หมับ!
จู่ๆ แขนเรียวของบุตรสาวที่รักก็วางพาดที่รอบเอว ก่อนที่คนตัวเล็กจะขยับมานอนชิดนางในท่ากอดจากด้านหลัง
“คิดถึงแม่จัง ไม่ได้กอดตั้งนานแล้วเนาะ” บอกมารดาพลางสูดเอากลิ่นหอมๆ จากแผ่นหลังนางผ่านชุดนอนผ้ามันลื่น
“อือ...” เอ่ยเพียงเท่านั้นแล้วตบเบาๆ บนหลังมือของบุตรสาว ด้วยว่าความใกล้ชิดฉันมารดากับบุตรถูกกางกั้นด้วยว่ากาลเวลาพรากมันไปชั่วเวลาหนึ่ง นางจึงขัดเขินไม่น้อยที่ถูกกอด เทียนหยดเองก็มิใช่เด็กชายเช่นโอบนิธิ หล่อนโตเป็นสาวพอที่จะออกเรือนแล้วด้วยซ้ำ “เอาแขนออกเลย ร้อน” นางว่าแล้วยกแขนบุตรสาวคืนเจ้าของ
“โธ่...แม่อ่า...งก กอดนิดกอดหน่อยก็ไม่ได้” บุตรสาวทำเป็นบ่นน้อยใจ
“น้อยๆ หน่อยยัยเทียน จะนอนไหมฮึ ถ้าไม่นอนก็ลงไปนอนข้างล่างเลย”
เมื่อถูกมารดาขู่เข้าให้ เทียนหยดเลยต้องตั้งหน้าตั้งตานับแกะในใจ จะได้พาตัวเองเข้าสู่นิทราอันแสนสุข และจากความเหนื่อยล้าในเรื่องงานและเรื่องหัวใจ หญิงสาวเลยผล็อยหลับไปในเวลาต่อมา
ผกากรองพลิกกายมาหาบุตรสาว แสงโคมไฟจากหัวเตียงที่ยังเรื่อเรืองทำให้แลเห็นใบหน้าขาวของเทียนหยดได้ชัดเจน เทียนหยดงดงามเสมอ หล่อนมีรูปเป็นทรัพย์ มีสมองอันชาญฉลาด บางครั้งนางก็ไม่พอใจที่เทียนหยดคบกับจีรวัฒน์ นั่นเพราะคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนดูออกว่าจีรวัฒน์เป็นคนเช่นไร พฤติกรรมที่ผ่านมาของเขานั้นไม่น่าแปลกเลยที่นางจะไม่ปลื้มว่าที่ลูกเขยคนนี้ ทว่าห้ามมากก็ไม่ได้ เพราะคนเป็นแม่ เมื่อลูกเลือกแล้ว นางก็ต้องยอมรับความจริง นางเลี้ยงเทียนหยดมาไม่เคยบังคับหรือขัดใจ ทว่าบุตรสาวของนางก็อยู่ในกรอบอย่างที่นางตั้งไว้ เทียนหยดเป็นคนดี นางแค่หวังว่าลูกจะเจอคนดีๆ คนที่ดีกว่าจีรวัฒน์เท่านั้นเอง
มือเรียวที่เริ่มเหี่ยวย่นของผกากรองดึงผ้านวมขึ้นมาคลุมหน้าอกให้บุตรสาว ก่อนจะจุมพิตเบาๆ บนหน้าผากนูนเกลี้ยง กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกายสาวทำให้นางยิ้มออกมา เมื่อก่อนดมกลิ่นลูกคงได้กลิ่นแป้งเด็กเหมือนที่ติดกายโอบนิธิ ทว่ากลิ่นที่นางได้รับจากเทียนหยดตอนนี้กลับเป็นกลิ่นอ่อนจางของครีมบำรุงผิว บุตรสาวของนางโตแล้ว แต่ไม่รู้สิ นางยังคิดว่าเทียนหยดเป็นเด็กเล็กๆ อยู่เลย
