แม้ว่านางจะรู้ว่าเฉียวเนี่ยนกำลังพยายามยั่วยุนาง แต่นางก็ทนเงียบไม่ได้อีกต่อไปแล้วแม้จะรู้ดีว่าวันนี้ที่นางแกล้งเป็นลมเป็นความคิดของพี่ชาย แต่หากพี่ชายได้ยินคำพูดเหล่านี้ พี่ชายต้องเสียใจมากเป็นแน่!นางไม่อยากให้พี่ชายเข้าใจนางผิด!ในตอนนี้ นางสูดหายใจลึกกว่าเดิม "ท่านพี่ไม่จำเป็นต้องยั่วยุข้าเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าจะไปคุกเข่าที่โถงบรรพบุรุษให้เดี๋ยวนี้แหละ! เพียงแต่ ข้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ แม้ว่าท่านย่าจะไม่อยากพบข้า ข้าก็ต้องไปขอขมาท่านย่าอยู่ดี!"หลังจากพูดเช่นนั้น นางก็หันไปทางเรือนของฮูหยินเฒ่าแล้วคุกเข่าลง พูดทั้งน้ำตาคลอเบ้าด้วยเสียงอันอ่อนโยนของนาง "ท่านย่า ยวนเอ๋อร์สำนึกผิดแล้ว ยวนเอ๋อร์ไม่กล้าทำให้ท่านย่าโกรธอีกแล้ว ท่านย่าโปรดอภัยให้ยวนเอ๋อร์ด้วยเถอะเจ้าค่ะ!"เมื่อพูดจบ นางก็ก้มหัวคำนับทางเรือนของฮูหยินเฒ่าสามครั้งทำให้ดูเหมือนนางรู้สึกผิดมากจนต้องร้องไห้ออกมาเฉียวเนี่ยนคิดในใจว่า หลินยวนคงไม่ได้กำลังรู้สึกว่าตัวเองกตัญญู ให้ความสำคัญกับความรู้สึกและความยุติธรรมเสียเต็มประดา จนทำให้คนอื่นเห็นแล้วรู้สึกตื้นตันใจอยู่หรอกนะ?เหอะ เห็นได้ชัดว่ามีเพียงแต่ความน่าขัน!ท่านย
ฉากนี้ได้ถูกหลินยวนที่กำลังอิดออดอยู่บังเอิญเห็นเข้านางเบิกตากว้างในทันที ไม่รู้ว่าเหตุใดเซียวเหิงกับเฉียวเนี่ยนถึงได้กอดกันอยู่!ทันใดนั้นเสียงของเซียวชิงหน่วนก็ดังขึ้นในหัวนางเคยพูดว่าเฉียวเนี่ยนจั้งใจยั่วยวนเซียวเหิง...เพราะอย่างนั้น ที่เมื่อครู่นี้เฉียวเนี่ยนให้นางไปคุกเข่าในโถงบรรพบุรุษ ก็เพื่อกีดกันนาออกไป จะได้ยั่วยวนท่านพี่เหิงได้สะดวก?ในใจนางสับสนสุดขีด นางอยากจะพุ่งไปถามพวกเขาทั้งสอง ทว่า...นางกลับกลัวมากเช่นกันประโยคที่เซียวเหิงพูดที่ถนนชุนซานนั้นยังคงดังอยู่ข้างหู นางรู้ดีอยู่แล้วว่าในใจท่านพี่เหิงคิดอย่างไร และนางกลัวว่าถ้านางรีบไปถามเขา นางคงจะเป็นเหมือนพวกภรรยาหลวงที่ไม่มีใครรักในหนังสือนิทานนางกลัวว่าเซียวเหิงจะอยู่ข้างเฉียวเนี่ยน และปกป้องเฉียวเนี่ยนอย่างที่ปกป้องนางเมื่อครู่นี้หากเป็นเช่นนั้นขึ้นมาจริงๆ ตำแหน่งของนางและเฉียวเนี่ยนในหัวใจของเซียวเหิงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าสะเทือนใจหรือ?ไม่ นางไม่ต้องการเช่นนั้น!นางยอมให้เซียวเหิงมีพื้นที่ให้เฉียวเนี่ยนในใจได้ แต่พื้นที่ที่สำคัญที่สุดในใจนั้นต้องเป็นนาง!เช่นนั้น นางจึงรีบละสายตา ปล่อยให้น้ำต
