แม่เซียวขมวดคิ้ว ถอนหายใจพลางกล่าวว่า "แม่ไม่ได้โทษเนี่ยนเนี่ยน ทั้งหมดเป็นเรื่องของคนนอก... ช่างเถอะ ๆ ข่าวลือพวกนั้นไม่ต้องไปใส่ใจ ไม่นานก็จะเงียบไปเอง""ใช่ ไม่จำเป็นต้องสนใจ" เซียวเหอยิ้มบาง ๆ ให้แม่เซียวเป็นครั้งแรกของวันนี้ "เช่นนั้น ท่านแม่ ข้าขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อน""ได้สิ เจ้าไปพักผ่อนเถิด!" แม่เซียวรับคำอย่างรวดเร็วนางมองตามแผ่นหลังเซียวเหอที่เดินจากไป สีหน้าของแม่เซียวกลับยิ่งดูแย่ลงกว่าเดิมจนกระทั่งเซียวเหอเดินลับสายตาไปแล้ว นางจึงหันไปทางมามาที่รับใช้ข้างกาย "เจ้าไปนำสารสมรสของเนี่ยนเนี่ยนกับเหอเอ๋อร์มา คัดลอกวันเดือนปีเกิดของนาง แล้วส่งไปให้ท่านมหาเถระฉือเอินแห่งวัดฝ่าหัวดูให้ที"ก่อนหน้านี้ ตอนแต่งงานกัน ไม่มีใครนำดวงชะตาของทั้งสองไปให้ตรวจสอบ เพราะมีราชโองการพระราชทานสมรสอยู่ก่อนแล้ว ต่อให้เฉียวเนี่ยนไม่แต่งกับเซียวเหอ ก็ต้องแต่งกับเซียวเหิง จะมีใครมัวมาสนใจเรื่องดวงชะตากัน?ทว่าเวลานี้ ข่าวลือภายนอกกลับยิ่งลุกลามไปกันใหญ่ แม่เซียวรู้สึกเป็นกังวลจนไม่อาจวางใจได้หมิงอ๋อง จิ่งเหยียน แม้กระทั่งฮูหยินเฒ่าแห่งจวนโหว ล้วนเคยเป็นคนใกล้ชิดของเฉียวเนี่ยนทั้งสิ้นเช่นน
"ไว้วันหลังค่อยพูดเถอะ!" เซียวเหอขัดคำพูดของเฉียวเนี่ยน ลุกขึ้นช้า ๆ แล้วกล่าว "วันนี้เข้าไปเข้าเฝ่าฝ่าบาทมา ตอนนี้เหนื่อยแล้ว"เฉียวเนี่ยนก็ลุกขึ้นตาม สังเกตเห็นสีหน้าที่เหนื่อยล้าของเซียวเหอ เขาออกไปแต่เช้าแล้วเพิ่งกลับมา ไม่รู้ว่าได้คุยอะไรกับฝ่าบาทบ้างอาจจะมีเรื่องที่ทำให้เขากังวลอยู่ก็ได้ดูเหมือนตอนนี้จะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมจะพูดอะไร นางจึงพยักหน้า "เช่นนั้นท่านพี่เซียวไปพักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ"เซียวเหอพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะหมุนตัวไปทางห้องของตนเองจนกระทั่งเข้าไปในห้อง เขาจึงพบว่าในฝ่ามือของตนเองยังคงกำลูกท้อที่แกะแล้วไว้อยู่จี้เยว่นำน้ำเข้ามาให้เซียวเหอล้างมือ พลางแสดงความเป็นห่วง "คุณชายใหญ่กังวลเรื่องข่าวลือภายนอกอยู่หรือ? ท่านไม่ต้องห่วง นายหญิงน้อยใหญ่ไม่ค่อยออกจากจวน คงจะไม่ได้ยินข่าวอะไรในเร็ว ๆ นี้หรอก บ่าวจะจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด"เซียวเหอล้างมือและเช็ดจนแห้ง ก่อนจะกล่าว "อืม เจ้ากลับไปเถอะ ข้าจะพักสักครู่"เมื่อเห็นสีหน้าของเซียวเหอไม่ดี จี้เยว่จึงได้แต่พยักหน้ารับแล้วออกจากห้องไปประตูห้องปิดลง ห้องจึงมืดลงทันทีเซียวเหอมองไปที่หน้าต่าง ภายนอกยังคงมีแสงแดดจ
