“อีกอย่าง นายน้อยโหวก็ตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบ และไม่ลังเลเลยที่จะจ่ายเงินยี่สิบล้านเป็นของขวัญงานหมั้น ซึ่งหาได้ยากมากนะและเขาก็จริงใจมากด้วย"“เธอต้องจับโอกาสนี้ไว้ดี ๆ นะ ไม่อย่างนั้นผ่านโอกาสเด็ดนี้ไปก็ไม่มีอีกแล้วนะ!”…หลี่เยี่ยนและเฉิงซิ่งรีบพูดกล่อมในตอนแรก พวกเขาแค่อยากเป็นแม่ชักพ่อสื่อไม่ได้มีความหวังสูงมากนัก แต่เหมือนพระเจ้าจะเข้าข้างพวกเขา เพียงแรกพบสบตานายน้อยโหวก็ตกหลุมรักหลี่เจียฮุ่ยทันทีมันช่างตรงใจกับพวกเขาซะจริงขอแค่หลี่เจียฮุ่ยตอบรับใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับนายน้อยโหว ต่อไปหากบริษัทของเฉิงซิ่งเข้าร่วมกิจการของโหวเอนเตอร์ไพรส์ อนาคตจะต้องสดใสอย่างแน่นอน!“เจียฮุ่ย แม่ลูกกับพี่หลี่เยี่ยนพูดมีเหตุผลนะ”“แม้ว่าลูกกับนายน้อยโหวจะเพิ่งรู้จักกัน ถึงจะยังไม่รู้จักมักคุ้น แต่ความรู้สึกของคนเราก็ค่อย ๆ เรียนรู้กันได้นะ ลูกก็หมั้นกับนายน้อยโหวก่อนแล้วค่อยพัฒนาความสัมพันธ์ในภายหลังก็ได้นะ "หลี่เหวินไห่ลังเลและพูดแนะนำสองสามคำท้ายที่สุดแล้ว ภูมิหลังทางครอบครัวของนายน้อยโหวนั้นดีมาก และเขาก็เป็นคนที่ร่ำรวยอย่างแท้จริงถ้าลูกสาวได้ใช้ชีวิตด้วยกันกับเขา ทั้งชีวิตก็ไม
“ทำไมถึงพูดไม่ได้?”“แกเองไม่มีปัญญาหาแฟนดี ๆ แบบนี้ได้แน่ พวกฉันอุตส่าห์หวังดีช่วยให้แกได้ลอง หรือว่าที่ฉันทำมันผิดอย่างนั้นเหรอ?”เจียงหลานระเบิดอารมณ์ออกมา“ก็หนูบอกไปแล้วไงคะ ไม่ใช่ว่าหนูไม่อยากหา แต่แค่เวลามันยังไม่ใช่แค่นั้นเอง…”หลี่เจียฮุ่ยที่ยังพูดไม่จบก็ถูกผู้เป็นแม่ขัดจังหวะซะก่อน“พอได้แล้ว ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวของแก!”“เอาเป็นว่า ฉันคิดว่านายน้อยโหวเองก็ไม่เลว ถ้าแกยังเห็นฉันกับพ่อแกอยู่ในสายตา แกก็ต้องฟังพวกฉัน หมั้นกันก่อนแล้วค่อยศึกษาดูใจกันทีหลัง”ถ้าแกไม่ตอบรับ แกก็อย่ากลับมาบ้าน จะไปไหนก็เรื่องของแก ฉันจะถือว่าบ้านนี้มันไม่เคยมีลูกสาวที่ไม่รักดีอย่างแก!”เจียงหลานดุด้วยความโกรธและยื่นคำขาด“แม่คะ…”“นี่แม่แกล้งหนูเหรอคะ?”หลี่เจียฮุ่ยโกรธมากและดวงตาของเธอแดงคนเป็นแม่ได้พูดเรื่องนี้แล้ว ถ้าเธอดึงดันปฏิเสธต่อไปก็คงเป็นลูกอกตัญญูแต่ถ้าเธอตอบรับการหมั้นไป และเธอเองก็ไม่ได้ชอบนายน้อยโหว ไม่สามารถข้ามอุปสรรคในใจนี้ได้ตอนนี้เธอสิ้นหวังอย่างมาก ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีฉินหมิงที่เห็นหลี่เจียฮุ่ยกำลังลำบากใจ เขาก็ไม่ได้ที่จะพูดเพื่อหาความยุติธรรมให้หลี่เจีย