“ถ้าหยุดเวลาได้ก็คงจะดีนะ แม่ไม่อยากให้ลูกๆ โตเลย พอโตแล้วก็คงออกเรือนหนีแม่สินะ” ว่าเหมือนน้อยใจแต่กลับยิ้มละไม นางนอนตะแคงมองหน้าเทียนหยด แล้วพลันใบหน้าของสามีคนแรกก็แวบเข้ามาในหัว “ดูแลลูกของคุณด้วยนะคะ อย่าให้ลูกต้องพบเจอความทุกข์เลย” บอกคนที่ไม่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ พลางหยิบช่อผมที่ไหลมาระแก้มบางของบุตรสาวเอาไปทัดไว้หลังหูให้หล่อน ลูกก็คือลูก จะอย่างไรก็รักมาก รัก...ยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง
______
ตีสี่กว่าๆ เทียนหยดลุกจากที่นอนของมารดา ไม่ลืมดึงผ้านวมมาคลุมกายให้ทั้งสอง เธอยังช่วยปิดโคมไฟที่หัวเตียงด้วย ฟ้ายังมืดอยู่ ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้น เธอบิดขี้เกียจสองสามที ก่อนจะหยิบหมอนใบเก่งแล้วเดินออกจากห้องนอน การได้นอนในห้องที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำทำให้เธอหลับสบายโดยไม่ฝัน ตื่นมากระปรี้กระเปร่าพร้อมรับทุกสถานการณ์เลยล่ะ
เทียนหยดกลับมาที่ห้องตัวเอง อาบน้ำแปรงฟันเสร็จแล้วแต่ยังอยู่ในชุดคลุม รู้สึกร่างกายโหยหาคาเฟอีนจนต้องยอมเดินออกจากห้องมาที่บาร์เล็กๆ หน้าห้องครัว ด้านนอกบ้านเวลานี้มีแสงสว่างเรืองรองบ้างแล้ว เธอเร่งฝีเท้าเดินผ่านห้องครัวเข้าไปด้านในที่มีบาร์ขนาดย่อมจัดไว้ ที่นี่มีเครื่องชงกาแฟ ตู้เย็นและตู้วิสกี้วางโชว์อยู่ เธอจัดการชงกาแฟอย่างง่ายๆ ไม่ได้อาศัยเครื่องชงเพราะรีบมากกว่านั้น พอน้ำในกาน้ำร้อนเริ่มส่งเสียงซู่ๆ ไม่ทันได้เดือดดี เธอก็กดลงถ้วยแล้วตักกาแฟใส่ตามด้วยครีมเทียมและน้ำตาลตามสัดส่วน คนๆ สองสามทีก่อนจะยกซดไปครึ่งแก้ว มันช่วยให้ประสาทเธอตื่นเต็มที่
“พร้อมรับทุกสถานการณ์” บอกแล้วยิ้มให้ตัวเอง ทว่าทุกสถานการณ์ที่ว่านั้นคงมิได้ครอบคลุมทุกอย่างไป เพราะเมื่อเทียนหยดเคลื่อนกายออกจากบาร์เล็กๆ นั้น ด้วยดวงไฟที่มิได้สว่างมากมาย และการโผล่มาอย่างมิได้คาดฝันของบุรุษร่างสูงใหญ่ เลยทำให้อุบัติเหตุเล็กๆ เกิดขึ้นในทันที
โครม!
“กรี๊...อุ๊บ!”
“ชู่ว์...”
คนที่สั่งชู่ว์ๆ มิได้สั่งเปล่าๆ แต่ยังใช้มือหนาปิดปากเทียนหยดไว้ แล้วดันร่างน้อยจนแผ่นหลังติดผนังห้องด้านหนึ่ง ร่างสูงใหญ่ของเขาบดเบียดอยู่กับร่างอรชรชนิดที่ว่าแม้มวลอากาศก็อย่าได้คิดมาแทรกกลาง
“อื๊อ...” เทียนหยดพยายามส่งเสียงร้อง แต่ติดที่มือเขาปิดปากเธออยู่ เธอพยายามแกะมันออก แต่ไร้ผล ร่างกายเขาที่แนบชิดทำให้เธอรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่เบื้องล่าง มันทั้งแข็งและร้อนผ่าว
“ชู่ว์...อย่าแหกปาก ขอร้อง...” สมัตถ์ร้องขอแต่เหมือนสั่งเสียมากกว่า ก่อนจะค่อยๆ คลายมือที่ปิดปากหล่อนออก
“ฉันหยุดแน่ แต่คุณต้องเอาเจ้านั่นออกไปให้ห่างฉัน!”