พูดจบ เซียวเหอก็มองไปยังจี้เยว่แววตาของเขาดูเรียบเฉย คนอื่นมองไม่ออกว่าสายตานั้นมีความหมายอะไรแต่จี้เยว่กลับเข้าใจทันที รีบพยักหน้าแล้วพูดว่า "ใช่ขอรับ ท่านหมอหลิวยังบอกอีกว่า ขาของคุณชายใหญ่ไม่ได้ใช้งานมานานถึงห้าปี การที่มันหายดีในทันที ร่างกายคงไม่คุ้นเคย ต้องมีการนวดทุกวันต่อไป"ทางที่ดีก็คือให้นายหญิงน้อยใหญ่เป็นคนนวดเมื่อได้ยินคำพูดของเซียวเหอและจี้เยว่ พ่อเซียวและแม่เซียวก็เริ่มสบายใจขึ้นเฉียวเนี่ยนเองก็รู้สึกว่าคำพูดของท่านหมอหลิวมีเหตุผล แต่ก็คิดว่า น่าจะไปถามหมอประจำจวนจะสบายใจกว่ายิ่งไปกว่านั้น ถ้าจำเป็นต้องนวดจริง ๆ อาจจะมีวิธีนวดที่แตกต่างจากที่อื่นที่หมอประจำจวนรู้เมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนกำลังคิดอะไรบางอย่าง เซียวเหอก็พูดขึ้นทันที "อ้อ เนี่ยนเนี่ยน เมื่อวานนี้เจ้าจะพูดอะไรกับข้าหรือ?""เจ้าคะ?" เฉียวเนี่ยนชะงักไปชั่วขณะ นางเพียงรู้สึกว่าในตอนนี้ขาของเซียวเหอยังไม่หายดี คำพูดของนางเมื่อวานย่อมไม่ควรเอ่ยขึ้นอีก จึงส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า "ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ เรื่องการพักฟื้นของท่านพี่เซียวสำคัญกว่า"เซียวเหอพยักหน้าเล็กน้อย มุมปากแต้มรอยยิ้มจาง ๆ ในใจลอบยินดีอย่างเงีย
“อามิตตาพุทธ” พระเณรประนมมือทำความเคารพบุรุษตรงหน้า “ขอคารวะแม่ทัพเซียว”เซียวเหิงก็ประนมมือตอบรับ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "พระเณรน้อยกำลังจะไปที่ใดหรือ?"พระเณรตอบตามความจริง "อาตมารับบัญชาจากพระมหาเถระฉือเอิน ให้ไปส่งสารที่จวนแม่ทัพ""ข้าก็กำลังจะกลับจวนแม่ทัพพอดี เช่นนั้นให้ข้าพาพระเณรน้อยไปส่งดีหรือไม่?" น้ำเสียงของเซียวเหิงฟังดูอ่อนโยนเป็นมิตรพระเณรรู้จักเซียวเหิง ทว่าไม่เคยเห็นแม่ทัพเซียวมีท่าทีใจดีถึงเพียงนี้มาก่อนในใจรู้สึกแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิดดูแล้ว ในเมื่อเป็นทางผ่าน เช่นนั้นก็ขึ้นรถม้าไปด้วยกันสักจะเป็นไรไป?เดินมาจากวัดฝ่าหัวจนถึงที่นี่ ขาของเขาล้าจะแย่อยู่แล้วพระเณรรีบประนมมือขอบคุณก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถม้าของเซียวเหิงภายในรถม้าจุดเครื่องหอม กลิ่นอ่อน ๆ ลอยฟุ้ง นับว่าน่ารื่นรมย์ไม่น้อยหอมกว่ากลิ่นธูปเทียนในวัดมากจริง ๆพระเณรคิดเช่นนั้น แต่ไม่นานก็รู้สึกง่วงงุน เปลือกตาหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็ทนไม่ไหว เอนตัวพิงข้าง ๆ แล้วหมดสติไปเซียวเหิงโน้มตัวไปข้างหน้า ตบแก้มพระเณรเบา ๆ "พระเณรน้อย พระเณรน้อย?"เขาเรียกเบา ๆ สองครั้ง แต่พระเณรกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบส
พวกนางเห็นจดหมายที่เขียนด้วยมือของพระมหาเถระฉือเอินทุกปี แล้วจะไม่สามารถจำลายมือของท่านได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้น พระเณรที่นำจดหมายมามอบให้ก็เป็นคนที่พวกนางรู้จักดี เขาคือเด็กที่ติดตามพระมหาเถระฉือเอินตั้งแต่เล็ก จนถึงตอนนี้ก็ยังติดตามท่านมานานถึงสิบปีจดหมายนี้ พระเณรน้อยนำมาให้ด้วยตนเอง จะมีการปลอมแปลงได้อย่างไร?เนี่ยนเนี่ยน... นางมีดวงชะตาอัปมงคลจริง ๆ ด้วยไม่น่าแปลกใจเลย ที่หลังจากเนี่ยนเนี่ยนออกจากวังไม่นาน สุขภาพร่างกายของฮูหยินเฒ่าหลินก็ย่ำแย่ลงอย่างรวดเร็วเพิ่งจะหมั้นหมายกับหมิงอ๋องไม่นาน หมิงอ๋องก็สิ้นชีวิต แล้วหลังจากนั้นฮูหยินเฒ่าหลินก็เสียชิวิตตามไป จากนั้นคนที่นางมีความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนด้วยอย่างจิ่งเหยียนก็สิ้นใจไปอีก…ทุกคนที่มีความสัมพันธ์ค่อนข้างใกล้ชิดกับนางล้วนล้มตายไปหมดแล้ว แล้วเหอเอ๋อร์จะเป็นอย่างไร?เขากับเฉียวเนี่ยนเป็นสามีภรรยากันแล้วนี่!มามายังคงรู้สึกไม่ค่อยเชื่อ "แต่ว่าฮูหยิน ท่านก็เห็นอยู่ว่าขาของคุณชายใหญ่หายดีได้ เพราะนายหญิงน้อยใหญ่รักษาให้"ในใจแม่เซียวรู้สึกสับสนปนเปด้วยหลายอารมณ์ "ใช่... เนี่ยนเนี่ยนรักษาเป็นคนจนหาย แต่ตอนนี้นางกับเหอเอ๋อร
เซียวเหอเข็นเก้าอี้ล้อเข้ามาในห้องสาวใช้เห็นเขาก็รีบทำความเคารพ แต่สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความลำบากใจ "แต่ว่า... ฮูหยินท่าน...""ข้าจะพูดกับฮูหยินเอง" เซียวเหอกล่าวเสียงราบเรียบ เมื่อเห็นว่าสาวใช้ยังไม่ยอมไป เขาก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยด้วยสายตาเย็นชาเพียงปรายตามองก็ทำให้คนรู้สึกหนาวสั่น "ทำไม? หรือจะให้ข้าไปส่งเจ้า?"สาวใช้สะดุ้งเฮือก รีบตื่นตัวแล้วถอยออกไปอย่างรวดเร็วเฉียวเนี่ยนมองตามแผ่นหลังของสาวใช้ที่วิ่งหนีไป ก่อนจะส่ายศีรษะเบา ๆ อย่างจนใจจากนั้นก็หันไปมองเซียวเหอ เอ่ยขึ้นว่า "ท่านแม่สามีต้องมีเหตุผลแน่ ๆ ท่านพี่เซียวทำแบบนี้ เกรงว่าคงทำให้ท่านเสียใจ"เซียวเหอย่อมเข้าใจเจตนาของฮูหยินดีอยู่แล้วว่าทุกอย่างนั้น ล้วนทำเพื่อเขาทั้งนั้นแต่เขาไม่สามารถทำให้เฉียวเนี่ยนไม่ได้รับความยุติธรรมด้วยเหตุผลนั้นได้ทันใดนั้นก็กล่าวว่า "โรคขาของข้ายังไม่หายดี ท่านแม่คงเข้าใจ"เฉียวเนี่ยนคิดดูแล้วก็เห็นด้วยนางยังต้องรักษาโรคขาของเซียวเหออยู่ การอยู่ในเรือนเดียวกันก็สะดวกดีถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็คงจะรอจนกระทั่งนางรักษาขาของเซียวเหอจนหายดีแล้วค่อยจากไปสำหรับแม่เซียว ถ้านางไม่พอ