สายตาของเซียวเหิงถูกหนิงซวงดึงดูดไว้ ในที่สุดก็ละสายตาจากใบหน้าของเฉียวเนี่ยนได้"เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร?"เจาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา เสียงแผ่วเบานั้นกลับให้ความรู้สึกราวกับก้อนหินขนาดใหญ่ กระแทกหนิงซวงถอยหลังได้อย่างง่ายดายหนิงซวงไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำด้วยเกรงว่าหากพูดออกไปอีก จะโดนเซียวเหิงตัดลิ้นออกไปนางคิดแค่ว่ายังดีที่ที่นี่คือจวนโหว ต่อให้แม่ทัพเซียวจะโกรธสักแค่ไหน แต่ก็คงไม่ลงมือทำอะไรคุณหนูหรอกใช่ไหม?เซียวเหิงมองไปยังเฉียวเนี่ยนอีกครั้ง ภาพใบหน้าที่เคยดีใจสุดขีดเมื่อได้เจอเขากับภาพใบหน้าในตอนนี้ที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวซ้อนทับกันขึ้นมาในหัวเขาความรู้สึกแปลกๆ เกิดขึ้นในใจของเขาโดยไม่มีเหตุผลและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเขาขมวดคิ้วและถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "เจ้าจะมาเอง หรือให้ข้าเดินไปหา?"ดูเหมือนว่าเขาต้องการใช้คำถามที่คุกคามเช่นนี้เพื่อที่จะอยู่เหนือเธออีกครั้งแต่ไม่คิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะยืนที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อนนางไม่เข้าใจว่าคำพูดของเซียวเหิงในตอนนี้หมายความว่าอย่างไร แต่นางรู้คำตอบ"แม่ทัพเซียวไม่จำเป็นต้องเดินมาหรอก ข้าเองก็จะไม่เดินไป ระยะห่างที่เห็นอยู่นี้
ในที่สุดเฉียวเนี่ยนก็ได้พบฮูหยินเฒ่าตอนที่นางมาถึง ฮูหยินเฒ่าก็เพิ่งดื่มยาไปพอดีและกำลังนั่งพิงหัวเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง จนกระทั่งได้ยินเสียงซูมามาบอกว่าเฉียวเนี่ยนมาแล้ว ฮูหยินเฒ่าถึงได้มีท่าทางราวกับว่ามีเรี่ยวมีแรงขึ้นมา และนั่งอย่างปกติ"ท่านย่า!" เฉียวเนี่ยนเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็วก่อนมานางได้บอกกับตัวเองแล้ว ว่าเมื่อพบท่านย่าจะต้องไม่ร้องไห้ ด้วยเกรงว่าท่านย่าจะไม่สบายใจแต่ตอนนี้เมื่อเห็นท่าทีอ่อนแอผอมผ่ายของท่านย่า น้ำตาของนางก็หยดลงมาอย่างห้ามไม่ได้เพิ่งจะผ่านไปไม่ทันไร!เมื่อเทียบกับตอนท่านย่ากลับมาถึงจวนโหวับนางแล้วก็ดูเหมือนเป็นคนละคนบนใบหน้าไร้ซึ่งสีสันใดๆ นอกจากนี้ทั้งตัวยังให้ความรู้สึกราวกับกำลังโรยราเฉียวเนี่ยนมองฮูหยินเฒ่าแค่ปราดเดียวก็รู้สึกใจสลายฮูหยินเฒ่ากลับยิ้ม ยกมือขึ้นปาดน้ำตาของเฉียวเนี่ยน "หลานรักของย่า ลำบากแย่เลย..."ฮูหยินเฒ่าไม่รู้เรื่องที่เฉียวเนี่ยนโดนฮูหยินหลินทุบศีรษะ ที่พูดนั้นหมายถึงเรื่องที่หลินเย่ว์ทำร้ายนางเพื่อที่จะปลอยใจฮูหยินเฒ่า เฉียวเนี่ยนรีบส่ายหน้า "ไม่เลยเจ้าค่ะ หลานหนีออกมาได้แล้ว หลานเก่งจะตายไป!""ดีแล้ว ดีแล้ว!" ฮูห
