Home / โรแมนติก / พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก / บทที่ 4 เลือดเนื้อเชื้อไขอีกครึ่งของเธอ

Share

บทที่ 4 เลือดเนื้อเชื้อไขอีกครึ่งของเธอ

Author: พะเนินเทินทึก
last update Last Updated: 2021-09-21 16:35:01
เบียงก้าส่ายหัวและหักห้ามใจไม่ให้คิดถึงเรื่องแม่ตน แม่ที่เธอไม่เคยเห็นหน้า ไม่รู้แม้แต่

ชื่อ ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอ

ครู่หนึ่ง โทรศัพท์ของเธอดังขึ้น

ปลายสายคือนีน่า แลงดอน เพื่อนสนิทของเบียงก้า

เบียงก้ารับสายนั้น

“ไงจ๊ะ นี่ก็นานมาก ๆ แล้วนะที่เราไม่วิดีโอคอลกัน ทำไมเธอต้องบ่ายเบี่ยงไม่ยอมคุยกับฉันสักที?” นีน่าบ่นผ่านโทรศัพท์ เธอวางมือไว้ที่แก้มอย่างเศร้าใจ แล้วกล่าวต่อ “บี เธอแน่ใจนะว่าจะไปอังกฤษจริง ๆ น่ะ? แล้วถ้าเธอโดนคนที่นั่นรังแกล่ะ? ฉันก็ไม่มีมือมีเท้าไกลถึงที่นั่นหรอกนะ”

“แล้วก็ ฉันได้ยินมานะว่าพวกผู้ชายที่นั่นเจนโลกกันจะตาย แถมหอพักนักเรียนยังเป็นแบบหอรวมด้วยนะ เมื่อเธอไปถึงที่นั่นแล้ว ก็ต้องระวังเรื่องนี้เอาไว้ด้วยนะ! นี่ เธอเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดไหมเนี่ย? แต่ช่างเถอะ เอาตรง ๆ เลยนะ ถ้าหนุ่ม ๆ พวกนั้นฮอตเสียจนเธอหักห้ามใจไว้ไม่อยู่ล่ะก็! อย่าลืมป้องกันล่ะ!”

ในหน้าจอโทรศัพท์ของเธอ เบียงก้าเห็นว่านีน่ากำลังนั่งอยู่ในร้านอาหารเล็ก ๆ ดูเหมือนว่าเธอเพิ่งจะสั่งอาหารไป และกำลังรออาหารมาเสิร์ฟอยู่

บริเวณผนังของร้านอาหารด้านหลังนีน่า มีจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่พอสมควร

ทีวีเสนอรายงานข่าวบันเทิง พร้อมคำบรรยายที่เห็นได้อย่างชัดเจน มหาเศรษฐีวัยห้าสิบหกปีเพิ่งจะมีลูกสาวสด ๆ ร้อน ๆ!

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครรู้ว่าแม่ของเด็กคนนั้นเป็นใคร

“บี?”

“เบียงก้า นี่เธอยังฟังฉันอยู่รึเปล่า?”

นีน่ามองเบียงก้าผ่านหน้าจอโทรศัพท์ เห็นเธอนิ่งไม่ไหวติง และอารมณ์ของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างพิลึก นีน่ารีบเขย่าหน้าจอของเธอ และพูดว่า ”เบียงก้า ได้ยินฉันไหม? เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า? ขอร้องแหละ อย่าทำให้ฉันกลัวแบบนี้สิ!”

ในตอนนี้ เบียงก้าค่อนข้างอ่อนไหวอย่างยิ่ง เมื่อเธอออกจากโรงพยาบาล เธอสาบานกับตัวเองว่าเธอจะไม่คิดถึงเด็กที่เธอเคยอุ้มท้องเป็นอันขาด แต่ทว่า มันเป็นไปได้อย่างไรกัน

เด็กคนนั้นเป็นเหมือนเลือดเนื้อเชื้อไขอีกครึ่งหนึ่งของเธอ

เบียงก้ากำลังจะสติแตก

เธอกำลังจะเสียสติไปแล้วจริง ๆ

เอาแต่คิดถึงเรื่องนั้นซ้ำ ๆ ซาก ๆ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรขึ้นมาเล่า?

เธอต้องหยุดคิดเรื่องนี้สักที

เธอวางสายและล้างหน้าด้วยน้ำเย็น

นั่นไม่ได้ช่วยให้เธอรู้สึกใจเย็นลง

บางที นั่นเป็นเพราะว่าเธอเคยถูกแม่ทอดทิ้งตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้น สิ่งที่นี้ก็กลายเป็นประวัติที่ซ้ำรอยเดิม แต่เกิดขึ้นกับลูกสาวเธอแทน

เธอไม่สามารถลืมวัยเด็กอันหนาวเหน็บของเธอได้ เธอไม่มีแม่ มีแค่พ่อและปู่เท่านั้น พ่อของเธอมีรายได้จากการทำงานหาเลี้ยงชีพอยู่ไกลบ้าน และปู่ของเธออายุมากขึ้นทุกวัน เพื่อนบ้านของเธอไม่เคยหยุดนินทาถึงพ่อแม่ของเธอเลย พวกเขาพูดถึงแต่เรื่องเสีย ๆ หาย ๆ เสียงเหล่านั้นก้องกังวานอยู่ในหัวเธอตลอดช่วงวัยเด็ก

เธอโตมากับการถูกรังแกจากคนที่รอบข้างที่เห็นแก่ตัว

เธอไม่รู้ว่าทำไมการที่เธอไม่มีแม่ถึงทำให้เธอต้องกลายเป็นเป้าของการกลั่นแกล้งด้วย พวกเขาทำร้ายเธอด้วยวาจา และคำสาปแช่งก็ก้องกังวานเต็มโสตประสาทของเธอ

บางครั้ง เธอก็รู้สึกเกลียดแม่เป็นอย่างมาก

เมื่อหลับตาลง ความคิดเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวคือรายงานข่าวบันเทิงทางทีวีในหัวข้อพ่อมหาเศรษฐีวัยกลางคน เขาเพิ่งได้ลูกสาวคนหนึ่งมา แต่ไม่มีใครรู้ว่า แม่ของเด็กหญิงผู้นั้นคือใคร...

ตอนนี้ เธอได้กลายเป็นแบบผู้หญิงที่เธอเกลียดที่สุดแล้ว เธอกลายเป็นแม่ที่ให้กำเนิดลูก แต่ไม่ได้รับผิดชอบชีวิตลูกเลย

เธอเดินกลับมาที่ห้องและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง ค้นหาข่าวเกี่ยวกับมหาเศรษฐีคนนั้นและลูกของเขา

ในรายงานระบุว่า ชายคนนี้อายุห้าสิบหกปี ศีรษะล้าน แต่รูปร่างดีและตัวสูง

ผ่านมาสักระยะแล้ว เบียงก้าไม่สามารถบอกได้ว่าชายมีอายุคนนี้เป็นพ่อของลูกเธอจริง ๆ

หรือไม่

จริงด้วย มีเสียงของเขาในรายงานข่าวด้วยนี่!

