เมื่อได้ยินดังนั้น หลินยวนก็ชะงักไป นางคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวโยงไปถึงหน้าตาของจวนโหวทว่าหนิงซวงกลับพูดต่อ "คุณหนูข้ายังบอกอีกว่า วันหน้าคุณหนูรองจะเป็นนายหญิงแห่งตระกูลแล้ว ย่อมต้องรู้ว่าเรื่องใดควรทำ เรื่องใดไม่ควรทำ ในห่อผ้านี้มีเครื่องประดับเพชรนิลจินดา คนอื่นมองปราดเดียวก็รู้ว่านี่คือสมบัติของคุณหนูรอง เรื่องนี้หากไปถึงหูตระกูลเซียวเข้า พวกเขาจะมองคุณหนูรองอย่างไร? ขอโปรดคุณหนูรองเข้าใจความหวังดีของคุณหนูข้าด้วย"หนิงซวงเอ่ยพลางค้อมหัวคำนับ ไม่รอให้หลินยวนได้เอ่ยปากก็หันหลังเดินจากไปแล้วเหลือเพียงหลินยวนที่ตกตะลึงงันอยู่ที่เดิมเมื่อกลับมาถึงงเรือนฟางเหอ หนิงซวงก็ไปหาเฉียวเนี่ยนในทันที สีหน้าตื่นเต้นดีใจอย่างควบคุมไม่อยู่ "คุณหนูเจ้าคะๆ ที่ท่านให้ข้าพูด ข้าพูดไปหมดแล้วเจ้าค่ะ! ท่านไม่เห็นสีหน้าของคุณหนูรอง น่าขันยิ่งนัก!"เมื่อได้ยินดังนั้นมุมปากของเฉียวเนี่ยนก็ยกยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ก็ยังเอ่ยถาม "หวังอู่เล่า? ไปหาเสี่ยวชุ่ยแล้วหรือ?"หนิงซวงพยักหน้า "ยามนี้คงได้พบเสี่ยวชุ่ยแล้วกระมัง ว่าแต่คุณหนูเจ้าคะ ท่านว่าเสี่ยวชุ่ยจะเชื่อหรือไม่ว่าคุณหนูรองไปคนเอาห่อผ้านั
หลินยวนตกใจจนสะดุ้งตัวโยนโชคดีที่นี่คือประตูหลังจึงมีคนเห็นไม่มากนักนางตั้งสติได้ในทันใด ลากแขนเสี่ยวชุ่ยเข้าไปในตรอกที่อยู่ถัดไป กดเสียงต่ำ ตำหนินางอย่างอดไม่ได้ "ข้าบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือ ว่าอย่ามาหาข้าที่นี่?""ข้ามาไม่ได้หรือไร?" เสี่ยวชุ่ยสะอื้นตัดพ้อ "เจ้าไม่เต็มใจช่วยข้า เหตุใดต้องเสแสร้งแกล้งทำ? ให้ความหวังข้า แล้วก็ทำให้ข้าผิดหวัง สนุกนักหรือไร?"หลินยวนตื่นตกใจ รีบคว้ามือของเสี่ยวชุ่ยเอาไว้ สีหน้าเหลือเชื่อ "เสี่ยวชุ่ย เหตุใดเจ้าถึงคิดว่าข้าเป็นคนเช่นนั้น?"ขณะพูดอยู่นั้นน้ำตาก็เอ่อล้นในดวงตาแต่ใครจะคิดว่าเสี่ยวชุ่ยจะสบัดมือหลินยวนออก "ข้าไม่ใช่พวกโง่ตระกูลหลิน เจ้าอย่าใช้ไม้นี่กับข้าเลย เจ้าบอกมาว่าเจ้าเอาห่อผ้าที่ให้ข้าคืนกลับไปแล้วใช่หรือไม่?""ข้าไม่ได้เอากับคืนมา!" หลินยวนรีบอธิบาย "ท่านพี่ส่งคนไปจับตาดูเจ้า ข้าเพิ่งส่งห่อผ้าให้เจ้า ไม่ทันไรนางก็สั่งให้คนเอามันกลับมาให้ข้าแล้ว!"เมื่อได้ยินดังนั้นเสี่ยวชุ่ยเองก็ตกใจอย่างอดไม่ได้นางคิดไม่ถึงเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะส่งคนไปจับตาดูนาง!ในตอนนั้นนางแทบเสียสติ "ข้าออกมาจากจวนโหวแล้ว นางคิดจะทำอะไรอีก? จะบีบให้ข้าตายเลยห