สมัตถ์หน้าตื่น ก้มมองตัวเองก็ได้เห็นว่ากายด้านหน้าทั้งแถบนั้นแนบชิดชนิดที่ว่ารับรู้ได้ถึงปลายถันที่กำลังหดแข็งของอีกฝ่าย ก็จะไม่ให้รู้ได้อย่างไรในเมื่อหล่อนสวมเพียงเสื้อคลุมผ้ามันลื่นในขณะที่เขาสวมแค่เสื้อกล้ามและกางเกงนอนที่ไร้กางเกงชั้นใน ถ้าไร้เนื้อผ้าบางๆ คั่นกลาง เขากับหล่อนคงมิต่างจากการแก้ผ้าเชียวล่ะ
ชายหนุ่มดีดตัวออกห่างร่างหญิงสาวราวกับหล่อนคือถ่านไฟร้อนๆ ในเตา ส่วนเทียนหยดก็ลูบหน้าลูบตาแรงๆ เพราะดันไปจำสัมผัสอันแนบชิดของเจ้าสิ่งที่อยู่ระหว่างซอกขาเขา
“ให้ตายเถอะ! บ้าชะมัด” หญิงสาวสบถอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี จับดูสองแก้มก็รู้ว่ามันร้อนยิ่งกว่าตอนที่เห็นสมัตถ์จูบกับภรรยาเขาที่สนามเมื่อคืนเสียอีก“เธอนั่นแหละบ้า มาทำอะไรที่นี่ ฉันนึกว่าไม่มีคนอยู่”“ฉันก็นึกว่ายังไม่มีใครตื่นนี่” เธอเถียง กอดอกแน่นเมื่อรับรู้ถึงความโล่งของกายสาว“ฉันมาหากาแฟดื่ม” เขาแก้ต่าง“เหมือนกัน”“แต่เธอควรสวมอะไรที่มากกว่าชุดคลุมอาบน้ำที่ไม่มีชั้นใน”“บอกตัวเองก่อนไหมฮะ! ฉันรู้นะ! มันแข็ง!” โพล่งออกไปด้วยเสียงที่ดังมากกว่ากระซิบเพียงเล็กน้อย ทุกถ้อยวาจาที่เอ่ยออกไปก็อยากตะโกนดังๆ หรอกนะ แต่ติดที่ว่ากลัวคนอื่นจะมารับรู้สถานการณ์นี้ด้วยเท่านั้นเองสมัตถ์หน้าแดง วาจาห่ามๆ ของหล่อนปลุกบางอย่างในตัวเขาให้ลุกฮือ“อะไรแข็งล่ะ” ถามหน้าด้านๆ รู้สึกสนุกยามได้แกล้งเทียนหยด“ก็...ก็...โอ๊ย...ฉันไม่พูดหรอก ลามก! อีตาบ้า!”แล้วเทียนหยดก็สะบัดก้นเดินจากไปอย่างเคืองๆ ส่วนสมัตถ์ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ตรงนั้น ยิ้มในความตรงไปตรงมาของแม่ตัวร้าย“ให้ตายเถอะ ยิ้มอะไรวะ” ถามตัวเองทั้งที่ยังยิ้มอยู่ ก่อนจะเดินเข้าไปในส่วนของบาร์เล็กๆ แลหาเครื่องมือทำกาแฟสักแก้ว ทว่าบนเคาน์เตอร์ที่แลเห
“แม่คะ ข้าวเช้า?”“ไม่ ฉันรีบ แกกินไปเถอะ ไปเร็วตาโอบ” ผกากรองพาโอบนิธิเดินออกไป เทียนหยดไม่ทันได้ทักทายน้องชายด้วยซ้ำศรีสุรางค์เดินลงบันไดมาพร้อมหลานชาย ทั้งสองจับจูงกันเข้ามาในห้องอาหาร พากันนั่งลงก่อนที่วงมื้อเช้าจะเริ่มต้นขึ้น สมัตถ์เพียรตักกับข้าวลงในถ้วยข้าวต้มจืดๆ ให้ภรรยา ท่าทีรักใคร่ห่วงใยนั้นทำให้เทียนหยดอดสมเพชไม่ได้ เพราะถ้าราตรีมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับจีรวัฒน์จริงละก็ สมัตถ์ก็คงเข้าข่ายถูกสวมเขาโดยไม่รู้ตัวเลย แต่บอกไปคงไม่มีใครเชื่อ ในเมื่อราตรีไม่ได้แสดงออกให้คนอื่นรู้เลยว่าหล่อนมีรสนิยมนอกใจสามี และหากบอกสมัตถ์ในเรื่องนี้ คงเป็นเธอมากกว่าที่อาจโดนด่าเปิงกลับมา ให้สืบจนรู้แน่ชัดก่อนเถอะ รับรองว่าทั้งราตรีและจีรวัฒน์ได้เจ็บไม่น้อยกว่าเธอแน่นอน“ย่าปวดเข่าจังเลยตามัตถ์ เดินเหินไม่ค่อยจะคล่อง อึดอัด” ศรีสุรางค์ว่าพลางตักข้าวต้มเข้าปาก เทียนหยดหันมามองอย่างใคร่รู้“ไปหาหมอไหมครับ ผมพาไป”“ไม่ๆๆ ไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอก” คนเป็นย่ารีบห้าม ด้วยไม่อยากรบกวนหลานชาย“ความจริง...