เบียงก้าเริ่มค้นหาวิดีโอของชายมหาเศรษฐีคนนี้ เธอพยายามฟังเสียงของเขา เธออยากรู้ว่าเป็นเสียงเดียวกันกับเสียงที่เธอได้ยินในคืนนั้นรึเปล่า

น่าเสียดาย เธอค้นหาเป็นเวลานานจนโทรศัพท์ของเธอแบตหมด แต่เธอก็ยังไม่เจอวิดีโอที่มีเสียงของเขาอยู่ในนั้น

ความสิ้นหวังทั้งหมดห่อหุ้มหัวใจเธอเอาไว้

ทางทิศตะวันออกของเมืองเอ

ณ บ้านของครอว์ฟอร์ด มีหนึ่งในสุนัขพันธุ์ดีที่บรรดาเศรษฐีกระเป๋าหนักมักจะเลี้ยงเอาไว้กำลังวิ่งพล่านไปทั่ว

ถึงเวลารับประทานอาหารแล้ว และบนโต๊ะอาหารค่ำในคฤหาสน์ ก็เต็มไปด้วยอาหารเลิศหรู

สมาชิกในครอบครัวอยู่กันเกือบพร้อมหน้าพร้อมตา ทั้งชายและหญิง นางพยาบาลเหงื่อโชกทั้งสองคนกำลังเข็นเด็กน้อยทั้งสองมาไว้ข้างกายผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ด

ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดนั่งอยู่บนรถเข็นพลางมองดูหลานชายที่ร่าเริงของเขาอยู่ในเปล “เด็กคนนี้หน้าเหมือนลุคอย่างกับแกะ ฉันมั่นใจเลยว่าเขาจะโตขึ้นเป็นบุคคลที่น่ามีน่าเกรงขามเช่นเดียวกันกับลุคแน่!”

ท่านผู้อาวุโสดูค่อนข้างพอใจมากเลยทีเดียว

สำหรับครอว์ฟอร์ดคนอื่น ๆ ที่นั่งอยู่รอบโต๊ะต่างพากันเผยรอยยิ้มอย่างไม่เต็มใจ

แม้พวกเขาจะขุ่นเคืองเพียงใด แต่ก็ไม่กล้าแสดงอารมณ์นั้นออกมา

ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดเล่นกับหลานชายของตนอยู่สักพักใหญ่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นกล่าวกับทุกคนในครอบครัวอย่างหนักแน่น “ถ้าไม่ได้ลุคและการทำงานหนักอย่างไม่หยุดหย่อนของเขา

ในช่วงตลอดสองปีที่ผ่านมา ครอว์ฟอร์ดคงหมดความรุ่งเรืองและชื่อเสียงไปแล้ว! เข้าใจจุดประสงค์ที่ฉันพูดออกไปไหม?

ไม่มีใครคัดค้าน แต่ก็ไม่มีใครเห็นด้วยเช่นกัน

แม้ว่าเขาจะอายุมากแล้ว ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดยังคงมีสายตาที่เฉียบคม เขามองไปรอบตัว และจ้องมองท่าทีของทุกคน “ฉันแก่แล้ว ถึงเวลาที่จะส่งต่อธุรกิจครอบครัวให้กับคนรุ่นใหม่เสียที” ด้วยเหตุนี้ เขาจึงหันไปหาหลุยส์และกล่าวว่า “หลุยส์ เธอควรตามพี่ชายของเธอไป ต่อจากนี้ไป ก็จงเรียนรู้จากเขา!”

“ได้อยู่แล้ว” หลุยส์เอ่ยขึ้นอย่างไร้มารยาท ก่อนจะเงียบไปอีกครั้ง

“คุณพ่อคะ แบบนี้หมายความว่ายังไงคะ?!” ซูซาน อาร์มสตรองพลันลุกขึ้นยืน ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ลุคเป็นหลานชายของคุณพ่อ ใช่ค่ะ แต่หลุยส์ของเราก็เป็นหลานชายของคุณพ่อเหมือนกันนิ! พ่อกำลังทำร้ายจิตใจลูกสะใภ้ที่ยืนอยู่ตรงนี่นะ! หลุยส์ลูกชายของหนูแย่กว่าลุคตรงไหนคะ?!”

เพียงเพราะลุค ครอว์ฟอร์ด ไม่ได้อยู่ที่นี่ในวันนี้ ซูซานจึงกล้ายืนขึ้นและโพล่งทั้งหมดออกมา

ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดมีลูกชายเพียงคนเดียว และลูกชายของเขามีลูกชายอีกสองคน คือ

ลุคและหลุยส์ ครอว์ฟอร์ด

ลุคเป็นผู้ใหญ่และตรงไปตรงมา เขาสามารถเปลี่ยนเป็นคนโหดเหี้ยมได้ตามใจนึก เมื่ออยู่ในแวดวงธุรกิจ ไม่มีใครกล้าต่อกรหรือต้องการสร้างปัญหากับเขา

หลุยส์เป็นพวกพ่อมาลัยลอยชาย เขาไม่ได้โง่ แต่เขาใช้สติปัญญาทั้งหมดไปกับเรื่องการหาผู้หญิง

นอกจากตัวเขาเองแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเขามีความทะเยอทะยานหรือต้องการทำการทำงานบ้างรึเปล่า

ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดเพิกเฉยต่อการประท้วงของซูซาน การเลือกผู้สืบทอดเป็นอะไรที่สำคัญ

อย่างที่สุด เขาจะไม่ปล่อยให้อารมณ์มาเป็นอุปสรรค์ในการตัดสินใจ เขาเลือกได้เพียงครั้งเดียว หากเขาเลือกผิด เขาอาจเป็นคนทำลายทุกอย่างที่ครอว์ฟอร์ดสร้างขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา

“โทรหาลุคที ฉันมีบางอย่างที่จะต้องคุยกับเขา” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดสั่งการคนรับใช้

คนรับใช้เริ่มโทรออกทันทีและวางโทรศัพท์นั้นแทนที่โทรศัพท์ของผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ด

“สวัสดีครับ มีเรื่องอะไรเหรอครับ คุณปู่?” ลุคเอ่ยถามจากปลายสาย เขากำลังเดินทางออกนอกประเทศ และดูเหมือนว่าตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานด้วยท่าทีเคร่งขรึม