เสียงที่ดังขึ้นกะทันหันนั้นทำเอาจิ่งเหยียนตื่นตกใจ เมื่อเห็นว่าเป็นหลินยวน ก็รีบคำนับในทันใด "คำนับคุณหนูหลิน"หลินยวนเดินเข้ามาหาจิ่งเหยียน ชำเลืองมองถังตักน้ำก่อนจะเอ่ยถาม "เหตุใดท่านพี่จิ่งถึงมาอยู่ที่นี่?""ผะ...ผ่านมาน่ะขอรับ..."จิ่งเหยียนลนลานอย่างเห็นได้ชัดหลินยวนเม้มปากยิ้ม "แต่นี่มันประตูหลัง จะผ่านมาทางนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย! ท่านพี่จิ่งมาหาพี่สาวใช่ไหมเจ้าคะ?"เมื่อได้ยินดังนั้น จิ่งเหยียนมองหลินยวนอย่างตื่นตระหนกแถมหลินยวนยังเอ่นต่ออีกว่า "พี่ใหญ่บอกเรื่องท่านพี่จิ่งกับข้าแล้ว!"ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เองจิ่งเหยียนครุ่นคิด หลินเย่ว์และหลินยวนสนิทสนมกันปานนั้น จะเล่าเรื่องที่เขาชอบพอเฉียวเนี่ยนให้หลินยวนฟัง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกยามนี้ใบหน้าของเขาแดงก่ำ เขาเอ่ยอ้ำอึ้ง "ข้า...ข้ายังมีธุระต่อ ขอตัวก่อนขอรับ"ว่าจบก็เดินออกไป แต่หลินยวนเอ่ยรั้งเขาไว้ "ท่านพี่จิ่งจะยอมแพ้เช่นนี้หรือเจ้าคะ?"ได้ยินดังนั้นจิ่งเหยียนก็ชะงักฝีเท้าลงโดยไม่รู้ตัวจากนั้นก็ได้ยินเสียงหลินยวน "ข้าได้ยินมาว่า สองสามวันนี้พี่ใหญ่ให้คนเอาไส้ใหญ่หมูไปส่งที่เรือนพี่สาวตลอด แต่พี่สาวกลับไม่กินแม้
หลายวันต่อมาเฉียวเนี่ยนเพิ่งกินข้าวเย็นเสร็จ ก็เห็นหนิงซวงหิ้วกล่องอาหารเดินเข้ามา "คุณหนูดูนี่สิเจ้าคะ!"เฉียวเนี่ยนยิ้มบางอย่างจนใจ "นี่เจ้าคิดจะให้ข้าจุกตายหรือย่างไร? ไปเอาของอร่อยมาจากไหนอีก?""เจอที่มุมรั้วในเรือนน่ะเจ้าค่ะ!" หนิงซวงยิ้มอย่างมีเลสนัย "คุณหนูไม่รู้สึกว่ากล่องอาหารนี้คุ้นตายิ่งนักหรือเจ้าคะ?"ได้ยินดังนั้นเฉียวเนี่ยนก็จ้องมองกล่องอาหารนั้นอีกครั้งอย่างอดไม่ได้คุ้นตาอย่างที่ว่าจริงๆ ในห้องนางก็มีกล่องหน้าตาเช่นนี้เหมือนกันเป็นกล่องที่จิ่งเหยียนเอามาให้กลางดึก จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่ได้เอากลับไปเช่นนั้นแล้วกล่องตรงหน้านี้...ไม่รอให้เฉียวเนี่ยนเอ่ยถาม หนิงซวงก็วางกล่องอาหารลงบนโต๊ะ จากนั้นจึงเปิดออกแล้วยกจานไส้ใหญ่หมูออกมาน่าตาน่าอร่อย กลิ่นหอมเตะจมูกสองคนที่ดมกลิ่นคาวจนชินชามาหลายวันก็กลืนน้ำลานอึกใหญ่อย่างอดไม่ได้หนิงซวงสูดน้ำลายเสียงดังอย่างไม่เขินอาย หยิบตะเกียบขึ้นมา ก่อนจะขมวดคิ้วมองเฉียวเนี่ยน "คุณหนูจะชิมไหมเจ้าคะ?"เฉียวเนี่ยนอดรนทนไม่ไหวตั้งนานแล้ว นางรับตะเกียบมาแล้วกินอย่างเอร็ดอร่อยหนิงซวงก็เคี้ยวตุ้ยๆ เต็มปากน้อยของตัวเอง แต่ก็ยังอดพู
"ไม่จำเป็นต้องอธิบายกับเขา" เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงนิ่งตัดบทหนิงซวงนางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา เช็ดมุมปากของตัวเองเบาๆ ก่อนจะเอ่ย "ครั้นตั้งใจจะกล่าวโทษ เหตุใดต้องหาเหตุผล ท่านโหวน้อยจะตราหน้าข้าว่าอย่างไร ก็สุดแล้วแต่ท่าน"หลังจากทะเลาะกันคราวก่อน นางก็เข้าใจแล้วในใจของหลินเย่ว์ นางนั้นสกปรกสมโมมเพียงใด นางเกิดมาชั่วช้า เพราะอย่างนั้นต่อให้นางจะพูดอะไร เขาก็ไม่ฟังทั้งนั้นเช่นนั้นแล้วจะอธิบายให้เปลืองแรงไปเพื่อเหตุใด?