คงไร้วาสนาจึงไม่อาจครอบครองได้!นางคิดเช่นนั้นมุมปากของนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบา แต่แล้วเสียงของเซียวเหอก็ดังขึ้นข้างหู"เนี่ยนเนี่ยน"เฉียวเนี่ยนชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองเซียวเหอแต่สิ่งที่นางเห็นกลับทำให้นางตกตะลึง เซียวเหอในตอนนี้กลับกำลังยืนอยู่!ร่างสูงสง่าของเขายืนอยู่ท่ามกลางกิ่งหลิวที่ห้อยระย้า เงาของกิ่งไม้บังใบหน้าของเขาไปครึ่งหนึ่ง เขายกมือขึ้นปัดกิ่งไม้ออก ดวงตาคมกริบเปล่งประกายเจิดจ้าเฉียวเนี่ยนเพิ่งได้สติ นางเอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ "ท่านพี่เซียว ขาของท่าน เหตุใด...""ข้าหลอกเจ้า" เสียงทุ้มต่ำกล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา แววตาหล่อเหลาฉายแววรู้สึกผิด "ข้าขอโทษ"คิ้วของเฉียวเนี่ยนค่อย ๆ ขมวดเข้าหากันนางรู้สึกไม่เข้าใจ "ท่านพี่เซียว เหตุใดท่านจึงต้องหลอกข้าด้วย? หรือว่าฝ่าบาทตรัสสิ่งใดกับท่านในวังเมื่อวานนี้? ท่านกังวลว่าคนที่เคยวางยาท่านยังไม่ล้มเลิกความคิดชั่วร้ายหรือ?"นางพยายามหาข้ออ้างแทนเซียวเหอแต่ไม่คิดเลยว่า คำตอบของเขาจะฟาดลงมาเหมือนสายฟ้ากลางวันแสก ๆ ทำให้เฉียวเนี่ยนถึงกับนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่เขากล่าวว่า "เพราะข้าทนปล่อยเจ้าไปไม่ได้""เมื่อวาน ข้า
เซียวเหอคิดในใจว่า ในสามปี หากนางยังคงไม่อาจชอบเขาได้ เช่นนั้นเขาย่อมทำตามสัญญาในคราแรก ต้องปล่อยนางไปอย่างที่นางต้องการแน่นอนว่าหากนางไม่เต็มใจ เขาย่อมไม่บังคับให้นางต้องอยู่ต่ออีกสามปีเขาเพียงแค่กำลังให้โอกาสตนเองเท่านั้นเฉียวเนี่ยนมองเซียวเหอด้วยความตะลึงงัน ทว่าในหัวกลับยุ่งเหยิงท่านพี่เซียวปฏิบัติต่อนางอย่างดี เรื่องนี้นางรู้ดีแต่ที่ผ่านมานางไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้นระหว่างตนกับเซียวเหอยามนี้ คำพูดของเซียวเหอ สำหรับนางแล้วช่างกะทันหันเกินไปนักสามปีนางเคยให้สัญญานี้ไว้จริง ๆทว่าเวลานี้หาใช่อดีต นางจำต้องคิดให้รอบคอบยิ่งกว่าเดิมนางไม่ต้องการเห็นเขาและเซียวเหิงแตกหักกันในฐานะพี่น้อง อีกทั้งไม่อาจทนมองตระกูลเซียวที่แสนปรองดองต้องแตกแยกเพราะนางนางควรจากไป ออกเดินตามเส้นทางชีวิตของตนเองมิใช่พำนักอยู่ในเมืองหลวง พัวพันกับเรื่องราวในอดีตไม่รู้จบเหตุผลทุกประการต่างบอกกับนาง ว่าไม่อาจทำเช่นนี้ได้!ดังนั้น ฝีเท้าของนางจึงถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แม้ไม่อยากทำร้ายเซียวเหอ ทว่านางก็ยังคงขมวดคิ้วก่อนเปล่งเสียงออกมา "ข้า… ข้ารู้ว่าท่านพี่เซียวปฏิบัติต่อข้าอย่างดี… แต
