ห้าวันต่อมาเฉียวเนี่ยนแต่งหน้าบางๆ เพื่อปกปิดใบหน้าที่ยังมีความอิดโรยเล็กน้อย เตรียมพร้อมที่จะออกไปข้างนอกนางไม่ได้ไปคารวะท่านย่ามาสิบกว่าวันแล้ว แม้มีซูมามาคอยช่วยดูแลอยู่ แต่ท่านย่าต้องยังคงเป็นห่วงนางมาก นางต้องไปรายงานความปลอดภัยให้ท่านย่าหลังจากพบท่านย่าแล้ว นางก็จะไปหาจิ่งเหยียนนางคิดว่า เขาก็ต้องเป็นห่วงนางมากแน่ๆ เหมือนกันแต่ใครจะรู้ว่า เพิ่งออกจากบ้าน ก็เห็นฮูหยินหลินยืนอยู่ในลานบ้านเมื่อเห็นเฉียวเนี่ยน ฮูหยินหลินก็ยิ้มแข็งๆ ออกมาทันที นางอ้าปากแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี อยากจะก้าวไปข้างหน้า แต่ก็กลัวว่าเฉียวเนี่ยนจะผลักนางออกไป ดังนั้นนางจึงยืนอยู่ที่เดิมอย่างไม่รู้จะทํายังไงเฉียวเนี่ยนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินเข้าไปหาฮูหยินหลินนางค้อมกายทําความเคารพ "ไม่ทราบว่าฮูหยินมาหาข้า มีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ?"เมื่อได้ยินน้ำเสียงนุ่มนวลของเฉียวเนี่ยน รอยยิ้มบนใบหน้าของฮูหยินหลินก็ไม่แข็งกระด้างอีกต่อไป แต่ดวงตากลับมีไอน้ำซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว นางมองเฉียวเนี่ยนพลางพูดว่า "แม่เห็นว่าวันนี้ยวนเอ๋อร์สามารถลุกจากเตียงได้แล้ว เลยอยากมาเยี่ยมเจ้า ตอนนี้เห็นเจ้าฟื้นตัวได้ดี
"ฮูหยินหลินส่งเทียบเชิญนี้ให้ข้าด้วยตัวเองแล้ว ก็หมายความว่าอยากให้ข้าไปไม่ใช่หรือ? เฉียวเนี่ยนเก็บเทียบเชิญไว้ในแขนเสื้อ เมื่อครู่นี้จึงเงยหน้ามองดูฮูหยินหลินแล้วยิ้มน้อยๆ "ยิ่งไปกว่านั้น ชิวอวี่คนนี้จะแย่กว่าหมิงอ๋องอีกเหรอ?"เมื่อได้ยินคําพูดนี้ หัวใจของฮูหยินหลินก็เต้นรัวราวกับถูกอะไรบางอย่างเฉียวมตีและถอยหลังไปสองก้าวเฉียวเนี่ยนกลับทําความเคารพแล้วก้าวยาวๆ จากไปก็แค่หลานชายของราชครูคนหนึ่งเท่านั้น และไม่ใช่เทียบเชิญที่ราชครูมอบให้ด้วยตนเอง จวนโหวต่อให้ตกต่ำ ก็ไม่ได้อ่อนแอถึงขั้นต้องหวาดกลัวหลานชายของราชครูที่ไม่ได้รับความโปรดปรานหากฮูหยินหลินเป็นห่วงนางจริงๆ ก็คงไม่ส่งเทียบเชิญนี้มาให้นางหรอกในเมื่ออยากให้นางไป แล้วทําไมต้องเสแสร้งแกล้งทําด้วย?ตอนเด็กๆ นางรู้สึกว่าฮูหยินหลินเป็นแม่ที่อ่อนโยนที่สุดในโลก แต่ตอนนี้แค่รู้สึกว่านางเสแสร้งหน้าซื่อใจคดจนน่าขยะแขยง!ความโกรธที่รําไรอยู่ในใจนั้นไม่อาจจางหายไปได้นาน จนกระทั่งเดินมาถึงนอกเรือนของฮูหยินเฒ่า เฉียวเนี่ยนถึงหยุดฝีเท้าลงนางสูดหายใจเข้าลึกๆ ระงับความโกรธแค้นนั้นไว้ รอจนเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนแล้ว จึงเข้าไปในเร