นัดพบนางอีกแล้วสำหรับการนัดหมายครั้งล่าสุด แม้ว่าสุดท้ายจะไม่ใช่ความผิดของหมิงอ๋อง แต่มันทิ้งรอยแผลไว้ในใจนางจริงๆ และนางก็ไม่อยากตอบรับการนัดหมายเลยแต่เมื่อนึกถึงว่านางไม่ได้พบกับหมิงอ๋องอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น ในฐานะที่เขาเป็นคู่หมั้น ไม่แปลกที่เขาจะเป็นห่วงนางหากไม่ไปก็ดูใจร้ายไปหน่อยขณะที่นางลังเล นางก็ได้ยินหนิงซวงพูดว่า "คุณหนูเจ้าคะ ฤดูใบไม้ผลิกำลังจะมาถึงเร็วๆ นี้ การอยู่ในเรือนฟางเหอตลอดคงไม่ใช่เรื่องดีนัก คุณหนูน่าจะออกไปเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจเสียหน่อยนะเจ้าคะ!"ก็ใช่ อยู่ในเรือนฟางเหอทั้งวัน แม้จะสงบสุข แต่ก็อึดอัดจริงๆจากนั้นนางก็พยักหน้าหมิงอ๋องขอให้นางไปพบที่ข้างทะเลสาบหมิงหูทางตะวันออกของเมืองวันนี้อากาศดี ลมไม่แรง แสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาบนร่างยังคงมีไออุ่นอยู่บ้างเมื่อมองดูทะเลสาบที่ส่องประกายระยิบระยับและประกายสีมรกตบนฝั่ง เฉียวเนี่ยนก็คิดในใจว่าฤดูใบไม้ผลิกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว"คุณหนู ท่านอ๋องมาแล้วเจ้าค่ะ" หนิงซวงพูดเบาๆเฉียวเนี่ยนจึงหันตัวกลับมา และเห็นรถม้าของหมิงอ๋องกำลังวิ่งเข้ามาจากที่ไกลๆไม่นาน รถม้าก็หยุดลงข้างทะเลสาบหมิงอ๋องกระโดดลง
อันที่จริงเฉียวเนี่ยนเข้าใจสิ่งที่หมิงอ๋องต้องการจะสื่อการแต่งงานของพวกเขามีพื้นฐานมาจากความสัมพันธ์ของพวกเขากับจวนโหวหลินเย่ว์คือผู้สืบทอดจวนโหวในอนาคต หากนางขัดแย้งกับหลินเย่ว์มากจนเกินไป ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับหมิงอ๋องนักเพียงแต่เฉียวเนี่ยนไม่สามารถทำสีหน้าให้ดีได้เมื่อเห็นพวกเขา จึงทำได้เพียงหมุนตัวกลับมา และมองไปบนผืนน้ำอีกครั้งที่จริงนอกเหนือจากพี่น้องจากตระกูลหลินและตระกูลเซียวแล้ว ยังมีคุณหนูคุณชายจากตระกูลดีๆ คนอื่นๆ เช่นซ่งไป๋ซวน คุณหนูรองจากจวนเลขาธิการฝ่ายกลาโหม ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเซียวชิงหน่วนพวกเขามาในวันนี้ก็เพียงเพราะเห็นแก่หมิงอ๋องเท่านั้นถ้าจะพูดให้ฟังดูดี ก็เป็นการออกมาเที่ยวในฤดูใบไม้ผลิแต่พูดตรงๆ ก็คือว่าหมิงอ๋องต้องการใช้ฝูงชนเพื่อบรรเทาความสัมพันธ์ระหว่างเฉียวเนี่ยนและหลินเย่ว์แต่ทั้งที่หมิงอ๋องเคยทำให้หลินเย่ว์ได้รับบาดเจ็บสาหัสเพื่อนางมาก่อน...เมื่อมองดูทะเลสาบที่ส่องประกายระยิบระยับ เฉียวเนี่ยนก็รู้สึกหนาวสั่นอยู่ในใจเหล่าคุณชายคุณหนูต่างเข้ามาทำความเคารพหมิงอ๋อง แต่พวกเขาคุยกันแล้วว่าวันนี้เป็นการเดินเล่นในฤดูใบไม้ผลิ ไม่จำเป็นต้อง
