ฉินหมิงวางตัวดี สร้างผลงานมากมาย และดูเหมือนจะไม่เคยมีเจตนาชั่วร้ายใด ๆอย่างไรก็ตาม เมื่อเธอคิดในอีกแง่หนึ่ง เธอก็จำสิ่งที่เอ้าเฟิงพูดต่อหน้าเธอได้อย่างรวดเร็วในตอนนั้นฉินหมิงและตระกูลซูบรรลุความร่วมมือกันด้านวัตถุดิบยา เอ้าเฟิงเคยเตือนเธอว่าฉินหมิงอาจจะมีความทะเยอทะยานซ่อนเร้น และอาจกำลังสมรู้ร่วมคิดกับตระกูลซูเพื่อกลืนกินบริษัท!สิ่งนี้เกือบจะตรงกับความกังวลของปู่และพ่อของเธอ!ไม่เพียงแค่นั้นครั้งล่าสุดที่บ้านของหลัวซื่อฉง ซูซินเหยาจงใจยั่วยุเธอแถมยังแสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์กับเธออย่างชัดเจนทั้งหมดนี้เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าฉินหมิงไม่ใช่อย่างที่เห็นภายนอก!ครู่หนึ่ง เธอได้รับผลกระทบจากคำพูดใส่ร้ายของเอ้าเฟิง และยิ่งสงสัยในแรงจูงใจของฉินหมิงมากขึ้นไปอีก!“ฉินหมิง ฉันขอบคุณความทุ่มเทของนายที่มีต่อบริษัทเราในช่วงนี้มากจริง ๆ แต่นี่ไม่ได้พิสูจน์ว่านายไม่มีเจตนาซ่อนเร้น!”“อย่างไรก็ตาม ถ้านายไม่อาจให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลกับฉันได้ ถ้างั้นตอนนี้เราเลิกกันเถอะ!”หลินหว่านชิงพูดด้วยสีหน้าไม่แยแส“ดี ดีมาก!”ฉินหมิงยิ้มทั้งน้ำตาเขาไม่คิดไม่ฝันจริง ๆ ว่าตัวเองปฏิบัติต่อหลิ
ฉินหมิงรู้สึกเจ็บปวดในใจแม้ว่าตอนนี้เขาจะเศร้าและอับอายมาก แต่เขาก็ไม่ต้องการที่จะแสดงด้านที่เปราะบางของตัวเองต่อหน้าหลินหว่านชิงและคนอื่น ๆเขายังคงรักษาศักดิ์ศรีสุดท้ายของตัวเองไว้ เชิดหน้าขึ้นแล้วหันหลังเดินออกจากคฤหาสน์ไปอย่างไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมามองอีกเมื่อเห็นการจากไปอย่างเด็ดขาดของฉินหมิงหลินหว่านชิงก็ตกอยู่ในภาวะสับสน เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้สูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดไป จึงรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก“พ่อคะ ไม่ว่าฉินหมิงจะมีเจตนาร้ายหรือไม่ เขาก็ทุ่มเทเพื่อบริษัทมาก มีทั้งผลงาน และมีความทุ่มเท”“เมื่อสักครู่นี้พ่อขอให้เขาย้ายออกจากบ้านเรื่องนี้หนูเข้าใจ แต่ที่พ่อบังคับให้เขาลาออกบริษัท มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ?”หลินหว่านชิงพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจเป็นมากแม้ว่าเธอจะโกรธมากเรื่องที่ฉินหมิง 'หลอกลวง' เธอ แต่เมื่อพิจารณาถึงการมีส่วนร่วมของฉินหมิงต่อบริษัท เธอไม่ได้คิดที่จะขับไล่ฉินหมิงออกไป“หว่านชิง ตัดบัวต้องไม่เหลือใย!”“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ลูกควรขีดเส้นแบ่งกับเขาให้ชัดเจนไปเลยเพื่อที่ในอนาคตเขาจะได้ไม่มาตามวอแวลูกอีก!”“ที่พ่อทำแบบนี้ก็เพื่อประโยชน์ของลูกเอง!ห