เมื่อเห็นรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของชิวอวี่ เฉียวเนี่ยนก็แทบอยากจะเอาน้ำเดือดสาดใส่หน้าเขา!แต่เบื้องหลังของชิวอวี่คือจวนราชครู นางรู้ว่านางไม่สามารถลงมือกับเขาได้ และรู้ด้วยว่าถ้าเขาต้องการฆ่าชาวบ้านธรรมดาไม่กี่คน มันก็ง่ายเหมือนบี้มดไม่กี่ตัว!ตอนนี้นางจึงได้แต่กําหมัดแน่น กัดฟันอย่างเคียดแค้นแต่รอยยิ้มบนใบหน้าของชิวอวี่กลับยิ่งสดใสขึ้นเรื่อยๆ "แม่นางเฉียวรู้หรือไม่ว่าคนข้างนอกบรรยายข้ายังไง?"ชิวอวี่พูดพลางรินชาให้ตัวเองหนึ่งถ้วยอย่างเนิบนาบ ท่าทางสงบเยือกเย็น สบายอกสบายใจ"พวกเขาบอกว่าข้าเป็นสัตว์ร้ายภายใต้อาภรณ์ที่สง่างามและเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานอีก ว่าข้าเป็นแมลงตัวเหม็น งูพิษ... จุ๊ๆ ข้าขอแนะนําแม่นางเฉียวสักประโยค คนอย่างข้า ไม่คู่ควรให้โกรธหรอก”ระหว่างที่พูด ชิวอวี่ก็ยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาดื่มอึกหนึ่ง มุมปากมีรอยยิ้มที่กําเริบเสิบสาน แต่ดวงตาคู่นั้นกลับจ้องเฉียวเนี่ยนเขม็งราวกับงูพิษเฉียวเนี่ยนเพิ่งเคยเห็นคนบรรยายตัวเองแบบนี้เป็นครั้งแรกว่ากันว่ายอมผิดใจต่อสุภาพบุรุษก็ไม่ยอมผิดใจกับคนต่ำช้าแต่ชิวอวี่คนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นคนต่ำช้าที่ไร้ยางอายที่สุด!ชั่วขณะหนึ่ง เฉีย
เขาจ้องมองเฉียวเนี่ยนอย่างเอาเป็นเอาตาย ดวงตาฉายแววอํามหิตออกมา "ลำพังแค่เจ้าน่ะหรือ?""ใช่ ลำพังแค่ข้า" น้ำเสียงของเฉียวเนี่ยนเบาๆ ไม่โอ้อวด แต่ฟังแล้วทําให้คนรู้สึกร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก"จะซื้อฆาตกรก็ดี หรือวางยาพิษในบ่อก็ดี ข้าก็มีวิธีของข้าได้ ถ้าไม่ได้จริงๆ ข้าจะเผาทําลายทั้งจวนราชครูไปซะ ถึงยังไงก็สามารถลากญาติพี่น้องของท่านไปฝังเป็นเพื่อนข้าได้ตั้งหลายคน"ตอนนี้นางทําอะไรชิวอวี่ไม่ได้เลยจริงๆแต่นางต้องทําให้ชิวอวี่รู้ว่านางไม่ใช่คนที่จะรังแกได้ง่ายๆ ไม่ใช่คนที่สามารถจัดการได้ และแต่งงานพานางเข้าบ้านได้ง่ายๆยังไงก็ตาม ในเมื่อชิวอวี่คนนี้สามารถกลายเป็นอันธพาลได้ เขาย่อมไม่ตกใจกับคําพูดสองสามประโยคของเฉียวเนี่ยนอยู่แล้วหลังจากใจหายวาบ เขาก็ลุกพรวดขึ้นยืน ทําท่าทางเหมือนคนไม่กลัวอะไร ส่งยิ้มเย็นให้เฉียวเนี่ยน "ได้สิ! แม่นางเฉียวอยากฆ่าก็ไปฆ่าเสีย แต่ว่าเจ้า ต้องแต่งกับข้า!"เพิ่งสิ้นเสียง ประตูห้องก็ถูกคนถีบเปิดออกมาอย่างแรงเฉียวเนี่ยนตกใจ ก็เห็นจิ่งเหยียนเดินก้าวยาวเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าเย็นชาในมือยังลากคนคนหนึ่งมาด้วย"นางจะไม่แต่งงานกับท่าน" จิ่งเหยียนพูดด้วยน้ำเสีย
