ฮูหยินหลินที่อยู่ด้านข้างก็รีบออกมาห้ามปรามว่า “นายท่าน ยวนเอ๋อร์แค่ประสงค์ดีแต่กลับกลายเป็นร้าย ท่านดูเนี่ยนเนี่ยนตีนางจนหน้าบวมขนาดนี้ ท่านจะลงโทษนางลงได้อย่างไร”ท่านโหวหลินมองไปยังครึ่งหน้าที่บวมแดงของหลินยวน แล้วนึกถึงยามที่หลินยวนกลับมาเมื่อสามปีก่อน ผอมแห้งจนน่าตกใจแทบจะเป็นหนังหุ้มกระดูกเลยทีเดียวนางเป็นลูกสาวที่พวกเขาพลัดพรากกันมาสิบห้าปี ในช่วงสิบห้าปีนั้น นางต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย!ถูกแล้ว เขาจะใจแข็งลงโทษนางได้อย่างไรกัน?หายใจเข้าลึกๆ ท่านโหวหลินจึงหันไปมองที่หลินเย่ว์ทันใดนั้นก็ไม่รอช้า เตะไปที่หลินเย่ว์ทันที “ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าลูกชายตัวดีที่ก่อเรื่องวุ่นวาย!”แต่ครานี้ หลินเย่ว์ราวกับเตรียมตัวมาล่วงหน้า หลบได้อย่างว่องไวท่านโหวหลินเตะไม่โดน ยังจะเตะต่อ แต่หลินเย่ว์ก็รีบหลบไปหลังฮูหยินหลินทันที “ท่านแม่! เมื่อวานข้าโดนท่านพ่อเตะ ยามนี้หน้าอกยังเจ็บอยู่เลย หากโดนเตะอีก ต้องตายแน่!”ถูกฮูหยินหลินบังไว้ ท่านโหวหลินจึงต้องชักเท้ากลับมองฮูหยินหลินที่ดูเหมือนจะอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็พูดไม่ออก เขารู้ดีว่าฮูหยินหลินจะขอร้องให้ช่วยหลินเย่ว์ท่านโหวหลินจึงทำหน้า
เฉียวเนี่ยนไม่ได้สลบไปนาน เพียงเวลาหนึ่งก้านธูป นางก็ลืมตาขึ้นมามีสติมากมีสติรู้ว่ายามนี้อยู่ที่ใด และจดจำได้ชัดเจนว่าเหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ท่าทางของฮูหยินหลินที่ถือหินมาทุบศีรษะของนางอย่างแรงนั้น นางจดจำได้ขึ้นใจ!จนถึงบัดนี้เพียงนึกถึงท่าทางของฮูหยินหลิน หัวใจของนางก็เจ็บปวดอย่างยิ่งเจ็บปวดจนหายใจลำบากทว่าบางเรื่องนางคิดทะลุปรุโปร่งมานานแล้วมิใช่หรือ?ในใจของคนตระกูลหลิน นางไม่มีวันเทียบได้กับหลินยวนที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน พวกเขาพูดเต็มปากว่านางคือลูกสาวของพวกเขาเสมอ แต่นับตั้งแต่วันที่หลินยวนกลับมาจวนโหว พวกเขาก็ได้โยนนางออกจากใจของพวกเขาไปแล้ว!นางถูกทอดทิ้งนานแล้ว ในค่ำคืนวันอันยาวนานนับไม่ถ้วนในกรมซักล้าง ความจริงอันนี้ได้รุกล้ำเข้ามาในตัวนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ร่างกายของนางเย็นเยือก เจ็บปวดมาก จนกระทั่งค่อยๆ ชินชา...นางเข้าใจดีแล้วชินชามาตั้งนานแล้ว!ทว่า...ทำไมหัวใจถึงเจ็บปวดเช่นนนี้?ท่านแม่ที่เคยรักและเอ็นดูนาง เคยดูแลนางไม่ห่างกายแม้แต่ในยามเจ็บป่วย เคยร้องไห้เสียใจมากกว่านางเสียอีก และเมื่อเห็นเลือดไหลก็อยากจะเจ็บแทนนาง...กลับลงมือขว้างก้อนหิน
