ห้าปีผ่านไปเมื่อเบียงก้าก้าวกลับเข้าสู่เมืองเอที่คนพลุกพล่านอีกครั้ง เธอจากเมืองนี้ไปได้เกือบสองพันวัน แต่กลับไม่ได้รู้สึกนานแต่อย่างใด รวมถึงไม่ได้มีอะไรแปลกไปเสียด้วยซ้ำ ย้อนกลับไปตอนนั้น เธอไร้ซึ่งหนทาง และถูกโชคชะตาผลักไสอย่างไร้ปราณีณ ตอนนี้ เธอต้องการยืนหยัดด้วยกำลังของตนและต้องการเลือกทางเดินของชีวิตด้วยตนเอง ดวงตะวันสาดส่องลงมา “บี ทางนี้” นีน่าลดกระจกรถลง และโบกมือให้เบียงก้าที่กำลังเดินออกจากชานเมือง เวลาผ่านไปแล้วห้าปี พวกเขาไม่ใช่เด็กผู้หญิงไร้เดียงสาที่อายุสิบแปดสิบเก้าอีกต่อไป เบียงก้าและฌองเดินกลับสู่บ้านเกิดเมื่อวานนี้ และนีน่าเป็นคนที่ไปรับทั้งสองที่สนามบิน คืนนั้น ฌองพาเบียงก้ากลับไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้านของตระกูลแลงดอน พ่อกับแม่ของฌองหลงใหลได้ปลื้มตัวเบียงก้าในฐานะลูกสะใภ้ในอนาคตไม่น้อย ในเช้าวันนั้น ฌองต้องการไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทกับเบียงก้า แต่มีบางอย่างเกิดขึ้น เขาเลยไม่สามารถไปพร้อมกับเธอได้ เบียงก้าขึ้นรถของนีน่า และนั่งในที่นั่งผู้โดยสารพร้อมคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย“เธอรู้ไหมว่าเมื่อคืนแม่ฉันพูดว่าอะไร หลังจากที่เธอออกไปกับพี่ฌองน
สิบนาทีต่อมา การสัมภาษณ์ของฌองก็เสร็จสิ้น เขาเปิดประตูและเดินออกไป เบียงก้ายืนขึ้นในทันที “เป็นยังไงบ้างคะ?” “กรรมการที่สัมภาษณ์ถามคำถามยากมาก แต่มันก็ไม่ใช่อะไรที่พี่รับมือไม่ได้นะ” ฌองก้มตัวลงไปจูบที่หน้าผากของเบียงก้า เบียงก้าถอนหายใจด้วยความโล่งอก“คนต่อไปค่ะ เบียงก้า เรย์น” เลขาสาวประกาศเรียก เบียงก้ารีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและเดินเข้าไปในห้องอย่างกังวล วินาทีที่เธอเดินเข้ามาในห้อง ลุคจ้องมองเธอด้วยแววตาอันสับสนเบียงก้านั่งลงอย่างเรียบร้อย และเงยหน้าขึ้นมาสบตาผู้ให้สัมภาษณ์ทีละคน หลังจากนั้น เธอแนะนำตัวสั้น ๆ "สวัสดีค่ะ ทุกท่าน ก่อนอื่นเลย ขอพระขอบคุณที่ให้โอกาสดิฉันได้เข้าร่วมการสัมภาษณ์ครั้งนี้ ดิฉันชื่อเบียงก้า เรย์นค่ะ” เนื่องจากเธอตัดสินใจกลับประเทศนี้และหางานทำที่นี่ บริษัทที่เธอต้องการไปสัมภาษณ์ผุดขึ้นมาในความคิดมากมาย อาจไม่ใช่วิธีที่สร้างสรรค์ที่สุดในการเริ่มต้น แต่ก็สมบูรณ์เพียงพอและไร้ปัญหาใด ๆ การสัมภาษณ์ดำเนินต่อไป ลุคประเมินเธอด้วยสายตาที่เย็นชา บางที การจ้องมองของเขาอาจดูเฉียบแหลมเกินไป แม้ว่าเบียงก้าจะสามารถตอบคำถามของในการสัมภาษณ์ทั้งห
