอวก็อาจจะไม่สะดวกในการยื่นมือเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้แน่นอนว่า ด้วยสถานะและความสามารถของฉินหมิง แม้ว่าตระกูลโอวอยากจะเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับฉินหมิงได้!ถ้าฉินหมิงโกรธขึ้นมา ถึงตอนนั้นจุดจบของเขาอาจจะแย่ลงไปอีก นี่เป็นอะไรที่ได้ไม่คุ้มเสียเลย!“เอาเถอะ เอาเถอะ ครั้งนี้เป็นผมที่พลาดไปเอง…”โอวเย่าเฟิงกัดฟันและใช้ฝ่ามือฟาดแขนซ้ายจนแขนหักจากนั้นเขาก็อดทนต่อความอัปยศอดสูในใจ งอขาทั้งสองข้างแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าฉินหมิง“ประธานฉินครับ เมื่อสักครู่นี้เป็นผมที
“เอาล่ะ คุณชายรองโอว ลุกขึ้นได้แล้ว!”“นอกจากนี้ ผมขอเตือนคุณสักประโยค ทำความชั่วมากย่อมพิฆาตตัวเอง!”“เห็นแก่หน้าของตระกูลโอว ครั้งนี้ผมจะปล่อยคุณไป!”“แต่ผมขอพูดคำที่ไม่น่าฟังไว้ก่อน ถ้าในอนาคตผมเห็นคุณใช้อำนาจของตระกูลรังแกคนอื่นอีก หรือไม่ก็ขอให้ผู้ที่แข็งแกร่งรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า ครั้งต่อไปคุณอาจจะไม่โชคดีแบบนี้อีกแล้ว!”ฉินหมิงเตือนเขาอย่างเย็นชา“ครับ…”โอวเย่าเฟิงรู้สึกเหมือนกำลังได้รับการนิรโทษกรรม เขาอดทนต่อความเจ็บปวดที่แขนและลุกขึ้น“ประธานฉิน ถ้าคุณไม่มีคำแนะนำอื่นแล้ว ผมขอตัวก่อน”โอวเย่าเฟิงฝืนยิ้มและเตรียมพร้อมที่จะพาคนของเขาออกไป“รอเดี๋ยว!”“รองประธานหลี่คนนี้ทั้งต่ำช้าและสกปรก เขาเป็นคนของกลุ่มธุรกิจโอลการกรุ๊ปของพวกคุณ คุณคงรู้ดีว่าจะต้องจัดการกับเขาอย่างไร!”ฉินหมิงชี้ไปที่รองประธานหลี่ที่เป็นอัมพาตอยู่บนพื้น พูดด้วยสีหน้ารังเกียจ“ผมรู้แล้วครับ!”ดวงตาของโอวเย่าเฟิงฉายแววอำมหิต เขาจับจ้องไปที่รองประธานหลี่ด้วยสายตาที่คมกริบราวกับใบมีดเหตุผลที่เขามายั่วยุฉินหมิงในครั้งนี้ก็เนื่องมาจากถูกรองประธานหลี่ปลุกปั่น เขาเกลียดรองประธานหลี่อย่างสุดหัวใจ แม้ว่า
“ครับ แน่นอน ผมจะชดใช้ให้อย่างแน่นอน…”ประธานคังดีใจมาก หัวใจที่ค้างเติ่งอยู่ของเขาในที่สุดก็ว่างลงได้ จากนั้น ราวกับว่าเขากลัวเป็นอย่างยิ่งว่าฉินหมิงจะเสียใจในภายหลัง จึงรีบลุกขึ้นและรีบออกจากห้องส่วนตัวพร้อมกับบอดี้การ์ดสองคนที่ติดตามเขามารอจนกระทั่งแผ่นหลังของประธานคังหายลับไปหลี่เจียฮุ่ยก็พูดขึ้นว่า "ฉินหมิง เรากลับกันเถอะ!"“อืม ได้”ฉินหมิงพยักหน้า จากนั้นเขาก็หันไปกล่าวคำอำลากับโจวเจี้ยน "พี่โจว ผมยังมีธุระอื่นที่ต้องไปทำ ผมขอตัวก่อนนะครับ"“คุณฉิน...รอเดี๋ยวครับ”โจวเจี้ยนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เหมือนจะตัดสินใจได้ เขาดึงฉินหมิงให้ออกไปด้วยกันเพียงลำพัง“พี่โจว มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”“คุณทำตัวลึกลับมาก หรือว่ายังมีเรื่องอะไรอีกเหรอ?”ฉินหมิงถามด้วยความฉงน“คือว่า...คุณฉิน ผมขอข้อมูลการติดต่อของคุณหนูหลี่หน่อยจะได้ไหม…”โจวเจี้ยนเงยหน้าขึ้นมองไปทางหลี่เจียฮุ่ย สีหน้าของเขาดูประหม่าเล็กน้อย“ทำไม คุณตกหลุมรักเจียฮุ่ยเข้าแล้ว?”ฉินหมิงรู้สึกประหลาดใจมาก เขามองย้อนกลับไปที่หลี่เจียฮุ่ยที่อยู่ในระยะไกล ๆ จากนั้นมองโจวเจี้ยนตรงหน้าเขา สีหน้าดูแปลก ๆ“ผมรู้สึกป
ภายใต้การชี้แนะที่ระมัดระวังของเฝิงรั่วซวง เขาก็เรียนรู้การขับรถได้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน แถมยังชำนาญมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยตราบเท่าที่เฝิงรั่วซวงขอให้ใครสักคนช่วยเขาให้ได้รับใบขับขี่ในตอนนี้ ในอนาคตเขาก็จะสามารถขับรถได้อย่างเปิดเผยแล้วอย่างไรก็ตาม เมื่อพูดกันจริง ๆ เขาชอบขี่มอเตอร์ไซค์มากกว่า บางทีอาจเป็นเพราะเขาชินกับมันแล้ว จึงรู้สึกอยู่เสมอว่าการขี่มอเตอร์ไซค์นั้นอิสระและสะดวกสบายมากกว่าเพียงแต่ว่าใบขับขี่เป็นสิ่งที่จำเป็นในสังคมยุคใหม่ และมันสามารถนำไปใช้ได้ในช่วงเวลาวิกฤติ นี่เป็นสิ่งที่ดีที่ต้องเตรียมพร้อมไว้ในวันจันทร์หลี่เจียฮุ่ยและหยางจิงไปรายงานตัวที่หมิงเหยากรุ๊ปตามข้อตกลงที่ได้ทำไว้กับฉินหมิงก่อนหน้านี้ข้างกายของฉินหมิงกำลังขาดผู้ช่วยอยู่พอดี ดังนั้นเขาจึงจัดตำแหน่งผู้ช่วยประธานให้กับหลี่เจียฮุ่ย ซึ่งแบบนี้จะช่วยเขาอำนวยความสะดวกในการฝึกฝนหลี่เจียฮุ่ยได้ง่ายขึ้นในอนาคตส่วนหยางจิง เขาจัดตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดให้กับเธอ ด้วยความสามารถที่โดดเด่นของเธอ ฉินหมิงเชื่อว่าเธอมีคุณสมบัตินี้!ในอีกด้านหนึ่ง ฉินหมิงได้ส่งสองพี่น้องซาทงและผู้ฝึกยุทธหกคนที่ซูซินเหยาเ