“ปู่คิดว่าตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมแก่การตั้งชื่อให้เหลนชายน่ะสิ ปู่คิดชื่อเอาไว้แล้ว หลานคิดอย่างไรกับชื่อคลาเรนซ์? คลาเรนซ์ ครอว์ฟอร์ด ปู่อยากให้เหลนเติบโตด้วยดวงตาที่สดใส มีและจิตใจที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง!” ผู้อาวุโสกล่าว

ซูซานขุ่นเคืองไม่น้อยที่ไม่มีใครมาแยแส แต่เธอไม่กล้าพูดอะไร ดังนั้นเธอจึงนั่งและเงียบอยู่แบบนั้น

ทางปลายสาย ลุคไม่ตอบสนองต่อผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดในทันที เขาขมวดคิ้วราวกับกำลังใช้ความคิด และเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเอ่ยขึ้น “คุณปู่ครับ ผมเข้าใจสิ่งที่คุณปู่หมายถึงเกี่ยวกับจิตใจที่บริสุทธิ์และดวงตาที่ชัดเจนนะครับ แล้วบลองช์ล่ะครับ? หมายถึงสีขาวบริสุทธิ์เช่นกันนะครับ”

บลองช์ ครอว์ฟอร์ด.

"ก็ฟังดูเข้าท่าดีนะ!" ชายชราพลันมองใบหน้าหลานชายในเปลทันที “เหลนมีชื่อแล้ว เด็กน้อย”

ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับชื่อเหลนสาวเลย เพราะลุครู้สึกว่าลูกสาวของเขาควรได้รับการดูแลเอาใจใส่ราวกับเจ้าหญิง เธอจึงมีสิทธิ์ที่จะตั้งชื่อให้กับตนเองได้เมื่อโอกาสนั้นมาถึง

เวลาผ่านไปในพริบตา

ไม่นานก็ถึงเวลาที่พวกเขาต้องไปต่างประเทศ

เบียงก้าไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับมาลี เพราะเจนนิเฟอร์จัดการให้มาลีไปประเทศอังกฤษล่วงหน้าหนึ่งเดือนเพื่อให้เธอคุ้นกับที่นั่น

“พอไปถึงที่นั่นแล้ว ผมฝากคุณดูแลเบียงก้ากับมาลีทีนะ” เควินพูดอย่างจริงจังกับเจนนิเฟอร์ ลี ที่สนามบิน

ฌอง สูงร้อยแปดสิเซนติเมตร เขารูปร่างดีและค่อนข้างจะสมบูรณ์แบบ เขาเป็นพี่ชายของนีน่า เขาตั้งเป้าหมายว่าจะไปเรียนต่างประเทศนานแล้ว แต่เขาตัดสินใจไม่ได้สักทีว่าต้องการจะไปประเทศไหน

เมื่อเขาได้ยินน้องสาวพูดว่า เบียงก้ากำลังจะไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ เขาจึงตัดสินใจจะไปกับเธอทันที

ผู้ชายทุกคนล้วนมีหญิงสาวอยู่ในใจ หญิงสาวที่น่าอัศจรรย์เหมือนรักแรกสำหรับฌอง ผู้หญิงคนนั้นคือเบียงก้า

“ฝากดูแลบีด้วยนะ” นีน่าสวมกอดพี่ชายของเธอและกระซิบข้างหูว่า “พี่ไม่ต้องใส่ใจนางมาลีอะไรนั้นก็ได้ เดี๋ยวกลิ่นสาบจะติดตัวพี่เอา”

ฌอง “…”

เมื่อทั้งสองเข้าแถวที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง เบียงก้าก็หันกลับมาน้ำตาไหลริน ขณะที่เธอโบกมือลาพ่อที่แก่ชราของตน

Related chapters

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 5 การกลับมาหลังผ่านไปห้าปี

    ห้าปีผ่านไปเมื่อเบียงก้าก้าวกลับเข้าสู่เมืองเอที่คนพลุกพล่านอีกครั้ง เธอจากเมืองนี้ไปได้เกือบสองพันวัน แต่กลับไม่ได้รู้สึกนานแต่อย่างใด รวมถึงไม่ได้มีอะไรแปลกไปเสียด้วยซ้ำ ย้อนกลับไปตอนนั้น เธอไร้ซึ่งหนทาง และถูกโชคชะตาผลักไสอย่างไร้ปราณีณ ตอนนี้ เธอต้องการยืนหยัดด้วยกำลังของตนและต้องการเลือกทางเดินของชีวิตด้วยตนเอง ดวงตะวันสาดส่องลงมา “บี ทางนี้” นีน่าลดกระจกรถลง และโบกมือให้เบียงก้าที่กำลังเดินออกจากชานเมือง เวลาผ่านไปแล้วห้าปี พวกเขาไม่ใช่เด็กผู้หญิงไร้เดียงสาที่อายุสิบแปดสิบเก้าอีกต่อไป เบียงก้าและฌองเดินกลับสู่บ้านเกิดเมื่อวานนี้ และนีน่าเป็นคนที่ไปรับทั้งสองที่สนามบิน คืนนั้น ฌองพาเบียงก้ากลับไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้านของตระกูลแลงดอน พ่อกับแม่ของฌองหลงใหลได้ปลื้มตัวเบียงก้าในฐานะลูกสะใภ้ในอนาคตไม่น้อย ในเช้าวันนั้น ฌองต้องการไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทกับเบียงก้า แต่มีบางอย่างเกิดขึ้น เขาเลยไม่สามารถไปพร้อมกับเธอได้ เบียงก้าขึ้นรถของนีน่า และนั่งในที่นั่งผู้โดยสารพร้อมคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย“เธอรู้ไหมว่าเมื่อคืนแม่ฉันพูดว่าอะไร หลังจากที่เธอออกไปกับพี่ฌองน

    Last Updated : 2021-09-21
  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 6 หัวใจที่เต้นระรัว

