ความพยายามและเก่งขนาดนี้ ไม่สามารถวัดได้ด้วยเงินปันผลเพียงเล็กน้อยได้!แม้ว่าฉินหมิงจะขอสิทธิผู้ถือหุ้น เธอก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้ฉินหมิงพอใจ!“เขาไม่ใช่คนโง่นะ จะไม่พอใจได้อย่างไร…”หานซีกลอกตาแล้วพูดในปัจจุบันตามผลประโยชน์ที่มาจากบริษัท กำไรสุทธิประจำปีอยู่ที่อย่างน้อยสามถึงสี่หมื่นล้านหากฉินหมิงได้รับสิทธิ์ในการรับเงินปันผลสิบเปอร์เซนต์เขาจะได้รับเงินปันผลสามถึงสี่ร้อยล้านทุกปี นี่มันไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อยเลย!ถ้าต่อไปแม้ฉินหมิงไม่ทำงาน ก็มีเงินใช้ไปจนแก่!นี่เป็นเรื่องดีที่ไม่ต้องออกแรงสักนิด หานซีคิดว่าฉินหมิงคงไม่ว่าอะไรแน่!แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่เธอคิดยังไม่ทันจะคิดจบ คำพูดต่อมาของฉินหมิงเกือบจะทำให้ใบหน้าของเธอแตกเป็นเสี่ยง ๆ !“หว่านชิง ผมไม่ต้องการเงินปันผลอะไรหรอกครับ ผมแค่ต้องการ…”ฉินหมิงมองไปที่หานซี คำพูดอึก ๆ อัก ๆพอมีหานซีอยู่ข้าง ๆ มันทำให้เขาไม่สะดวกที่จะพูดออกมา“ฉินหมิง นี่นายบ้าไปแล้วเหรอ!”หานซีตกใจมากจนกรามของเธอแทบจะหล่นลงกับพื้นหลังจากวันงานเลี้ยงฉลอง เธอก็ได้รู้ว่าฉินหมิงนั้นเป็นเด็กกำพร้าเนื้อตัวแทบไม่มีอะไรเลยเมื่อฉินหมิงตกอยู่
เอ้าเฟิงถึงกับถอนใจเฮือกใหญ่ออกมา พยายามทำให้ตัวเองนั้นใจเย็นลง“นี่คุณอย่าบอกนะว่าจะขัดขวางการทำผลิตภัณฑ์?…”ตู้เซียวที่คิดอยู่ ไม่นานก็เข้าใจในสิ่งที่เอ้าเฟิงพูดครั้งที่แล้วเขาและเอ้าเฟิงได้ปรึกษาเรียบร้อยว่าจะจัดการฉินหมิงอย่างไร เพราะว่าจู่ ๆ ก็มีเรื่องการพัฒนาเวชสำอางและการกลั่นวัตถุดิบที่เพิ่มเกิดขึ้น ทั้งสองคนจึงต้องระงับแผนนี้เอาไว้ชั่วคราวแต่ตอนนี้ทั้งสองเรื่องนี้ก็ได้มีผลสรุป มันจึงถึงเวลาที่เขาจะดำเนินการตามแผนที่คิดกันเอาไว้ซักที!“ใช่ครับ!”“ผมคิดแผนที่จะจัดการเรียบร้อยแล้ว รับประกันได้เลยไม่มีทางผิดได้…”เอ้าเฟิงหัวเราะออกมา เขากวักมือให้ตู้เซียวเข้ามาใกล้ ๆ เพื่อบอกแผนการของเขาอย่างละเอียด “ดีครับ นี่เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ !”“ขอแค่แผนดำเนินไปอย่างราบรื่น เท่านี้ฉินหมิงจะต้องรีบเผ่นออกไปจากบริษัทแน่นอน!”ดวงตาตู้เซียวเป็นประกาย เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา“มันต้องเป็นแบบนั้นแน่นอนครับ!”“ตอนนี้คุณทำตามแผนของผมไปก่อน ครั้งนี้ผมจะทำลายชื่อเสียงของมันให้มันไม่มีที่ยืนอีกเลย!”ในดวงตาของเอ้าเฟิงแอบซ่อนรังสีอำมหิตเอาไว้…เวลาช่วงบ่ายฝ่ายบุคคลของ