การออกกำลังกายเบาๆ ก็ช่วยได้นะคะ” เทียนหยดเสนอ ทุกคนหันมามอง ก่อนที่ศรีสุรางค์จะทำเมินใส่ “โอเคค่ะ ก็แค่เสนอน
EP 3/8 พิษรักเวลาไล่เลี่ยกัน บนรถของเทียนหยดสมัตถ์นั่งหน้าบึ้งอยู่บนเบาะของตัวเอง เขายังไม่ได้รับคำตอบจากสิ่งที่เอ่ยถาม “เธอทำแบบนี้ทำไม ป่วนประสาทไนท์?” เขาถามอีกเทียนหยดหันมามองเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองท้องถนนอย่างเดิม“เพื่อ...ปูทางแก้แค้นมั้งคะ”“แก้แค้นอะไรกัน แค่นี้ยังเป็นศัตรูกันไม่พออีกเหรอ”“ฉันไม่เคยคิดว่าพวกคุณเป็นศัตรู”“แล้วเป็นอะไรล่ะ” เขาย้อน“คนในครอบครัวมั้งคะ” ตอบนิ่งๆ ได้ยินเสียงสมัตถ์หัวเราะหึๆ ในลำคอราวอยากเยาะหยันในสิ่งที่ได้ยิน“เกลียดกันออกขนาดนี้ เธอยังคิดว่าจะญาติดีกันได้เหรอ”“ฉันไม่เคยเกลียดค่ะ ฉันพยายามบอกคุณอยู่”สมัตถ์อึ้งไปนิด ผ่อนลมหายใจเบาๆ แล้วเอนหลัง พาตัวเองดำดิ่งไปกับสิ่งที่เทียนหยดเอื้อนเอ่ย ในขณะที่เทียนหยดก็พาสมองดำดิ่งสู่เรื่องที่ค้างคาใจ จีรวัฒน์กำลังนอกใจเธอ จริงหรือไม่จริง และถ้าไม่จริง ทำไมเธอถึงไม่เคยรู้ว่าเขามีเพื่อนชื่อราตรี เธอรู้จักแก๊งเพื่อนเขา เพื่อนกินเพื่อนเที่ยวของเขาน่ะ รู้จักดี เคยไปนั่งดื่มกินด้วยกันก็บ่อย แต่ไม่มีใครเคยเอ่ยชื่อเพื่อนผู้หญิง ชื่อที่พอจะเป็นเจ้าของลิปสติกแท่งนั้นที่ราตรีแย่งไปเลย หรือว่าแท้ที่จริงแล้วนั้น ลิปส
EP 4ชู้รัก____________“ฉันก็ขอให้เป็นอย่างนั้น ฉันอาจคิดไปเอง ฉันยังไม่มีหลักฐานมากพอ แต่มันเจ็บนะ ที่ฉันเหมือนจะรู้ว่าผู้หญิงอีกคนของเขาเป็นใคร ฉันดันรู้จักหล่อนด้วย”“โอ...มันคง...ทรมาน..”เทียนหยดพยักหน้า เช็ดหน้าเช็ดตาแต่รู้ว่าสภาพตัวเองคงไม่ได้น่ามองนัก มาสคาร่าแบบไม่ได้กันน้ำของเธอเปรอะเปื้อนผ้าเช็ดหน้าเขา มันทุเรศเหลือเกิน“บ้าจริง! ทำไมฉันต้องมาคร่ำครวญให้คุณฟังด้วยนะ น่าอายชะมัด!”สมัตถ์ส่ายหน้า“ไม่หรอก เรื่องมันละเอียดอ่อน คนเรามีความอ่อนแอทุกคนนั่นแหละ อยู่ที่ว่าจะแสดงออกมามากแค่ไหน”“คุณจะทำยังไง ถ้ารู้ว่าเมียนอกใจ” เธอโยนหินถามทาง สมัตถ์หันไปจ้องถนนเบื้องหน้าชั่วครู่ หัวคิ้วเขาขมวดเข้าหากัน ก่อนจะเอ่ย“ปล่อยเธอไปกับคนที่เธอรักละมั้ง”“จริงเหรอ” เธอถามอย่างทึ่งๆ น้ำตาเริ่มแห้งเมื่อเช็ดมันถี่ๆสมัตถ์ส่ายหน้ารัวๆ “ไม่! จะฆ่าให้ตายทั้งคู่เลย!”“หา!” เทียนหยดเหวอรับประทาน ตาเบิกโต อ้าปากค้าง มาสคาร่าเลอะใต้ตากับสีลิปสติกที่เปรอะไปทั่วยิ่งส่งให้ใบหน้างามไม่น่าดูชมสมัตถ์กลั้นขำไว้ไม่ไหวเลยหลุดหัวเราะเสียงดังลั่น ก็ดูหล่อนเถิด ดูได้ที่ไหน“นี่คุณ! ขำอะไรฮะ ล้อฉันเหรอ”เขาพยั