เบียงก้าเดินออกจากห้อง ลุคก็พลันวางพิมพ์เขียวที่อยู่ในมือ เขาลุกขึ้นยืนและเดินออกจากโต๊ะทำงานไปยังตู้เก็บไวน์แทน ตรงนั้น เขาหยิบแก้วออกมาและรินไวน์ลงไปครึ่งหนึ่งด้วยท่าทีหงุดหงิดเล็กน้อยช่างเป็นตัณหาที่เย้ายวนเสียจริง! ตอนที่เบียงก้าออกจากบริษัท ก็เป็นเวลาที่ดึกมากเลยทีเดียว แต่โชคดีที่ยังมีรถไฟขบวนสุดท้ายที่จะพาเธอกลับบ้านได้ เมื่อกลับมาถึงบ้าน สิ่งแรกที่เธอทำคือตอบกลับข้อความของฌองบนวีแชทหลังจากนั้น เธอดึงกระเป๋าเดินทางออกมา และเริ่มจัดของที่เธอจำเป็นต้องใช้สำหรับการเดินทางในวันพรุ่งนี้ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น สายเรียกเข้านั้นคือฌอง“นี่พี่ยังไม่นอนอีกเหรอคะ? ฉันคิดว่าฉันบอกพี่ไปแล้วนะว่าแทนที่โทรหาฉันแบบนี้ ให้พี่พักผ่อนแต่หัวค่ำน่ะ” เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เบียงก้ากล่าวด้วยความกังวล “พี่ยังทำงานไม่เสร็จเลย พี่ก็เลยเอาของกลับไปที่ห้องพักในโรงแรมเพื่อทำงานต่อน่ะสิ” ฌองเอ่ยถามต่อ “พี่เห็นข้อความของเธอก่อนหน้านี้แล้ว ทำไมเธอถึงต้องออกไปข้างนอกด้วยละ? ไปกับใครเหรอ?” “ฉันยังไม่รู้ว่าใครเลยค่ะ ต้องรอพรุ่งนี้เช้าเลยแหละถึงจะรู้” เบียงก้าตอบกลับ “ถ้าเป็นคนที่ไป
เบียงก้าไม่กล้าพูดอะไรอีกเลย จากที่เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองเธอกาลเวลาผ่านไปเด็กชายพูดว่า “ผมว่าดูน่าอึดอัดครับ” น้องสาวตัวน้อยพยักพยักหน้าเบียงก้า “….” “คุณผู้หญิงครับ โทรหาพ่อของผมตอนนี้เลยเถอะ และบอกเขาด้วยว่าคุณไม่ต้องการดูแลพวกเราสองคนแล้ว” เด็กชายกล่าวเด็กชายตัวเล็ก ๆ ดูค่อนที่จะไม่เป็นมิตรกับเธอสักเท่าไหร่ “ฉันไม่เคยบอกเลยนะว่าไม่อยากดูแลพวกหนูน่ะ” เธอต้องอธิบายให้ชัดเจน เธอจะกล้าพูดว่าเธอไม่ต้องการดูแลลูก ๆ ของเจ้านายได้อย่างไรกัน? เจ้านายคงจะจัดการเธอจนกลายเป็นอาหารกลางวันเป็นแน่“ในเมื่อต้องการจะดูแลเราสองคนจริง ๆ คุณควรทำเหมือนที่คุณพูดสิครับ” เห็นได้ชัดว่าเด็กชายไม่ชอบบรรยากาศที่เงียบ ๆ แบบนี้ ผู้หญิงคนนี้ดูซื่อบื้อกว่าคนอื่น ๆ มากเบียงก้า “…”เป็นความผิดพลาดของเธอเองสินะที่ออกจากบ้านมาโดยที่ไม่ดูตาม้าตาเรือเสียก่อน ถึงได้มาเจอเรื่องเช่นนี้ “มากับหนูหน่อยค่ะ พี่ชาย” เด็กหญิงตัวเล็กบอกได้ว่าสีหน้าของป้าคนนี้เริ่มไม่พอใจ และเธอก็ลากพี่ชายออกไปด้วยความขุ่นเคือง เบียงก้าถอนหายใจยาว มองดูเด็กน้อยสองคนเดินหายไปทางประตูห้องน้ำ ภายในห้องน้ำน้องสาวเอ่ยถา
ในตอนนี้เรนนี่ตัวน้อยมีความสุขอย่างน่าเหลือเชื่อ เธอได้แอบกินไก่ทอดลับหลังพ่อระหว่างทางกลับห้องเรนนี่ ยังคงเกาะติดเบียงก้ากอดขาเธอราวกับเป็นโคอาล่าเกาะต้นไม้ มันค่อนข้างยากสำหรับเบียงก้าที่จะเดินโดยมีเด็กน้อยเกาะอยู่ที่ขาของเธอ เธอต้องเดินกะเผลกไปตลอดทางจนกลับชั้นบน“นี่ก็ดึกมากแล้วนะ เดี๋ยวฉันจะไปส่งพวกหนูเข้านอนที่ห้องนะจ๊ะ ” หญิงสาวกับเด็กทั้งสองนั่งดูการ์ตูนในห้องสักพัก ก่อนที่เบียงก้าจะหันไปหาทั้งคู่ พี่ชายเงยหน้าขึ้นมองเธอแล้วพูดว่า “พวกเราไม่มีคีย์การ์ดเข้าห้องพักหรอกครับ” เรนนี่กอดเบียงก้าด้วยมือที่อวบอ้วนของเธอ ดวงตาของเธอปิดสนิท ตอนนี้เธอเกือบจะหลับสนิทแล้ว ถึงกระนั้น พวกเขาจะกลับเข้าห้องโดยไม่มีคีย์การ์ดได้อย่างไร? เบียงก้ารู้สึกงุนงงไม่น้อยเธอไม่รู้ว่าในวันนี้ ท่านประธานจะทำงานเสร็จเมื่อไหร่และกลับไปที่โรงแรมตอนไหน“ไปเรียกคุณดอยล์สิครับ” เบียงก้ามองไปที่เรนนี่ซึ่งหลับไปแล้ว เธอขยับตัวไม่ได้ เธอจึงต้องขอให้ลานี่หยิบโทรศัพท์ของเธอมาให้หน่อย ลานี่หยิบโทรศัพท์และส่งให้เบียงก้าเบียงก้าโทรหาเพื่อนร่วมงานและขอหมายเลขโทรศัพท์ของเจสัน ดอยล์ เจสันรับสายเร็วพ
ภายไม่กี่วินาทีนั้น จิตใจของเบียงก้าก็ว่างเปล่า! เธอขมวดคิ้วและตำหนิตัวเองที่ใจอ่อน 'เบียงก้า อย่าลืมสิ เธอมีฌองอยู่แล้วนะ!' 'ฌองเป็นผู้ชายคนเดียวที่เธอจะมีอารมณ์ด้วยได้นะ!' “คุณอยู่กับผมแล้วนะ ทำไมคุณถึงได้คิดฟุ้งซ่าน!” เขากระชากเสื้อคลุมสีขาวของเธออออกอย่างแรง ความรู้สึกชุ่มชื้นและอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกแผ่ซ่านไปทั่วริมฝีปากของเธอ จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงและจูบลงบนเส้นผมของเธอ หลังจากผ่านเวลาไปอย่างยาวนาน เสียงต่ำของเขาก็พูดเข้าหูเธออย่างเย้ายวน เมื่อได้ยินเสียงต่ำของชายคนนั้น เบียงก้ากำลังจะอกแตกตาย! ลุคมีกลิ่นครีมอาบน้ำอันหอมหวน กลิ่นนั้นเป็นกลิ่นเดียวกับที่เธอใช้ นั่นหมายความว่าตอนที่อาบน้ำ ชายคนนี้เพิ่งใช้ครีมอาบน้ำของเธองั้นสิ เบียงก้ารู้ดีว่ามันอันตรายเพียงใดถ้าเธอไม่ขัดขืนตั้งแต่ตอนนี้ แต่แค่ออกแรงดิ้นยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ สิ่งที่เธอสามารถทำได้ในตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียว นั่นคือขอโทษเจ้านายของตนเสียก่อน เพราะเธอกำลังจะทำเรื่องที่ไม่น่าเคารพกับเขาเสียแล้ว แต่อย่างน้อยคงจะดีกว่าถ้าปล่อยให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างตอนนี้!ดวงตาของเบียงก้าเริ่มคุ้นชินกับความมืด และตอน
เบียงก้าเดินกลับขึ้นไปชั้นบนพนักงานทำความสะอาดกำลังเก็บกวาดห้องพักของเธออยู่เบียงก้าค้อมศีรษะให้พนักงานทำความสะอาดอย่างสุภาพ ก่อนจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้า เธอเปิดมันออกแล้วหยิบเสื้อผ้าที่เธอรีดเมื่อคืนออกมาพนักงานสาวทำความสะอาดได้อย่างรวดเร็วตอนที่เบียงก้าล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้ว ทุกร่องรอยที่ลุค ครอว์ฟอร์ดทิ้งไว้ในห้องก็ถูกปัดกวาดจนเกลี้ยงเธอถอนหายใจอย่างโล่งอกสิบนาทีที่แล้ว ฌองส่งข้อความถึงเธอ “เบียงก้า ทีมของพี่ทำโครงการเสร็จหมดแล้วนะ พี่กำลังจะไปเมืองเอชบ่ายนี้ แล้วพรุ่งนี้เป็นวันหยุดพอดีด้วย พี่ว่าจะไปหาเธอที่โรงแรมสักหน่อย”เบียงก้าส่งข้อความกลับไป “ยอดไปเลยค่ะ เดี๋ยวฉันจะส่งที่อยู่ของโรงแรมไปให้นะ”ไม่รู้ว่าทำไม ตอนที่เธอมองไปรอบ ๆ ห้องที่ลุค ครอว์ฟอร์ดใช้เวลาอยู่ในนี้ทั้งคืนด้วยความรู้สึกผิดเล็ก ๆ ในใจตอนที่พนักงานทำความสะอาดห้องเสร็จ เธอเห็นว่าเบียงก้ายืนนิ่งงันพร้อมด้วยสีหน้าดูบึ้งตึงและว้าวุ่นใจ“เรียบร้อยแล้วค่ะ” พนักงานทำความสะอาดกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมถุงขยะในมืออยู่หน้าประตูเบียงก้าดึงสติตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณมากนะคะ”“ดิฉันวางชุดชั้นในที่ใช้แล้วไ
รถยนต์สองคันแล่นออกจากโรงแรมชื่อดัง จากนั้นมุ่งหน้ากลับไปยังโรงแรมที่พวกเขาพักอยู่เมื่อพวกเขามาถึงที่หมาย เบียงก้าก้าวออกจากรถซูก้าวตามลงมาที่หน้าประตูทางเข้า พวกเขาพบว่าเจสัน ดอยล์กำลังรออยู่ก่อนแล้ว เขาสวมชุดสูทที่ดูสง่าเข้าคู่กับรองเท้าหนังเป็นอย่างดี“สวัสดีค่ะ คุณดอยล์” เบียงก้าทักทายเจสันเหมือนอย่างที่ซูและคนอื่น ๆ ทำเจสันพยักหน้ารับคำทักทายของเบียงก้า หากแต่สายตาที่จ้องมองเธอเขม็งนั้นแตกต่างจากคนอื่นหลังจากที่เบียงก้าเดินเข้าไปถึงล็อบบี้ของโรงแรม เจสันก็ยังคงจ้องตามเธอไปอย่างนั้นเมื่อลุคลงมาจากรถ เขาก็สังเกตได้ถึงปฏิกิริยาที่ผิดปกติของเจสันลุคจ้องมองไปยังเจสัน กระทั่งเมื่อเจสันรู้สึกถึงความผิดปกตินั้นแล้ว เขาจึงหันกลับมามองเจ้านายอย่างแนบเนียนเขายืนตรงอย่างสูงสง่า ลุคสาวเท้าเข้าไปในโรงแรม น้ำเสียงเย็นยะเยือกเอ่ยขึ้น “คุณกำลังมองเธออยู่”ลุคพูดกับเจสันที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาเจสันใคร่ครวญอยู่ในใจว่าตัวเองควรจะตอบอะไรกลับไปหรือไม่ ไม่นานนักเขาก็ตัดสินใจที่จะเก็บงำสิ่งเหล่านั้นไว้กับตัวเอง “เปล่าครับ ผมเปล่า”แก้ตัวน้ำขุ่น ๆ !ลุคมองเจสันด้วยสายตาเคลือบแคลงมาก
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เบียงก้าจึงเปิดประตูอย่างแผ่วเบา เด็ก ๆ ยังคงนอนในห้องเล็ก ๆ ขนาดสามร้อยตารางฟุตใต้แสงจันทร์ แต่ตอนนี้ผู้ใหญ่สองคนกลับกอดกันอยู่ตรงประตู เบียงก้าต้องการหันหลังกลับและมุ่งหน้าเข้าไปในห้อง แต่ชายหนุ่มก็กอดร่างอันบอบบางของเธอไว้แน่นอย่างร้ายกาจ “อย่าทำอย่างนี้สิคะ เด็ก ๆ จะเห็นเราถ้าพวกเขาตื่น…” เธอเหนื่อยหอบในอ้อมแขนของลุค ลุคเป็นสัตว์ร้ายอยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่ยังเขาไม่ดื่ม แต่ตอนนี้เขาดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปแล้ว… เบียงก้าไม่อยากจะจินตนาการ เธอทำได้เพียงอธิษฐานว่าเขาจะไม่ดำดิ่งลงไป “ผมไม่บังคับคุณหรอกถ้าคุณไม่เต็มใจ คุณต้องบอกผมถ้าผมกำลังทำร้ายคุณอยู่ ต้องรีบบอกออกมาเลยนะ” ลุคเอาริมฝีปากบางและเย้ายวนของเขามาแนบใบหูของเธอ ก่อนจูบผิวที่ขาวเนียน เขาพยายามอย่างหนักที่จะระงับความอยากที่จะครอบงำเธอ เบียงก้าเงียบงันอยู่ในอ้อมแขนของเขา เธอรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มสัญญากับเธอ เธอคิดว่ามันน่าขันที่ลุคมักจะเป็นสัตว์ร้าย แต่เขาก็ยังเห็นอกเห็นใจมากขึ้นทั้งที่อยู่ในสภาพเมาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนในตอนที่พวกเขากอดกัน เรนนี่หลับใหลและพึมพำห