    สิบนาทีต่อมา การสัมภาษณ์ของฌองก็เสร็จสิ้น เขาเปิดประตูและเดินออกไป เบียงก้ายืนขึ้นในทันที “เป็นยังไงบ้างคะ?” “กรรมการที่สัมภาษณ์ถามคำถามยากมาก แต่มันก็ไม่ใช่อะไรที่พี่รับมือไม่ได้นะ” ฌองก้มตัวลงไปจูบที่หน้าผากของเบียงก้า เบียงก้าถอนหายใจด้วยความโล่งอก“คนต่อไปค่ะ เบียงก้า เรย์น” เลขาสาวประกาศเรียก เบียงก้ารีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและเดินเข้าไปในห้องอย่างกังวล วินาทีที่เธอเดินเข้ามาในห้อง ลุคจ้องมองเธอด้วยแววตาอันสับสนเบียงก้านั่งลงอย่างเรียบร้อย และเงยหน้าขึ้นมาสบตาผู้ให้สัมภาษณ์ทีละคน หลังจากนั้น เธอแนะนำตัวสั้น ๆ "สวัสดีค่ะ ทุกท่าน ก่อนอื่นเลย ขอพระขอบคุณที่ให้โอกาสดิฉันได้เข้าร่วมการสัมภาษณ์ครั้งนี้ ดิฉันชื่อเบียงก้า เรย์นค่ะ” เนื่องจากเธอตัดสินใจกลับประเทศนี้และหางานทำที่นี่ บริษัทที่เธอต้องการไปสัมภาษณ์ผุดขึ้นมาในความคิดมากมาย อาจไม่ใช่วิธีที่สร้างสรรค์ที่สุดในการเริ่มต้น แต่ก็สมบูรณ์เพียงพอและไร้ปัญหาใด ๆ การสัมภาษณ์ดำเนินต่อไป ลุคประเมินเธอด้วยสายตาที่เย็นชา บางที การจ้องมองของเขาอาจดูเฉียบแหลมเกินไป แม้ว่าเบียงก้าจะสามารถตอบคำถามของในการสัมภาษณ์ทั้งห

    Last Updated : 2021-09-21
  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 7 ท่าทีอันแปลกประหลาดออกไปของฌอง

    เบียงก้าเดินออกจากห้อง ลุคก็พลันวางพิมพ์เขียวที่อยู่ในมือ เขาลุกขึ้นยืนและเดินออกจากโต๊ะทำงานไปยังตู้เก็บไวน์แทน ตรงนั้น เขาหยิบแก้วออกมาและรินไวน์ลงไปครึ่งหนึ่งด้วยท่าทีหงุดหงิดเล็กน้อยช่างเป็นตัณหาที่เย้ายวนเสียจริง! ตอนที่เบียงก้าออกจากบริษัท ก็เป็นเวลาที่ดึกมากเลยทีเดียว แต่โชคดีที่ยังมีรถไฟขบวนสุดท้ายที่จะพาเธอกลับบ้านได้ เมื่อกลับมาถึงบ้าน สิ่งแรกที่เธอทำคือตอบกลับข้อความของฌองบนวีแชทหลังจากนั้น เธอดึงกระเป๋าเดินทางออกมา และเริ่มจัดของที่เธอจำเป็นต้องใช้สำหรับการเดินทางในวันพรุ่งนี้ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น สายเรียกเข้านั้นคือฌอง“นี่พี่ยังไม่นอนอีกเหรอคะ? ฉันคิดว่าฉันบอกพี่ไปแล้วนะว่าแทนที่โทรหาฉันแบบนี้ ให้พี่พักผ่อนแต่หัวค่ำน่ะ” เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เบียงก้ากล่าวด้วยความกังวล “พี่ยังทำงานไม่เสร็จเลย พี่ก็เลยเอาของกลับไปที่ห้องพักในโรงแรมเพื่อทำงานต่อน่ะสิ” ฌองเอ่ยถามต่อ “พี่เห็นข้อความของเธอก่อนหน้านี้แล้ว ทำไมเธอถึงต้องออกไปข้างนอกด้วยละ? ไปกับใครเหรอ?” “ฉันยังไม่รู้ว่าใครเลยค่ะ ต้องรอพรุ่งนี้เช้าเลยแหละถึงจะรู้” เบียงก้าตอบกลับ “ถ้าเป็นคนที่ไป

    Last Updated : 2021-09-22
  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 8 บลานก้า และ เรนนี่

    เบียงก้าไม่กล้าพูดอะไรอีกเลย จากที่เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองเธอกาลเวลาผ่านไปเด็กชายพูดว่า “ผมว่าดูน่าอึดอัดครับ” น้องสาวตัวน้อยพยักพยักหน้าเบียงก้า “….” “คุณผู้หญิงครับ โทรหาพ่อของผมตอนนี้เลยเถอะ และบอกเขาด้วยว่าคุณไม่ต้องการดูแลพวกเราสองคนแล้ว” เด็กชายกล่าวเด็กชายตัวเล็ก ๆ ดูค่อนที่จะไม่เป็นมิตรกับเธอสักเท่าไหร่ “ฉันไม่เคยบอกเลยนะว่าไม่อยากดูแลพวกหนูน่ะ” เธอต้องอธิบายให้ชัดเจน เธอจะกล้าพูดว่าเธอไม่ต้องการดูแลลูก ๆ ของเจ้านายได้อย่างไรกัน? เจ้านายคงจะจัดการเธอจนกลายเป็นอาหารกลางวันเป็นแน่“ในเมื่อต้องการจะดูแลเราสองคนจริง ๆ คุณควรทำเหมือนที่คุณพูดสิครับ” เห็นได้ชัดว่าเด็กชายไม่ชอบบรรยากาศที่เงียบ ๆ แบบนี้ ผู้หญิงคนนี้ดูซื่อบื้อกว่าคนอื่น ๆ มากเบียงก้า “…”เป็นความผิดพลาดของเธอเองสินะที่ออกจากบ้านมาโดยที่ไม่ดูตาม้าตาเรือเสียก่อน ถึงได้มาเจอเรื่องเช่นนี้ “มากับหนูหน่อยค่ะ พี่ชาย” เด็กหญิงตัวเล็กบอกได้ว่าสีหน้าของป้าคนนี้เริ่มไม่พอใจ และเธอก็ลากพี่ชายออกไปด้วยความขุ่นเคือง เบียงก้าถอนหายใจยาว มองดูเด็กน้อยสองคนเดินหายไปทางประตูห้องน้ำ ภายในห้องน้ำน้องสาวเอ่ยถา

    Last Updated : 2021-09-22
  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 9 เปิดประตูสู่โลกของฉัน