“ผมหวังว่าคุณจะใช้เขาให้เกิดประโยชน์ในอนาคตนะครับ!”“อ้อ อย่างนั้นเหรอ?”“เขามีความสามารถขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ?”หลินหว่านชิงคาดไม่ถึง“จริงซะยิ่งกว่าจริงอีกครับ!”“ถ้าคุณไม่เชื่อล่ะก็ ถามหานซีได้เลยครับ”ฉินหมิงชี้ไปทางหานซีที่อยู่ด้านข้าง“อืม ที่ฉินหมิงพูดมาน่ะถูกแล้ว รองผู้อำนวยการกัวท่านนี้มีความสามารถจริง ๆ”หานซีพยักหน้าหลายวันมานี้เขาอยู่ที่โรงงานกับฉินหมิงตลอด ความสามารถของรองผู้อำนวยการกัวเธอก็เคยเห็นมาแล้ว นับว่าเป็นคนที่มีความสามารถดีคนหนึ่ง“ดูเหมือนว่าเขาจะมีความสามารถบางอย่างนะเนี่ย!”“งั้นเอาอย่างนี้ ผู้อำนวยการเซี่ยของสาขาที่สองจะเกษียณในหนึ่งเดือนแล้ว รอให้ผู้อำนวยการเซี่ยเกษียณ ฉันจะย้ายรองผู้อำนวยการกัวไปดำรงตำแหน่งแทนละกัน"หลินหว่านชิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดเนื่องจากได้ฟังฉินหมิงและหานซีแนะนำ เธออดไม่ได้ที่จะเห็นความสำคัญของรองผู้อำนวยการกัว“ดีครับ”ใบหน้าฉินหมิงดีใจ จากนั้นเหมือนเขายะคิดอะไรได้บางอย่างเลยพูดเสริมไปว่า “ประธานหลินครับ ผมยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”“เกี่ยวกับเงินปันผลสิบเปอร์เซ็นต์ ผมไม่สามารถรับไว้คนเดียวได้ ผมคิดว่าควรจะแบ่งให้รองผ
“ฉินหมิง ครั้งนี้ฉันให้รางวัลนายด้วยเงินปันผลสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่เพราะนายพัฒนาเวชสำอางและเพิ่มประสิทธิภาพในการกลั่นวัตถุดิบอย่างเดียว แต่ยังเป็นเพราะนายช่วยให้บริษัทได้รับความร่วมมือจากกลุ่มธุรกิจโจวกรุ๊ปด้วย"“รางวัลนี้นายควรจะรับไว้ ไม่ต้องแบ่งให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น!”“อีกทั้งเรื่องของรองผู้อำนวยการกัว ผู้บริหารระดับสูงทุกคนของบริษัทของเรามีสิทธิ์ในการรับเงินปันผลตามความรับผิดชอบและผลงานของพวกเขาอยู่แล้ว”“แค่รองผู้อำนวยการกัวได้เข้าไปเป็นผู้อำนวยการโรงงาน เขาก็จะเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทและเขาจะได้รับสิทธิ์ในการจ่ายเงินปันผลตามเกณฑ์เมื่อถึงเวลา นายไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเขาเลย!"หลินหว่านชิงพูดอย่างชัดเจนผู้บริหารส่วนใหญ่ของบริษัทมีสิทธิ์ในการรับเงินปันผลประมาณหนึ่งหรือสองเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนเอ้าเฟิงและหานซีได้เพียงประมาณแปดเปอร์เซ็นต์ถึงหกเปอร์เซ็นต์เท่านั้นคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็ได้ทำงานกับเธอมากกว่าสองปีแล้ว และทุกคนก็มีส่วนช่วยเหลือบริษัทอย่างมากหากรองผู้อำนวยการกัวช่วยฉินหมิงเพียงเล็กน้อยและเขามีสิทธิ์ได้รับเงินปันผลถึงห้าเปอร์เซ็นต์แล้วเธอจะอธิบายให้ผู้บร