เมื่อเห็นท่าที 'ต่อให้ผิดแล้วอย่างไรเล่า' ของเฉียวเนี่ยน หลินเย่ว์ก็ยิ่งโมโห "ข้าตราหน้าเจ้าอย่างนั้นหรือ? หรือว่าไส้ใหญ่หมูมันลอยเข้ามาเอง? ข้าล่ะสงสัยนัก เจ้าของสิ่งนี้มันดีอย่างไร? สู้ขนมของหลี่จี้ได้หรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าขนมนั่นต้องต่อแถวข้ามคืนถึงจะซื้อได้!"ที่หลินเย่ว์เอ่ยถึง คือขนมที่เซียวเหิงวางไว้บนรถม้า ทว่านางไม่ยอมแตะต้อง ต่อมาเซียวเหิงลงมือทำให้นางเองกับมือ นางก็สั่งให้คนเอากล่องนั้นไปให้หลินยวนอีกเฉียวเนี่ยนหัวเราะ "ต่อให้ต้องต่อแถวเป็นปีแล้วอย่างไรเล่า? ข้าไม่ชอบกินก็คือไม่ชอบกิน"ก็เหมือนที่เซียวเหิงคิดกับนางเมื่อก่อน ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ต่อให้นางเอา
เหม่อมองแผ่นหลังของหลินเย่ว์ หัวใจของเฉียวเนี่ยนก็ร่วงหล่นจ่มดิ่งลงเหวลึกนางมองไส้ใหญ่หมูที่ยังกินไม่หมดบนโต๊ะ สุดท้ายก็สูดหายใจลึก เอ่ยเสียงหนักแน่น "หนิงซวง เอาของพวกนี้ไปคืนรองแม่ทัพจิ่งบัดเดี่ยวนี้""เจ้าบอกเขาว่า เขาทำรสไม่ถูกปากข้า ก่อนหน้านี้เห็นว่าเขามีบุญคุณต่อข้าถึงได้พูดเช่นนั้น ขอเขาอย่าได้เข้าใจผิด"พูดถึงเพียงเท่านั้น ริมฝีปากของเฉียวเนี่ยนก็สั่นเครืออย่างห้ามไม่อยู่ คำบางคำไม่อาจพูดออกไป แต่ก็ต้องพูด"แล้วก็บอกเขาว่า แม้ข้าจะเป็นเพียงลูกเลี้ยงของจวนโหว แต่ก็ไม่ใช่ฐานะที่คนเช่นเขาจะไขว่คว้าได้ ขอเขาอย่าได้ทำเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียงแก่ข้าเช่นนี้อีก ไม่เช่นนั้น..."พูดถึงเพียงเท่านั้น แต่สุดท้ายก็ไม่พูดออกสำหรับคนที่ทุ่มเทความจริงใจให้แก่นางคนหนึ่ง คำพูดเหล่านั้นของนาง ไม่ต่างอะไรกับมีดคม แทงลึกกลางดวงใจอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่าแต่นางหมดหนทางแล้วนางเคยเห็นหลินเย่ว์เอาจริงมาแล้วแม้แต่น้องสาวสุดที่รัก เขายังทำเรื่องเช่นนั้นได้ลงคอ นางนึกภาพไม่ออกเลยว่า เขาจะลงมือเช่นไรกับจิ่งเหยียน!เขายังมีอนาคตอีกยาวไกลจะมาถูกทำลายเพราะนางไม่ได้!เพราะอย่างนั้น ต่อให้ต้อง
"แน่นอนว่าเพราะเขาฐานะต่ำต้อย!" หลินเย่ว์ขมวดคิ้วแน่น "สำหรับคนทั่วไป คุณสมบัติอย่างจิ่งเหยียนนับว่าไม่เลว แต่สำหรับเนี่ยนเนี่ยนคุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวแล้ว จะแต่งงานกับรองแม่ทัพได้อย่างไร!"เนี่ยนเนี่ยน คือคุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด พอได้ยินคำนั้นแล้ว ใจของหลินยวนกลับรู้สึกอิจฉาริษยาขึ้นมาทว่าไม่นานนางก็กักเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้ ส่งยิ้มหวานให้กับหลินเย่ว์ "พี่ใหญ่คือพี่ชายที่ดีที่สุดในโลก ไม่ว่าเรื่องใดก็เป็นห่วงเป็นใยพี่สาวไปเสียหมด!"คำพูดนั้นของนาง เหมือนสองมืออันอบอุ่น โบกพัดไฟโกรธในใจหลินเย่ว์ให้อ่อนแรงลงหลินเย่ว์มองนาง ลูบศีรษะของนางเบาๆ อย่างอดไม่ได้ "หากเนี่ยนเนี่ยนเข้าใจความยากลำบากของข้าได้เหมือนเจ้าก็คงดี""พี่สาวย่อมเข้าใจแน่นอนเจ้าค่ะ" หลินยวนยังคงยิ้มหวาน "ต่อให้ตอนนี้พี่สาวจะยังไม่เข้าใจ แต่วันหน้านางจะเข้าใจเอง!"หลินเย่ว์เค้นรอยยิ้มออกมา "ข้าก็หวังจะเป็นเช่นนั้น!"หลินยวนซบลงกับบ่าของหลินเย่ว์ "แต่ว่าพี่ใหญ่เจ้าคะ หากท่านกีดกันพี่สาวกับรองแม่ทัพจิ่ง พี่สาวต้องเกลียดท่านเป็นแน่"เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของหลินเย่ว์ก็พลันแข็งค้าง "ก็ไม่ถึงกับกีด
