“คืออย่างนี้นะคะ ลูกค้าของเฉิงซิ่งเป็นชายหนุ่มและมีแนวโน้มมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยด้วยโชคลาภอย่างน้อยหนึ่งหมื่นล้าน เฉิงซิ่งกับหนูอยากจะแนะนำเจียฮุ่ยให้เขารู้จักสักหน่อยน่ะค่ะ... "“ไม่ทราบว่าคุณอาทั้งสองมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างคะ?”หลี่เยี่ยนอธิบายสถานการณ์โดยย่อ“จริงเหรอ? เยี่ยมไปเลย!”หลี่เหวินไห่กับเจียงหลานสองสามีภรรยาถึงกับดีใจใหญ่ความมั่งคั่งของอีกฝ่ายมีมากกว่าหนึ่งหมื่นล้าน ซึ่งในสายตาของพวกเขาคือมหาเศรษฐีแม้ว่าสองสามีภรรยาไม่เคยคิดอยากจะส่งลูกให้กับเศรษฐี แต่ในเมื่อโอกาสมาถึงตรงหน้าแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาเองก็อยากจะลองมันสักตั้งถ้าลูกสาวตนโชคดีจริงจนถูกฝ่ายตรงข้ามเลือก ต่อไปเธอก็จะสุขสบายราวกับหงส์ก็ไม่ปาน!“คุณอารองคะ คุณอาสะใภ้รองคะ เห็นคุณอาพูดกันอย่างนี้แล้ว คุณอาเห็นด้วยใช่ไหมคะ?“ใบหน้าหลี่เยี่ยนดีใจจนแก้มจะปริ“อื้ม พวกอาเห็นด้วย”หลี่เหวินไห่กับเจียงหลานพยักหน้า“ไม่ได้นะคะ!”“พี่เยี่ยน น้ำใจของพี่ฉันรับมันไว้ แต่เรื่องนัดบอดฉันรับมันไว้ไม่ได้!”หลี่เจียฮุ่ยตกตะลึงแล้วรีบปฏิเสธทันทีแม่ว่าเรื่องนัดบอดจะเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีความรู้สึกพื้
เพื่อที่จะรั้งหลี่เจียฮุ่ยไว้ เจียงหลานจึงต้องยอมเห็นด้วยกับคำขอของหลี่เจียฮุ่ยในเวลานี้ เสียงรถยนต์ก็ได้ดังขึ้น รถสปอร์ตระดับไฮเอนด์อันล้ำค่าขับจอดไปที่ประตูโรงแรมประตูรถเปิดออก ชายหนุ่มวัยประมาณยี่สิบหกยี่สิบเจ็ดปีได้ลงมาจากรถข้างหลังเขามีบอดี้การ์ดสองคนในชุดสูทและเนคไท เต็มไปด้วยรัศมียิ่งใหญ่และเอิกเกริก“นายน้อยโหว คุณมาแล้ว”“ผมได้ทำการจองห้องไว้แล้ว เชิญคุณตามผมมาได้เลยครับ”ใบหน้าของเฉิงซิ่งสว่างขึ้น และเขาก็ทักทายเขาด้วยสีหน้าดีใจ“อืม ไปสิ”ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเย่อหยิ่ง ไม่นานเขาก็เดินตามเฉิงซิ่งเข้าไปในโรงแรมและพบกับหลี่เหวินไห่ ฉินหมิง และคนอื่น ๆ “เฉิงซิ่ง คนพวกนี้คือ?”นายน้อยโหวขมวดคิ้ว”เอ่อ ผมแนะนำให้รู้จักสักเล็กน้อยนะครับ นี่คือแฟนสาวของผม หลี่เยี่ยน ส่วนอีกสองสามท่านนี้คือญาติของเธอ…”เฉิงซิ่งเตรียมตัวที่จะแนะนำ แต่ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกนายน้อยโหวขัดจังหวะซะก่อน“ญาติของแฟนคุณ?”“ที่คุณเชิญผมมาจะมาเจรจาร่วมมือหรือมางานเลี้ยงญาติกันแน่!”นายน้อยโหวตะคอกอย่างเย็นชาและแสดงความไม่พอใจ“นายน้อยโหวครับ คุณอย่าเพิ่งโกรธเลยนะครับ นี่คือลูกพี่ลูกน้องของแฟน