เพียงแต่ว่าหลี่เจียฮุ่ยพูดทุกอย่างไปหมดแล้ว และเขาไม่สามารถปฏิเสธได้ทันที“เฉิงฮุ่ย นี่มันหมายความว่าอะไรกัน?”“ในเมื่อมีแฟนอยู่แล้ว คุณยังจะ… แล้วคุณจะให้ผมเชื่ออะไรได้อีก!”นายน้อยโหวจ้องมองที่เฉิงซิ่งด้วยความโกรธเฉิงซิ่งถึงกับชะงักและรีบพูดอธิบายทันที “นายน้อยโหวครับ อย่าเพิ่งโกรธไปเลยครับ เมื่อกี้คุณอาสะใภ้ก็บอกเจียฮุ่ยไม่มีแฟนนี่ครับ…”ด้วยเหตุนี้ ทั้งเฉิงซิงและหลี่เยี่ยนจึงหันไปสนใจเจียงหลาน และพยายามคิดว่าเกิดอะไรขึ้น“พวกเธออย่าไปฟังที่เจียฮุ่ยพูดซี้ซั้วนะ!”“เธอยังไม่มีแฟน เธอตั้งใจพูดโกหก!”เจียงหลานแทบจะโกรธควันออกหูอยู่แล้วคนเป็นแม่ย่อมรู้ใจลูกสาว ไม่นานเธอก็เดาออกว่าลูกสาวเธอคิดจะทำอะไร“หนูไม่พูดซี้ซั้วนะคะแม่ หนูพูดความจริง”“ฉินหมิงเป็นแฟนหนูจริง ๆ !”หลี่เจียฮุ่ยกล่าวด้วยท่าทีที่นิ่งเฉย“อย่ามาใช้มุกนี้นะ!”“ตอนที่อยู่ที่บ้าน แกบอกว่าเขาแค่เป็นเพื่อนร่วมมหาลัยแกไม่ไม่ใช่หรือไง ตอนนี้ทำไมจู่ ๆ ถึงเป็นแฟนแกได้ล่ะ!”“แกคิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบที่จะหลอกง่าย ๆ อย่างงั้นเหรอ!”เจียงหลานจ้องมองลูกสาวของเธออย่างดุเดือด โดยไม่เชื่อ“เมื่อกี้หนูกังวลว่าแม่กับพ่
ฉินหมิงหยุดชั่วคราวและพูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง "ผมพอมีทักษะการแพทย์แผนจีน ผมแค่มองไปที่ผิวของคุณ ผิวของคุณดูคล้ำ นี่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่เป็นลางไม่ดีแล้ว"“ถ้าผมวินิจฉัยไม่ผิดล่ะก็ คุณคงจะหมกมุ่นอยู่กับเซ็กส์มากเกินไป และร่างกายของคุณก็ถูกขับเคลื่อนด้วยสุราและเซ็กส์ มันเลยทำให้เจ้าชายน้อยของคุณค่อย ๆ …““ผมเตือนด้วยใจจริงนะครับ หากคุณยังคงไม่ควบคุมตัวเอง คุณอาจกลายเป็นคนไร้ค่าเลยก็ได้นะครับ อันตรายถึงชีวิตได้เลยนะครับ!”ฉินหมิงเพียงระบุการวินิจฉัยของเขาอย่างง่าย ๆ “อะไรนะ?”เจียงหลานและคนอื่น ๆ ตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้แม้ว่าฉินหมิงจะพูดด้วยภาษาสุภาพ แต่พวกเขาก็เข้าใจว่าสิ่งที่ฉินหมิงหมายถึงคืออะไร ตอนนี้สุขภาพของนายน้อยโหวเสียหายหนัก เขาไม่เก่งเรื่องอย่างว่าอีกต่อไปและถึงขั้นอันตรายต่อชีวิต!ตอนนี้ไม่รู้ว่าฉินหมิงพูดจริงหรือพูดกุสร้างเรื่อง พวกเขาก็สับสนจะแย่อยู่แล้วแต่พวกเขาไม่เคยเห็นทักษะการแพทย์ชั้นสูงของฉินหมิงมาก่อน ทุกคนคิดว่าฉินหมิงคงพูดเรื่องไร้สาระ!“แก…แกรู้ได้ยังไง?”นายน้อยโหวถึงกับชะงัก เขาถามขึ้นโดยไม่รู้ตัวเนื่องจากเขาติดสุราติดผู้หญิง ร่างกายของเขาหนักอ