เมื่อเห็นว่าเฉียวเนี่ยนยังคงไม่สนใจนาง เซียวชิงหน่วนก็ยิ่งโกรธราวกับว่านางใช้กำลังทั้งหมดของนางเพื่อตีฝ้ายด้วยหมัดของนาง ความรู้สึกไร้พลังก็ขยายความโกรธในใจของนางนางจึงขึ้นเสียงถามว่า "ข้าขอถามได้ไหมว่าแม่นางเฉียวคิดอย่างไรกับพี่ชายของข้ากันแน่? ทั้งๆ ที่หมั้นหมายกับหมิงอ๋องแล้ว และทั้งๆ ที่รู้ว่าพี่ชายข้าจะสู่ขอยวนเอ๋อร์ ทำไมถึงยังเอาแต่ซบลงในอ้อมแขนพี่ชายข้าอยู่ได้?"เมื่อพูดจบ ทุกคนก็ตกตะลึงเหล่าคุณชายคุณหนูที่รออยู่ไม่ไกลเพื่อดูความตื่นเต้นก็แสดงสีหน้าประหลาดใจเช่นกันทันใดนั้นเฉียวเนี่ยนก็หันไปมองที่เซียวชิงหน่วน พร้อมกับคำเตือนที่เข้มงวดในดวงตาของนางแต่เซียวชิงหน่วนยังคงลอยหน้าลอยตาพูดต่อ "แม่นางเฉียวไม่ต้องตกใจไปหรอก นี่น่ะยวนเอ๋อร์ล้วนเห็นเองกับตา วันนี้เจ้าจงใจกัดกันยวนเอ๋อร์ออกไป สุดท้ายนางเดินไปได้ไม่ทันไรเจ้าก็ซบลกในอ้อมแขนพี่ชายข้า อีกอย่างวันนั้นที่ถนนชุนซาน เจ้าก็...""อ๊ะ ระวัง!"เสียงเตือนดังขึ้นกะทันหันขัดจังหวะคำพูดของเซียวชิงหน่วนสิ่งที่ตามมาคือน้ำกาใหญ่ ซึ่งทั้งหมดถูกสาดลงบนใบหน้าของเซียวชิงหน่วน"ว้าย!" เซียวชิงหน่วนร้องเสียงดัง และชี้นิ้วด่าหนิงซวง
เพียงประโยคเดียว หน้าของหลินยวนก็ซีดเผือดนางดูออกว่าเซียวเหิงยังมีใจให้เฉียวเนี่ยนดังนั้น สิ่งที่เห็นในวันนั้น ที่จริงคือเซียวเหิงเป็นฝ่ายกอดเฉียวเนี่ยนเอง?ขณะที่นางกำลังคิดเรื่องนี้ เสียงเสียดสีเบาๆ ก็ดังมาจากด้านข้าง "ใครบ้างจะไม่รู้ว่าเมื่อก่อนแม่นางเฉียวคอยไล่ตามแม่ทัพเซียวมาตลอด วันนี้ทำไมถึงได้กล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมา"คนพูดคือซ่งไป๋ซวนที่ทนฟังต่อไปไม่ได้เมื่อนางพูดจบ เหล่าคุณชายคุณหนูก็พากันหัวเราะออกมานั่นสิ เฉียวเนี่ยนคอยตามตื๊อเซียวเหิงมาตลอด ในสายตานางมีเขาเพียงคนเดียวความรักของนางทั้งดุดันและร้อนแรงแค่ไหน ทุกคนรู้ดี!ดังนั้นทุกคนในเมืองหลวงจึงรู้ว่านางชอบเซียวเหิงแต่สามปีต่อมา ความรักของนางก็กลายเป็นเรื่องตลกเสียใจไหม?แน่นอนว่าต้องเสียใจเป็นธรรมดาถ้าตอนนั้นรู้ว่าสักวันความทุ่มเทจะกลายเป็นเรื่องตลกล่ะก็...นางจะไม่มีทางเกี่ยวข้องกับเซียวเหิงแน่นอน!ตอนนี้นางเพียงแค่หัวเราะเบาๆ "ที่แท้แม่นางซ่งก็รู้จักคำว่า 'เมื่อก่อน' ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนที่ไต้เท้าซ่งยังไม่ได้เป็นเลขาธิการฝ่ายกลาโหม ของกำนัลที่แม่นางซ่งส่งมาที่จวนโหวเกือบถูกข้ารับใช้โยนทิ้งไปแล้ว"เ
นั่นมันต้องเจ็บขนาดไหนกัน!เนี่ยนเนี่ยนของนางต้องเจ็บขนาดไหนกัน!ฮูหยินเฒ่าแค่คิด ก็รู้สึกปวดใจแทบขาดแล้วย่าอย่างนาง ช่างไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ!นางเอาแต่อยู่ในจวนนี้ทั้งวันทั้งคืน ไยแม้แต่ข่าวเล็กน้อยก็ยังไม่ได้รับ?หากนางรู้เร็วกว่านี้ว่าหมิงอ๋องคนนั้นไม่ใช่คนดีอะไร นางคงไม่มีทางให้เนี่ยนเนี่ยนเข้าวังหรอกหากนางรู้ว่าหลินเย่ว์ไอ้สารเลวนั่นทำเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ นางคงตีเขาให้ตายแน่!