ยามนี้ทั้งคู่ต่างพันผ้าพันศีรษะอยู่ ดูแล้วแปลกตาจริงๆหนิงซวงกลั้นหัวเราะไม่ได้ แต่ก็ตำหนิไปด้วยว่า "ยามนี้คุณหนูยังจะพูดเล่นอีก"เฉียวเนี่ยนเลิกไหล่ "ข้าในสภาพนี้คงไม่เหมาะที่จะไปพบท่านย่า วันนี้ขอกลับเรือนฟางเหอก่อน อีกสองวันค่อยมาใหม่!"แท้จริงแล้วนางก็ไม่รู้ว่าฮูหยินหลินทุบโดนส่วนไหนของศีรษะนาง เพียงแต่ยามนี้ยังพันผ้าพันศีรษะอยู่ หากไปพบท่านย่าในสภาพนี้ ฮูหยินเฒ่าคงจะยิ่งเป็นห่วงและเป็นทุกข์นางจึงภาวนะให้ฮูหยินหลินไม่ได้ทุบตรงหน้าผากของนาง เพราะอย่างน้อยพรุ่งนี้เมื่อแกะผ้าพันศีรษะออก ฮูหยินเฒ่าจะไม่เห็นแผลทบนศีรษะของนาง แล้วพรุ่งนี้นางจะไปเยี่ยมฮูหยินเฒ่าได้แล้วเฉียวเนี่ยนกำลังจะเดินออกไป แต่หนิงซวงก็รีบมาขวางไว้ "คุณหนู! ฮูหยินหลินยังอยู่ข้างนอก"เฉียวเนี่ยนตกตะลึง หัวใจของนางพลันเจ็บปวดขึ้นมา แต่นางก็พยายามจะไม่สนใจหนิงซวงจึงพูดต่อ "ฮูหยินคงรู้สึกผิดกับคุณหนู จึงยืนรออยู่ข้างนอก กลัววันนี้จะไม่ได้พบกับคุณหนู"เฉียวเนี่ยนไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ค่อยๆ เดินไปนั่งลงที่ข้างโต๊ะหนิงซวงไม่รู้ว่าเฉียวเนี่ยนกำลังคิดอะไรอยู่ จึงลังเลครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ "คุณหนู ห้องของเราเป็นห้อ
หนิงซวงคาดเดาสิ่งของข้างในไม่ถูกจึงตกใจทว่าเฉียวเนี่ยนกลับก้มลงเก็บฟันซี่เล็กๆ นั้นขึ้นมาพร้อมกับเศษเสี้ยวแห่งความทรงจำมากมายในอดีตที่หลั่งไหลเข้ามาในสมองของนางนางจำฟันซี่นี้ได้เมื่อประมาณอายุห้าขวบ นางอยากจะไปเล่นกับหลินเย่ว์และเซียวเหิงมาก จึงเลียนแบบหลินเย่ว์และเซียวเหิงกระโดดลงมาจากภูเขาจำลองสูงโชคดีที่ยามนั้นหลินเย่ว์และเซียวเหิงช่วยรับนางไว้จึงไม่ตกลงไปตายแต่กลับทำให้ฟันหลุดไปซี่หนึ่งทุกคนตกใจกลัวรีบพานางไปและทิ้งฟันซี่นั้นไว้ที่ภูเขาจำลองบังเอิญที่เซียวชิงหน่วนอายุเท่ากับนางรู้เรื่องนี้เข้า จึงมาบอกนางโดยเฉพาะว่าหากฟันหลุดหาย จะถูกผีร้ายจับไปนางตกใจกลัวมากถึงเวลากลางคืนก็ร้องไห้ไม่ยอมนอน กลัวว่าหากหลับไปจะมีผีร้ายมาจับนางบังเอิญค่ำคืนนั้นปรากฏทั้งฟ้าร้องและฟ้าแลบ ทำให้เด็กน้อยคนยิ่งกลัวมากขึ้นไปอีกแม้แต่ท่านโหวหลินอุ้มนางปลอบอยู่อย่างนั้น ก็ไม่อาจทำให้นางรู้สึกดีขึ้นได้จนกระทั่งฮูหยินหลินซึ่งเปียกปอนจากสายฝนกลับมา ถือฟันซี่เล็กๆ อยู่ในมือนางจำได้ว่ายามนั้นฮูหยินหลินเอ่ยว่า “เนี่ยนเนี่ยนดูสิ แม่หาฟันเจอแล้วนะ”“วางใจได้ จะไม่มีผีร้ายตัวไหนมาจับเนี่ยนเนี่ย