“เรื่องที่ควรถามก็ถาม เรื่องทีไม่ควรถามก็ไม่ควรถาม!”“เอาเป็นว่า คุณทำตามนี้ละกัน!”ผู้อำนวยการหวงพูดอย่างไม่สบอารมณ์“ผม…”สีหน้าของกัวลี่โกรธขึ้น จากนั้นก็กัดฟันตอบ “ผู้อำนวยการหวงขอโทษนะครับ เรื่องนี้ผมคงทำให้คุณไม่ได้!”ผู้อำนวยการหวงมองอย่างเย็นชา “ไม่ทำงั้นเหรอ?”“ได้ งั้นคุณก็เก็บข้าวของแล้วไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ!”“พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานแล้ว!”“อะไรนะครับ?”“ได้ไงครับ!”“ผู้อำนวยการหวง ผมทำงานที่บริษัทนี้ร่วมจะสิบปีแล้วนะครับ ผม…”กัวลี่ตกใจมาก เขาอยากจะพูดอะไรออกมาบ้าง แต่คำพูดนั้นก็ถูกผู้อำนวยการหวงขัดซะก่อน“อย่างนั้นคุณก็ทำซะสิ!”“ไม่อย่างก็ไสหัวออกไปซะ!”“ควรจะเลือกทางไหน ก็คิดเอาเองละกัน!”ผู้อำนวยการหวงพูดอย่างเย็นชา“แต่ว่า…”“ไม่มีแต่!”“ฝ่ายบุคคลออกประกาศชื่นชมฉินหมิงซะขนาดนั้น คุณคงจะเห็นแล้วใช่ไหมล่ะ?”“หลายวันมานี้คุณช่วยเหลือเขา แม้ว่าไม่มีบทบาทมากแต่ก็ทำงานอย่างยากลำบากแต่กลับไม่ได้รางวัลสักสตางค์แดงเดียว“มันคุ้มแล้วเหรอ ที่จะตกงานให้กับคนหน้าหนาแบบนี้!”ผู้อำนวยการหวงหัวเราะเยาะกัวลี่ที่กำลังจะอ้าปากพูด แต่ก็เก็บไว้ในใจเช่นเดียวกับที่ผู้
“โอเคครับ”ฉินหมิงพยักหน้าเขายังเชื่อในความสามารถของรองผู้อำนวยการ เขาจึงลงนามในเอกสารทันทีจากนั้นผลิตภัณฑ์ชุดนี้ถูกขนขึ้นรถบรรทุกขนาดใหญ่หลายคันส่งไปยังกลุ่มธุรกิจโจวกรุ๊ปทันทีณ กลุ่มธุรกิจโจวกรุ๊ปหลังจากที่โจวเจี้ยนได้รับผลิตภัณฑ์ที่ส่งจากกลุ่มธุรกิจอานิสทรี กรุ๊ป เขาก็ได้สุ่มเลือกตัวอย่างบางส่วนและมอบให้กับคนในแผนกวิจัยและพัฒนาของบริษัทเพื่อทำการทดสอบธุรกิจคือธุรกิจ มิตรภาพคือมิตรภาพแม้ว่ามิตรภาพระหว่างเขากับฉินหมิงจะดีไม่น้อย แต่ครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกลุ่มธุรกิจอานิสทรี กรุ๊ปและกลุ่มธุรกิจโจวกรุ๊ป เขาจะต้องสุ่มตรวจสอบเพื่อป้องกันเกิดปัญหา ผ่านไปไม่นานผู้อำนวยการแผนกวิจัยและพัฒนาของบริษัทเข้ามาพร้อมรายงานผลการทดสอบ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ“ผู้อำนวยการหลัวการทดสอบเป็นอย่างไรบ้าง น่าจะไม่มีปัญหาใช่ไหม?”โจวเจี้ยนถามเขารู้จักตัวตนฉินหมิงเป็นอย่างดี จากตัวตนที่ตรงไปตรงมาของฉินหมิง เขารู้สึกว่าผลิตภัณฑ์ของกลุ่มธุรกิจอานิสทรี กรุ๊ปไม่มีปัญหาแน่นอนเขาเพียงแค่อยากจะตรวจเช็กให้แน่ใจก็เท่านั่น ไม่ได้มีความคิดอื่น ๆ “ขออนุญาตแจ้งประธานโจวครับ ว่าสินค