ทั้งสองคนมาถึงบริษัท RPS Cosmetic Co.,Ltd ในเวลาเกือบแปดโมงครึ่ง เป็นความเคยชินของพนักงานเสียแล้วที่จะเห็นผู้บริหารสูงสุดกับคุณเทียนหยดเดินเข้าบริษัทมาพร้อมกัน เพราะปกติแล้ว ทั้งสองก็จะขับรถอกจากบ้านโสภณวิชญ์ในเวลาไล่เลี่ยกันเสมอสมัตถ์เริ่มต้นทำงานของเขาอย่างไม่รีบร้อนนัก เอกสารในรายงานบางแฟ้มเขาต้องถามเทียนหยดเพื่อความเข้าใจ ส่วนเทียนหยด หากว่าเว้นจากการช่วยสมัตถ์ หญิงสาวก็จะขลุกอยู่กับโน้ตบุ๊กเครื่องเก่ง มีสมาร์ตโฟนวางอยู่ใกล้ๆ ตาจ้องหน้าจอแล้วพิมพ์ข้อความเป็นระยะ การเป็นแม่ค้าออนไลน์ทำให้เทียนหยดไม่ค่อยมีเวลาเป็นส่วนตัวมากนัก มีรายการสั่งซื้อเข้ามาตลอดทั้งวัน มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ตัวแทน แต่เท่านั้นเทียนหยดก็พอใจแล้ว เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอทำได้ด้วยตัวเองเกือบสิบเอ็ดโมง สมัตถ์ละสายตาจากเอกสารแฟ้มสุดท้าย ท้องเขาร้องจ้อกๆ เพราะยังไม่ได้รับประทานอาหารเช้าอย่างที่ควรจะเป็น เทียนหยดปิดโน้ตบุ๊กบ้าง เหลือบมองหน้าจอสมาร์ตโฟนก็เห็นว่ายังไม่มีใครโทรเข้ามา“โทรหาเขาสิ ถ้าเธอคิดถึง” เขาแนะ แต่เทียนหยดส่ายหน้า“ฉันโทรหาเขาก่อนทุกที เป็นเวลาหลายปีแล้ว ลองให้เขาเป็นฝ่ายโทรหาฉันบ้าง ฉันจะได้รู้..
แม้จะบอกตัวเองอย่างนั้น แต่สายตาสมัตถ์ก็ไม่อาจละไปจากริมฝีปากเทียนหยดได้เลย กระทั่งไอศกรีมคำสุดท้ายถูกตักเข้าปาก และหล่อนกวักมือเรียกพนักงานมาคิดเงิน เขาจึงได้ละสายตาออกมาแล้วล้วงเอากระเป๋าสตางค์มาเปิด การ์ดสีทองใบหนึ่งถูกดึงออกมารอท่า“อ้าว? ไหนบอกให้ฉันเลี้ยง” เธอท้วง“ฉันเลี้ยงเอง”“ทำไม” เธอยังไม่เข้าใจ“ฉันสงสารน่ะ เดาว่าเธอคงไม่เคยถูกผู้ชายเลี้ยง ฉันเลี้ยงแหละดีแล้ว เพราะฉันเป็นสุภาพบุรุษ”เทียนหยดอ้าปากน้อยๆ รอจนพนักงานเอาเครดิตการ์ดของเขาไปจัดการจึงได้เอ่ยขึ้น “คุณสมัตถ์คะ”“ครับ”“แทงใจดำฉันจึ๊กๆ เลย” บอกแล้วกำกำปั้นทุบอกซ้ายเบาๆ หน้าตาจริงจัง จนสมัตถ์นึกขัน“ความรักมันดีเทียนหยด แต่ต้องมีสติ แม่เธอพูดถูกนะ คนเป็นแม่ก็คงอยากให้ลูกได้เจอคนดีๆ คนที่สามารถดูแลเธอได้ ไม่ใช่คอยแต่แบมือขอเงิน ไม่ใช่จะสั่งสอนหรอกนะ แต่มันอดไม่ได้”หญิงสาวทำหน้าเบื่อโลก ก่อนจะลุกยืนเมื่อพนักงานเอาเครดิตการ์ดมาคืน เขาเซ็นอะไรยุกยิกก่อนจะดึงเครดิตการ์ดและใบเสร็จคืนมา“นั่นแหละเขาเรียกสอนค่ะ” ประชดน้อยๆ แล้วค้อนเขาสมัตถ์ยิ้มบางๆ ยื่นสูทให้หล่อนเอาไปบังแดดเสียเอง การอยู่ใกล้เทียนหยดทำให้ความสามารถในการค