เขาไม่อยากหลีกให้ แต่ก็เข้าใจว่า วันนี้ตนไม่สามารถล้วงความลับจากปากของเซียวเหิงได้แน่คิดแล้วคิดอีก ก็ได้แต่ค่อยๆ หลีกทางให้เซียวเหิงจึงพลิกกายขึ้นม้าอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังทิศทางของวังแต่เมื่อเดินผ่านหลินเย่ว์ ก็ได้ยินเขาถามด้วยเสียงต่ำว่า"เจ้าไม่เคยคิดว่าเจ้าทําแบบนี้ จะทําให้เนี่ยนเนี่ยนเกลียดเจ้ามากขึ้นเหรอ?"ร่างกายของเซียวเหิงพลันแข็งทื่อ แต่กลับไม่หยุดฝีเท้าย่อมเคยคิดมาก่อนแต่เขาไม่มีทางเลือกเขาทําไม่ได้ที่จะมองดูนางไปรักคนอื่นแขนซ้ายพันแผลอย่างง่ายๆ แล้วเซียวเหิงก็เข้าราชสํานักไปฮ่องเต้มองปราดเดียวก็มองออกทันที สีหน้าของเขาดูน่าเกลียดมาก ในประชุมเช้าไม่ได้เอ่ยคําใด เพียงแค่รั้งเขาเอาไว้หลังจากออกจากประชุมเช้าแล้วภายในท้องพระโรง เซียวเหิงคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่หน้าตําหนักฮ่องเต้ประทับบนบัลลังก์มังกร หลุบตามองเขา น้ำเสียงทุ้มต่ำ เปี่ยมไปด้วยความโกรธ "เจ้ากําลังก่อเรื่องอะไรอยู่กันแน่? เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง ยังคิดจะก่อเรื่องวุ่นวายอีกเหรอ?"เซียวเหิงหน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่ตอบฮ่องเต้ถลึงตาใส่เขา "ทําไม? ต้องเป็นนางเท่านั้นเหรอ?"ครั้งนี้เซียวเหิงกลับเอ่ยปาก"ใช่ กระ
ตกดึกเฉียวเนี่ยนนอนอยู่บนเตียง พลิกไปพลิกมา อย่างไรก็นอนไม่หลับนางรู้ว่าหนิงซวงอาจไม่สามารถเห็นคําใบ้ของ'นอกเมืองหลวง'ได้ แต่นางสามารถเข้าใจได้อย่างแน่นอนว่าคำว่าต้องรดน้ำมีปัญหานางรู้ว่าถ้าหนิงซวงไม่เข้าใจ นางจะต้องไปหาเซียวเหอแน่นอน และคําใบ้เกี่ยวกับนอกเมืองหลวง เซียวเหอจะต้องดูออกแน่นอนแต่นางก็ไม่รู้ว่านางอยู่นอกเมืองหลวงหรือไม่อย่างไรก็ตามนางถูกขังอยู่ในจวนตลอดเวลาและไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกคนรับใช้ในจวนก็ไม่พูดถึงแน่ ทั้งหมดเป็นเพียงการคาดเดาของนางเท่านั้นเป็นเพราะนางเดินผ่านกําแพงสูงของจวนหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆ จากด้านนอกเลย จึงคิดว่าตําแหน่งของจวนหลังนี้จะต้องอยู่ห่างไกลจากเมืองแน่นอนบวกกับวันนั้นนางไม่ได้นอนทั้งคืน แต่ตอนเช้าตรู่กลับได้กลิ่นไอน้ำที่ชัดเจนและเข้มข้นจึงคิดว่าแถวนี้ต้องมีน้ำแน่นอนแม่น้ำก็ดี น้ำพุก็ดี ต้องมีแน่นอนแม้ว่านางจะไม่รู้ว่าคําเตือนของนางถูกต้องหรือไม่ แต่ก็มีความหวังอยู่หวังว่า... นางสามารถออกจากที่นี่ได้โดยเร็วที่สุดวันรุ่งขึ้นเซียวเหิงออกจากบ้านแต่เช้าแม้ว่าเขาจะย้ายงานทหารมาที่นี่แล้ว แต่เขาก็ยังต้องไปประช