เบียงก้าส่ายหน้าอย่างงุ่มง่ามเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่เป็นไร เธอกังวลว่าใบหน้าที่บูดบึ้งของเขาอาจทำให้เด็กชายหวาดกลัว เธอจึงรีบขยับออกจากอ้อมแขนของเขาและพยักหน้าให้เขาเพื่อเป็นการขอบคุณ แขนของลุคว่างเปล่าในทันใด เขามองไปที่เบียงก้าซึ่งกำลังพาลูก ๆ ไปเล่นที่อื่นด้วยความห่วงใยและความไม่พอใจที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขา เขาไม่พอใจที่เบียงก้าตอบโต้เขาอย่างเย็นชาก่อนหน้านี้ แม้ว่าเขาจะคิดว่าเธอทำเช่นนั้นก็เพราะกลัวคนอื่นจะเห็น ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะอ้างตัวเธอว่าเป็นของเขาเองนั้นก็ทำให้เขาไม่พอใจด้วย เขาอยากจะเดินไปกอดเธอในอ้อมแขนและประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเบียงก้า เรย์นเป็นผู้หญิงของลุค ครอว์ฟอร์ขนาดไหนใครจะรู้! ไม่เพียงเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นยังให้กำเนิดลูกของเขาด้วย! ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่ถึงสอง! เบียงก้าก้มศีรษะลงที่เท้าของผู้บริหารเมืองเป็นการทักทาย แล้วก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีไปราวกับว่าเธอกำลังหลบหนี เธอกังวลว่าผู้บริหารเมืองจะเข้าใจผิด “ช่างอ่อนโยนและอบอุ่นเหลือเกินนะ ท่านประธานครอว์ฟอร์ด! เราก็ทานอาหารเย็นกันบ่อย ๆ ทำไมผมไม่เห็นด้านนั้นของคุณเลยล่ะ?” ผู้บริหารเมืองชายวัยกลางคนหัวเราะ
“น้าบี… จริงเหรอคะ?” เรนนี่มองไปที่เบียงก้าด้วยแววตาลูกสุนัขที่มีน้ำตาเอ่อคลอ เบียงก้าก้มศีรษะลงจูบที่หน้าผากของเรนนี่ และขยี้ผมของเธอ “ไม่เลย น้าไม่เคยคิดว่าหนูน่ารำคาญเลยนะ” น้ำเสียงของเบียงก้าอาจจริงจังเกินไป ไม่เพียงแต่จะโน้มน้าวใจเด็กน้อยอย่างเต็มที่ แต่คำพูดของเธอยังทำให้เจสันซึ่งกำลังขับรถอยู่ตกใจไปด้วย เจสันถือว่าตัวเองเป็นคนที่ผ่านอะไรมามาก เขาเคยเห็นคนทุกประเภทตั้งแต่ผู้สูงศักดิ์และยิ่งใหญ่ไปจนถึงคนอนาถาและน่ารังเกียจ ในช่วงหลายปีที่ทำงานกับเจ้านายมา เขาคิดว่าเขาเชี่ยวชาญในการอ่านนิสัยของคนอื่นและสามารถบอกความจริงจากการโกหกได้อย่างง่ายดาย ในขณะนั้น เจสันไม่รู้สึกถึงคำโกหกใด ๆ จากปากของเบียงก้าเลย เขาอดไม่ได้ที่จะแอบมองเบียงก้าผ่านกระจกมองหลัง ครู่หนึ่ง เขาคิดว่าตัวเองกำลังเห็นแม่ผู้ให้กำเนิดเด็กทั้งสองคน... โรงพยาบาลในเมืองเอ เมื่อผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตื่นขึ้น เขาไม่เห็นแม้แต่หลานชายหรือเหลนทั้งสองคนของตัวเอง เขาเริ่มกังวลทันที อลิสันเข้ามาในนาทีนั้นและพยายามปลูกฝังความคิดในหัวของชายชรา “พ่อจะโทรไปถามลุคไหม?” “ฉันควรถามอะไรล่ะ?” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตอบกลับระหว่