นี่แสดงว่าปัญหาร้ายแรงแสนสาหัส!“ไม่ ปัญหานี้ใหญ่เกินไป!”"ฉันต้องโทรหาคุณฉินทันที!"ใบหน้าของโจวเจี้ยนเคร่งขรึมขึ้น เขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกดหมายเลขของฉินหมิงที่โรงงาน… หลังจากได้รับโทรศัพท์จากโจวเจี้ยนแล้ว ฉินหมิงก็ถึงกับตื่นตะลึง!เขาไม่เคยคิดเลยว่าสินค้าจะมีปัญหาร้ายแรงขนาดนี้!ไม่เพียงเท่านั้นเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความโกลาหลภายในบริษัทขึ้นทันทีอย่างฉับพลันและหลินหว่านชิงและผู้บริหารของบริษัทคนอื่น ๆ ก็ตื่นตระหนกในทันทีทรัพย์สินรวมของกลุ่มธุรกิจอานิสทรี กรุ๊ปซึ่งมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้าน ขณะนี้เวชสำอางระดับไฮเอนด์ชุดแรกมูลค่าห้าสิบล้านไม่เพียงถูกทำลายเท่านั้น แต่ยังอาจเผชิญกับความเสี่ยงต้องชดใช้เงินจำนวนห้าร้อยล้านให้กับโจวกรุ๊ปอีกด้วย!นับตัั้งแต่บริษัทดำเนินกิจการมา นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่มีเรื่องร้ายแรงเช่นนี้เกิดขึ้น!ไม่ว่าใคร ๆ ก็คงจินตนาการได้ว่าสถานการณ์นั้นวิกฤติเพียงใด!หลังจากนั้น หลินหว่านชิงได้จัดการประชุมฉุกเฉินขึ้นทันทีและแจ้งให้ฉินหมิงและหานซีรวมถึงผู้อำนวยการหวงและรองผู้อำนวยการกัวซึ่งมีรับผิดชอบด้านการผลิตให้รีบไปที่สำนักงานใหญ่เพื่อประช
“รองประธานเอ้าพูดถูก!”“ครั้งนี้เลขาฉินสร้างความสูญเสียครั้งใหญ่ให้กับบริษัทและต้องถูกไล่ออก!”"ในเวลาเดียวกัน เราก็มีสิทธิ์ให้เขารับผิดชอบตามกฎหมายด้วย!"…ผู้บริหารทุกคนเต็มไปด้วยความโกรธและความขุ่นเคือง“ฉินหมิง คุณมีอะไรจะพูดอีกไหม?”หลินหว่านชิงระงับความโกรธและเอ่ยปาก"ผมไม่มีอะไรจะพูด"“เรื่องในครั้งนี้มันเป็นความผิดของผมทั้งหมด และผมก็ยินดีที่จะยอมรับการลงโทษทั้งหมดด้วย…”ฉินหมิงพูดด้วยสีหน้าขมขื่นเขายังไม่เข้าใจว่าเหตุใดไอโซบิวทานอล ไฮดรอกซิเบนโซเอตถึงมาปรากฏอยู่ในผลิตภัณฑ์อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้ เขาไม่รู้ว่ามันเป็นความผิดพลาดของเขาเองหรือเพราะมีเหตุผลอื่นแต่ทว่าสิ่งหนึ่งที่เขาตระหนักดีก็คือในฐานะผู้รับผิดชอบการผลิตในครั้งนี้ เขาต้องถูกตำหนิอย่างแน่นอน!แต่นี่ไม่ใช่ประเด็น สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือเขาคิดว่าเขาทำลายความคาดหวังที่หลินหว่านชิงมีในตัวเขา เขารู้สึกผิดมากและไม่อยากจะเผชิญหน้ากับหลินหว่านชิงเลยตอนนี้เขาแค่อยากจะทำตัวเป็นลูกผู้ชายและแบกรับความรับผิดชอบของตัวเองอย่างกล้าหาญ เพื่อไม่ให้หลินหว่านชิงโกรธไปมากกว่านี้เท่านั้นแต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือยิ่งเขา