อีกด้านหนึ่ง จิ่งเหยียนดึงเฉียวเนี่ยนออกจากหอจุ้ยเซียงด้านหลังหนิงซวงวิ่งเหยาะๆ ไปตลอดทาง"รองแม่ทัพจิ่ง อย่าเดินเร็วขนาดนี้ ข้อเท้าคุณหนูของข้ามีโรคเก่า ประเดี๋ยวบิดแล้วจะทํายังไงเจ้าคะ?”ได้ยินดังนั้น จิ่งเหยียนก็รีบหยุดฝีเท้าลง แล้วรีบมองไปที่ข้อเท้าของเฉียวเนี่ยน ในดวงตายิ่งฉายแววตื่นตระหนก "ขอโทษ ข้าไม่รู้..."ในคําสั้นๆ ไม่กี่คํา มีความตื่นตระหนกและความรู้สึกผิดซ่อนอยู่แม้แต่ความโกรธแค้นเมื่อครู่ก็มองไม่เห็นแล้วเฉียวเนี่ยนยิ้มพลางส่ายหน้า "ข้าไม่เป็นไร" แต่ไม่คิดเลยว่าฝ่ามือจะค่อยๆ สัมผัสชุ่มชื้นและเหนียวเหนอะหนะนางก้มศีรษะลงและพบว่าแขนของจิ่งเหยียนได้รับบาดเจ็บ เลือดไหลจากข้อมือของเขาไปยังฝ่ามือที่ทั้งสองกําแน่นนางตกใจ "เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?"จิ่งเหยียนดูเหมือนจะเพิ่งสังเกตุเห็น เขามองไปที่แขนของเขาและขมวดคิ้วเล็กน้อย "น่าจะบาดเจ็บตอนจัดการกับพวกคนเลวทรามเหล่านั้นเมื่อกี้นี้ ไม่ร้ายแรงหรอก"ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สังเกตุจนกระทั่งถึงตอนนี้แต่เฉียวเนี่ยนกลับเป็นห่วง “เลือดออกแล้วจะไม่ร้ายแรงได้ยังไง? ไปโรงหมอเถอะ!”แต่จิ่งเหยียนกลับกังวลว่าเลือดของตนจะทําให้นางแปดเปื้
นี่คือน้องสาวของจิ่งเหยียน ควรได้รับการสั่งสอนจากจิ่งเหยียนก็เห็นจิ่งเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ถลึงตาใส่จิ่งโหรว "โหรวเอ๋อร์ อย่าเสียมารยาท!"แต่จิ่งโหรวกลับทําท่าเหมือนไม่ได้ยิน กลับเอ่ยปากถามว่า "พี่ใหญ่ เมื่อกี้จับพวกคนเลวทรามพวกนั้นได้แล้วหรือ? รู้หรือไม่ว่าใครส่งมา? เป็นจวนโหวอีกแล้วใช่หรือไม่?"นางตั้งใจถามแบบนี้เฉียวเนี่ยนแกล้งทําเป็นไม่ได้ยิน ก็ฟังจิ่งเหยียนพูดว่า "ไม่ใช่จวนโหว เป็นข้าที่ไปมีเรื่องกับคนเลวทรามคนหนึ่งในเมืองหลวงเมื่อไม่กี่วันก่อน ไม่เกี่ยวกับเนี่ยนเนี่ยน"ได้ยินดังนั้น จิ่งโหรวกลับทําเสียงหึในลําคอ "จริงหรือ? แต่ทําไมข้าถึงรู้สึกว่าคนเลวทรามคนนั้นก็มุ่งเป้ามาที่คุณหนูใหญ่เหมือนกัน?"ได้ยินถึงตรงนี้ ในที่สุดเฉียวเนี่ยนก็เลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วมองจิ่งโหรวแวบหนึ่งก็เห็นจิ่งโหรวกําลังจ้องมองนางอยู่ น้ำตาคลอเบ้า "ก่อนอื่นพ่อข้าถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่มีเหตุผล ถูกทรมานอยู่ห้าวันเต็มถึงออกมา! วันนี้มีโจรหลายคนบุกเข้ามาอีก ทําให้แม่ข้าตกใจแทบตาย แล้วคราวหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ต้องเอาชีวิตทั้งครอบครัวเราถึงจะมีความสุขใช่ไหม? คุณหนูใหญ่ พวกเราเป็นแค่คนธรรมดา สู้ผู้มีอํ