สามวันให้หลังสาวใช้จากเรือนฮูหยินเฒ่าก็มาที่เรือนฟางเหอ เชิญเฉียวเนี่ยนให้ไปพบฮูหยินเฒ่ายังไม่ถึงวันปล่อยตัวนาง ฮูหยินเฒ่ากลับส่งคนมาเรียกตัวนาง เฉียวเนี่ยนหวั่นใจไม่น้อยนางครุ่นคิด คงไม่ใช่เพราะฮูหยินเฒ่าเจ็บเป็นป่วยไข้อันใดหรอกใช่ไหม ถึงได้รีบร้อนเรียกตัวนางเช่นนี้ จึงเร่งฝีเท้าราวกับจะโบยบินเมื่อมาถึงเรือนฮูหยินเฒ่า นางยังไม่ทันเข้ามาในห้องก็รีบเอ่ยเรียก "ท่านย่า!"น้ำเสียงเครือสะอื้นทว่าเมื่อเห็นคนในห้อง เฉียวเนี่ยนกลับพลันชะงักไปภาพที่เห็นคือฮูหยินเฒ่านั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ใบหน้าซีดเซียว แต่มุมปากยกยิ้มไม่หยุดนอกจากฮูหยินเฒ่าแล้ว ยังมีหลินเย่ว์และหลินยวนอยู่ด้วยนี่มันเกิดอะไรขึ้น?เมื่อเห็นเฉียวเนี่ยน ฮูหยินเฒ่าก็กวักมือเรียกนางในทันใด "เนี่ยนเนี่ยน เร็วเข้า มานี่เร็ว!"เฉียวเนี่ยนเดินเข้าไปหา นั่งลงข้างฮูหยินเฒ่า มองหลินเย่ว์อย่างระแวดระวัง ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนหวานกับฮูหยินเฒ่า "ท่านย่าเรียกตัวข้ามาหาด่วนเช่นนี้ มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ?""แน่นอนอยู่แล้ว" ฮูหยินเฒ่าตบหลังมือเฉียวเนี่ยนอย่างเอ็นดู "พี่ใหญ่เจ้าน่ะ ในที่สุดก็ทำเรื่องให้ท่านย่าไ้ด้ชื่นใจบ้างเสียที!"ไ
"ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าควรขอบคุณแม่ทัพเซียวที่ยังจดจําความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ ข้าคงยังเป็นทาสอยู่ในกรมซักล้าง ข้าขอขอบคุณแม่ทัพเซียวสําหรับความเมตตาของท่าน! แต่ขอเพียงท่านอย่าเลือกตัวเลือกนี้หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเป็นการืำเพื่อข้าอีก"“ข้ารับไม่ไหว”คําสี่คําสุดท้ายนั้น ราวกับค้อนหนักทุบลงบนใจของเซียวเหิงอย่างแรงเซียวเหิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กลับถูกม้านั่งสะดุดขา โซเซจนเกือบล้มไปข้างหลังอาจเป็นเพราะเสียงนี้ดังไปหน่อย เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่นอกห้องจึงรีบวิ่งเข้ามาเซียวเหิงตวาดเสียงเข้มทันที "ใครให้พวกเจ้าเข้ามา! ออกไป!"แต่ไม่คิดว่า เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์จะคุกเข่าลงพร้อมกัน"ฮูหยิน ท่านให้อภัยท่านแม่ทัพเซียวเถอะ! ท่านแม่ทัพเซียวใส่ใจท่านจริงๆ! เขาได้ยินว่าท่านต้องการพบเขา ก็มาโดยไม่คํานึงถึงอาการบาดเจ็บหนัก!""ใครอนุญาตให้พวกเจ้าพูดมาก? ไสหัวไป!"เซียวเหิงตวาดเสียงเข้มอีกครั้งเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมอีก พวกนางทนเห็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองน่าเวทนาเช่นนี้ไม่ได้ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของเซ
แผลเป็นเหล่านั้นราวกับกำลังเป็นพยานให้กับเซียวเหิง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาใส่ใจนางเพียงใดน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัวนางยื่นมือออกไป ลูบเบา ๆ ลงบนแผลเป็นบริเวณอกของเขา ปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบราวกับอาวุธอยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา "เจ็บไหม?"คิ้วของเซียวเหิงกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวเจ็บไหม?สองพยางค์นี้ นางเคยถามจิ่งเหยียนมาก่อนเขาเห็นกับตาว่าหลังจากนั้น นางกับจิ่งเหยียนโอบกอดกันแนบแน่นเพียงใด เพราะเหตุนี้ เวลานี้จึงมีอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาจุกอยู่กลางอก จนไม่อาจเปล่งถ้อยคำใดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียวแต่แล้วก็เห็นนางเงยหน้าขึ้นมามองเขากะทันหัน ท้ายที่สุดน้ำตาในดวงตาก็ไหลรินลงมาเสียงเบา ๆ อ่อนโยนนั้นเอ่ยว่า "จิ่งเหยียน… ต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลย"เพราะนางเห็นกับตา ว่าบนร่างของจิ่งเหยียนตรงตำแหน่งนี้ มีรูขนาดใหญ่ทะลุเป็นโพรงเหล่าทหารกล่าวว่า นั่นคือบาดแผลจากดาบที่จิ่งเหยียนรับไว้แทนเซียวเหิง แทงทะลุผ่านร่างกายนางคิดว่า ตอนนั้นจิ่งเหยียนคงเจ็บมาก เจ็บมากจริง ๆเซียวเหิงไม่เคยคาดคิดเลยว่า เวลานี้ เวลาที่นางกำลังมองแผลเป็นทั่วร่างของเขา
"..."เฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ไปพูดสิ่งใดกับเซียวเหิง แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงกำลังเข้าใจผิดคิ้วเรียวงามของนางขมวดแน่น เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงขรึม "ท่านต้องการอะไรกันแน่? เหตุใดต้องกักข้าทิ้งไว้ที่นี่?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเหิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ยังคงฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนไว้ ดวงตาสีเข้มลึกฉายแสงจากเปลวเทียน แวววาวนัก"นี่มิใช่การกักขัง ข้าเพียงแค่… อยากให้เราสองคน… มีโอกาสอีกครั้ง"โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่ว่าดวงตาของเฉียวเนี่ยนกลับยิ่งหม่นมัว นางมองเซียวเหิง ปากยกยิ้มเย้ยหยัน "โอกาสหรือ? เมื่อสามปีก่อน แม่ทัพเซียวก็หาได้เคยให้โอกาสข้าไม่"เมื่อสามปีก่อน พวกเขาทั้งหมดต่างยืนอยู่ข้างหลินยวน กระทั่งคำแก้ตัวของนาง ก็ยังถูกสายตาอันดุดันของเขาบีบให้กลืนกลับลงไปหากสามปีก่อนเขาไม่ต้องการนางแล้ว เช่นนั้นเหตุใดสามปีให้หลังยังจะมากักนางไว้อีก!เมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องในอดีตเมื่อสามปีก่อน หัวใจของเซียวเหิงก็เจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยมีดเขาก้าวเข้าไปใกล้นาง แต่ก็เห็นนางถอยกรูดไปสามก้าวทันที มือที่กำปิ่นปักผมไว้แน่นก็ยกขึ้นเตรียมป้องกันตัวเขาจึงหยุด