นายน้อยโหวพูดกึ่งปรึกษา แต่น้ำเสียงของเขาออกคำสั่ง“อะไรนะ? งานหมั้น?”“นี่คุณพูดตลกอะไรคะเนี่ย!”หลี่เจียฮุ่ยตกตะลึงมาก ถึงกับลุกพรวดยืนขึ้นเธอกับเขาเจอกันแค่ครั้งแรก ยังไม่ทันที่ทั้งสองฝ่ายจะมีความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน อีกทั้งเธอเองก็ไม่ได้ชอบท่าทีที่เย่อหยิ่งของนายน้อยโหวด้วยแต่ฝ่ายตรงข้ามกลับเอ่ยปากขอหมั้น เรื่องนี้เธอจะรับได้ยังไงกัน!“เอ่อนายน้อยโหว คุณกับเจียฮุ่ยยังไม่รู้จักนิสัยใจคอกันดี แล้วจะหมั้นเลยมันเร็วเกินไปหรือเปล่าครับ?”หลี่เหวินไห่และเจียงหลานทั้งสองคนเองก็ตกใจเช่นเดียวกัน “ไม่เร็วหรอกครับ ผมตกหลุมรักเจียฮุ่ยตั้งแต่แรกเห็น แค่นั้นก็เพียงพอแล้วล่ะครับ!นายน้อยโหวมองไปที่หลีเจียฮุ่ยด้วยท่าทางที่ค่อนข้างคลั่งไคล้“แต่ผมคิดว่า…”หลี่เหวินไห่ยังไม่ทันพูดอะไรออกมามาก ก็ถูกนายน้อยโหวยกมือขึ้นขัดจังหวะซะก่อน“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้นล่ะครับ!”“เพื่อแสดงความจริงใจที่ผมมี นี่คือบัตรธนาคารที่มีมูลค่ายี่สิบล้าน ถือว่าเป็นของขวัญหมั้นละกันนะครับ!“นายน้อยโหวหยิบบัตรธนาคารออกมาแล้วโยนมันลงบนโต๊ะอย่างภาคภูมิใจต่อหน้าหลี่เหวินไห่และเจียงหลานแต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยขาดแคลนผ
“อีกอย่าง นายน้อยโหวก็ตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบ และไม่ลังเลเลยที่จะจ่ายเงินยี่สิบล้านเป็นของขวัญงานหมั้น ซึ่งหาได้ยากมากนะและเขาก็จริงใจมากด้วย"“เธอต้องจับโอกาสนี้ไว้ดี ๆ นะ ไม่อย่างนั้นผ่านโอกาสเด็ดนี้ไปก็ไม่มีอีกแล้วนะ!”…หลี่เยี่ยนและเฉิงซิ่งรีบพูดกล่อมในตอนแรก พวกเขาแค่อยากเป็นแม่ชักพ่อสื่อไม่ได้มีความหวังสูงมากนัก แต่เหมือนพระเจ้าจะเข้าข้างพวกเขา เพียงแรกพบสบตานายน้อยโหวก็ตกหลุมรักหลี่เจียฮุ่ยทันทีมันช่างตรงใจกับพวกเขาซะจริงขอแค่หลี่เจียฮุ่ยตอบรับใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับนายน้อยโหว ต่อไปหากบริษัทของเฉิงซิ่งเข้าร่วมกิจการของโหวเอนเตอร์ไพรส์ อนาคตจะต้องสดใสอย่างแน่นอน!“เจียฮุ่ย แม่ลูกกับพี่หลี่เยี่ยนพูดมีเหตุผลนะ”“แม้ว่าลูกกับนายน้อยโหวจะเพิ่งรู้จักกัน ถึงจะยังไม่รู้จักมักคุ้น แต่ความรู้สึกของคนเราก็ค่อย ๆ เรียนรู้กันได้นะ ลูกก็หมั้นกับนายน้อยโหวก่อนแล้วค่อยพัฒนาความสัมพันธ์ในภายหลังก็ได้นะ "หลี่เหวินไห่ลังเลและพูดแนะนำสองสามคำท้ายที่สุดแล้ว ภูมิหลังทางครอบครัวของนายน้อยโหวนั้นดีมาก และเขาก็เป็นคนที่ร่ำรวยอย่างแท้จริงถ้าลูกสาวได้ใช้ชีวิตด้วยกันกับเขา ทั้งชีวิตก็ไม