มันเป็นจดหมายที่สั้นมากและไม่มีสํานวนที่งดงามอะไร ในมุมมองของเฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ มันเป็นจดหมายธรรมดาเท่านั้นแต่ทั้งสองยังคงส่งจดหมายให้เซียวเหิงเซียวเหิงรับมาดูแวบหนึ่ง ดวงตาลึกล้ำไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เพียงเอ่ยเรียบๆ ว่า "ส่งไปเถอะ!""เจ้าค่ะ"เฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ร์รับคําแล้วจากไปแต่แววตาคู่นั้นของเซียวเหิงกลับหม่นหมองลงเขารู้ว่าเฉียวเนี่ยนไม่ยินยอมอยู่ที่นี่แต่อาศัยแค่จดหมายฉบับเดียว ก็อยากหาคนมาช่วยนางเหรอ?ทําไมนางยังไม่เข้าใจว่าตอนนี้ไม่มีใครสามารถพรากนางไปจากเขาได้อีกแล้วเมื่อหนิงซวงได้รับจดหมายฉบับนี้ ก็งงไปหมด"นี่เป็นลายมือของคุณหนูจริงๆ!" หนิงซวงตื่นเต้นจนขอบตาแดงก่ำ หลายวันมานี้ น้ำตาของนางเกือบจะแห้งไปหมดแล้วหวังเอ้ออ่านเนื้อหาในจดหมายแล้วพยักหน้า "ข้าจําลายมือคุณหนูไม่ได้ แต่ในเมื่อคุณหนูบอกว่านางไม่เป็นไร ก็ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก"หนิงซวงเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น "นางเขียนแบบนี้เพื่อให้ข้าสบายใจ นางถูกแม่ทัพเซียวพาตัวไป แม้ว่าร่างกายจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ แต่ในใจต้องเจ็บปวดมากแน่ๆ!"หวังเอ้อพยักหน้าตาม แต่เมื่อเขาอ่านเนื้อหาในจดหมาย เขาก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆ
ท้ายที่สุดเซียวเหิงก็จากไป เขาเดินโซซัดโซเซจากไปราวกับพ่ายแพ้สงครามส่วนเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ในห้องคนเดียว มองดูแสงเทียนที่ลุกโชติช่วง จนกระทั่งฟ้าสางก็ยังไม่รู้สึกง่วงเดิมทีคิดว่า หลังจากผ่านการทะเลาะกันเมื่อคืนมาแล้ว อย่างน้อยเซียวเหิงก็พอจะเข้าใจได้ว่านางไม่อยากมีอะไรกับเขาอีกจริงๆ แต่ใครจะรู้ว่าตอนที่เฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์มาปรนนิบัตินาง ก็ยังเรียก ‘ฮูหยิน’ อยู่ดีกระทั่งถึงวันที่ห้า เซียวเหิงก็ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านนี้โดยตรงเมื่อเห็นเหล่าเด็กรับใช้ขนหนังสือกองแล้วกองเล่าเข้าไปในเรือน คิ้วของเฉียวเนี่ยนก็ขมวดแน่นนางเดินตามเด็กรับใช้เข้าไปในห้องหนังสือ ก็เห็นเด็กรับใช้หลายคนกําลังรวบรวมหนังสืออยู่หน้าชั้นวางหนังสือ ส่วนเด็กรับใช้อีกคนหนึ่งกําลังวางหนังสือจํานวนหนึ่งไว้บนโต๊ะเฉียวเนี่ยนมองปราดหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าล้วนเป็นกิจการทหารหัวใจของนางจมดิ่งลง แม้แต่ในกองทัพเขาก็ไม่อยากไปแล้วเหรอ?เมื่อเด็กรับใช้เห็นนางก็ทําความเคารพพร้อมกัน "คารวะฮูหยิน"คําเรียกแบบนี้ทําให้เฉียวเนี่ยนฟังแล้วรู้สึกทรมานมาก แต่นางก็รู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะโกรธพวกเขา จึงขมวดคิ้วถามว่า "เซียวเหิงล่ะ?""
"ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าควรขอบคุณแม่ทัพเซียวที่ยังจดจําความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ ข้าคงยังเป็นทาสอยู่ในกรมซักล้าง ข้าขอขอบคุณแม่ทัพเซียวสําหรับความเมตตาของท่าน! แต่ขอเพียงท่านอย่าเลือกตัวเลือกนี้หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเป็นการืำเพื่อข้าอีก"“ข้ารับไม่ไหว”คําสี่คําสุดท้ายนั้น ราวกับค้อนหนักทุบลงบนใจของเซียวเหิงอย่างแรงเซียวเหิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กลับถูกม้านั่งสะดุดขา โซเซจนเกือบล้มไปข้างหลังอาจเป็นเพราะเสียงนี้ดังไปหน่อย เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่นอกห้องจึงรีบวิ่งเข้ามาเซียวเหิงตวาดเสียงเข้มทันที "ใครให้พวกเจ้าเข้ามา! ออกไป!"แต่ไม่คิดว่า เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์จะคุกเข่าลงพร้อมกัน"ฮูหยิน ท่านให้อภัยท่านแม่ทัพเซียวเถอะ! ท่านแม่ทัพเซียวใส่ใจท่านจริงๆ! เขาได้ยินว่าท่านต้องการพบเขา ก็มาโดยไม่คํานึงถึงอาการบาดเจ็บหนัก!""ใครอนุญาตให้พวกเจ้าพูดมาก? ไสหัวไป!"เซียวเหิงตวาดเสียงเข้มอีกครั้งเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมอีก พวกนางทนเห็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองน่าเวทนาเช่นนี้ไม่ได้ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของเซ
แผลเป็นเหล่านั้นราวกับกำลังเป็นพยานให้กับเซียวเหิง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาใส่ใจนางเพียงใดน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัวนางยื่นมือออกไป ลูบเบา ๆ ลงบนแผลเป็นบริเวณอกของเขา ปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบราวกับอาวุธอยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา "เจ็บไหม?"คิ้วของเซียวเหิงกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวเจ็บไหม?สองพยางค์นี้ นางเคยถามจิ่งเหยียนมาก่อนเขาเห็นกับตาว่าหลังจากนั้น นางกับจิ่งเหยียนโอบกอดกันแนบแน่นเพียงใด เพราะเหตุนี้ เวลานี้จึงมีอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาจุกอยู่กลางอก จนไม่อาจเปล่งถ้อยคำใดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียวแต่แล้วก็เห็นนางเงยหน้าขึ้นมามองเขากะทันหัน ท้ายที่สุดน้ำตาในดวงตาก็ไหลรินลงมาเสียงเบา ๆ อ่อนโยนนั้นเอ่ยว่า "จิ่งเหยียน… ต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลย"เพราะนางเห็นกับตา ว่าบนร่างของจิ่งเหยียนตรงตำแหน่งนี้ มีรูขนาดใหญ่ทะลุเป็นโพรงเหล่าทหารกล่าวว่า นั่นคือบาดแผลจากดาบที่จิ่งเหยียนรับไว้แทนเซียวเหิง แทงทะลุผ่านร่างกายนางคิดว่า ตอนนั้นจิ่งเหยียนคงเจ็บมาก เจ็บมากจริง ๆเซียวเหิงไม่เคยคาดคิดเลยว่า เวลานี้ เวลาที่นางกำลังมองแผลเป็นทั่วร่างของเขา
"..."เฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ไปพูดสิ่งใดกับเซียวเหิง แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงกำลังเข้าใจผิดคิ้วเรียวงามของนางขมวดแน่น เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงขรึม "ท่านต้องการอะไรกันแน่? เหตุใดต้องกักข้าทิ้งไว้ที่นี่?