ตอนนี้รถม้าได้มาถึงถนนมู่ชิวแล้ว แม้ว่าจะมีคนไม่มาก แต่ก็มีคนสิบกว่าคนการกระทําของจิ่งเหยียนดึงดูดความสนใจของทุกคนทันทีเขาไม่ใช่คนที่เก่งในการแสดงออก และยิ่งไม่ชอบถูกชมในที่สาธารณะแต่ในเวลานี้ เขากลับไม่สนใจการชี้ไม้ชี้มือของผู้อื่นแม้แต่น้อย ดวงตาทั้งคู่จ้องมองเฉียวเนี่ยนเขม็ง น้ำเสียงทุ้มต่ำหนักแน่นว่า "ข้าเคยสาบานไว้ว่าจะไม่ทรยศแม่นางเฉียวเด็ดขาด!"เฉียวเนี่ยนยังคงตกตะลึงอยู่นางยังคิดว่าจิ่งเหยียนต้องใช้เวลามากมายในการคิดให้ชัดเจนแต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะไล่ตามออกมาเร็วขนาดนี้ทันใดนั้นก็อ้าปากเล็กน้อย แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีเขารู้สึกว่านางกําลังจะทิ้งเขาไปแล้ว จึงเรียกนางว่าแม่นางเฉียวหรือ?ได้ยินเพียงจิ่งเหยียนกล่าวว่า "ข้ารู้ว่าแม่นางเฉียวเป็นห่วงว่าครอบครัวของข้าจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย แต่ข้าคิดแผนรับมือไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นจวนโหวหรือชิวอวี่ ข้าก็มีวิธีรับมือ ขอแม่นางเฉียวเชื่อข้าอีกครั้ง!"เขาคิดว่าต้องเป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาทําให้นางถูกบังคับให้อดอาหาร จึงทําให้นางสูญเสียความมั่นใจในตัวเขาดังนั้นตอนนี้เขาแค่อยากขอร้องนาง ให้โอกาสเขาอีกครั้งเขายืนอยู่ใต้แสงแดด
สิ้นเสียง จิ่งเหยียนก็โขกหัวให้กับพ่อแม่ของตนจิ่งโหรวแค่รู้สึกว่าพี่ใหญ่ชายของนางบ้าไปแล้วคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ แม่ของจิ่งเหยียนก็ลุกขึ้น เดินไปหาเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าแม่ของจิ่งเหยียนต้องมาขอร้องให้นางไปจากจิ่งเหยียนแน่ๆนางคิดว่านางต้องทําให้แม่ของจิ่งเหยียนเข้าใจว่านางจะไม่ยอมแพ้คาดไม่ถึงว่าแม่ของจิ่งเหยียนจะจับมือของเฉียวเนี่ยนไว้เท่านั้น"เมื่อครู่หลังจากที่ท่านจากไป เหยียนเอ๋อร์ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายตั้งแต่เล็ก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโมโหต่อหน้าพวกเรา ข้าก็เลยคิดว่าเจ้าจะต้องตามกลับมาแน่นอน”พอสิ้นเสียง เฉียวเนี่ยนก็รู้สึกเหมือนข้อมือตัวเองหนักขึ้นเมื่อก้มลงมองจึงพบว่าบนข้อมือของตนมีกําไลหยกเพิ่มขึ้นมาหนึ่งวงนางตกใจ ยังไม่ทันเอ่ยปากก็ได้ยินแม่ของจิ่งเหยียนพูดว่า "กําไลวงนี้เนื้อไม่ได้ดีมาก แต่ย่าของจิ่งเหยียนสวมให้ข้าเอง ตอนนี้ข้ามอบให้ท่าน หวังว่าคุณหนูจะไม่รังเกียจ”เฉียวเนี่ยนไหนเลยจะคิดว่ากําไลวงนี้จะล้ำค่าขนาดนี้ จึงตื่นตระหนกตกใจไปชั่วขณะ "ข้าไม่รังเกียจ แต่นี่มันล้ำค่าเกินไป!"นี่ไม่เท่ากับเป็นมรดกตกทอดของตระกูลจิ่ง
นั่นมันต้องเจ็บขนาดไหนกัน!เนี่ยนเนี่ยนของนางต้องเจ็บขนาดไหนกัน!ฮูหยินเฒ่าแค่คิด ก็รู้สึกปวดใจแทบขาดแล้วย่าอย่างนาง ช่างไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ!นางเอาแต่อยู่ในจวนนี้ทั้งวันทั้งคืน ไยแม้แต่ข่าวเล็กน้อยก็ยังไม่ได้รับ?หากนางรู้เร็วกว่านี้ว่าหมิงอ๋องคนนั้นไม่ใช่คนดีอะไร นางคงไม่มีทางให้เนี่ยนเนี่ยนเข้าวังหรอกหากนางรู้ว่าหลินเย่ว์ไอ้สารเลวนั่นทำเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ นางคงตีเขาให้ตายแน่!หาก...หากนางจากไปเร็วกว่านี้ เนี่ยนเนี่ยนของนางคงไม่ต้องลำบาก ต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม! อยู่ที่จวนโหวมาตลอดขนาดนี้!เป็นนางเองที่ไร้ประโยชน์!เป็นเพราะนางแก่แล้ว ทนได้ไม่ไหวแล้ว ไม่เพียงแต่ปกป้องเนี่ยนเนี่ยนของนางไม่ได้ ยังกลายเป็นภาระของนางด้วย!พวกเขายังให้นางกินน้ำล้างจานด้วย!หลานสาวแท้ๆ ที่นางรักทะนุทะนอมมาตั้งแต่เด็ก!พวกเขากล้าให้นางกินน้ำล้างจานได้อย่างไรกัน!ฮูหยินเฒ่ายิ่งคิด ความเจ็บปวดในใจก็ยิ่งรุนแรงขึ้น จนสุดท้าย ก็ส่งเสียงร้องไห้ออกมาเสียงโหยหวนและแก่ชราที่ดังเรื่อยๆ นั้น แฝงไปด้วยความเสียใจมากมายและช่วยอะไรไม่ได้นางถึงขนาดที่ไม่รู้แล้วว่า ให้เฉียวเนี่ยนออกมาจากกรมซักล้าง
เฉียวเนี่ยนวิ่งไปด้วย เช็ดคราบเลือดตรงมุมปากไปด้วย นางจะให้ท่านย่าเห็นสภาพนางกระอักเลือดไม่ได้!เมื่อมาถึงนอกห้องฮูหยินเฒ่า ก็เห็นซูมามากับหมอประจำจวนรออยู่หน้าประตูห้องก่อนแล้วครั้นเห็นเฉียวเนี่ยน หมอประจำจวนก็คำนับเฉียวเนี่ยนรีบไถ่ถาม "เป็นอย่างไรบ้าง? ท่านย่าข้าเป็นอย่างไรบ้าง?"หมอประจำจวนถึงได้ตอบ "คุณหนูใหญ่ ร่างกายของฮูหยินเฒ่าเสียหายอย่างรุนแรง แม้ข้าน้อยจะฝังเข็มรักษาชีพจรหัวใจของฮูหยินเฒ่าไว้มั่นได้ แต่ เกรงว่าคงยืนหยัดได้ไม่เกินสิบวัน"เฉียวเนี่ยนอึ้งไป พลางส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย "ไม่ ไม่จริง ซูมามาบอกว่า วันนี้สภาพท่านย่าไม่เลว แถมยังลุกจากเตียงได้อยู่เลยมิใช่หรือ... "เหตุใดแม้แต่สิบวันก็ทนไม่ไหวแล้วเล่า?ซูมามาปาดน้ำตาไร้สุ้มเสียงแต่หมอประจำจวนกลับถอนหายใจเล็กน้อย กล่าว "หากไม่เคยได้รับการกระตุ้น บางทีฮูหยินเฒ่าอาจทนได้สองสามเดือน เฮ้อ!"ได้ยินเช่นนี้ น้ำตาเฉียวเนี่ยนพลันไหลลงมาไม่หยุด แม้แต่ลมหายใจก็สับสนไปชั่วขณะอย่างไรเสียก็เป็นเรื่องของนางที่ทำร้ายฮูหยินเฒ่า!เมื่อครู่นางควรตวัดดาบจบหลินยวนไปเสีย!ซูมามารีบเข้ามาเช็ดน้ำตาให้นาง และกล่าวโน้
แต่ในเวลานี้เอง ร่างๆหนึ่งปรี่เข้ามาในห้อง ผลักเฉียวเนี่ยนออกและเพราะการกระแทกนี้ ทำให้ดาบยาวทิ้งรอยเลือดไว้เป็นทางยาวตรงหน้าอกหลินยวนหลินเย่ว์ตกใจหน้าถอดสี รีบอุ้มหลินยวนไปข้างนอกทันทีแต่คาดไม่ถึงว่า เฉียวเนี่ยนไล่ตามออกมาเหมือนกับคนบ้า ถือดาบยาวตวัดฟันลงบนหลังของหลินเย่ว์หลินเย่ว์หลบไม่ทัน หลังรับดาบเฉียวเนี่ยนไปเต็มๆ สองมือไร้เรี่ยวแรงทันที และล้มลงไปบนพื้นพร้อมกับหลินยวนท่านโหวหลินที่เร่งตามาเห็นภาพนี้ ก็ปรี่เข้ามาจับสองมือของเฉียวเนี่ยนไว้ทันที พลางตะคอกอย่างกราดเกรี้ยว “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!”