เมื่อเห็นฮูหยินหลินเปียกปอนจนเกือบทั้งตัว หลินเย่ว์ก็ตกใจมาก รีบดึงฮูหยินหลินไป “ท่านแม่ทำเช่นนี้กับร่างกายตัวเองได้อย่างไร มีอะไรค่อยว่ากันพรุ่งนี้ไม่ได้หรือ”“ปล่อยมือ!” ฮูหยินหลินสะบัดมือหลินเย่ว์ออก หายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ยว่า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า พวกเจ้ากลับไปเถอะ”หลินยวนร้องไห้ฟูมฟาย กอดฮูหยินหลินไว้แน่น “ท่านแม่ อย่าทำแบบนี้เลย เป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่ดีเอง ท่านแม่รีบกลับไปกับพี่ชายเถอะ ยวนเอ๋อร์จะยืนอยู่ตรงนี้แทนท่าน และขอโทษพี่สาวแทนท่านเอง”เสี่ยวชุ่ยสาวใช้ของหลินยวนเห็นเช่นนั้น ก็รีบวิ่งมาถือร่มให้คุณหนูของตน และผลักหนิงซวงออกหนิงซวงเสียหลักล้มลงกับพื้นร่มในมือเสียแล้วแต่ไม่รู้ว่าเพราะฝนตกหนักเกินไปหรือ พวกฮูหยินหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นหลินเย่ว์เห็นว่าไม่สามารถเกลี้ยกล่อมท่านแม่ให้เปลี่ยนใจได้ จึงโกรธจัดวิ่งไปเคาะประตูห้องของเฉียวเนี่ยน “ออกมาเดี๋ยวนี้! อย่าแกล้งทำเป็นหลับ! ข้ารู้ว่าเจ้าตื่นอยู่! เด็กคนไหนไม่เคยถูกพ่อแม่ตีบ้าง? วันนี้ท่านแม่ใจร้อนไปหน่อย แต่บัดนี้ก็มาขอโทษเจ้าแล้ว ปิดไม่ประตูใส่แบบนี้หมายความว่าอะไร เจ้าไม่เห็นฝนตกหนักหรอกหรือ? เฉียวเ
คนที่เคยเป็นแก้วตาดวงใจของทุกคนในจวนโหว ที่เคยได้รับความรักและความเอาใจใส่จากทุกคน ที่เคยรักพวกเขามากกว่าชีวิตของตัวเอง คนผู้นั้นคือหลินเนี่ยน!พวกเขาฆ่านางกับมือ!ฟันเล็กสีขาวของนางหล่นลงกับพื้น กลิ้งไปมาสองรอบ แล้วตกลงไปในแปลงดอกไม้ข้างๆเฉียวเนี่ยนจ้องมองฮูหยินหลินราวกับจะบอกว่านั่นเป็นของหลินเนี่ยน ไม่ใช่ของนางส่วนหลินเนี่ยนได้ตายไปนานแล้วขณะนี้ ฮูหยินหลินพูดไม่ออกถึงขั้นลืมร้องไห้นางจ้องมองเฉียวเนี่ยน ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่แตกสลายจนไม่เหลือชิ้นดีดวงตาของเฉียวเนี่ยนดูสงบเสงี่ยมราวกับน้ำนิ่งมาโดยตลอด สงบจนไม่เหมือนกับมนุษย์คนหนึ่งเลยหลินเย่ว์รู้สึกว่าหากเฉียวเนี่ยนจะชวนเขาทะเลาะอย่างจริงจังสักครั้ง ปล่อยอารมณ์ที่อัดอั้นตันใจออกมา รวมถึงเรื่องราวพันลึกที่เกี่ยวข้องกับนางกับครอบครัวนี้ให้หมดสิ้น อาจจะเป็นเรื่องดีเสียกว่าอย่างน้อยก็ดีกว่ายามนี้ยามนี้ นางดูจะไม่สนใจใครในจวนนี้เลยอ๋อ ไม่ใช่ แต่ก็มีบ้างที่ใส่ใจเฉียวเนี่ยนดึงสายตากลับจากฮูหยินหลิน แล้วหันมองหลินเย่ว์ “ท่านโหวน้อยก็รู้ดีว่าท่านย่าสุภาพไม่ค่อยดี ที่นี่แม้จะอยู่ไกลจากที่อยู่ของท่านย่า แต่หากยังหาเ
รู้สึกราวกับถูกแทงด้วยมีดคมกริบ จนใจแหลกสลาย ฮูหยินหลินสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเอ่ยปาก “นี่คือเรือนของท่านย่าเจ้า การที่เจ้าอยู่ที่นี่ก็คงจะรบกวนท่านย่า ฉะนั้นเมื่อฟื้นแล้วก็รีบกลับไปที่เรือนของเจ้าเถิด!”