นายน้อยโหวรีบอธิบายทันที“ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ”ความคิดของทุกคนเปลี่ยนไป และพวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่นายน้อยโหวพูดนั้นพูดนั้นสมเหตุสมผล และพวกเขาก็มีข้อสงสัยเกี่ยวกับคำพูดของฉินหมิงโดยเฉพาะสองสามีภรรยาอย่างหลี่เหวินไห่กับเจียงหลาน เขาสองคนรู้ว่าหน้าที่การงานของฉินหมิงก็แค่เลขาของบริษัทเครื่องสำอาง เงินเดือนไม่ได้เท่าครึ่งหนึ่งของอาชีพหมอด้วยซ้ำยิ่งไปกว่านั้นฉินหมิงไม่ได้ตรวจร่างกายของนายน้อยโหวตั้งแต่ต้น แต่เพียงยืนยันว่าสุขภาพของนายน้อยโหวไม่ดี ถ้านี่ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้าพูดมันจะเป็นอะไรได้อีก!“นายน้อยโหว คุณพูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกนะครับ!”“การแพทย์แผนจีนให้ความสำคัญกับการมองเห็น การได้ยินและความรู้สึก ดูลมหายใจ บ่งบอกว่าร่างกายของคุณป่วยได้ โดยไม่ต้องตรวจร่างกาย…”ฉินหมิงพูดจาฉะฉานจนแทบไม่ได้พูดคุยเรื่องความลึกลับของการแพทย์กับเขาเลย“แกหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“นี่ ฉันให้เวลาแกสิบวินาที แกรีบไสหัวออกไปซะ!”“ถ้าแกไม่ไสหัวไปล่ะก็ อย่ามาหาว่าฉันไม่เกรงใจแกก็แล้วกัน!”นายน้อยโหวโกรธมากจนตัวสั่นไปทั้งตัวฉินหมิงกระโดดออกมาเพื่อขัดขวางสถานการณ์ครั้งแล้วครั้งเล่า และเขาก็ทนไ
บอดี้การ์ดสองคนของนายน้อยโหวที่อยู่ตรงหน้าทั้งดูสูงและทรงพลัง พวกเขาต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ พวกเขาสามารถจัดการกับคนตัวเล็ก ๆ อย่างฉินหมิงได้อย่างแน่นอน“ก็ได้ค่ะ งั้นก็เชิญพวกคุณต่อได้เลยค่ะ!”หลี่เจียฮุ่ยพยักหน้า และหลีกทางให้หา?ทุกคนตกตะลึง พวกเขาทั้งหมดคิดว่าหลี่เจียฮุ่ยจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ไม่มีใครคาดถึงว่าหลี่เจียฮุ่ย จะออกไปให้พ้นทางอย่างเชื่อฟังนี่ค่อนข้างเกินความคาดหมายของพวกเขาแต่ก็ถือว่าดี เกรงว่าทั้งสองฝ่ายจะเข้ามาและทำร้ายหลี่เจียฮุยโดยไม่ตั้งใจ!“จัดการมันให้ฉัน!”“หักขาข้างหนึ่งของมันเพื่อเป็นการลงโทษ!”นายน้อยโหวเยาะเย้ยและเขาก็โบกมือและออกคำสั่งให้โจมตีโดยปราศจากความไตร่ตรองในใจ“นี่แก มานอนลงซะดี ๆ !”บอดี้การ์ดทั้งสองยิ้มอย่างดุร้าย ออร่าของพวกเขาดุร้ายมากและพวกเขาก็รีบไปหาฉินหมิงพลั่ก! พลั่ก!หลังจากการปะทะกันอย่างรุนแรงสองครั้ง ทุกคนรู้สึกว่าดวงตาของพวกเขาเบลอ ฉินหมิงโจมตีอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าและเตะสองครั้งติดต่อกันกระแทกหน้าอกของบอดี้การ์ดทั้งสอง เขาพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว กระแทกจนทั้งสองปลิวราวกับบินไปข้างหลังด้วยความเร็วปัง
หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งการต่อสู้นี้ เขาเองก็ได้สั่งสมเส้นสายไว้พอสมควร นอกจากตระกูลเจียแล้วยังมีตระกูลซูและตระกูลโจวที่ความสัมพันธ์ก็ถือว่าไม่เลวโดยเฉพาะตระกูลซู ไม่เพียงแต่มีข้อตกลงที่ดีกับเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทยาอีกด้วยด้วยสายสัมพันธ์ของเขา เขาอาจไม่สามารถแข่งขันกับนายน้อยสายตรงของตระกูลใหญ่ได้ แต่เขาก็ยังไม่สนใจคนชั้นต่ำเช่นนายน้อยโหว!“ความกล้าของฉันก็คือเงินกับอำนาจนี่ไง!”“เมื่อกี้แกทำร้ายคนของฉัน ถือจงใจทำร้ายผู้อื่น ตอนนี้ฉันจะแจ้งตำรวจจับแก!”“พอถึงตอนนั้นแกรอตำรวจมาจับแกส่งโรงพักได้เลย!”นายน้อยโหวยกยิ้มและยกมือถือขึ้นมา”คุณนี่จริง ๆ …”“นี่คุณโหว ก็เห็นอยู่ว่าเป็นคนที่หาเรื่องฉินหมิงก่อน ทำไมคุณถึงได้โยนความผิดไปให้ฉินหมิงล่ะ?”“คุณนี่มันหน้าไม่อายจริง ๆ !1หลี่เจียฮุ่ยตกตะลึงและโกรธ เธอเคยเห็นคนไร้ยางอายมาก่อน แต่เธอไม่เคยเห็นใครหน้าด้านเท่านายน้อยโหวมาก่อน!“ไม่ว่าใครลงมือก่อน ตามกฏหมายแล้ว คนที่เริ่มทำร้ายคนอื่นจะต้องชดใช้เรื่องค่าหมอค่ายา นี่คือความจริงขั้นพื้นฐานที่สุด! "“แต่คนจน ๆ อย่างมัน ผมเดาได้เลยว่าคงไม่มีเงินชดใช้ คุณรอ
ถึงตอนนั้น ตราบเท่าที่นายน้อยโหวใช้เส้นสายบางอย่าง ในอนาคตไม่แน่ฉินหมิงอาจได้เข้าไปนอนอยู่ในคุกจริง ๆ!“เจียฮุ่ย ไม่ต้องกังวลไปหรอก เขาอยากแจ้งตำรวจก็ปล่อยให้เขาแจ้งไป!”“ฉันอยากจะเห็นเหมือนกันว่าเขามีความสามารถมากแค่ไหน สามารถกลับขาวให้เป็นดำ ปิดท้องฟ้าด้วยมือข้างเดียวได้จริง ๆ เหรอ!”ฉินหมิงยิ้มอย่างเหยียดหยามสมัยนี้กฎหมายไม่ใช่ของเล่น ๆ ตำรวจมักจะดำเนินการตามกฎหมาย ไม่อาจจับกุมคนตามอำเภอใจได้คำพูดนี้ของนายน้อยโหวทำได้เพียงข่มขู่คนธรรมดาอย่างหลี่เจียฮุ่ยให้กลัว แต่พวกเขาไม่สามารถทำให้เขากลัวได้!นอกจากนี้เขายังมีเส้นสายบางอย่างอยู่ข้างหลังเขาด้วย ถ้านายน้อยโหวกล้าเล่นสกปรก นั่นเท่ากับรนหาที่ตาย!“ไอ้หนู ฉันให้โอกาสนายแล้ว ในเมื่อนายไม่เห็นค่าของมัน ถ้างั้นจะมาโทษฉันไม่ได้!”นายน้อยโหวหักใจ เตรียมที่จะโทรแจ้งตำรวจ ให้ฉินหมิงได้ลิ้มรสผลที่ตามมาจากการเป็นปฏิปักษ์กับเขา!ในเวลานี้เอง ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้ารวดเร็วดังขึ้น ขัดขวางการกระทำของนายน้อยโหว“ใครกล้ามาก่อปัญหาในโรงแรมของฉัน”“บังอาจมากจริง ๆ!”เสียงตะโกนด้วยความโกรธดังขึ้นจากนั้นชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปี สวมชุด