สามวันต่อมาเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ใต้ชายคา ข้างซ้ายมีสาวใช้กำลังแกะเมล็ดแตงให้กับนาง ข้างขวามีสาวใช้อีกคนกำลังหั่นแตงโมให้นางสามวันแล้ว แต่นางกลับยังไม่ได้พบกับเซียวเหิงเลยกลับกัน ตอนนี้นางกลับคุ้นเคยกับสองสาวพี่น้องคู่นี้เป็นอย่างดีทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฝั่งซ้ายชื่อเฉียวเอ๋อร์ ฝั่งขวาชื่อฮุ่ยเอ๋อร์สองนางมิใช่คนเมืองหลวง บ้านเกิดอยู่ไกลถึงชายแดนเมื่อครั้งอดีต เซียวเหิงช่วยชีวิตสองนางจากสนามรบ ญาติพี่น้องทั้งหมดล้วนเสียชีวิตเพราะสงคราม สองนางจึงติดตามเซียวเหิงกลับเมืองหลวงสำหรับสองนาง เซียวเหิงคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต จึงเชื่อฟังเซียวเหิงทุกถ้อยคำแน่นอนว่าย่อมเคารพนบนอบต่อเฉียวเนี่ยนด้วยตลอดสามวันที่ผ่านมา ทั้งสองดูแลนางอย่างสุดความสามารถ ว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ เพียงแต่ไม่ยอมบอกนางว่าที่นี่คือที่ใดหากเซียวเหิงไม่อนุญาต พวกนางจะไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้แม้แต่น้อยไม่ใช่เฉียวเนี่ยนไม่เคยลองใช้วิธีอื่น สามวันมานี้นางเดินสำรวจทั่วทั้งจวน ทว่ากลับไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าหรือประตูหลัง ล้วนถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา
แต่แล้วก็เห็นว่า ร่างของเซียวเหิงเอียงวูบไปด้านข้าง นอนแน่นิ่งไป เขาหมดสติไปแล้วแม่เซียวตกใจสุดขีด รีบร้องลั่น "เร็วเข้า! รีบไปตามหมอมา! เหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์! อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้นะ เหิงเอ๋อร์!"เด็กรับใช้ข้างนอกรีบเข้ามา แล้วช่วยกันหามร่างของเซียวเหิงออกไปทันทีแม่เซียวก็ร้องไห้ตามออกไปทั้งน้ำตาพ่อเซียวมองดูรอยเลือดที่ยังติดอยู่บนแส้ ในใจพลันปวดร้าว สายตาหันไปมองหนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ "ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วยเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อครู่ เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว... เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!"พูดจบ พ่อเซียวก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหนิงซวงที่ยังยืนร้องไห้อยู่กับที่อย่างไร้ที่พึ่งนางไม่คิดเลยว่าแม่ทัพเซียวจะปากแข็งถึงเพียงนี้ ถึงขนาดยอมถูกตีจวนตายก็ไม่ยอมเอ่ยถึงเบาะแสของคุณหนูเลยสักคำแต่ถ้าคนที่พาตัวคุณหนูไปคือแม่ทัพเซียว เช่นนั้นคุณหนูของนางก็คงยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?หากนายท่านเองยังไม่มีวิธีจัดการแม่ทัพเซียว เช่นนั้น บางทีคุณชายใหญ่อาจจะทำอะไรได้บ้างก็เป็นได้?หนิงซวงตัดสินใจว่าจะรอให้คุณชายใหญ่ฟื้นก่อนค่อยมาถาม……เฉียวเนี่ยนลืมตาขึ้นช้า ๆ สิ่งแรก