เฉียวเนี่ยนรู้ดีว่าวันนี้ฮูหยินหลินแสดงละครเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อจะพูดประโยคเมื่อครู่แท้จริงแล้วนางก็คิดได้แล้วว่า แม้จะเพื่อท่านย่าก็ไม่ควรลากหลินเย่ว์ลงไปด้วย นางไม่อยากให้ท่านย่าเห็นหลานสาวคนโปรดผลักบุรุษคนเดียวของตระกูลหลินไปสู่ทางตัน และไม่อยากให้ท่านย่าเห็นด้วยตาตัวเองว่าจวนโหวถึงคราวต้องล่มสลายแล้วแต่พอได้ยินคำพูดเหล่านี้จากปากฮูหยินหลิน ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดมากแม้นางจะตัดขาดกับฮูหยินหลินและจวนโหวไปแล้วก็ตามนางก้มศีรษะสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อกดความเจ็บปวดอันทรมานไว้เมื่อเงยหน้าขึ้นยังคงแสดงสีหน้าเย้ยหยัน “เพื่อท่านย่า ข้ายอมที่จะไม่ใส่ใจ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ตระกูลหลินควรจะให้คำอธิบายกับข้า”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฮูหยินหลินพยักหน้าเล็กน้อย “ถูกต้อง ควรจะให้คำอธิบายแก่เจ้า เย่ว์เอ๋อร์ ไปคุกเข่าที่โถงบรรพบุรุษ ห้ามลุกขึ้นจนกว่าจะได้รับอนุญาตจากข้า!”หลิ
วันรุ่งขึ้นเมื่อเฉียวเนี่ยนฟื้น นางรู้สึกว่าบาดแผลที่บริเวณศีรษะเจ็บปวดกว่าเมื่อวานเสียอีกร่างกายรู้สึกหนักอึ้ง อ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรงทว่าหนิงซวงดูสดใสกว่าเมื่อวานมาก หลังจากดูแลเฉียวเนี่ยนอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ก็รีบเร่งมาคอยรับใช้เฉียวเนี่ยนกินมื้ออาหารเช้าเฉียวเนี่ยนพยายามทำเป็นเข้มแข็ง ไม่อยากให้หนิงซวงเป็นห่วง หลังจากสอบถามถึงอาการของฮูหยินเฒ่า และทราบว่าปลอดภัยดี จึงโล่งใจและกินมื้ออาหารเช้าอย่างสบายใจแต่ก็สังเกตเห็นหนิงซวงหลายครั้งที่อยากจะพูดแต่ก็กลั้นไว้เมื่อเห็นดังนั้น นางจึงวางตะเกียบลง “เจ้ามีอะไรอยากจะพูดก็พูดมาเถอะ”หนิงซวงจึงเข้ามาใกล้และรายงานให้เฉียวเนี่ยนฟังว่า “คุณหนู ข้าได้ยินมาว่าท่านโหวน้อยกับคุณหนูรองคุกเข่าอยู่ในโถงบรรพบุรุษทั้งคืนเลย และเช้านี้คุณหนูรองทนไม่ไหวจึงสลบไป”ที่แท้คือเรื่องนี้เฉียวเนี่ยนหยิบตะเกียบขึ้นมาอีกครั้ง “แสดงว่าร่างกายของนางอ่อนแอมาก”คุกเข่าคืนเดียวก็ทนไม่ไหวแล้วหรือ?ครั้นที่นางอยู่กรมซักล้าง นางเคยคุกเข่าทั้งวันทั้งคืนมาแล้วหนิงซวงคิดครุ่นครู่หนึ่ง แล้วเห็นด้วยกับสิ่งที่เฉียวเนี่ยนพูด “อืม ก็ไม่เท่าไหร่จริงๆ ไม่รู้ว่าย
นั่นมันต้องเจ็บขนาดไหนกัน!เนี่ยนเนี่ยนของนางต้องเจ็บขนาดไหนกัน!ฮูหยินเฒ่าแค่คิด ก็รู้สึกปวดใจแทบขาดแล้วย่าอย่างนาง ช่างไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ!นางเอาแต่อยู่ในจวนนี้ทั้งวันทั้งคืน ไยแม้แต่ข่าวเล็กน้อยก็ยังไม่ได้รับ?หากนางรู้เร็วกว่านี้ว่าหมิงอ๋องคนนั้นไม่ใช่คนดีอะไร นางคงไม่มีทางให้เนี่ยนเนี่ยนเข้าวังหรอกหากนางรู้ว่าหลินเย่ว์ไอ้สารเลวนั่นทำเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ นางคงตีเขาให้ตายแน่!