หาก...หากนางจากไปเร็วกว่านี้ เนี่ยนเนี่ยนของนางคงไม่ต้องลำบาก ต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม! อยู่ที่จวนโหวมาตลอดขนาดนี้!เป็นนางเองที่ไร้ประโยชน์!เป็นเพราะนางแก่แล้ว ทนได้ไม่ไหวแล้ว ไม่เพียงแต่ปกป้องเนี่ยนเนี่ยนของนางไม่ได้ ยังกลายเป็นภาระของนางด้วย!พวกเขายังให้นางกินน้ำล้างจานด้วย!หลานสาวแท้ๆ ที่นางรักทะนุทะนอมมาตั้งแต่เด็ก!พวกเขากล้าให้นางกินน้ำล้างจานได้อย่างไรกัน!ฮูหยินเฒ่ายิ่งคิด ความเจ็บปวดในใจก็ยิ่งรุนแรงขึ้น จนสุดท้าย ก็ส่งเสียงร้องไห้ออกมาเสียงโหยหวนและแก่ชราที่ดังเรื่อยๆ นั้น แฝงไปด้วยความเสียใจมากมายและช่วยอะไรไม่ได้นางถึงขนาดที่ไม่รู้แล้วว่า ให้เฉียวเนี่ยนออกมาจากกรมซักล้าง
เฉียวเนี่ยนวิ่งไปด้วย เช็ดคราบเลือดตรงมุมปากไปด้วย นางจะให้ท่านย่าเห็นสภาพนางกระอักเลือดไม่ได้!เมื่อมาถึงนอกห้องฮูหยินเฒ่า ก็เห็นซูมามากับหมอประจำจวนรออยู่หน้าประตูห้องก่อนแล้วครั้นเห็นเฉียวเนี่ยน หมอประจำจวนก็คำนับเฉียวเนี่ยนรีบไถ่ถาม "เป็นอย่างไรบ้าง? ท่านย่าข้าเป็นอย่างไรบ้าง?"หมอประจำจวนถึงได้ตอบ "คุณหนูใหญ่ ร่างกายของฮูหยินเฒ่าเสียหายอย่างรุนแรง แม้ข้าน้อยจะฝังเข็มรักษาชีพจรหัวใจของฮูหยินเฒ่าไว้มั่นได้ แต่ เกรงว่าคงยืนหยัดได้ไม่เกินสิบวัน"เฉียวเนี่ยนอึ้งไป พลางส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย "ไม่ ไม่จริง ซูมามาบอกว่า วันนี้สภาพท่านย่าไม่เลว แถมยังลุกจากเตียงได้อยู่เลยมิใช่หรือ... "เหตุใดแม้แต่สิบวันก็ทนไม่ไหวแล้วเล่า?ซูมามาปาดน้ำตาไร้สุ้มเสียงแต่หมอประจำจวนกลับถอนหายใจเล็กน้อย กล่าว "หากไม่เคยได้รับการกระตุ้น บางทีฮูหยินเฒ่าอาจทนได้สองสามเดือน เฮ้อ!"ได้ยินเช่นนี้ น้ำตาเฉียวเนี่ยนพลันไหลลงมาไม่หยุด แม้แต่ลมหายใจก็สับสนไปชั่วขณะอย่างไรเสียก็เป็นเรื่องของนางที่ทำร้ายฮูหยินเฒ่า!เมื่อครู่นางควรตวัดดาบจบหลินยวนไปเสีย!ซูมามารีบเข้ามาเช็ดน้ำตาให้นาง และกล่าวโน้
แต่ในเวลานี้เอง ร่างๆหนึ่งปรี่เข้ามาในห้อง ผลักเฉียวเนี่ยนออกและเพราะการกระแทกนี้ ทำให้ดาบยาวทิ้งรอยเลือดไว้เป็นทางยาวตรงหน้าอกหลินยวนหลินเย่ว์ตกใจหน้าถอดสี รีบอุ้มหลินยวนไปข้างนอกทันทีแต่คาดไม่ถึงว่า เฉียวเนี่ยนไล่ตามออกมาเหมือนกับคนบ้า ถือดาบยาวตวัดฟันลงบนหลังของหลินเย่ว์หลินเย่ว์หลบไม่ทัน หลังรับดาบเฉียวเนี่ยนไปเต็มๆ สองมือไร้เรี่ยวแรงทันที และล้มลงไปบนพื้นพร้อมกับหลินยวนท่านโหวหลินที่เร่งตามาเห็นภาพนี้ ก็ปรี่เข้ามาจับสองมือของเฉียวเนี่ยนไว้ทันที พลางตะคอกอย่างกราดเกรี้ยว “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!”