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเหิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ยังคงฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนไว้ ดวงตาสีเข้มลึกฉายแสงจากเปลวเทียน แวววาวนัก"นี่มิใช่การกักขัง ข้าเพียงแค่… อยากให้เราสองคน… มีโอกาสอีกครั้ง"โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่ว่าดวงตาของเฉียวเนี่ยนกลับยิ่งหม่นมัว นางมองเซียวเหิง ปากยกยิ้มเย้ยหยัน "โอกาสหรือ? เมื่อสามปีก่อน แม่ทัพเซียวก็หาได้เคยให้โอกาสข้าไม่"เมื่อสามปีก่อน พวกเขาทั้งหมดต่างยืนอยู่ข้างหลินยวน กระทั่งคำแก้ตัวของนาง ก็ยังถูกสายตาอันดุดันของเขาบีบให้กลืนกลับลงไปหากสามปีก่อนเขาไม่ต้องการนางแล้ว เช่นนั้นเหตุใดสามปีให้หลังยังจะมากักนางไว้อีก!เมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องในอดีตเมื่อสามปีก่อน หัวใจของเซียวเหิงก็เจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยมีดเขาก้าวเข้าไปใกล้นาง แต่ก็เห็นนางถอยกรูดไปสามก้าวทันที มือที่กำปิ่นปักผมไว้แน่นก็ยกขึ้นเตรียมป้องกันตัวเขาจึงหยุด
สามวันต่อมาเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ใต้ชายคา ข้างซ้ายมีสาวใช้กำลังแกะเมล็ดแตงให้กับนาง ข้างขวามีสาวใช้อีกคนกำลังหั่นแตงโมให้นางสามวันแล้ว แต่นางกลับยังไม่ได้พบกับเซียวเหิงเลยกลับกัน ตอนนี้นางกลับคุ้นเคยกับสองสาวพี่น้องคู่นี้เป็นอย่างดีทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฝั่งซ้ายชื่อเฉียวเอ๋อร์ ฝั่งขวาชื่อฮุ่ยเอ๋อร์สองนางมิใช่คนเมืองหลวง บ้านเกิดอยู่ไกลถึงชายแดนเมื่อครั้งอดีต เซียวเหิงช่วยชีวิตสองนางจากสนามรบ ญาติพี่น้องทั้งหมดล้วนเสียชีวิตเพราะสงคราม สองนางจึงติดตามเซียวเหิงกลับเมืองหลวงสำหรับสองนาง เซียวเหิงคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต จึงเชื่อฟังเซียวเหิงทุกถ้อยคำแน่นอนว่าย่อมเคารพนบนอบต่อเฉียวเนี่ยนด้วยตลอดสามวันที่ผ่านมา ทั้งสองดูแลนางอย่างสุดความสามารถ ว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ เพียงแต่ไม่ยอมบอกนางว่าที่นี่คือที่ใดหากเซียวเหิงไม่อนุญาต พวกนางจะไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้แม้แต่น้อยไม่ใช่เฉียวเนี่ยนไม่เคยลองใช้วิธีอื่น สามวันมานี้นางเดินสำรวจทั่วทั้งจวน ทว่ากลับไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าหรือประตูหลัง ล้วนถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา
แต่แล้วก็เห็นว่า ร่างของเซียวเหิงเอียงวูบไปด้านข้าง นอนแน่นิ่งไป เขาหมดสติไปแล้วแม่เซียวตกใจสุดขีด รีบร้องลั่น "เร็วเข้า! รีบไปตามหมอมา! เหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์! อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้นะ เหิงเอ๋อร์!"เด็กรับใช้ข้างนอกรีบเข้ามา แล้วช่วยกันหามร่างของเซียวเหิงออกไปทันทีแม่เซียวก็ร้องไห้ตามออกไปทั้งน้ำตาพ่อเซียวมองดูรอยเลือดที่ยังติดอยู่บนแส้ ในใจพลันปวดร้าว สายตาหันไปมองหนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ "ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วยเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อครู่ เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว... เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!"พูดจบ พ่อเซียวก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหนิงซวงที่ยังยืนร้องไห้อยู่กับที่อย่างไร้ที่พึ่งนางไม่คิดเลยว่าแม่ทัพเซียวจะปากแข็งถึงเพียงนี้ ถึงขนาดยอมถูกตีจวนตายก็ไม่ยอมเอ่ยถึงเบาะแสของคุณหนูเลยสักคำแต่ถ้าคนที่พาตัวคุณหนูไปคือแม่ทัพเซียว เช่นนั้นคุณหนูของนางก็คงยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?หากนายท่านเองยังไม่มีวิธีจัดการแม่ทัพเซียว เช่นนั้น บางทีคุณชายใหญ่อาจจะทำอะไรได้บ้างก็เป็นได้?หนิงซวงตัดสินใจว่าจะรอให้คุณชายใหญ่ฟื้นก่อนค่อยมาถาม……เฉียวเนี่ยนลืมตาขึ้นช้า ๆ สิ่งแรก