หาก...หากนางจากไปเร็วกว่านี้ เนี่ยนเนี่ยนของนางคงไม่ต้องลำบาก ต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม! อยู่ที่จวนโหวมาตลอดขนาดนี้!เป็นนางเองที่ไร้ประโยชน์!เป็นเพราะนางแก่แล้ว ทนได้ไม่ไหวแล้ว ไม่เพียงแต่ปกป้องเนี่ยนเนี่ยนของนางไม่ได้ ยังกลายเป็นภาระของนางด้วย!พวกเขายังให้นางกินน้ำล้างจานด้วย!หลานสาวแท้ๆ ที่นางรักทะนุทะนอมมาตั้งแต่เด็ก!พวกเขากล้าให้นางกินน้ำล้างจานได้อย่างไรกัน!ฮูหยินเฒ่ายิ่งคิด ความเจ็บปวดในใจก็ยิ่งรุนแรงขึ้น จนสุดท้าย ก็ส่งเสียงร้องไห้ออกมาเสียงโหยหวนและแก่ชราที่ดังเรื่อยๆ นั้น แฝงไปด้วยความเสียใจมากมายและช่วยอะไรไม่ได้นางถึงขนาดที่ไม่รู้แล้วว่า ให้เฉียวเนี่ยนออกมาจากกรมซักล้าง
เฉียวเนี่ยนวิ่งไปด้วย เช็ดคราบเลือดตรงมุมปากไปด้วย นางจะให้ท่านย่าเห็นสภาพนางกระอักเลือดไม่ได้!เมื่อมาถึงนอกห้องฮูหยินเฒ่า ก็เห็นซูมามากับหมอประจำจวนรออยู่หน้าประตูห้องก่อนแล้วครั้นเห็นเฉียวเนี่ยน หมอประจำจวนก็คำนับเฉียวเนี่ยนรีบไถ่ถาม "เป็นอย่างไรบ้าง? ท่านย่าข้าเป็นอย่างไรบ้าง?"หมอประจำจวนถึงได้ตอบ "คุณหนูใหญ่ ร่างกายของฮูหยินเฒ่าเสียหายอย่างรุนแรง แม้ข้าน้อยจะฝังเข็มรักษาชีพจรหัวใจของฮูหยินเฒ่าไว้มั่นได้ แต่ เกรงว่าคงยืนหยัดได้ไม่เกินสิบวัน"เฉียวเนี่ยนอึ้งไป พลางส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย "ไม่ ไม่จริง ซูมามาบอกว่า วันนี้สภาพท่านย่าไม่เลว แถมยังลุกจากเตียงได้อยู่เลยมิใช่หรือ... "เหตุใดแม้แต่สิบวันก็ทนไม่ไหวแล้วเล่า?ซูมามาปาดน้ำตาไร้สุ้มเสียงแต่หมอประจำจวนกลับถอนหายใจเล็กน้อย กล่าว "หากไม่เคยได้รับการกระตุ้น บางทีฮูหยินเฒ่าอาจทนได้สองสามเดือน เฮ้อ!"ได้ยินเช่นนี้ น้ำตาเฉียวเนี่ยนพลันไหลลงมาไม่หยุด แม้แต่ลมหายใจก็สับสนไปชั่วขณะอย่างไรเสียก็เป็นเรื่องของนางที่ทำร้ายฮูหยินเฒ่า!เมื่อครู่นางควรตวัดดาบจบหลินยวนไปเสีย!ซูมามารีบเข้ามาเช็ดน้ำตาให้นาง และกล่าวโน้
แต่ในเวลานี้เอง ร่างๆหนึ่งปรี่เข้ามาในห้อง ผลักเฉียวเนี่ยนออกและเพราะการกระแทกนี้ ทำให้ดาบยาวทิ้งรอยเลือดไว้เป็นทางยาวตรงหน้าอกหลินยวนหลินเย่ว์ตกใจหน้าถอดสี รีบอุ้มหลินยวนไปข้างนอกทันทีแต่คาดไม่ถึงว่า เฉียวเนี่ยนไล่ตามออกมาเหมือนกับคนบ้า ถือดาบยาวตวัดฟันลงบนหลังของหลินเย่ว์หลินเย่ว์หลบไม่ทัน หลังรับดาบเฉียวเนี่ยนไปเต็มๆ สองมือไร้เรี่ยวแรงทันที และล้มลงไปบนพื้นพร้อมกับหลินยวนท่านโหวหลินที่เร่งตามาเห็นภาพนี้ ก็ปรี่เข้ามาจับสองมือของเฉียวเนี่ยนไว้ทันที พลางตะคอกอย่างกราดเกรี้ยว “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!”