หนิงซวงก็เห็นรอยขีดข่วนบนลำต้นไม้เช่นกันนางรีบลุกขึ้นยืน คว้าชายแขนเสื้อของหวังเอ้อไว้แน่น "ต้นเหมยแดงต้นนี้รองแม่ทัพจิ่งเป็นคนปลูกเอาไว้ คุณหนูไม่มีทางทำร้ายมันเด็ดขาด! หวังเอ้อ ทำยังไงดี! คุณหนูต้องถูกใครจับตัวไปแน่ ๆ !"รอยขีดนี้ ต้องเป็นรอยที่คุณหนูทิ้งไว้ตอนดิ้นรนขัดขืนแน่ ๆ !หวังเอ้อเองก็ร้อนใจเช่นกัน แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว "เจ้าจงไปแจ้งข่าวให้ตระกูลเซียว ข้าจะไปหาท่านโหวน้อยที่จวนโหว!"แม้ว่าคุณหนูจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเชื่อว่าท่านโหวน้อยต้องยื่นมือเข้าช่วยแน่ส่วนตระกูลเซียว แม้ว่าคุณหนูของนางจะหย่าขาดกับคุณชายใหญ่ไปแล้ว ทว่าเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน คิดว่าตระกูลเซียวคงไม่เพิกเฉยแน่นอนไม่อย่างนั้นแล้ว ลำพังเขากับหนิงซวงแค่สองคน จะไปช่วยคุณหนูได้อย่างไรกัน?เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หนิงซวงก็พยักหน้ารัว ๆ แล้วรีบปาดน้ำตา ก่อนจะวิ่งออกจากจวนไปอย่างเร่งรีบไม่นานนัก นางก็วิ่งไปถึงตระกูลเซียว พอเห็นพ่อเซียวกับแม่เซียว ก็ทรุดลงคุกเข่าในทันที "นายท่าน ฮูหยิน ได้โปรดช่วยคุณหนูของข้าด้วยเถิด! คุณหนูของข้าถูกคนจับตัวไปแล้ว!"เมื่อได้ยิ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่ถึงเพียงนี้จึงพยักหน้าแรง ๆ หลายครั้ง "เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้ คุณหนูวางใจได้ ภายในสามวันเรื่องนี้ต้องแล้วเสร็จแน่นอน จะไม่ขาดไปแม้แต่ตำลึงเดียวขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงยิ้มแย้มอย่างงดงาม "ดี"หวังเอ้อจึงคำนับแล้วถอยออกไปขณะเดียวกันใจของเฉียวเนี่ยนก็พลันจมดิ่งลงสู่หุบเหวคำพูดของแม่เซียวเมื่อครู่นั้นยังคงก้องอยู่ข้างหูโดยเฉพาะประโยคนั้นที่ว่า 'ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไร้วิธีแก้ไข' ช่างราวกับมีดเล่มหนึ่งที่คอยเฉือนนางอย่างไม่หยุดยั้งผู้คนที่นางใกล้ชิดที่สุดต่างทยอยจากนางไปทีละคนแต่แม่เซียวกลับบอกนางว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะตัวนางเองเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกฉีกออกเป็นริ้ว ๆเฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้ต้นเหมยแดงต้นนั้น บัดนี้หาได้เป็นเพียงต้นเปล่าโล้นเช่นก่อนออกเรือนไม่มันแตกหน่อใบเขียวออกมาแล้ว ที่ปลายกิ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอันเจิดจ้าจนถึงเวลานี้ ความเจ็บปวดที่แน่นอัดในอกของเฉียวเนี่ยนจึงคล้ายจะทุเลาลงบ้างนางเดินมาหยุดใต้ต้นไม้ ลูบไล้ลำต้นอย่างแผ่วเบา ภ