เนี่ยอู๋ตกตะลึง ในที่สุดก็อดถามไม่ได้“ไม่มีอะไร…”เรื่องเกี่ยวกับความรู้สึก ฉินหมิงไม่มีอะไรจะพูดกับชายฉกรรจ์อย่างเนี่ยอู๋ เขาจึงเทไวน์แล้วดื่มมันในอึกเดียว“นายน้อยฉิน ปริมาณแอลกอฮอล์ของไวน์นี้ไม่ต่ำเลย แถมยังออกฤทธิ์แรงมาก ถ้าคุณดื่มแบบนี้ต่อไป คุณจะเมาได้ง่าย ๆ เลยนะครับ”เนี่ยอู๋รีบเตือนเขาบอกได้เลยว่าฉินหมิงมีบางอย่างอยู่ในใจ แต่ฉินหมิงไม่ต้องการที่จะพูด เขาจึงทำอะไรไม่ได้มากเกี่ยวกับเรื่องนี้“เมาก็เมาสิ เมาแล้วจะได้ลืมเรื่องทุกข์ทั้งหมด!”“นี่ไม่ดีเหรอ?”ฉินหมิงยิ้มอย่างขมขื่นและดื่มต่อ“ดื่มช้า ๆ หน่อยเถอะครับ...”“ช่างเถอะ ผมดื่มเป็นเพื่อนคุณก็แล้วกัน!”เนี่ยอู๋จนปัญญา ดังนั้นเขาจึงหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาและเริ่มดื่มกับฉินหมิงกริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง!ในขณะนี้เอง โทรศัพท์มือถือของฉินหมิงก็ดังขึ้นฉินหมิงอารมณ์ไม่ดี เขาไม่รู้ว่าใครโทรมาจึงไม่มีความตั้งใจที่จะรับสาย“นายน้อยฉิน โทรศัพท์มือถือของคุณดังน่ะ”เนี่ยอู๋เอ่ยเตือน“ไม่เป็นไร ไม่ต้องสนใจมัน...”ฉินหมิงโบกมือแล้วพูดอย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายกลับไม่ยอมแพ้และโทรเข้ามาอีกสามครั้งติดฉินหมิงทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาหยิบโทรศั
แม้ว่าเขาจะดื่มเก่ง แต่หลังจากดื่มไวน์ติดต่อกันจำนวนมาก แก้มของเขาก็แดงก่ำไปแล้ว ดวงตาของเขาพร่ามัว ดูคล้ายจะเมาจวนจะเต็มที่อย่างไรก็ตาม โชคดีที่เนี่ยอู๋เห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก จึงรีบสั่งลูกน้องเปลี่ยนไวน์จากต่างประเทศเป็นเบียร์ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำอย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้นตอนนี้ฉินหมิงคงเมาจนสิ้นสติไปแล้ว!แกร๊ก!ในเวลานี้เอง ประตูห้องส่วนตัวก็ถูกผลักเปิดออก ในที่สุดซูซินเหยาก็มาถึง“คุณหนูซู คุณมาแล้ว”เนี่ยอู๋ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขารู้ว่าเมื่อสักครู่นี้เป็นซูซินเหยาที่โทรหาฉินหมิง และก็รู้ด้วยว่าฉินหมิงกับตระกูลซูนั้นมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาต่อกัน เขาจึงรีบปรี่ขึ้นไปทักทายเธอในทันทีดวงตาที่สวยงามของซูซินเหยาเหลือบมองรอบ ๆ ครั้งหนึ่ง เห็นว่าบนพื้นในห้องรับรองส่วนตัวระเกะระกะ แถมยังมีฉินหมิงที่เมามายนอนอยู่บนโต๊ะ เธอตกตะลึง "เนี่ยอู๋ เกิดอะไรขึ้น? มีอะไรเกิดขึ้นกับฉินหมิงหรือเปล่า?"“อันที่จริง ผมเองก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเหมือนกัน...”“ผมรู้แค่ว่านายน้อยฉินดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดี หลังจากที่เขามาที่นี่ ก็ชวนผมดื่มด้วยกัน เขากระดกไวน์ไม่หยุดเลย...”เนี่ยอู๋พูดด้วย