หากไม่ใช่เพราะทหารองครักษ์ที่ถูกแย่งดาบไปรีบมารายงาน เกรงว่าเมื่อพวกเขามาถึง หลินยวนคงตายภายใต้ดาบของนางไปแล้วแต่ไม่คิดเลยว่า เฉียวเนี่ยนแทบจะตะโกนเดือดดาลอย่างบ้าบิ่น “ใช่ข้าบ้าไปแล้ว! หากไม่ใช่เพราะนางส่งคนไปพูดไร้สาระต่อหน้าท่านย่า ท่านย่าก็คงจะไม่เป็นไร! วันนี้ข้าจะต้องตัดลิ้นนางให้ได้ ข้าจะดูว่าต่อไปเจ้าจะเอาอะไรออกมาทำร้ายท่านย่าอีก!”ท่านโหวหลินเหมือนเพิ่งจะรู้ว่าจู่ๆ ที่ฮูหยินเฒ่าอาการกำเริบเกิดมาจากหลินยวน จึงมองไปที่หลินยวนด้วยสีหน้าตกตะลึงทันทีเห็นเพียงอีกฝ้ายหมอบอยู่
เรือนลั่วเหมย ประตูใหญ่ปิดสนิทเฉียวเนี่ยนถีบประตูเปิด ย่างสามขุมเข้าไปในเรือนลั่วเหมยคนรับใช้ สาวใช้ภายในเรือน แต่ละคนเตรียมพร้อมรออยู่ ราวกับคาดเดาได้ว่าเฉียวเนี่ยนจะมาแต่กลับคาดไม่ถึงเลยว่า เฉียวเนี่ยนจะถือดาบเข้ามาด้วย!กระนั้น แม้พวกเขาจะเคยเห็นความดุร้ายของเฉียวเนี่ยน ทว่ากลับไม่เคยเห็นเฉียวเนี่ยนฆ่าคน จึงคิดว่าเฉียวเนี่ยนแค่มาขู่ก็เท่านั้นมีคนรับใช้ใจกล้าคนหนึ่งเข้ามาพูดโน้มน้าว “คุณหนูใหญ่โปรดระงับโทสะ อย่าทำเรื่องโง่ๆ รอท่านโหวมา…อ๊าก!”ไม่รอให้คนรับใช้คนนั้นพูดจบ เฉียวเนี่ยนก็ฟัดดาบลงไป คนรับใช้คนนั้นถูกฟันเข้าที่แขนทันที เลือดแดงสดไหลลงมาดวงตาสองข้างของเฉียวเนี่ยนแดงก่ำ ตะโกนเสียงดัง “หลินยวน ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”จากนั้น เหลือบมองกลุ่มคนรับใช้สาวใช้ที่ยังขวางอยู่ตรงหน้าตัวเอง แล้วตะคอกเสียงเย็น “ใครกล้าขวางข้า!”เหล่าสาวใช้ที่ขี้ขลาดบางส่วนรีบวิ่งหนีเตลิดกันหมด ทว่ายังพอมีใจกล้าอยู่บ้าง ขวางอยู่ข้างหน้าเฉียวเนี่ยน “คุณหนูใหญ่ใจเย็นก่อนๆ หากฆ่าคุณหนูรองจริง ท่านโหวจะปล่อยคุณหนูไปได้อย่างไร?”เฉียวเนี่ยนจ้องคนรับใช้คนนั้นเขม็ง พลางกดเสียงต่ำ “รนหาที่ตาย!”ดาบยา
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ซูมามาก็ห้ามเสียงสะอื้นไม่ได้แล้ว “ฮู ฮูหยินเฒ่ารู้เรื่องที่คุณหนูใหญ่จะตัดขาดท่านโหว จึงบีบเค้นถามบ่าว บ่าวไม่กล้าพูดมาก ฮูหยินเฒ่าจึงบีบให้นังพวกใจสกปรกเหล่านี้พูด…”“ฮูหยินเฒ่าไม่เพียงรู้เรื่องที่คุณหนูตัดขาดจวนโหว ยังรู้เรื่องก่อนหน้าที่คุณหนูเกือบถูกหมิงอ๋องตีตาย รู้ว่าท่านโหวน้อยรังแกคุณหนูอย่างไร ดังนั้นฮูหยินเฒ่าก็เลย ก็เลย…”พูดมาถึงตอนท้าย ซูมามาร่ำไห้จนพูดออกมาไม่ได้แล้วส่วนเฉียวเนี่ยน เดือดดาลจนสั่นเทาไปทั่วร่างนางมีสีหน้าเย็นชา ค่อยๆเดินไปทางสาวใช้พวกนั้นพวกสาวใช้แต่ละคนต่างหลุบตาต่ำก้มหน้า จิตใจกระวนกระวาย ไม่กล้าเหลือบมองเฉียวเนี่ยนได้ยินเพียงสุ้มเสียงสั่นเทาของเฉียวเนี่ยนดังออกมา และเจือไปด้วยโทสะ “ข้ากำชับหลายครั้งหลายหนแล้วว่าห้ามเปิดเผยเรื่องของข้าให้ท่านย่าฟัง พวกเจ้าไปเอาความกล้ามาจากไหนกัน ถึงกล้าเอ่ยถึงข้าในเรือนของท่านย่า!”เหล่าสาวใช้ต่างตกใจพากันร่ำไห้โขกหัว “บ่าวผิดไปแล้ว ขอคุณหนูใหญ่ยกโทษให้ด้วย!”“บ่าวรู้ความผิดแล้ว บ่าวไม่กล้าทำอีกแล้ว!”ทว่าสายตาของเฉียวเนี่ยน กลับถูกสาวใช้หนึ่งในนั้นดึงดูดไปนางขมวดคิ้ว กล่าวเสียงเย็น “เ