“วันนี้กลับเร็วจัง” ท้วงถามแล้วสอดแขนกอดหล่อนจากด้านหลัง ใช้จมูกคมๆ สูดดมซอกคอภรรยาชาวบ้านจนชื่นปอด“ต้องไปสปา เดี๋ยวเขาสงสัยว่าไปจริงไหม”“คุณมันร้าย”“แล้วชอบไหมล่ะ” ถามออกไปอย่างนั้นเอง เพราะรู้ว่าจีรวัฒน์ไม่ได้รักเธอหรอก เขามีคนรักอยู่แล้ว และเธอไม่ปรารถนาจะรับรู้ว่าเจ้าหล่อนคือใคร“ที่สุดครับ ว่าแต่...อาทิตย์หน้าผมว่าง ไปเที่ยวกันไหม ใกล้ๆ ก็ได้”ราตรีมุ่นคิ้ว “สามีฉันเพิ่งเริ่มงานใหม่ อะไรๆ ยังไม่ลงตัว ที่สำคัญคือฉันต้องช่วยเขาเซฟค่าใช้จ่าย” เธออธิบาย“โอเค งั้นเอาไว้คราวหน้า แล้วคุณจะมาที่นี่อีกเมื่อไหร่” เขาถามต่อ นึกถึงรสรักของราตรีแล้วอยากให้นอนรออยู่บนเตียงทุกคืนเลยล่ะ“ยังไม่รู้เลย แล้วจะโทรมาแล้วกัน ไปแล้วนะ” สั่งลาแล้วทำท่าจะก้าวออกไป แต่ถูกจีรวัฒน์ดึงแขนไว้ เขาดึงร่างเธอเข้าไปหาอีกรอบ แล้วโน้มใบหน้าลงมาจุมพิตเสียดูดดื่ม ประหนึ่งว่ามิเคยจุมพิตกันเสียอย่างนั้น“เมื่อไหร่จะเลิกกับเขาแล้วมาสนุกด้วยกันอย่างถาวรนะ ชักต
EP 5ความจริงอันแสนเจ็บปวด______________วันอาทิตย์โอบนิธินั่งหน้ายุ่งอยู่ข้างมารดาที่กำลังปอกฟักทองลูกใหญ่ ผกากรองจะทำแกงเลียงกุ้งสดเป็นมื้อเที่ยงวันนี้ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ นอกจากต้องดูแลโอบนิธิไปโรงเรียน จัดการเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขา นางยังมีหนึ่งอีกหน้าที่ นั่นคือทำอาหารขึ้นโต๊ะ เสริมไปกับอาหารที่ราตรีซื้อมา รสชาติของอาหารที่ปรุงใหม่กับของที่ซื้อขายนั้น ของที่ปรุงใหม่ย่อมอร่อยและดีกว่าเสมอ คนบ้านนี้กินอาหารที่นางทำอย่างเอร็ดอร่อย แต่เชื่อไหมว่านางไม่เคยได้รับคำขอบคุณแม้แต่ครั้งเดียว“แม่ครับ”“ว่าไง” นางย้อนถาม เหลือบมองคนที่นั่งอยู่บนเสื่อผืนหนาใต้ต้นอโศกหลังห้องครัว“แปลไม่ได้ครับ”“กูเกิ้ลสิลูก”คนเป็นลูกทำหน้างง ก้มมองการบ้านภาษาจีนกลางแล้วส่ายหน้า กูเกิ้ลช่วยแค่ให้เขาทำการบ้านเสร็จ แต่ไม่ได้ทำให้เข้าใจนี่นา เขาอยากเข้าใจมัน จะได้ไม่ต้องพึ่งกูเกิ้ลอีก_________เด็กน้อยถอนหายใจเบาๆ มองไปที่สนามด้านหนึ่งก็เห็นสมัตถ์กำลังตีกอล์ฟอยู่
“ตัวนี้ว่าจะลองเองค่ะ เดี๋ยวนี้แม่ค้าออนไลน์เยอะ เราต้องทำให้เขามั่นใจในสินค้า แค่ถือครีมถือแป้งยืนถ่ายรูปอย่างเดียวไม่ได้แล้วค่ะ งานนี้คงต้องอัดคลิปลงยูทูปไปเลย” เมื่อเอ่ยถึงเรื่องงานความเครียดอีกเรื่องก็เข้ามารุมเร้า“ไหวไหมเทียน ไม่ไหวก็พัก แม่มีเงิน”ลูกสาวค้อนเข้าให้เมื่อมารดาเอ่ยอย่างนั้น“หนูก็อยากมีนี่คะ ไม่อยากขอเงินแม่ไปจนตายหรอก เงินแม่น่ะ เก็บไว้แต่งลูกสะใภ้เถอะค่า” ว่าแล้วยิ้มหวาน ตาบวมฉึ่งกับหน้าโทรมๆ นั้นมิได้เข้ากับรอยยิ้มเลยผกากรองเองก็ยิ้มกับลูกด้วย สุดท้ายเลยถูกลูกกอดแรงๆ“รักแม่นะคะ”“รู้แล้วน่า” ตอบแก้เขิน ยกมือยีกระหม่อมบางเบาๆ “งั้นกลับห้องดีกว่า เผื่อตาโอบตื่นมาไม่เจอ รายนั้นยิ่งกลัวผีอยู่ด้วย”“ค่า วันนี้หลับเร็วนะคะ หนูกลับมาบ้านเงียบเชียว”“อือ...คุณศรีสุรางค์ไม่สบายน่ะ พอกินข้าวเสร็จสองสามีภรรยานั่นก็พาย่าเขาเข้านอน ตาโอบก็ง่วงเพราะตอนบ่ายสมัตถ์สอนเล่นกอล์ฟจนเหงื่อชุ่ม ชอบใจใหญ่ ดูเขาเข้ากันดีนะ อาจเพราะตาโอบไม