เฉียวเนี่ยนพูดจบก็เตรียมจะเดินออกไป แต่ไม่คาดคิดว่าแม่เซียวกลับรีบคว้ามือของนางไว้ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึก"เนี่ยนเนี่ยน แม่ก็เห็นเจ้ามาตั้งแต่เล็กจนโต... แม่ผิดเอง กำไลนี้..." แม่เซียวพูดพลางยื่นกำไลข้อมือของตัวเองมาให้เฉียวเนี่ยนแต่ยังไม่ทันได้สวมให้เฉียวเนี่ยน ก็ถูกห้ามไว้เสียก่อนเฉียวเนี่ยนจับมือของแม่เซียวไว้ แล้วยิ้มบาง ๆ "ท่านป้าไม่ต้องทำเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าเองก็จะไปอยู่แล้ว ตอนนี้แค่เร็วกว่าที่คิดไว้เล็กน้อยเท่านั้นเอง สำหรับกำไลนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ"ยิ่งไปกว่านั้น บนข้อมือของนางเองก็มีกำไลหยกอยู่แล้วแม้มันจะไม่ค่อยสวย แต่สำหรับนางแล้วมันมีค่ามากยิ่งนักนางไม่อาจถอดกำไลนั้นออกมาเพื่อใส่กำไลอีกอันหนึ่งได้เฉียวเนี่ยนค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออก แล้วหมุนตัวกลับไป โดยไม่หยุดแม้แต่นิดเดียวหนิงซวงเห็นเฉียวเนี่ยนเดินออกมา ก็รีบเร่งฝีเท้าตามไปอย่างรวดเร็วทว่าไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนกลับไม่พูดอะไรสักคำ เดินตรงไปข้างหน้าอย่างเงียบงันหนิงซวงจึงไม่ได้กล้าถามอะไรมาก เพียงเร่งฝีเท้าตามหลังอย่างกระชั้นชิดใครจะไปคิดว่า เดินตามไปเรื่อย ๆ สุดท้ายกลับมาหยุดอยู่ที่เร
แม่เซียวกลับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วทำท่าจะคุกเข่าลงต่อหน้าเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนตกใจยิ่ง รีบเข้าไปประคองไว้ก่อนที่หัวเข่าของแม่เซียวจะแตะพื้น "ท่านแม่จะทำเช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใดกันเจ้าคะ?!"แม่เซียวที่ลุกขึ้นยืนแล้ว น้ำตาไหลนองเต็มใบหน้า"เนี่ยนเนี่ยน เป็นตระกูลเซียวของเราที่ล่วงเกินเจ้า แต่ข้าก็จนปัญญาจริง ๆ บอกตามตรงนะ ตอนที่ข้าได้ยินข่าวลือจากข้างนอก ข้าก็นำวันเดือนปีเกิดของเจ้าไปให้มหาเถระฉือเอินที่วัดฝ่าหัวดู เดิมทีก็แค่อยากให้ท่านมหาเถระช่วยชี้แนะหาทางแก้ไข ทว่าในกระดาษพยากรณ์ที่ท่านส่งกลับมา มีเพียงว่า ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไม่มีทางแก้ไข!"แม่เซียวทั้งร้องไห้ทั้งพูด เสียงสั่นสะอื้นฟังดูเวทนายิ่งนักส่วนเฉียวเนี่ยนนั้น ถึงกับยืนตะลึงนิ่งงันนางคือดาวกาลกิณีไร้คู่เช่นนั้นหรือ?ถึงได้ทำให้คนรอบตัวที่นางรักต้องจากไปทีละคนเช่นนี้งั้นหรือ?กลางอกปวดร้าวราวกับถูกมีดกรีดแทง ในชั่วขณะนั้น เฉียวเนี่ยนรู้สึกราวกับแม้แต่การหายใจก็เป็นเรื่องยากยิ่งแต่แม่เซียวก็ยังคงสะอื้น พลางปาดน้ำตาไปด้วย "เดิมทีข้าคิดว่า หากเหอเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร กระดาษพยากรณ์นี้ก็คงไม่น่าเชื่อถือ แต่ตอนนี้…"เฉียวเนี่ยน