ฉินหมิงตกตะลึง เขามองไปที่ซูซินเหยาด้วยความไม่อยากเชื่ออาจเป็นเพราะเขาเมามาก ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาจึงช้าลงเล็กน้อย ครู่หนึ่งเขาจึงไม่เข้าใจว่าซูซินเหยาหมายถึงอะไร“ฉัน...ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น...”ซูซินเหยาหน้าแดงก่ำ เวลานี้ถึงตระหนักได้ว่าคำพูดของตัวเองไม่เหมาะสมมาก ๆ เธอจึงรีบเปลี่ยนเรื่องและพูดว่า "ฉินหมิงทำไมคุณกับหลินหว่านชิงถึงได้เลิกกันกะทันหันแบบนี้ล่ะ?"“เป็นแบบนี้…”ฉินหมิงถอนหายใจตอนนี้เขารู้สึกหดหู่ใจมากและอยากจะหาใครสักคนคุยด้วยจริง ๆ จากนั้นเขาก็บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับซูซินเหยาฟัง“หลินเถิงฮุ่ยสองพ่อลูกนั้นทำเกินไปแล้ว!”“คุณช่วยเหลือตระกูลหลินครั้งแล้วครั้งเล่า แต่แทนที่พวกเขาจะสำนึกในบุญคุณ กลับตอบแทนความเมตตาของคุณด้วยความเกลียดชัง นี่มันมากเกินไปแล้วจริง ๆ!”“หลินหว่านชิงเองก็เหมือนกัน แม้แต่ฉันซึ่งเป็นคนนอกยังดูออกว่าคุณเป็นคนตรงไปตรงมามากขนาดไหน จะเป็นคนชั่วที่ลอบวางแผนน่ารังเกียจไปได้ยังไง”“แต่ในฐานะแฟนของคุณ เธอกลับเชื่อใจคุณไม่มากพอ แถมยังสงสัยด้วยว่าคุณโลภในเงินทองและอำนาจของตระกูลหลิน สงสัยว่าเธอมีเจตนาชั่วร้ายแอบแฝง นี่มันน่าขำมาก!”ซู
สักพักหนึ่ง เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองอย่างไรดี“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?”“ฉันและหลินหว่านชิงต่างก็เป็นหนึ่งในสี่สาวงามแห่งเมืองเจียงเฉิงด้วยกันทั้งคู่ แม้ว่าอันดับของเธอนำอยู่ข้างหน้าฉัน แต่ในแง่ของรูปลักษณ์ภายนอกและภูมิหลังของตระกูล ฉันไม่มีสิ่งใดด้อยไปกว่าเธอสักนิด!”“ถ้าคุณยอมรับเธอได้ ทำไมคุณถึงยอมรับฉันไม่ได้?”ซูซินเหยาไม่คิดเลยว่าฉินหมิงจะปฏิเสธเธออย่างตรงไปตรงมาแบบนี้ ใบหน้าที่สวยงามของเธอเปลี่ยนเป็นซีดขาว หยาดน้ำตาแห่งความคับข้องใจก็ไหลลงมาจากขอบดวงตาของเธอด้วยความสวยและภูมิหลังของตระกูลของเธอ ทำให้เธอเป็นที่หมายปองของหนุ่ม ๆ ที่มีพรสวรรค์มากมายในเมืองเจียงเฉิง พวกเขาทุกคนล้วนอยากได้รับความโปรดปรานจากเธอ!แต่ตอนนี้ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอรวบรวมความกล้าและเป็นฝ่ายริเริ่มสารภาพรักกับผู้ชายคนหนึ่ง แต่เธอกลับถูกปฏิเสธ!ความรู้สึกขมขื่นในใจของเธอตอนนี้ ใครก็ยากที่จะจินตนาการได้!“นี่...”ฉินหมิงพูดไม่ออก หัวใจของเขาว้าวุ่นสับสน ผ่านไปเนิ่นนานก็ยังไม่อาจสงบสติอารมณ์ลงได้ ซูซินเหยาคือสาวงามอันดับสองของสี่สาวงามแห่งเมืองเจียงเฉิง ความสวยของเธอ สวยจนล่มบ้านล่มเมือง สวยเหมือนกับเท