หากไม่ใช่เพราะทหารองครักษ์ที่ถูกแย่งดาบไปรีบมารายงาน เกรงว่าเมื่อพวกเขามาถึง หลินยวนคงตายภายใต้ดาบของนางไปแล้วแต่ไม่คิดเลยว่า เฉียวเนี่ยนแทบจะตะโกนเดือดดาลอย่างบ้าบิ่น “ใช่ข้าบ้าไปแล้ว! หากไม่ใช่เพราะนางส่งคนไปพูดไร้สาระต่อหน้าท่านย่า ท่านย่าก็คงจะไม่เป็นไร! วันนี้ข้าจะต้องตัดลิ้นนางให้ได้ ข้าจะดูว่าต่อไปเจ้าจะเอาอะไรออกมาทำร้ายท่านย่าอีก!”ท่านโหวหลินเหมือนเพิ่งจะรู้ว่าจู่ๆ ที่ฮูหยินเฒ่าอาการกำเริบเกิดมาจากหลินยวน จึงมองไปที่หลินยวนด้วยสีหน้าตกตะลึงทันทีเห็นเพียงอีกฝ้ายหมอบอยู่
เรือนลั่วเหมย ประตูใหญ่ปิดสนิทเฉียวเนี่ยนถีบประตูเปิด ย่างสามขุมเข้าไปในเรือนลั่วเหมยคนรับใช้ สาวใช้ภายในเรือน แต่ละคนเตรียมพร้อมรออยู่ ราวกับคาดเดาได้ว่าเฉียวเนี่ยนจะมาแต่กลับคาดไม่ถึงเลยว่า เฉียวเนี่ยนจะถือดาบเข้ามาด้วย!กระนั้น แม้พวกเขาจะเคยเห็นความดุร้ายของเฉียวเนี่ยน ทว่ากลับไม่เคยเห็นเฉียวเนี่ยนฆ่าคน จึงคิดว่าเฉียวเนี่ยนแค่มาขู่ก็เท่านั้นมีคนรับใช้ใจกล้าคนหนึ่งเข้ามาพูดโน้มน้าว “คุณหนูใหญ่โปรดระงับโทสะ อย่าทำเรื่องโง่ๆ รอท่านโหวมา…อ๊าก!”ไม่รอให้คนรับใช้คนนั้นพูดจบ เฉียวเนี่ยนก็ฟัดดาบลงไป คนรับใช้คนนั้นถูกฟันเข้าที่แขนทันที เลือดแดงสดไหลลงมาดวงตาสองข้างของเฉียวเนี่ยนแดงก่ำ ตะโกนเสียงดัง “หลินยวน ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”จากนั้น เหลือบมองกลุ่มคนรับใช้สาวใช้ที่ยังขวางอยู่ตรงหน้าตัวเอง แล้วตะคอกเสียงเย็น “ใครกล้าขวางข้า!”เหล่าสาวใช้ที่ขี้ขลาดบางส่วนรีบวิ่งหนีเตลิดกันหมด ทว่ายังพอมีใจกล้าอยู่บ้าง ขวางอยู่ข้างหน้าเฉียวเนี่ยน “คุณหนูใหญ่ใจเย็นก่อนๆ หากฆ่าคุณหนูรองจริง ท่านโหวจะปล่อยคุณหนูไปได้อย่างไร?”เฉียวเนี่ยนจ้องคนรับใช้คนนั้นเขม็ง พลางกดเสียงต่ำ “รนหาที่ตาย!”ดาบยา
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ซูมามาก็ห้ามเสียงสะอื้นไม่ได้แล้ว “ฮู ฮูหยินเฒ่ารู้เรื่องที่คุณหนูใหญ่จะตัดขาดท่านโหว จึงบีบเค้นถามบ่าว บ่าวไม่กล้าพูดมาก ฮูหยินเฒ่าจึงบีบให้นังพวกใจสกปรกเหล่านี้พูด…”“ฮูหยินเฒ่าไม่เพียงรู้เรื่องที่คุณหนูตัดขาดจวนโหว ยังรู้เรื่องก่อนหน้าที่คุณหนูเกือบถูกหมิงอ๋องตีตาย รู้ว่าท่านโหวน้อยรังแกคุณหนูอย่างไร ดังนั้นฮูหยินเฒ่าก็เลย ก็เลย…”พูดมาถึงตอนท้าย ซูมามาร่ำไห้จนพูดออกมาไม่ได้แล้วส่วนเฉียวเนี่ยน เดือดดาลจนสั่นเทาไปทั่วร่างนางมีสีหน้าเย็นชา ค่อยๆเดินไปทางสาวใช้พวกนั้นพวกสาวใช้แต่ละคนต่างหลุบตาต่ำก้มหน้า จิตใจกระวนกระวาย ไม่กล้าเหลือบมองเฉียวเนี่ยนได้ยินเพียงสุ้มเสียงสั่นเทาของเฉียวเนี่ยนดังออกมา และเจือไปด้วยโทสะ “ข้ากำชับหลายครั้งหลายหนแล้วว่าห้ามเปิดเผยเรื่องของข้าให้ท่านย่าฟัง พวกเจ้าไปเอาความกล้ามาจากไหนกัน ถึงกล้าเอ่ยถึงข้าในเรือนของท่านย่า!”