หากไม่ใช่เพราะทหารองครักษ์ที่ถูกแย่งดาบไปรีบมารายงาน เกรงว่าเมื่อพวกเขามาถึง หลินยวนคงตายภายใต้ดาบของนางไปแล้วแต่ไม่คิดเลยว่า เฉียวเนี่ยนแทบจะตะโกนเดือดดาลอย่างบ้าบิ่น “ใช่ข้าบ้าไปแล้ว! หากไม่ใช่เพราะนางส่งคนไปพูดไร้สาระต่อหน้าท่านย่า ท่านย่าก็คงจะไม่เป็นไร! วันนี้ข้าจะต้องตัดลิ้นนางให้ได้ ข้าจะดูว่าต่อไปเจ้าจะเอาอะไรออกมาทำร้ายท่านย่าอีก!”ท่านโหวหลินเหมือนเพิ่งจะรู้ว่าจู่ๆ ที่ฮูหยินเฒ่าอาการกำเริบเกิดมาจากหลินยวน จึงมองไปที่หลินยวนด้วยสีหน้าตกตะลึงทันทีเห็นเพียงอีกฝ้ายหมอบอยู่
เรือนลั่วเหมย ประตูใหญ่ปิดสนิทเฉียวเนี่ยนถีบประตูเปิด ย่างสามขุมเข้าไปในเรือนลั่วเหมยคนรับใช้ สาวใช้ภายในเรือน แต่ละคนเตรียมพร้อมรออยู่ ราวกับคาดเดาได้ว่าเฉียวเนี่ยนจะมาแต่กลับคาดไม่ถึงเลยว่า เฉียวเนี่ยนจะถือดาบเข้ามาด้วย!กระนั้น แม้พวกเขาจะเคยเห็นความดุร้ายของเฉียวเนี่ยน ทว่ากลับไม่เคยเห็นเฉียวเนี่ยนฆ่าคน จึงคิดว่าเฉียวเนี่ยนแค่มาขู่ก็เท่านั้นมีคนรับใช้ใจกล้าคนหนึ่งเข้ามาพูดโน้มน้าว “คุณหนูใหญ่โปรดระงับโทสะ อย่าทำเรื่องโง่ๆ รอท่านโหวมา…อ๊าก!”ไม่รอให้คนรับใช้คนนั้นพูดจบ เฉียวเนี่ยนก็ฟัดดาบลงไป คนรับใช้คนนั้นถูกฟันเข้าที่แขนทันที เลือดแดงสดไหลลงมาดวงตาสองข้างของเฉียวเนี่ยนแดงก่ำ ตะโกนเสียงดัง “หลินยวน ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”จากนั้น เหลือบมองกลุ่มคนรับใช้สาวใช้ที่ยังขวางอยู่ตรงหน้าตัวเอง แล้วตะคอกเสียงเย็น “ใครกล้าขวางข้า!”เหล่าสาวใช้ที่ขี้ขลาดบางส่วนรีบวิ่งหนีเตลิดกันหมด ทว่ายังพอมีใจกล้าอยู่บ้าง ขวางอยู่ข้างหน้าเฉียวเนี่ยน “คุณหนูใหญ่ใจเย็นก่อนๆ หากฆ่าคุณหนูรองจริง ท่านโหวจะปล่อยคุณหนูไปได้อย่างไร?”เฉียวเนี่ยนจ้องคนรับใช้คนนั้นเขม็ง พลางกดเสียงต่ำ “รนหาที่ตาย!”ดาบยา
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ซูมามาก็ห้ามเสียงสะอื้นไม่ได้แล้ว “ฮู ฮูหยินเฒ่ารู้เรื่องที่คุณหนูใหญ่จะตัดขาดท่านโหว จึงบีบเค้นถามบ่าว บ่าวไม่กล้าพูดมาก ฮูหยินเฒ่าจึงบีบให้นังพวกใจสกปรกเหล่านี้พูด…”“ฮูหยินเฒ่าไม่เพียงรู้เรื่องที่คุณหนูตัดขาดจวนโหว ยังรู้เรื่องก่อนหน้าที่คุณหนูเกือบถูกหมิงอ๋องตีตาย รู้ว่าท่านโหวน้อยรังแกคุณหนูอย่างไร ดังนั้นฮูหยินเฒ่าก็เลย ก็เลย…”พูดมาถึงตอนท้าย ซูมามาร่ำไห้จนพูดออกมาไม่ได้แล้วส่วนเฉียวเนี่ยน เดือดดาลจนสั่นเทาไปทั่วร่างนางมีสีหน้าเย็นชา ค่อยๆเดินไปทางสาวใช้พวกนั้นพวกสาวใช้แต่ละคนต่างหลุบตาต่ำก้มหน้า จิตใจกระวนกระวาย ไม่กล้าเหลือบมองเฉียวเนี่ยนได้ยินเพียงสุ้มเสียงสั่นเทาของเฉียวเนี่ยนดังออกมา และเจือไปด้วยโทสะ “ข้ากำชับหลายครั้งหลายหนแล้วว่าห้ามเปิดเผยเรื่องของข้าให้ท่านย่าฟัง พวกเจ้าไปเอาความกล้ามาจากไหนกัน ถึงกล้าเอ่ยถึงข้าในเรือนของท่านย่า!”