    ในตอนนี้เรนนี่ตัวน้อยมีความสุขอย่างน่าเหลือเชื่อ เธอได้แอบกินไก่ทอดลับหลังพ่อระหว่างทางกลับห้องเรนนี่ ยังคงเกาะติดเบียงก้ากอดขาเธอราวกับเป็นโคอาล่าเกาะต้นไม้ มันค่อนข้างยากสำหรับเบียงก้าที่จะเดินโดยมีเด็กน้อยเกาะอยู่ที่ขาของเธอ เธอต้องเดินกะเผลกไปตลอดทางจนกลับชั้นบน“นี่ก็ดึกมากแล้วนะ เดี๋ยวฉันจะไปส่งพวกหนูเข้านอนที่ห้องนะจ๊ะ ” หญิงสาวกับเด็กทั้งสองนั่งดูการ์ตูนในห้องสักพัก ก่อนที่เบียงก้าจะหันไปหาทั้งคู่ พี่ชายเงยหน้าขึ้นมองเธอแล้วพูดว่า “พวกเราไม่มีคีย์การ์ดเข้าห้องพักหรอกครับ” เรนนี่กอดเบียงก้าด้วยมือที่อวบอ้วนของเธอ ดวงตาของเธอปิดสนิท ตอนนี้เธอเกือบจะหลับสนิทแล้ว ถึงกระนั้น พวกเขาจะกลับเข้าห้องโดยไม่มีคีย์การ์ดได้อย่างไร? เบียงก้ารู้สึกงุนงงไม่น้อยเธอไม่รู้ว่าในวันนี้ ท่านประธานจะทำงานเสร็จเมื่อไหร่และกลับไปที่โรงแรมตอนไหน“ไปเรียกคุณดอยล์สิครับ” เบียงก้ามองไปที่เรนนี่ซึ่งหลับไปแล้ว เธอขยับตัวไม่ได้ เธอจึงต้องขอให้ลานี่หยิบโทรศัพท์ของเธอมาให้หน่อย ลานี่หยิบโทรศัพท์และส่งให้เบียงก้าเบียงก้าโทรหาเพื่อนร่วมงานและขอหมายเลขโทรศัพท์ของเจสัน ดอยล์ เจสันรับสายเร็วพ

    Last Updated : 2021-09-22
  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 10 ชายโฉด

    ภายไม่กี่วินาทีนั้น จิตใจของเบียงก้าก็ว่างเปล่า! เธอขมวดคิ้วและตำหนิตัวเองที่ใจอ่อน 'เบียงก้า อย่าลืมสิ เธอมีฌองอยู่แล้วนะ!' 'ฌองเป็นผู้ชายคนเดียวที่เธอจะมีอารมณ์ด้วยได้นะ!' “คุณอยู่กับผมแล้วนะ ทำไมคุณถึงได้คิดฟุ้งซ่าน!” เขากระชากเสื้อคลุมสีขาวของเธออออกอย่างแรง ความรู้สึกชุ่มชื้นและอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกแผ่ซ่านไปทั่วริมฝีปากของเธอ จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงและจูบลงบนเส้นผมของเธอ หลังจากผ่านเวลาไปอย่างยาวนาน เสียงต่ำของเขาก็พูดเข้าหูเธออย่างเย้ายวน เมื่อได้ยินเสียงต่ำของชายคนนั้น เบียงก้ากำลังจะอกแตกตาย! ลุคมีกลิ่นครีมอาบน้ำอันหอมหวน กลิ่นนั้นเป็นกลิ่นเดียวกับที่เธอใช้ นั่นหมายความว่าตอนที่อาบน้ำ ชายคนนี้เพิ่งใช้ครีมอาบน้ำของเธองั้นสิ เบียงก้ารู้ดีว่ามันอันตรายเพียงใดถ้าเธอไม่ขัดขืนตั้งแต่ตอนนี้ แต่แค่ออกแรงดิ้นยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ สิ่งที่เธอสามารถทำได้ในตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียว นั่นคือขอโทษเจ้านายของตนเสียก่อน เพราะเธอกำลังจะทำเรื่องที่ไม่น่าเคารพกับเขาเสียแล้ว แต่อย่างน้อยคงจะดีกว่าถ้าปล่อยให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างตอนนี้!ดวงตาของเบียงก้าเริ่มคุ้นชินกับความมืด และตอน

    Last Updated : 2021-09-22
  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 11 เสื้อผ้าของสามี

    เบียงก้าเดินกลับขึ้นไปชั้นบนพนักงานทำความสะอาดกำลังเก็บกวาดห้องพักของเธออยู่เบียงก้าค้อมศีรษะให้พนักงานทำความสะอาดอย่างสุภาพ ก่อนจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้า เธอเปิดมันออกแล้วหยิบเสื้อผ้าที่เธอรีดเมื่อคืนออกมาพนักงานสาวทำความสะอาดได้อย่างรวดเร็วตอนที่เบียงก้าล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้ว ทุกร่องรอยที่ลุค ครอว์ฟอร์ดทิ้งไว้ในห้องก็ถูกปัดกวาดจนเกลี้ยงเธอถอนหายใจอย่างโล่งอกสิบนาทีที่แล้ว ฌองส่งข้อความถึงเธอ “เบียงก้า ทีมของพี่ทำโครงการเสร็จหมดแล้วนะ พี่กำลังจะไปเมืองเอชบ่ายนี้ แล้วพรุ่งนี้เป็นวันหยุดพอดีด้วย พี่ว่าจะไปหาเธอที่โรงแรมสักหน่อย”เบียงก้าส่งข้อความกลับไป “ยอดไปเลยค่ะ เดี๋ยวฉันจะส่งที่อยู่ของโรงแรมไปให้นะ”ไม่รู้ว่าทำไม ตอนที่เธอมองไปรอบ ๆ ห้องที่ลุค ครอว์ฟอร์ดใช้เวลาอยู่ในนี้ทั้งคืนด้วยความรู้สึกผิดเล็ก ๆ ในใจตอนที่พนักงานทำความสะอาดห้องเสร็จ เธอเห็นว่าเบียงก้ายืนนิ่งงันพร้อมด้วยสีหน้าดูบึ้งตึงและว้าวุ่นใจ“เรียบร้อยแล้วค่ะ” พนักงานทำความสะอาดกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมถุงขยะในมืออยู่หน้าประตูเบียงก้าดึงสติตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณมากนะคะ”“ดิฉันวางชุดชั้นในที่ใช้แล้วไ

    Last Updated : 2021-09-23
  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 12 ลุค ครอว์ฟอร์ดไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย

    รถยนต์สองคันแล่นออกจากโรงแรมชื่อดัง จากนั้นมุ่งหน้ากลับไปยังโรงแรมที่พวกเขาพักอยู่เมื่อพวกเขามาถึงที่หมาย เบียงก้าก้าวออกจากรถซูก้าวตามลงมาที่หน้าประตูทางเข้า พวกเขาพบว่าเจสัน ดอยล์กำลังรออยู่ก่อนแล้ว เขาสวมชุดสูทที่ดูสง่าเข้าคู่กับรองเท้าหนังเป็นอย่างดี“สวัสดีค่ะ คุณดอยล์” เบียงก้าทักทายเจสันเหมือนอย่างที่ซูและคนอื่น ๆ ทำเจสันพยักหน้ารับคำทักทายของเบียงก้า หากแต่สายตาที่จ้องมองเธอเขม็งนั้นแตกต่างจากคนอื่นหลังจากที่เบียงก้าเดินเข้าไปถึงล็อบบี้ของโรงแรม เจสันก็ยังคงจ้องตามเธอไปอย่างนั้นเมื่อลุคลงมาจากรถ เขาก็สังเกตได้ถึงปฏิกิริยาที่ผิดปกติของเจสันลุคจ้องมองไปยังเจสัน กระทั่งเมื่อเจสันรู้สึกถึงความผิดปกตินั้นแล้ว เขาจึงหันกลับมามองเจ้านายอย่างแนบเนียนเขายืนตรงอย่างสูงสง่า ลุคสาวเท้าเข้าไปในโรงแรม น้ำเสียงเย็นยะเยือกเอ่ยขึ้น “คุณกำลังมองเธออยู่”ลุคพูดกับเจสันที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาเจสันใคร่ครวญอยู่ในใจว่าตัวเองควรจะตอบอะไรกลับไปหรือไม่ ไม่นานนักเขาก็ตัดสินใจที่จะเก็บงำสิ่งเหล่านั้นไว้กับตัวเอง “เปล่าครับ ผมเปล่า”แก้ตัวน้ำขุ่น ๆ !ลุคมองเจสันด้วยสายตาเคลือบแคลงมาก

    Last Updated : 2021-09-23

Latest chapter

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 207 ครอบครัวทั้งสี่คนนอนอยู่ด้วยกัน

    เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เบียงก้าจึงเปิดประตูอย่างแผ่วเบา เด็ก ๆ ยังคงนอนในห้องเล็ก ๆ ขนาดสามร้อยตารางฟุตใต้แสงจันทร์ แต่ตอนนี้ผู้ใหญ่สองคนกลับกอดกันอยู่ตรงประตู เบียงก้าต้องการหันหลังกลับและมุ่งหน้าเข้าไปในห้อง แต่ชายหนุ่มก็กอดร่างอันบอบบางของเธอไว้แน่นอย่างร้ายกาจ “อย่าทำอย่างนี้สิคะ เด็ก ๆ จะเห็นเราถ้าพวกเขาตื่น…” เธอเหนื่อยหอบในอ้อมแขนของลุค ลุคเป็นสัตว์ร้ายอยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่ยังเขาไม่ดื่ม แต่ตอนนี้เขาดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปแล้ว… เบียงก้าไม่อยากจะจินตนาการ เธอทำได้เพียงอธิษฐานว่าเขาจะไม่ดำดิ่งลงไป “ผมไม่บังคับคุณหรอกถ้าคุณไม่เต็มใจ คุณต้องบอกผมถ้าผมกำลังทำร้ายคุณอยู่ ต้องรีบบอกออกมาเลยนะ” ลุคเอาริมฝีปากบางและเย้ายวนของเขามาแนบใบหูของเธอ ก่อนจูบผิวที่ขาวเนียน เขาพยายามอย่างหนักที่จะระงับความอยากที่จะครอบงำเธอ เบียงก้าเงียบงันอยู่ในอ้อมแขนของเขา เธอรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มสัญญากับเธอ เธอคิดว่ามันน่าขันที่ลุคมักจะเป็นสัตว์ร้าย แต่เขาก็ยังเห็นอกเห็นใจมากขึ้นทั้งที่อยู่ในสภาพเมาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนในตอนที่พวกเขากอดกัน เรนนี่หลับใหลและพึมพำห

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 206 คุณเมารึเปล่า

    เบียงก้าส่ายหน้าอย่างงุ่มง่ามเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่เป็นไร เธอกังวลว่าใบหน้าที่บูดบึ้งของเขาอาจทำให้เด็กชายหวาดกลัว เธอจึงรีบขยับออกจากอ้อมแขนของเขาและพยักหน้าให้เขาเพื่อเป็นการขอบคุณ แขนของลุคว่างเปล่าในทันใด เขามองไปที่เบียงก้าซึ่งกำลังพาลูก ๆ ไปเล่นที่อื่นด้วยความห่วงใยและความไม่พอใจที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขา เขาไม่พอใจที่เบียงก้าตอบโต้เขาอย่างเย็นชาก่อนหน้านี้ แม้ว่าเขาจะคิดว่าเธอทำเช่นนั้นก็เพราะกลัวคนอื่นจะเห็น ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะอ้างตัวเธอว่าเป็นของเขาเองนั้นก็ทำให้เขาไม่พอใจด้วย เขาอยากจะเดินไปกอดเธอในอ้อมแขนและประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเบียงก้า เรย์นเป็นผู้หญิงของลุค ครอว์ฟอร์ขนาดไหนใครจะรู้! ไม่เพียงเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นยังให้กำเนิดลูกของเขาด้วย! ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่ถึงสอง! เบียงก้าก้มศีรษะลงที่เท้าของผู้บริหารเมืองเป็นการทักทาย แล้วก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีไปราวกับว่าเธอกำลังหลบหนี เธอกังวลว่าผู้บริหารเมืองจะเข้าใจผิด “ช่างอ่อนโยนและอบอุ่นเหลือเกินนะ ท่านประธานครอว์ฟอร์ด! เราก็ทานอาหารเย็นกันบ่อย ๆ ทำไมผมไม่เห็นด้านนั้นของคุณเลยล่ะ?” ผู้บริหารเมืองชายวัยกลางคนหัวเราะ

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 205 ลุคแสดงความรักต่อหน้าสาธารณชน

    “น้าบี… จริงเหรอคะ?” เรนนี่มองไปที่เบียงก้าด้วยแววตาลูกสุนัขที่มีน้ำตาเอ่อคลอ เบียงก้าก้มศีรษะลงจูบที่หน้าผากของเรนนี่ และขยี้ผมของเธอ “ไม่เลย น้าไม่เคยคิดว่าหนูน่ารำคาญเลยนะ” น้ำเสียงของเบียงก้าอาจจริงจังเกินไป ไม่เพียงแต่จะโน้มน้าวใจเด็กน้อยอย่างเต็มที่ แต่คำพูดของเธอยังทำให้เจสันซึ่งกำลังขับรถอยู่ตกใจไปด้วย เจสันถือว่าตัวเองเป็นคนที่ผ่านอะไรมามาก เขาเคยเห็นคนทุกประเภทตั้งแต่ผู้สูงศักดิ์และยิ่งใหญ่ไปจนถึงคนอนาถาและน่ารังเกียจ ในช่วงหลายปีที่ทำงานกับเจ้านายมา เขาคิดว่าเขาเชี่ยวชาญในการอ่านนิสัยของคนอื่นและสามารถบอกความจริงจากการโกหกได้อย่างง่ายดาย ในขณะนั้น เจสันไม่รู้สึกถึงคำโกหกใด ๆ จากปากของเบียงก้าเลย เขาอดไม่ได้ที่จะแอบมองเบียงก้าผ่านกระจกมองหลัง ครู่หนึ่ง เขาคิดว่าตัวเองกำลังเห็นแม่ผู้ให้กำเนิดเด็กทั้งสองคน... โรงพยาบาลในเมืองเอ เมื่อผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตื่นขึ้น เขาไม่เห็นแม้แต่หลานชายหรือเหลนทั้งสองคนของตัวเอง เขาเริ่มกังวลทันที อลิสันเข้ามาในนาทีนั้นและพยายามปลูกฝังความคิดในหัวของชายชรา “พ่อจะโทรไปถามลุคไหม?” “ฉันควรถามอะไรล่ะ?” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตอบกลับระหว่