หลังจากเฉียวเนี่ยนก้มกราบเสร็จ ก็ลุกขึ้นยืน กล่าวกับคนรับใช้ที่คอยปรนนิบัติอยู่นอกห้องโถง “ไปเอากระดาษ พู่กันมา”คนรับใช้ไหนเลยจะกล้าขยับ พลางมองไปที่ท่านโหวหลินด้วยความลำบากใจแต่กลับพบว่า ท่านโหวหลินกำลังหายใจแรง คล้ายว่าถูกยั่วโมโหสุดขีดแล้วส่วนฮูหยินหลินปาดน้ำตาไม่หยุด พูดไม่ออกเลยสักคำมีเพียงหลินเย่ว์ที่ยังพูดออกมาได้ในตอนนี้ “เฉียวเนี่ยน เจ้าคิดให้ดีนะ ไม่มีจวนโหว…”“ข้าคิดดีแล้ว” เฉียวเนี่ยนขัดคำพูดหลินเย่ว์อย่างไม่แยแส จากนั้นสายตาก็มาหยุดอยู่ที่ท่านโหวหลินอย่างเย็นชา น้ำเสียงเจือไปด้วยความถากถาง “บัดนี้พวกท่านบอกปัดด้วยข้ออ้างต่างๆเช่นนี้ เหมือนกับว่าจวนโหวขาดข้าไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น”ไม่ใช่ว่ายืนยันแล้วหรอกหรือว่าจวนโหวเอาแต่ใช้ประโยชน์นางมาตลอด?ได้ยินเช่นนี้ ในที่สุดท่านโหวหลินก็โมโหจนขาดสติ และตะคอกขึ้นมาด้วยโทสะทันที “ไปเอากระดาษกับพู่กันมา!”จวนโหวขาดนางไม่ได้?พูดเรื่องตลกอะไร!เรือพังยังมีตะปูสามพัน ต่อให้จวนโหวเขาไม่ดีแค่ไหน ก็ไม่มีวันตกต่ำถึงขั้นต้องพึ่งพาเฉียวเนี่ยนที่เป็นสตรีคนหนึ่งหรอก!เขาคำนึงถึงอนาคตทึกอย่างเพื่อนาง นางไม่รับน้ำใจก็ช่าง ตอนนี้กลับ
น้ำเสียง ดูเย็นชาเป็นพิเศษแต่กลับทำให้หลินเย่ว์โมโหไม่น้อย "ไม่ขัดขวาง? เฉียวเนี่ยน เจ้ามองตัวเองสำคัญเกินไปแล้ว? ที่พ่อแม่สนใจเรื่องแต่งงานของเจ้า เป็นเพราะพวกเขายังยอมรับเจ้าเป็นลูกสาว! หากตัดขาดกัน จวนโหวจะสนใจเจ้าอีกได้อย่างไร!"ได้ยินวาจานี้ จู่ๆ เฉียวเนี่ยนพลันหัวเราะขึ้นมา ก่อนกล่าว "ดังนั้น ข้าจะตัดขาดความสัมพันธ์"สิ่งที่หลินเย่ว์พูดเมื่อครู่ เหล่านนั้น คือเหตุผลที่นางอยากตัดขาดความสัมพันธ์!หลินเย่ว์นิ่งอึ้งรู้สึกแต่ว่าเฉียวเนี่ยนถูกผีเข้าสิงขณะกำลังคิดว่าควรจะด่าเตือนนางอย่างไร กลับไม่คาดคิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน"ท่านโหวหลินดูออกหรือไม่ว่าตราประทับนั้นเป็นของปลอม?"เสียงของนางอ่อนเบา ไม่เจือไปด้วยโทสะแม้แต่น้อยราวกับว่าแค่ถามเรื่องที่ปกติมากๆเรื่องหนึ่ง เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับนางแต่คำพูดนี้กลับทำให้หลินเย่ว์และฮูหยินหลินขมวดคิ้วสองข้าง "ตราประทับปลอมอะไร? เจ้าว่าตราประทับราชครูนั่นเป็นของปลอมหรือ?"เฉียวเนี่ยนไม่ตอบ ดวงตาคู่หนึ่งมองไปที่ท่านโหวหลินอย่างสงบนิ่งมากพบว่าท่านโหวหลินตาเป็นประกาย กล่าวอย่างปากแข็ง "นั่น นั่นมันเป็นตราประทับของรา