เหล่าสาวใช้ต่างตกใจพากันร่ำไห้โขกหัว “บ่าวผิดไปแล้ว ขอคุณหนูใหญ่ยกโทษให้ด้วย!”“บ่าวรู้ความผิดแล้ว บ่าวไม่กล้าทำอีกแล้ว!”ทว่าสายตาของเฉียวเนี่ยน กลับถูกสาวใช้หนึ่งในนั้นดึงดูดไปนางขมวดคิ้ว กล่าวเสียงเย็น “เ
หลังจากเฉียวเนี่ยนก้มกราบเสร็จ ก็ลุกขึ้นยืน กล่าวกับคนรับใช้ที่คอยปรนนิบัติอยู่นอกห้องโถง “ไปเอากระดาษ พู่กันมา”คนรับใช้ไหนเลยจะกล้าขยับ พลางมองไปที่ท่านโหวหลินด้วยความลำบากใจแต่กลับพบว่า ท่านโหวหลินกำลังหายใจแรง คล้ายว่าถูกยั่วโมโหสุดขีดแล้วส่วนฮูหยินหลินปาดน้ำตาไม่หยุด พูดไม่ออกเลยสักคำมีเพียงหลินเย่ว์ที่ยังพูดออกมาได้ในตอนนี้ “เฉียวเนี่ยน เจ้าคิดให้ดีนะ ไม่มีจวนโหว…”“ข้าคิดดีแล้ว” เฉียวเนี่ยนขัดคำพูดหลินเย่ว์อย่างไม่แยแส จากนั้นสายตาก็มาหยุดอยู่ที่ท่านโหวหลินอย่างเย็นชา น้ำเสียงเจือไปด้วยความถากถาง “บัดนี้พวกท่านบอกปัดด้วยข้ออ้างต่างๆเช่นนี้ เหมือนกับว่าจวนโหวขาดข้าไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น”ไม่ใช่ว่ายืนยันแล้วหรอกหรือว่าจวนโหวเอาแต่ใช้ประโยชน์นางมาตลอด?ได้ยินเช่นนี้ ในที่สุดท่านโหวหลินก็โมโหจนขาดสติ และตะคอกขึ้นมาด้วยโทสะทันที “ไปเอากระดาษกับพู่กันมา!”จวนโหวขาดนางไม่ได้?พูดเรื่องตลกอะไร!เรือพังยังมีตะปูสามพัน ต่อให้จวนโหวเขาไม่ดีแค่ไหน ก็ไม่มีวันตกต่ำถึงขั้นต้องพึ่งพาเฉียวเนี่ยนที่เป็นสตรีคนหนึ่งหรอก!เขาคำนึงถึงอนาคตทึกอย่างเพื่อนาง นางไม่รับน้ำใจก็ช่าง ตอนนี้กลับ
น้ำเสียง ดูเย็นชาเป็นพิเศษแต่กลับทำให้หลินเย่ว์โมโหไม่น้อย "ไม่ขัดขวาง? เฉียวเนี่ยน เจ้ามองตัวเองสำคัญเกินไปแล้ว? ที่พ่อแม่สนใจเรื่องแต่งงานของเจ้า เป็นเพราะพวกเขายังยอมรับเจ้าเป็นลูกสาว! หากตัดขาดกัน จวนโหวจะสนใจเจ้าอีกได้อย่างไร!"ได้ยินวาจานี้ จู่ๆ เฉียวเนี่ยนพลันหัวเราะขึ้นมา ก่อนกล่าว "ดังนั้น ข้าจะตัดขาดความสัมพันธ์"สิ่งที่หลินเย่ว์พูดเมื่อครู่ เหล่านนั้น คือเหตุผลที่นางอยากตัดขาดความสัมพันธ์!หลินเย่ว์นิ่งอึ้งรู้สึกแต่ว่าเฉียวเนี่ยนถูกผีเข้าสิงขณะกำลังคิดว่าควรจะด่าเตือนนางอย่างไร กลับไม่คาดคิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน"ท่านโหวหลินดูออกหรือไม่ว่าตราประทับนั้นเป็นของปลอม?"เสียงของนางอ่อนเบา ไม่เจือไปด้วยโทสะแม้แต่น้อยราวกับว่าแค่ถามเรื่องที่ปกติมากๆเรื่องหนึ่ง เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับนางแต่คำพูดนี้กลับทำให้หลินเย่ว์และฮูหยินหลินขมวดคิ้วสองข้าง "ตราประทับปลอมอะไร? เจ้าว่าตราประทับราชครูนั่นเป็นของปลอมหรือ?"เฉียวเนี่ยนไม่ตอบ ดวงตาคู่หนึ่งมองไปที่ท่านโหวหลินอย่างสงบนิ่งมากพบว่าท่านโหวหลินตาเป็นประกาย กล่าวอย่างปากแข็ง "นั่น นั่นมันเป็นตราประทับของรา