EP 6ยั่วฟืดๆๆเสียงสูดน้ำมูกดังๆ ก่อนที่เทียนหยดจะเอาหน้าผากออกจากหลังสมัตถ์ ชายหนุ่มเบี่ยงหน้าจะดูหลังตัวเอง ไม่เห็นมันหรอก แต่รู้เชียวละว่ามันคงเป็นด่างดวงเพราะหยดน้ำตา“ขอโทษนะ แล้วก็...ขอบคุณสำหรับแผ่นหลัง” เธอบอกเขา ปาดน้ำตาลวกๆ“เธอโอเคแล้วใช่ไหม”“ไม่...ไม่โอเค แต่ฉันหิว ขอกินก่อนแล้วค่อยไปนอนร้องไห้เป็นเผาเต่าที่ห้องก็ได้”สมัตถ์พยักหน้าหงึกๆ “งั้นฉันไปแล้วนะ ลงมานานแล้วเดี๋ยวไนท์สงสัย”“สงสัยบ้าอะไรล่ะ คุณกับฉันไม่ได้ลักลอบทำอะไรสักหน่อย”เทียนหยดหน้ายุ่ง เขาจะกลัวเมียอะไรนักหนา“อือ...นั่นแหละ ฉันรักของฉัน”“ค่า เชิญค่ะสามีตัวอย่าง” เธอประชดแล้วก้มหน้าลงจานข้าว เลยไม่ได้เห็นสมัตถ์ยิ้มกว้างยามโดนประชด พอเขาออกนอกประตูไป แม่สาวอกหักก็เงยหน้าขึ้นมา ทำไมผู้ชายดีๆ ไม่มีให้เธอบ้างนะ ที่สวรรค์ส่งมาให้ก็ช่างเลวได้ใจ ที่พอจะมองเห็นก็ดันมีเมียอยู่แล้ว ส
“แน่นะคะ ถ้าผิดคำสาบานล่ะ”“ขอให้...ขอให้เทียนลงโทษอย่างสาสม พอใจหรือยังครับ”จีรวัฒน์เอ่ยทีเล่นทีจริง แต่เทียนหยดถือว่าสิ่งที่เขาเอ่ยออกมาคือคำสาบานที่เขาได้ลั่นวาจาออกมาแล้ว และหญิงสาวขอให้มันเป็นไปตามนั้น และเธอ...จะขอเริ่มบทลงโทษเขาตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!“พอใจแล้วค่ะ จีน่ารักที่สุด” พูดจบก็ยิ้มกว้างแล้วโผเข้าหาร่างเขาจนอีกฝ่ายหงายหลังบนโซฟา เลยกลายเป็นว่าตอนนี้เธอทาบทับเขาไว้ และมันทำให้จีรวัฒน์พอใจ“เทียนน่ารักจังที่เป็นแบบนี้”“แบบไหนคะ” ถามพลางใช้นิ้วแหวกสาบเสื้อคลุมอาบน้ำของเขาให้แบะอ้าออก แล้วใช้มือบางลูบไล้แผงอกเปล่าเปลือยเล่นอย่างยั่วเย้า“ก็แบบนี้ไง แบบ...ยั่ว...”“เทียนเปล่ายั่ว ก็จีน่ารัก เทียนแค่แกล้งหรอกน่า”“จียอมให้เทียนแกล้งทั้งคืน” ไม่ว่าเปล่าๆ แต่ใช้มือข้างขวาลูบบั้นท้ายงามงอนไปมา ไม่ลืมขยำมันเบาๆ บั้นท้ายหล่อนช่างนุ่มหยุ่นขยำเท่าไหร่ก็มิมีเหลวอ่อน“แต่เทียนไม่ว่าง...” ลากเสียงยาวๆ แล้วก้มลงจุ