เหล่าสาวใช้ต่างตกใจพากันร่ำไห้โขกหัว “บ่าวผิดไปแล้ว ขอคุณหนูใหญ่ยกโทษให้ด้วย!”“บ่าวรู้ความผิดแล้ว บ่าวไม่กล้าทำอีกแล้ว!”ทว่าสายตาของเฉียวเนี่ยน กลับถูกสาวใช้หนึ่งในนั้นดึงดูดไปนางขมวดคิ้ว กล่าวเสียงเย็น “เ
หลังจากเฉียวเนี่ยนก้มกราบเสร็จ ก็ลุกขึ้นยืน กล่าวกับคนรับใช้ที่คอยปรนนิบัติอยู่นอกห้องโถง “ไปเอากระดาษ พู่กันมา”คนรับใช้ไหนเลยจะกล้าขยับ พลางมองไปที่ท่านโหวหลินด้วยความลำบากใจแต่กลับพบว่า ท่านโหวหลินกำลังหายใจแรง คล้ายว่าถูกยั่วโมโหสุดขีดแล้วส่วนฮูหยินหลินปาดน้ำตาไม่หยุด พูดไม่ออกเลยสักคำมีเพียงหลินเย่ว์ที่ยังพูดออกมาได้ในตอนนี้ “เฉียวเนี่ยน เจ้าคิดให้ดีนะ ไม่มีจวนโหว…”“ข้าคิดดีแล้ว” เฉียวเนี่ยนขัดคำพูดหลินเย่ว์อย่างไม่แยแส จากนั้นสายตาก็มาหยุดอยู่ที่ท่านโหวหลินอย่างเย็นชา น้ำเสียงเจือไปด้วยความถากถาง “บัดนี้พวกท่านบอกปัดด้วยข้ออ้างต่างๆเช่นนี้ เหมือนกับว่าจวนโหวขาดข้าไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น”ไม่ใช่ว่ายืนยันแล้วหรอกหรือว่าจวนโหวเอาแต่ใช้ประโยชน์นางมาตลอด?ได้ยินเช่นนี้ ในที่สุดท่านโหวหลินก็โมโหจนขาดสติ และตะคอกขึ้นมาด้วยโทสะทันที “ไปเอากระดาษกับพู่กันมา!”จวนโหวขาดนางไม่ได้?พูดเรื่องตลกอะไร!เรือพังยังมีตะปูสามพัน ต่อให้จวนโหวเขาไม่ดีแค่ไหน ก็ไม่มีวันตกต่ำถึงขั้นต้องพึ่งพาเฉียวเนี่ยนที่เป็นสตรีคนหนึ่งหรอก!เขาคำนึงถึงอนาคตทึกอย่างเพื่อนาง นางไม่รับน้ำใจก็ช่าง ตอนนี้กลับ
น้ำเสียง ดูเย็นชาเป็นพิเศษแต่กลับทำให้หลินเย่ว์โมโหไม่น้อย "ไม่ขัดขวาง? เฉียวเนี่ยน เจ้ามองตัวเองสำคัญเกินไปแล้ว? ที่พ่อแม่สนใจเรื่องแต่งงานของเจ้า เป็นเพราะพวกเขายังยอมรับเจ้าเป็นลูกสาว! หากตัดขาดกัน จวนโหวจะสนใจเจ้าอีกได้อย่างไร!"ได้ยินวาจานี้ จู่ๆ เฉียวเนี่ยนพลันหัวเราะขึ้นมา ก่อนกล่าว "ดังนั้น ข้าจะตัดขาดความสัมพันธ์"สิ่งที่หลินเย่ว์พูดเมื่อครู่ เหล่านนั้น คือเหตุผลที่นางอยากตัดขาดความสัมพันธ์!หลินเย่ว์นิ่งอึ้งรู้สึกแต่ว่าเฉียวเนี่ยนถูกผีเข้าสิงขณะกำลังคิดว่าควรจะด่าเตือนนางอย่างไร กลับไม่คาดคิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน"ท่านโหวหลินดูออกหรือไม่ว่าตราประทับนั้นเป็นของปลอม?"เสียงของนางอ่อนเบา ไม่เจือไปด้วยโทสะแม้แต่น้อยราวกับว่าแค่ถามเรื่องที่ปกติมากๆเรื่องหนึ่ง เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับนางแต่คำพูดนี้กลับทำให้หลินเย่ว์และฮูหยินหลินขมวดคิ้วสองข้าง "ตราประทับปลอมอะไร? เจ้าว่าตราประทับราชครูนั่นเป็นของปลอมหรือ?"เฉียวเนี่ยนไม่ตอบ ดวงตาคู่หนึ่งมองไปที่ท่านโหวหลินอย่างสงบนิ่งมากพบว่าท่านโหวหลินตาเป็นประกาย กล่าวอย่างปากแข็ง "นั่น นั่นมันเป็นตราประทับของรา