“ทำไมถึงพูดไม่ได้?”“แกเองไม่มีปัญญาหาแฟนดี ๆ แบบนี้ได้แน่ พวกฉันอุตส่าห์หวังดีช่วยให้แกได้ลอง หรือว่าที่ฉันทำมันผิดอย่างนั้นเหรอ?”เจียงหลานระเบิดอารมณ์ออกมา“ก็หนูบอกไปแล้วไงคะ ไม่ใช่ว่าหนูไม่อยากหา แต่แค่เวลามันยังไม่ใช่แค่นั้นเอง…”หลี่เจียฮุ่ยที่ยังพูดไม่จบก็ถูกผู้เป็นแม่ขัดจังหวะซะก่อน“พอได้แล้ว ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวของแก!”“เอาเป็นว่า ฉันคิดว่านายน้อยโหวเองก็ไม่เลว ถ้าแกยังเห็นฉันกับพ่อแกอยู่ในสายตา แกก็ต้องฟังพวกฉัน หมั้นกันก่อนแล้วค่อยศึกษาดูใจกันทีหลัง”ถ้าแกไม่ตอบรับ แกก็อย่ากลับมาบ้าน จะไปไหนก็เรื่องของแก ฉันจะถือว่าบ้านนี้มันไม่เคยมีลูกสาวที่ไม่รักดีอย่างแก!”เจียงหลานดุด้วยความโกรธและยื่นคำขาด“แม่คะ…”“นี่แม่แกล้งหนูเหรอคะ?”หลี่เจียฮุ่ยโกรธมากและดวงตาของเธอแดงคนเป็นแม่ได้พูดเรื่องนี้แล้ว ถ้าเธอดึงดันปฏิเสธต่อไปก็คงเป็นลูกอกตัญญูแต่ถ้าเธอตอบรับการหมั้นไป และเธอเองก็ไม่ได้ชอบนายน้อยโหว ไม่สามารถข้ามอุปสรรคในใจนี้ได้ตอนนี้เธอสิ้นหวังอย่างมาก ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีฉินหมิงที่เห็นหลี่เจียฮุ่ยกำลังลำบากใจ เขาก็ไม่ได้ที่จะพูดเพื่อหาความยุติธรรมให้หลี่เจีย
เพียงแต่ว่าหลี่เจียฮุ่ยพูดทุกอย่างไปหมดแล้ว และเขาไม่สามารถปฏิเสธได้ทันที“เฉิงฮุ่ย นี่มันหมายความว่าอะไรกัน?”“ในเมื่อมีแฟนอยู่แล้ว คุณยังจะ… แล้วคุณจะให้ผมเชื่ออะไรได้อีก!”นายน้อยโหวจ้องมองที่เฉิงซิ่งด้วยความโกรธเฉิงซิ่งถึงกับชะงักและรีบพูดอธิบายทันที “นายน้อยโหวครับ อย่าเพิ่งโกรธไปเลยครับ เมื่อกี้คุณอาสะใภ้ก็บอกเจียฮุ่ยไม่มีแฟนนี่ครับ…”ด้วยเหตุนี้ ทั้งเฉิงซิงและหลี่เยี่ยนจึงหันไปสนใจเจียงหลาน และพยายามคิดว่าเกิดอะไรขึ้น“พวกเธออย่าไปฟังที่เจียฮุ่ยพูดซี้ซั้วนะ!”“เธอยังไม่มีแฟน เธอตั้งใจพูดโกหก!”เจียงหลานแทบจะโกรธควันออกหูอยู่แล้วคนเป็นแม่ย่อมรู้ใจลูกสาว ไม่นานเธอก็เดาออกว่าลูกสาวเธอคิดจะทำอะไร“หนูไม่พูดซี้ซั้วนะคะแม่ หนูพูดความจริง”“ฉินหมิงเป็นแฟนหนูจริง ๆ !”หลี่เจียฮุ่ยกล่าวด้วยท่าทีที่นิ่งเฉย“อย่ามาใช้มุกนี้นะ!”“ตอนที่อยู่ที่บ้าน แกบอกว่าเขาแค่เป็นเพื่อนร่วมมหาลัยแกไม่ไม่ใช่หรือไง ตอนนี้ทำไมจู่ ๆ ถึงเป็นแฟนแกได้ล่ะ!”“แกคิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบที่จะหลอกง่าย ๆ อย่างงั้นเหรอ!”เจียงหลานจ้องมองลูกสาวของเธออย่างดุเดือด โดยไม่เชื่อ“เมื่อกี้หนูกังวลว่าแม่กับพ่