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 204 เขาอยากครอบครองเธอใจจะขาด

    เบียงก้ากับแวนด้าขึ้นไปชั้นบนเพื่อคุยกันเป็นการส่วนตัว ลุคกำลังอยู่ในสายของการประชุมธุรกิจระหว่างประเทศ ขณะกำลังคุยโทรศัพท์ เขาสามารถเห็นได้จากท่าทางของคนทั้งสองว่าการสนทนาระหว่างเบียงก้าและแวนด้านั้นไม่ปกติ แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังพูดกันเท่าไหร่นัก เมื่อเขาวางสาย ลุคเห็นจากหางตาว่าเบียงก้าและแวนด้าหายตัวแถวหัวมุม “เธอบอกว่าเธอเป็นน้าของเบียงก้า” เจสันเข้ามารายงานสถานการณ์ตามความจริง ลุคหันไปสั่งเจสันว่า "ไปสืบประวัติของน้าคนนั้น" เจสันโค้งคำนับ ลุคมองเข้าไปทางหน้าต่างชั้นสองที่เปิดทิ้งไว้ เขายังคงนิ่งเฉยไม่แสดงออก แม้ว่าความต้องการของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในห้องบนชั้นสอง เบียงก้ารู้สึกเขินอาย ไม่เพียงเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับน้าที่เธอเคยได้ยินผ่านเรื่องเล่า แต่ยังเป็นเพราะเธอกลัวว่าน้าจะรับรู้ถึงฮอร์โมนเพศชายที่แผ่ซ่านไปทั่วห้อง เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองทำอะไรผิด แวนด้าเหลือบมองไปรอบ ๆ ห้องและถามด้วยความสงสัย “ผู้ชายที่ลงมาข้างล่างกับเธอ…” “เขาเป็นเจ้านายของฉัน” เบียงก้าตอบก่อนที่น้าของเธอจะถามคำถามเสร็จ เบียงก้ายังเด็กและไม่ค่อยรู้จักวิธี

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 203 ทำไมคุณถึงขี้อายนักเล่า ผมก็เห็นทุกอย่างไปหมดแล้วนิ

    เบียงก้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของการข่มใจที่เล็ดลอดออกมาจากร่างของชายผู้นั้น แม้ว่าเธอจะได้รับการเตือนว่าชายผู้นี้มีความรู้สึกตรงกันข้ามก็ตาม เขาน่ะหรือจะห้ามใจ มีแต่จะทำตามใจตัวเองมากกว่า หัวใจของเธอเต้นแรง และปากเริ่มมีน้ำลายสอ เมื่อนึกถึงสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงของชายหนุ่ม “คุณ… ออกไปรอข้างนอก… ฉันอาบน้ำเองได้ค่ะ” หลังจากระเริงไปหลายครั้งเมื่อคืน เบียงก้าอายเกินกว่าจะเงยหน้ามองเขา บ้านหลังเก่าที่รกร้างและมืดมิดนั้นทั้งอบอุ่นและร้อนแรงเพราะมีเขาอยู่ กลิ่นของความสกปรกและความชื้นส่งกลิ่นแรงอยู่ตรงหน้าบ้าน แม้ว่าชายผู้นั้นจะจุมพิตและหายใจแรง แต่เธอก็ได้ให้ทุกสิ่งแก่เขาไป ราวกับว่าเธอได้หลอมรวมตัวเองเข้ากับร่างกายที่เร่าร้อนของเขาไป จากนั้น ก็ร่วมรักกันในรถอีกรอบ เบียงก้าคิดว่าลุคเป็นปีศาจที่หิวกระหายเนื้อมนุษย์ ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนเขามักจะหิวโหยร่างกายของเธอเสมอ แต่ถึงกระนั้น เธอก็พลีกายให้เขาไปหลายครั้ง! โชคดีที่ความมืดมิดในยามค่ำคืนได้บดบังใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ เพื่อที่เธอจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดใจนักเมื่ออยู่กับเขาตามลำพัง แต่เธอไม่อาจหลบซ่อนมันจากการร่วมรักที

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 202 ตัณหาอันแรงกล้าในยามเช้าของลุค

    ชั้นล่างบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน เพื่อนร่วมงานบางคนซื้อซาลาเปาสำหรับการทำงานกะเช้า ในขณะที่เพื่อนร่วมงานหญิงกำลังเตรียมข้าวโอ๊ตอยู่ในครัว ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าข้าวโอ๊ตที่ซื้อจากร้านมีเนื้อหยาบเกินไป เป็นครั้งแรกที่ลูก ๆ ของเจ้านายลิ้มลองซาลาเปาแป้งทำมือจากเมืองเล็ก ๆ พวกเขารับประทานคนละสองชิ้น แต่เหมือนจะยังไม่พอ เรนนี่ยัดขนมปังเต็มปากแล้วกะพริบตาอย่างไร้เดียงสาใส่คุณลุงดอยล์ของเธอ ก่อนขอเพิ่มทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก “ทานช้า ๆ ก็ได้ครับ เดี๋ยวลุงจะไปซื้อมาเพิ่ม” เจสันขยี้ผมของเรนนี่ เมื่อเขาลุกขึ้น เขาหันไปหาเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ แล้วพูดว่า "ผมจะซื้อมาฝากทุกคนเหมือนกัน" ขนมปังไม่เพียงพอสำหรับทุกคน การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเจ้านาย ผู้ช่วย และลูกสองคนของเขาทำให้เพื่อนร่วมงานต้องแบ่งอาหารให้ ในเมืองกำลังพลุกพล่าน เจสันยืนอยู่หน้ารถขายอาหารและซื้อซาลาเปาใส่ไส้ไก่มากว่าสิบห้าชิ้น เมื่อเขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาและกำลังจะจ่าย เขาสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดทำงานแสนเรียบร้อยเดินเข้าไปในสนามหญ้าหน้าบ้าน เธอดูเหมือนจะอยู่ในวัยสามสิบ "ชิ้นละ 1.80 เหรียญ ซื้อ 15 ชิ้นก็เป