เบียงก้ากับแวนด้าขึ้นไปชั้นบนเพื่อคุยกันเป็นการส่วนตัว ลุคกำลังอยู่ในสายของการประชุมธุรกิจระหว่างประเทศ ขณะกำลังคุยโทรศัพท์ เขาสามารถเห็นได้จากท่าทางของคนทั้งสองว่าการสนทนาระหว่างเบียงก้าและแวนด้านั้นไม่ปกติ แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังพูดกันเท่าไหร่นัก เมื่อเขาวางสาย ลุคเห็นจากหางตาว่าเบียงก้าและแวนด้าหายตัวแถวหัวมุม “เธอบอกว่าเธอเป็นน้าของเบียงก้า” เจสันเข้ามารายงานสถานการณ์ตามความจริง ลุคหันไปสั่งเจสันว่า "ไปสืบประวัติของน้าคนนั้น" เจสันโค้งคำนับ ลุคมองเข้าไปทางหน้าต่างชั้นสองที่เปิดทิ้งไว้ เขายังคงนิ่งเฉยไม่แสดงออก แม้ว่าความต้องการของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในห้องบนชั้นสอง เบียงก้ารู้สึกเขินอาย ไม่เพียงเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับน้าที่เธอเคยได้ยินผ่านเรื่องเล่า แต่ยังเป็นเพราะเธอกลัวว่าน้าจะรับรู้ถึงฮอร์โมนเพศชายที่แผ่ซ่านไปทั่วห้อง เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองทำอะไรผิด แวนด้าเหลือบมองไปรอบ ๆ ห้องและถามด้วยความสงสัย “ผู้ชายที่ลงมาข้างล่างกับเธอ…” “เขาเป็นเจ้านายของฉัน” เบียงก้าตอบก่อนที่น้าของเธอจะถามคำถามเสร็จ เบียงก้ายังเด็กและไม่ค่อยรู้จักวิธี
เบียงก้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของการข่มใจที่เล็ดลอดออกมาจากร่างของชายผู้นั้น แม้ว่าเธอจะได้รับการเตือนว่าชายผู้นี้มีความรู้สึกตรงกันข้ามก็ตาม เขาน่ะหรือจะห้ามใจ มีแต่จะทำตามใจตัวเองมากกว่า หัวใจของเธอเต้นแรง และปากเริ่มมีน้ำลายสอ เมื่อนึกถึงสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงของชายหนุ่ม “คุณ… ออกไปรอข้างนอก… ฉันอาบน้ำเองได้ค่ะ” หลังจากระเริงไปหลายครั้งเมื่อคืน เบียงก้าอายเกินกว่าจะเงยหน้ามองเขา บ้านหลังเก่าที่รกร้างและมืดมิดนั้นทั้งอบอุ่นและร้อนแรงเพราะมีเขาอยู่ กลิ่นของความสกปรกและความชื้นส่งกลิ่นแรงอยู่ตรงหน้าบ้าน แม้ว่าชายผู้นั้นจะจุมพิตและหายใจแรง แต่เธอก็ได้ให้ทุกสิ่งแก่เขาไป ราวกับว่าเธอได้หลอมรวมตัวเองเข้ากับร่างกายที่เร่าร้อนของเขาไป จากนั้น ก็ร่วมรักกันในรถอีกรอบ เบียงก้าคิดว่าลุคเป็นปีศาจที่หิวกระหายเนื้อมนุษย์ ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนเขามักจะหิวโหยร่างกายของเธอเสมอ แต่ถึงกระนั้น เธอก็พลีกายให้เขาไปหลายครั้ง! โชคดีที่ความมืดมิดในยามค่ำคืนได้บดบังใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ เพื่อที่เธอจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดใจนักเมื่ออยู่กับเขาตามลำพัง แต่เธอไม่อาจหลบซ่อนมันจากการร่วมรักที