จวบจนรถม้านั่นขับออกไปไกลแล้ว จิ่งเหยียนถึงได้โบกมือ สั่งเหล่าทหารที่อยู่ด้านหลังกลับไปจากนั้นก้มตัวลงไปเก็บปิ่นปักผมที่อยู่บนพื้นขึ้นมา เดินอ้อมไปอยู่ด้านหลังเฉียวเนี่ยนและม้วยมวลผมที่ง่ายที่สุดให้นางในระหว่างที่ทำผมให้นางเขาถึงได้พบว่า มือขวาของตัวเองยังออกแรงไม่ได้จนถึงตอนนี้นึกถึงเซียวเหอแม้เขาจะกักตัวมาตลอดห้าปี กระนั้นฝีมือการต่อสู้กลับยังคงเก่งกาจเหมือนเดิม จิ่งเหยียนอดหัวเราะเสียงเบาออกมาไม่ได้ครั้นได้ยินเสียงหัวเราะที่มาจกความจริงใจภายใน เฉียวเนี่ยนก็อดสงสัยไม่ได้ "เป็นอะไรหรือ?"จิ่งเหยียนเก็บความคิดไว้ และส่ายหัวเล็กน้อย "ไม่มีอะไร"ระหว่างสนทนา เขาปรายตามองแผ่นป้ายสูงจวนราชครูนั้น แววตาทมึนถึงลง ก่อนกล่าว "ข้าจะส่งเจ้ากลับ"เฉียวเนี่ยนถึงได้สูดหายใจเข้าลึก และพยักหน้าอย่างช้าๆถึงเวลาควรกลับแล้วไม่นาน เฉียวเนี่ยนก็กลับมาถึงจวนแต่คาดไม่ถึงว่า จะบังเอิิญเจอท่านโหวหลินกับหลินเย่ว์ที่กำลังออกมาจากจวนพอดีเห็นเฉียวเนี่ยนตามจิ่งเหยียนมา ท่านโหวหลินกับหลินเย่ว์ต่างก็ตกตะลึงเดิมทีพวกเขากำลังจะไปจวนราชครู แต่ไม่คิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะกลับมาก่อนก้าวหนึ่งท่านโหวหลิ
แต่ไม่คิดเลยว่า จู่ๆบนหลังมือของจิ่งเหยียนเกิดความเจ็บแปลบอย่างรุนแรงขึ้นมา ทำให้ไม่อาจถือแม้แต่ปิ่นปักผมไว้ได้ปิ่นปักผมร่วงลงบนพื้น เกิดเสียงกระทบดังออกมาและที่ร่วงมาพร้อมกันนั้น ยังมีหินกลมก้อนหนึ่งด้วยนี่มัน...ทั่วบริเวณ เงียบสงัดไปชั่วขณะทว่ามีเสียงเกือกม้าค่อยๆดังเข้ามาทุกคนทอกมองไปทางต้นเสียง เห็นไม่ไกลนัก มีรถม้าคันหนึ่งมุ่งตรงมาที่จวนราชครูคือรถม้าของตระกูลเซียว!เฉียวเนี่ยนตกใจ จับมือจิ่งเหยียนไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว ก่อนคิ้วงามขมวดขึ้นเล็กน้อยเซียวเหิงมาได้อย่างไร?แต่ที่ไม่คาดคิดคือ รถม้ามาหยุดอยู่นอกจวนราชครู มือขาวเรียวยาวข้างหนึ่งแหวกผ้าม่านรถออก เสียงเย็นยะเยือกดังออกมา "ราชครูชิว ไม่เจอกันนานเลย"เฉียวเนี่ยนตกใจอีกครา สุ้มเสียงนี้ หาใช่เซียวเหิง!นางมองไปทางรถม้าทันที เห็นใบหน้าขาวที่แทบจะเหมือนป่วยภายใต้ม่านรถที่ถูกเปิดออกนั้น บนใบหน้าที่ซูบผอม หูตาคอจมูกดูดุดัน ออร่าแม่ทัพใหญ่ที่เลือนรางนั้นไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อยเป็นเซียวเหอ!จิ่งเหยียนเองก็คาดไม่ถึงว่าผู้มาจะเป็นเซียวเหอ จึงอุทานอย่างตกใจออกมา "ท่านแม่ทัพ!"เขาเคยเป็นผู้นำทัพแนวหน้าใต้บัญชาเซียวเห