ฉินหมิงหยุดชั่วคราวและพูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง "ผมพอมีทักษะการแพทย์แผนจีน ผมแค่มองไปที่ผิวของคุณ ผิวของคุณดูคล้ำ นี่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่เป็นลางไม่ดีแล้ว"“ถ้าผมวินิจฉัยไม่ผิดล่ะก็ คุณคงจะหมกมุ่นอยู่กับเซ็กส์มากเกินไป และร่างกายของคุณก็ถูกขับเคลื่อนด้วยสุราและเซ็กส์ มันเลยทำให้เจ้าชายน้อยของคุณค่อย ๆ …““ผมเตือนด้วยใจจริงนะครับ หากคุณยังคงไม่ควบคุมตัวเอง คุณอาจกลายเป็นคนไร้ค่าเลยก็ได้นะครับ อันตรายถึงชีวิตได้เลยนะครับ!”ฉินหมิงเพียงระบุการวินิจฉัยของเขาอย่างง่าย ๆ “อะไรนะ?”เจียงหลานและคนอื่น ๆ ตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้แม้ว่าฉินหมิงจะพูดด้วยภาษาสุภาพ แต่พวกเขาก็เข้าใจว่าสิ่งที่ฉินหมิงหมายถึงคืออะไร ตอนนี้สุขภาพของนายน้อยโหวเสียหายหนัก เขาไม่เก่งเรื่องอย่างว่าอีกต่อไปและถึงขั้นอันตรายต่อชีวิต!ตอนนี้ไม่รู้ว่าฉินหมิงพูดจริงหรือพูดกุสร้างเรื่อง พวกเขาก็สับสนจะแย่อยู่แล้วแต่พวกเขาไม่เคยเห็นทักษะการแพทย์ชั้นสูงของฉินหมิงมาก่อน ทุกคนคิดว่าฉินหมิงคงพูดเรื่องไร้สาระ!“แก…แกรู้ได้ยังไง?”นายน้อยโหวถึงกับชะงัก เขาถามขึ้นโดยไม่รู้ตัวเนื่องจากเขาติดสุราติดผู้หญิง ร่างกายของเขาหนักอ
นายน้อยโหวรีบอธิบายทันที“ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ”ความคิดของทุกคนเปลี่ยนไป และพวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่นายน้อยโหวพูดนั้นพูดนั้นสมเหตุสมผล และพวกเขาก็มีข้อสงสัยเกี่ยวกับคำพูดของฉินหมิงโดยเฉพาะสองสามีภรรยาอย่างหลี่เหวินไห่กับเจียงหลาน เขาสองคนรู้ว่าหน้าที่การงานของฉินหมิงก็แค่เลขาของบริษัทเครื่องสำอาง เงินเดือนไม่ได้เท่าครึ่งหนึ่งของอาชีพหมอด้วยซ้ำยิ่งไปกว่านั้นฉินหมิงไม่ได้ตรวจร่างกายของนายน้อยโหวตั้งแต่ต้น แต่เพียงยืนยันว่าสุขภาพของนายน้อยโหวไม่ดี ถ้านี่ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้าพูดมันจะเป็นอะไรได้อีก!“นายน้อยโหว คุณพูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกนะครับ!”“การแพทย์แผนจีนให้ความสำคัญกับการมองเห็น การได้ยินและความรู้สึก ดูลมหายใจ บ่งบอกว่าร่างกายของคุณป่วยได้ โดยไม่ต้องตรวจร่างกาย…”ฉินหมิงพูดจาฉะฉานจนแทบไม่ได้พูดคุยเรื่องความลึกลับของการแพทย์กับเขาเลย“แกหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“นี่ ฉันให้เวลาแกสิบวินาที แกรีบไสหัวออกไปซะ!”“ถ้าแกไม่ไสหัวไปล่ะก็ อย่ามาหาว่าฉันไม่เกรงใจแกก็แล้วกัน!”นายน้อยโหวโกรธมากจนตัวสั่นไปทั้งตัวฉินหมิงกระโดดออกมาเพื่อขัดขวางสถานการณ์ครั้งแล้วครั้งเล่า และเขาก็ทนไ