ชั้นล่างบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน เพื่อนร่วมงานบางคนซื้อซาลาเปาสำหรับการทำงานกะเช้า ในขณะที่เพื่อนร่วมงานหญิงกำลังเตรียมข้าวโอ๊ตอยู่ในครัว ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าข้าวโอ๊ตที่ซื้อจากร้านมีเนื้อหยาบเกินไป เป็นครั้งแรกที่ลูก ๆ ของเจ้านายลิ้มลองซาลาเปาแป้งทำมือจากเมืองเล็ก ๆ พวกเขารับประทานคนละสองชิ้น แต่เหมือนจะยังไม่พอ เรนนี่ยัดขนมปังเต็มปากแล้วกะพริบตาอย่างไร้เดียงสาใส่คุณลุงดอยล์ของเธอ ก่อนขอเพิ่มทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก “ทานช้า ๆ ก็ได้ครับ เดี๋ยวลุงจะไปซื้อมาเพิ่ม” เจสันขยี้ผมของเรนนี่ เมื่อเขาลุกขึ้น เขาหันไปหาเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ แล้วพูดว่า "ผมจะซื้อมาฝากทุกคนเหมือนกัน" ขนมปังไม่เพียงพอสำหรับทุกคน การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเจ้านาย ผู้ช่วย และลูกสองคนของเขาทำให้เพื่อนร่วมงานต้องแบ่งอาหารให้ ในเมืองกำลังพลุกพล่าน เจสันยืนอยู่หน้ารถขายอาหารและซื้อซาลาเปาใส่ไส้ไก่มากว่าสิบห้าชิ้น เมื่อเขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาและกำลังจะจ่าย เขาสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดทำงานแสนเรียบร้อยเดินเข้าไปในสนามหญ้าหน้าบ้าน เธอดูเหมือนจะอยู่ในวัยสามสิบ "ชิ้นละ 1.80 เหรียญ ซื้อ 15 ชิ้นก็เป
รถลีมูซีนเบนท์ลีย์สีดำไม่ได้ขับรถเข้ามาในสนามหญ้าหน้าบ้านแต่กลับจอดอยู่ด้านนอกแทน ลุคไม่ได้ขับรถมาเอง หลังจากที่เจสันจอดรถแล้ว เขาก็ออกไปเปิดประตูเบาะหลัง เจ้านายและลูกน้อยสองคนก้าวออกมา เหมือนเช่นเคย ลุคแต่งตัวอย่างไร้ที่ติในชุดสูทมาดธุรกิจและรองเท้าหนัง ทว่าจากใบหน้าของเขาสามารถบอกได้ง่าย ๆ ว่าเขามีชีวิตชีวามากกว่าปกติราวกับว่าเพิ่งได้ยินข่าวดีมา เรนนี่อยู่ในอ้อมแขนของพ่อ เธอได้กลิ่นโคโลญจน์ของเขา ขณะที่ลานี่วิ่งอย่างตื่นเต้นไปที่สนามหญ้าหน้าบ้านพร้อมกับสะพายกระเป๋าเป้อยู่ “สวัสดีค่ะ พ่อหนุ่มน้อยรูปหล่อ!” เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งทักทายลูกชายของเจ้านาย 'ทริปนี้คุ้มมาก!’ 'สิ่งอำนวยความสะดวกอาจจะไม่ดีเท่าในเมือง แต่ได้เห็นหน้าเจ้านาย และลูกชายกับลูกสาวที่น่ารักของเขาก็พอแล้ว!’ 'ช่างมีความสุขเหลือเกิน!' ลานี่มองไปรอบ ๆ ฝูงชนแต่ไม่พบคุณน้าบีเลย แต่เขาก็ไม่ลืมมารยาทและทักทายกลับว่า “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณคนสวย!” เพื่อนร่วมงานหญิงที่ถูกเรียกว่า "คุณคนสวย" ยิ้มกว้าง โจพร้อมทำหน้าที่และพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมสิ่งต่าง ๆ ให้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เขาก้าวไปข้างหน้าแล