ส่วนเรื่องระหว่างเขากับหลินหว่านชิงนั้น รอจนกว่าเขาจะสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ก็แล้วกัน!ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่เขาจะคิดเรื่องพวกนี้!“จริงสิ ฉินหมิง คุณพักอยู่ที่ไหน?”“ครั้งนี้คุณดื่มหนักมาก คุณเดินแทบไม่ตรงด้วยซ้ำ ยังไงให้ฉันพาคุณกลับไปดีกว่า!”ซูซินเหยาถามด้วยสีหน้ากังวล“ฉัน...ตอนนี้ฉันไม่มีที่อยู่ชั่วคราว เธอส่งฉันไปที่โรงแรมใกล้ ๆ นี้ก็พอ”ฉินหมิงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน เตรียมที่จะไปค้างที่โรงแรมที่อยู่ใกล้ ๆ นี้สักคืน รอจนถึงพรุ่งนี้เช้า เขาจะซื้อบ้านสักหลังหนึ่งไว้สำหรับอยู่อาศัยในอนาคต“ทำไมต้องไปโรงแรมด้วยล่ะ?”“ถ้ายังไงคุณไปพักที่บ้านของฉันสักสองสามวันก็แล้วกัน”ซูซินเหยายิ้มอย่างอ่อนหวาน เธอจับแขนของฉินหมิงด้วยท่าทางที่ใกล้ชิดมาก ราวกับว่าเธอเป็นแฟนของฉินหมิงแล้วเมื่อรับรู้ได้ถึงสัมผัสอันนุ่มนวลและมหัศจรรย์ที่แขนของเขา ร่างกายของฉินหมิงก็แข็งทื่อ เขาดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเล็กน้อยเพียงแต่ไม่ทันรอให้เขาได้ปฏิเสธ ซูซินเหยาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง บังคับลากเขาออกจากบาร์ไปด้วยกัน......ที่คฤหาสน์ตระกูลซูในห้องโถงใหญ่เมื่อเห็นซูซินเหยากลับมาจากข้างนอก แถม
อุปนิสัยของเธอเป็นคนที่กล้ารักกล้าเกลียด เธอไม่มีอะไรที่จะปิดบังจากปู่ของเธอ ดังนั้นเธอจึงเปิดเผยความคิดที่แท้จริงออกไป“เป็นอย่างที่คิดไว้เชียว!”แม้ว่านายท่านซูจะเดาความคิดของหลานสาวได้ล่วงหน้าแล้ว แต่เขาก็ยังค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อยที่ได้ยินหลานสาวของเขายอมรับด้วยตนเอง“คุณปู่คะ ปู่จะไม่คัดค้านหนูกับฉินหมิงใช่ไหม?”ซูซินเหยาถามอย่างเป็นกังวลเธอรู้ว่าฉินหมิงเป็นเด็กกำพร้าและไม่มีภูมิหลังทางตระกูลที่ดี เหตุผลพื้นฐานที่ทำให้ฉินหมิงและหลินหว่านชิงเลิกกันนั้น ก็คือพวกเขาไม่เหมาะสมกันด้วยประการทั้งปวงตระกูลซูก็เหมือนกับตระกูลหลิน เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองเจียงเฉิง เธอกังวลว่าปู่ของเธอจะมีความคิดต่อฉินหมิงคล้าย ๆ กันเธอไม่อยากมีจุดจบแบบเดียวกับหลินหว่านชิง!“คัดค้านเหรอ?”“ทำไมปู่ต้องคัดค้านด้วย?”นายท่านซูรู้สึกประหลาดใจ“ฉินหมิงเป็นเด็กกำพร้าและภูมิหลังทางตระกูลของเขานั้นไม่ค่อยดีนัก ปู่ไม่รังเกียจเขาเหรอคะ?”ซูซินเหยาพูดด้วยสีหน้ากังวลใจ“นับแต่สมัยโบราณกาลมา วีรบุรุษไม่เคยต้องถามถึงชาติกำเนิดของพวกเขา!”“ฉินหมิงมีความสามารถมาก แถมเขายังช่วยตระกูลซูของเราไว้ครั้งแล