จวบจนรถม้านั่นขับออกไปไกลแล้ว จิ่งเหยียนถึงได้โบกมือ สั่งเหล่าทหารที่อยู่ด้านหลังกลับไปจากนั้นก้มตัวลงไปเก็บปิ่นปักผมที่อยู่บนพื้นขึ้นมา เดินอ้อมไปอยู่ด้านหลังเฉียวเนี่ยนและม้วยมวลผมที่ง่ายที่สุดให้นางในระหว่างที่ทำผมให้นางเขาถึงได้พบว่า มือขวาของตัวเองยังออกแรงไม่ได้จนถึงตอนนี้นึกถึงเซียวเหอแม้เขาจะกักตัวมาตลอดห้าปี กระนั้นฝีมือการต่อสู้กลับยังคงเก่งกาจเหมือนเดิม จิ่งเหยียนอดหัวเราะเสียงเบาออกมาไม่ได้ครั้นได้ยินเสียงหัวเราะที่มาจกความจริงใจภายใน เฉียวเนี่ยนก็อดสงสัยไม่ได้ "เป็นอะไรหรือ?"จิ่งเหยียนเก็บความคิดไว้ และส่ายหัวเล็กน้อย "ไม่มีอะไร"ระหว่างสนทนา เขาปรายตามองแผ่นป้ายสูงจวนราชครูนั้น แววตาทมึนถึงลง ก่อนกล่าว "ข้าจะส่งเจ้ากลับ"เฉียวเนี่ยนถึงได้สูดหายใจเข้าลึก และพยักหน้าอย่างช้าๆถึงเวลาควรกลับแล้วไม่นาน เฉียวเนี่ยนก็กลับมาถึงจวนแต่คาดไม่ถึงว่า จะบังเอิิญเจอท่านโหวหลินกับหลินเย่ว์ที่กำลังออกมาจากจวนพอดีเห็นเฉียวเนี่ยนตามจิ่งเหยียนมา ท่านโหวหลินกับหลินเย่ว์ต่างก็ตกตะลึงเดิมทีพวกเขากำลังจะไปจวนราชครู แต่ไม่คิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะกลับมาก่อนก้าวหนึ่งท่านโหวหลิ
แต่ไม่คิดเลยว่า จู่ๆบนหลังมือของจิ่งเหยียนเกิดความเจ็บแปลบอย่างรุนแรงขึ้นมา ทำให้ไม่อาจถือแม้แต่ปิ่นปักผมไว้ได้ปิ่นปักผมร่วงลงบนพื้น เกิดเสียงกระทบดังออกมาและที่ร่วงมาพร้อมกันนั้น ยังมีหินกลมก้อนหนึ่งด้วยนี่มัน...ทั่วบริเวณ เงียบสงัดไปชั่วขณะทว่ามีเสียงเกือกม้าค่อยๆดังเข้ามาทุกคนทอกมองไปทางต้นเสียง เห็นไม่ไกลนัก มีรถม้าคันหนึ่งมุ่งตรงมาที่จวนราชครูคือรถม้าของตระกูลเซียว!เฉียวเนี่ยนตกใจ จับมือจิ่งเหยียนไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว ก่อนคิ้วงามขมวดขึ้นเล็กน้อยเซียวเหิงมาได้อย่างไร?แต่ที่ไม่คาดคิดคือ รถม้ามาหยุดอยู่นอกจวนราชครู มือขาวเรียวยาวข้างหนึ่งแหวกผ้าม่านรถออก เสียงเย็นยะเยือกดังออกมา "ราชครูชิว ไม่เจอกันนานเลย"เฉียวเนี่ยนตกใจอีกครา สุ้มเสียงนี้ หาใช่เซียวเหิง!นางมองไปทางรถม้าทันที เห็นใบหน้าขาวที่แทบจะเหมือนป่วยภายใต้ม่านรถที่ถูกเปิดออกนั้น บนใบหน้าที่ซูบผอม หูตาคอจมูกดูดุดัน ออร่าแม่ทัพใหญ่ที่เลือนรางนั้นไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อยเป็นเซียวเหอ!จิ่งเหยียนเองก็คาดไม่ถึงว่าผู้มาจะเป็นเซียวเหอ จึงอุทานอย่างตกใจออกมา "ท่านแม่ทัพ!"เขาเคยเป็นผู้นำทัพแนวหน้าใต้บัญชาเซียวเห