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 201 เจ้านายเอาใจใส่ภรรยาของลูกพี่ลูกน้องมากเลยนะ

    รถลีมูซีนเบนท์ลีย์สีดำไม่ได้ขับรถเข้ามาในสนามหญ้าหน้าบ้านแต่กลับจอดอยู่ด้านนอกแทน ลุคไม่ได้ขับรถมาเอง หลังจากที่เจสันจอดรถแล้ว เขาก็ออกไปเปิดประตูเบาะหลัง เจ้านายและลูกน้อยสองคนก้าวออกมา เหมือนเช่นเคย ลุคแต่งตัวอย่างไร้ที่ติในชุดสูทมาดธุรกิจและรองเท้าหนัง ทว่าจากใบหน้าของเขาสามารถบอกได้ง่าย ๆ ว่าเขามีชีวิตชีวามากกว่าปกติราวกับว่าเพิ่งได้ยินข่าวดีมา เรนนี่อยู่ในอ้อมแขนของพ่อ เธอได้กลิ่นโคโลญจน์ของเขา ขณะที่ลานี่วิ่งอย่างตื่นเต้นไปที่สนามหญ้าหน้าบ้านพร้อมกับสะพายกระเป๋าเป้อยู่ “สวัสดีค่ะ พ่อหนุ่มน้อยรูปหล่อ!” เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งทักทายลูกชายของเจ้านาย 'ทริปนี้คุ้มมาก!’ 'สิ่งอำนวยความสะดวกอาจจะไม่ดีเท่าในเมือง แต่ได้เห็นหน้าเจ้านาย และลูกชายกับลูกสาวที่น่ารักของเขาก็พอแล้ว!’ 'ช่างมีความสุขเหลือเกิน!' ลานี่มองไปรอบ ๆ ฝูงชนแต่ไม่พบคุณน้าบีเลย แต่เขาก็ไม่ลืมมารยาทและทักทายกลับว่า “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณคนสวย!” เพื่อนร่วมงานหญิงที่ถูกเรียกว่า "คุณคนสวย" ยิ้มกว้าง โจพร้อมทำหน้าที่และพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมสิ่งต่าง ๆ ให้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เขาก้าวไปข้างหน้าแล

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 200 ทำไมเจ้านายถึงมาเร็วจังล่ะ

    เบียงก้าระงับเสียงครางเอาไว้ ร่างกายของเธอเกร็ง ขณะกำผ้าม่านตรงหน้าแน่น... ม่านไม่ได้ยึดอย่างแน่นหนา ขณะที่ชายที่อยู่ข้างหลังเธอเคลื่อนเข้าไปหาเธออีกนิ้ว เธออ้าปากค้าง และจิตใจว่างเปล่า ผ้าม่านหลุดลง... "ใจเย็น" ลุคก้มศีรษะลงและจูบต้นคอของเธอ ผิวขาวภายใต้แสงจันทร์ดูเรียบเนียนและอ่อนโยน การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าอย่างจงใจ ปากของเขาทิ้งร่องรอยต่าง ๆ ไว้บนร่างกายของเธอ “อา… อืม…” เธอไม่สามารถต้านทานริมฝีปากและเรียวลิ้นที่บุกรุกเข้ามาได้ เบียงก้าเชยคางและทิ้งตัวบนหน้าต่าง ชายที่อยู่ข้างหลังเธอยังคงดันนิ้วเข้าไปทีละนิ้วราวกับเขาถูกปีศาจสิง เธอรู้สึกได้ว่าการหายใจของเธอเริ่มหนักขึ้น เธอหายใจถี่และลึกขึ้นเพื่อจะได้หายใจหายคอสะดวกขึ้น อากาศก็เริ่มเย็นลง ตอนที่เบียงก้าลืมตาขึ้น เธอมองเห็นหน้าต่างที่มีฝ้าขึ้นจากลมหายใจของเธอ ความรู้สึกไม่สบายกายเกิดขึ้นเพียงห้านาทีและกลายเป็นความเลื่อนลอย... มันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นเมื่อห้าปีที่แล้วที่เธอเคยชินกับการปรากฏตัวของชายคนนั้น หรือในปีนี้ที่เธอได้ติดต่อกับชายคนนั้นที่โรงแรม เธอก็รู้สึกสั่นสะท้านเช่นเดียวกัน… มื

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 199 เธอกลายเป็นผู้หญิงของลุค ครอว์ฟอร์ด

    เธอไม่อาจต้านทานจุมพิตอันเร่าร้อนของชายผู้นี้ไม่ได้ บนใบหน้าของพวกเขา กลิ่นของทั้งสองเป็นเหมือนกับสิ่งที่คุ้นเคยแต่แปลกใหม่ อาจเป็นเพราะพวกเขาเกือบเสร็จกิจเมื่อเช้านี้เอง และตอนนี้พวกเขาก็มีโอกาสอีกครั้ง ลุครู้สึกราวกับว่าตัวเองได้แปลงร่างเป็นสัตว์ร้ายที่หิวกระหาย ความปรารถนาที่ไม่ลดละของเขาบดขยี้ริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอ แม้ว่าเขาจะไม่ลดความรุนแรงลง เขาสามารถรับรู้ได้ถึงความทรมานจากเสียงครางของเธอ เขาอยากจะกลืนกินร่างที่เขาหิวโหยไป ชายหนุ่มดูราวกับเด็กที่เพิ่งได้ลองชิมขนมเป็นครั้งแรก เขาปรารถนาร่างกายของเธอมานานแล้ว จนเมื่อเช้าที่เขาได้มีโอกาสได้ลิ้มรสความหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของมัน เมื่อได้รับขนมอร่อย ๆ เด็กที่ไหนก็เหมือนกันหมด พวกเขาจะแกะมันออกจากห่ออย่างตะกละตะกลาม แล้วเอาเข้าปาก ก่อนใช้ความอบอุ่นและน้ำลายละลายพวกมัน พวกเขาอาจจะอ่อนโยนหรือรุนแรง ก็แล้วแต่ระดับความกระหายของคนเป็นเจ้าของ... ลุคกับเบียงก้า เปรียบได้กับเด็กตะกละกับขนมอร่อย ... “อืมมม…” ร่างของเบียงก้าอ่อนยวบเมื่อลุคกอดเธอในอ้อมแขนจนแน่น ช่องปากของเขาอุ่นชื้น เธอจมดิ่งลงไปในจูบอันป่าเถื่อนของเขา… เธอกำ

DMCA.com Protection Status