เบียงก้าระงับเสียงครางเอาไว้ ร่างกายของเธอเกร็ง ขณะกำผ้าม่านตรงหน้าแน่น... ม่านไม่ได้ยึดอย่างแน่นหนา ขณะที่ชายที่อยู่ข้างหลังเธอเคลื่อนเข้าไปหาเธออีกนิ้ว เธออ้าปากค้าง และจิตใจว่างเปล่า ผ้าม่านหลุดลง... "ใจเย็น" ลุคก้มศีรษะลงและจูบต้นคอของเธอ ผิวขาวภายใต้แสงจันทร์ดูเรียบเนียนและอ่อนโยน การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าอย่างจงใจ ปากของเขาทิ้งร่องรอยต่าง ๆ ไว้บนร่างกายของเธอ “อา… อืม…” เธอไม่สามารถต้านทานริมฝีปากและเรียวลิ้นที่บุกรุกเข้ามาได้ เบียงก้าเชยคางและทิ้งตัวบนหน้าต่าง ชายที่อยู่ข้างหลังเธอยังคงดันนิ้วเข้าไปทีละนิ้วราวกับเขาถูกปีศาจสิง เธอรู้สึกได้ว่าการหายใจของเธอเริ่มหนักขึ้น เธอหายใจถี่และลึกขึ้นเพื่อจะได้หายใจหายคอสะดวกขึ้น อากาศก็เริ่มเย็นลง ตอนที่เบียงก้าลืมตาขึ้น เธอมองเห็นหน้าต่างที่มีฝ้าขึ้นจากลมหายใจของเธอ ความรู้สึกไม่สบายกายเกิดขึ้นเพียงห้านาทีและกลายเป็นความเลื่อนลอย... มันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นเมื่อห้าปีที่แล้วที่เธอเคยชินกับการปรากฏตัวของชายคนนั้น หรือในปีนี้ที่เธอได้ติดต่อกับชายคนนั้นที่โรงแรม เธอก็รู้สึกสั่นสะท้านเช่นเดียวกัน… มื
เธอไม่อาจต้านทานจุมพิตอันเร่าร้อนของชายผู้นี้ไม่ได้ บนใบหน้าของพวกเขา กลิ่นของทั้งสองเป็นเหมือนกับสิ่งที่คุ้นเคยแต่แปลกใหม่ อาจเป็นเพราะพวกเขาเกือบเสร็จกิจเมื่อเช้านี้เอง และตอนนี้พวกเขาก็มีโอกาสอีกครั้ง ลุครู้สึกราวกับว่าตัวเองได้แปลงร่างเป็นสัตว์ร้ายที่หิวกระหาย ความปรารถนาที่ไม่ลดละของเขาบดขยี้ริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอ แม้ว่าเขาจะไม่ลดความรุนแรงลง เขาสามารถรับรู้ได้ถึงความทรมานจากเสียงครางของเธอ เขาอยากจะกลืนกินร่างที่เขาหิวโหยไป ชายหนุ่มดูราวกับเด็กที่เพิ่งได้ลองชิมขนมเป็นครั้งแรก เขาปรารถนาร่างกายของเธอมานานแล้ว จนเมื่อเช้าที่เขาได้มีโอกาสได้ลิ้มรสความหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของมัน เมื่อได้รับขนมอร่อย ๆ เด็กที่ไหนก็เหมือนกันหมด พวกเขาจะแกะมันออกจากห่ออย่างตะกละตะกลาม แล้วเอาเข้าปาก ก่อนใช้ความอบอุ่นและน้ำลายละลายพวกมัน พวกเขาอาจจะอ่อนโยนหรือรุนแรง ก็แล้วแต่ระดับความกระหายของคนเป็นเจ้าของ... ลุคกับเบียงก้า เปรียบได้กับเด็กตะกละกับขนมอร่อย ... “อืมมม…” ร่างของเบียงก้าอ่อนยวบเมื่อลุคกอดเธอในอ้อมแขนจนแน่น ช่องปากของเขาอุ่นชื้น เธอจมดิ่งลงไปในจูบอันป่าเถื่อนของเขา… เธอกำ