จวบจนรถม้านั่นขับออกไปไกลแล้ว จิ่งเหยียนถึงได้โบกมือ สั่งเหล่าทหารที่อยู่ด้านหลังกลับไปจากนั้นก้มตัวลงไปเก็บปิ่นปักผมที่อยู่บนพื้นขึ้นมา เดินอ้อมไปอยู่ด้านหลังเฉียวเนี่ยนและม้วยมวลผมที่ง่ายที่สุดให้นางในระหว่างที่ทำผมให้นางเขาถึงได้พบว่า มือขวาของตัวเองยังออกแรงไม่ได้จนถึงตอนนี้นึกถึงเซียวเหอแม้เขาจะกักตัวมาตลอดห้าปี กระนั้นฝีมือการต่อสู้กลับยังคงเก่งกาจเหมือนเดิม จิ่งเหยียนอดหัวเราะเสียงเบาออกมาไม่ได้ครั้นได้ยินเสียงหัวเราะที่มาจกความจริงใจภายใน เฉียวเนี่ยนก็อดสงสัยไม่ได้ "เป็นอะไรหรือ?"จิ่งเหยียนเก็บความคิดไว้ และส่ายหัวเล็กน้อย "ไม่มีอะไร"ระหว่างสนทนา เขาปรายตามองแผ่นป้ายสูงจวนราชครูนั้น แววตาทมึนถึงลง ก่อนกล่าว "ข้าจะส่งเจ้ากลับ"เฉียวเนี่ยนถึงได้สูดหายใจเข้าลึก และพยักหน้าอย่างช้าๆถึงเวลาควรกลับแล้วไม่นาน เฉียวเนี่ยนก็กลับมาถึงจวนแต่คาดไม่ถึงว่า จะบังเอิิญเจอท่านโหวหลินกับหลินเย่ว์ที่กำลังออกมาจากจวนพอดีเห็นเฉียวเนี่ยนตามจิ่งเหยียนมา ท่านโหวหลินกับหลินเย่ว์ต่างก็ตกตะลึงเดิมทีพวกเขากำลังจะไปจวนราชครู แต่ไม่คิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะกลับมาก่อนก้าวหนึ่งท่านโหวหลิ
แต่ไม่คิดเลยว่า จู่ๆบนหลังมือของจิ่งเหยียนเกิดความเจ็บแปลบอย่างรุนแรงขึ้นมา ทำให้ไม่อาจถือแม้แต่ปิ่นปักผมไว้ได้ปิ่นปักผมร่วงลงบนพื้น เกิดเสียงกระทบดังออกมาและที่ร่วงมาพร้อมกันนั้น ยังมีหินกลมก้อนหนึ่งด้วยนี่มัน...ทั่วบริเวณ เงียบสงัดไปชั่วขณะทว่ามีเสียงเกือกม้าค่อยๆดังเข้ามาทุกคนทอกมองไปทางต้นเสียง เห็นไม่ไกลนัก มีรถม้าคันหนึ่งมุ่งตรงมาที่จวนราชครูคือรถม้าของตระกูลเซียว!เฉียวเนี่ยนตกใจ จับมือจิ่งเหยียนไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว ก่อนคิ้วงามขมวดขึ้นเล็กน้อยเซียวเหิงมาได้อย่างไร?แต่ที่ไม่คาดคิดคือ รถม้ามาหยุดอยู่นอกจวนราชครู มือขาวเรียวยาวข้างหนึ่งแหวกผ้าม่านรถออก เสียงเย็นยะเยือกดังออกมา "ราชครูชิว ไม่เจอกันนานเลย"เฉียวเนี่ยนตกใจอีกครา สุ้มเสียงนี้ หาใช่เซียวเหิง!นางมองไปทางรถม้าทันที เห็นใบหน้าขาวที่แทบจะเหมือนป่วยภายใต้ม่านรถที่ถูกเปิดออกนั้น บนใบหน้าที่ซูบผอม หูตาคอจมูกดูดุดัน ออร่าแม่ทัพใหญ่ที่เลือนรางนั้นไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อยเป็นเซียวเหอ!จิ่งเหยียนเองก็คาดไม่ถึงว่าผู้มาจะเป็นเซียวเหอ จึงอุทานอย่างตกใจออกมา "ท่านแม่ทัพ!"เขาเคยเป็นผู้นำทัพแนวหน้าใต้บัญชาเซียวเห