“โธ่เทียน...ก็...ที่ตรงนั้นมันไม่ใช่แค่ห้าหกล้าน ถ้าขายจริงๆ มันอาจได้มากกว่านั้นเท่าตัวเลยก็ได้” จีรวัฒน์เริ่มหัวเสีย เทียนหยดปาดน้ำตา“งั้นจีเอาเงินมาคืนเทียนสิคะ เทียนจะได้เอาไปหมุน จีพูดอย่างนี้เทียนเสียใจนะ เทียนช่วยเหลือจีมาตลอด แต่พอเทียนลำบาก จีกลับไม่อยากช่วย ถามจริงๆ เถอะ รักเทียนบ้างไหม...” เทียนหยดเม้มปากแน่น ร้องไห้ฟูมฟายออกมา หยดน้ำตาแห่งความแค้นคลั่งหลั่งออกมาพร้อมกับน้ำตาแห่งความเสียใจจีรวัฒน์นึกสงสารเลยดึงร่างน้อยมากอด กายหนุ่มสัมผัสกายสาวพาให้ความรุ่มร้อนบังเกิดอย่างไม่รู้จักเวล่ำเวลา“ขอโทษนะเทียน จีขอโทษ...ขอเวลาจีหน่อยนะคนดี” ว่าพลางลูบแผ่นหลังบางเรื่อยลงมาถึงเอวคอดเทียนหยดตาเบิกโต รู้สึกได้ถึงฝ่ามือร้อนของอีกฝ่าย ได้แต่เม้มปากแน่น ดวงตาดุดันเพ่งมองไปข้างหน้าแต่ไม่ได้โฟกัสที่จุดใด แม้ในเวลาแห่งความทุกข์ จีรวัฒน์ก็ยังอยากทำบ้าๆ กับเธอ เอาสิจีรวัฒน์ ลองมาพนันกันดู!“เอามือออกนะจี เราเครียดกันอยู่นะ” บอกเสียงเง้างอนไม่จริงจัง จะชนะคนชอบฉวยโอกาส มันต้องทำให้แนบเนียน“ก็
มือเรียวยกป้องปากงาม หัวใจเต้นถี่ระรัว ทั้งโกรธ...ทั้งรัก ทั้งแค้นใจ! ไฟล์วิดีโอยังเล่นไปพร้อมๆ กับน้ำตาของเทียนหยดที่ไหลริน ริมฝีปากสั่นระริกเม้มแล้วเม้มอีก ดวงตาหลั่งสายธารออกมาราวกับน้ำตกผืนใหญ่ในฤดูฝนพรำ ยิ่งนั่งดู ยิ่งปวดใจ เฝ้ามองภาพคนรักของตัวเองกำลังนัวเนียกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับหญิงอื่น ทั้งสองปล้ำถอดเสื้อผ้ากันจนเหลือเพียงชุดชั้นใน และวินาทีที่เสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายจะหลุดออกจากสองร่าง เธอก็กดหยุดวิดีโอ ก่อนที่หัวใจจะแตกสลายเพราะการกระทำของชายที่เธอจงรักภักดีเทียนหยดปิดพับหน้าจอกล้องถ่ายรูปเข้าหาตัว กล้องตัวนี้สมรรถภาพเยี่ยมยอด สามารถกดแชร์ภาพ แชร์วิดีโอลงแอปพลิเคชั่นเฟซบุ๊กได้ทันที เธออยากทำใจจะขาด อยากประจานความชั่วร้ายของคนทั้งสอง แต่สุดท้าย...ก็เก็บมันเข้ากระเป๋าถือใบโต หักห้ามใจเอาไว้ ข่มความโกรธความเจ็บใจ ไว้รอวันเอาคืน ตอนนี้เธอยังมีสติไม่พอ เธอกำลังโกรธมาก! และทุกอย่างจะพังพินาศถ้าเธอสติแตก!“อือ...เทียน...มาแล้วเหรอ”เสียงถามดังอืออามาจากห้องนอน เทียนหยดรีบปาดน้ำตา หยิบเครื่องสำอางมาเติมแป้งเติมลิปสติก มิให้มีรอยพิรุธ ทว่าแต่งเติมอย่างไร
“ตายจริง ขอโทษนะคะ ไนท์ปวดหัวเลยลุกไม่ขึ้น ไม่ได้ออกไปซื้อกับข้าวให้ทุกคนเลย” เอ่ยอย่างขออภัยแล้วนั่งลงข้างสามี สาวใช้รีบยกผ้ารองจานกับจานข้าวมาให้ ราตรียังตีหน้าสำนึกผิดจนสมัตถ์นึกสงสาร“ไม่เป็นไรครับ แม่น้องโอบทำกับข้าวแล้วล่ะ คุณกินสิ กำลังร้อนๆ เลย” ว่าแล้วตักแกงเลียงใส่ถ้วยเล็กๆ ให้ภรรยา แต่ราตรีที่ยังมีอาการเมาค้าง เกิดพะอืดพะอม ต้องยกแก้วน้ำขึ้นจิบ “โอย...ไหวไหมไนท์”สมัตถ์ถามอย่างห่วงใย ท่าทีเอาใจใส่ภรรยานั้นทำเอาเทียนหยดหน้าสลด แน่ล่ะ จีรวัฒน์ไม่ได้ครึ่งของสมัตถ์เลย เป็นเธอมากกว่าที่ต้องคอยเอาอกเอาใจเขา“พะอืดพะอมอย่างนี้จะมีข่าวดีหรือเปล่าคะ” ผกากรองตั้งข้อสังเกต แต่ทำให้สีหน้าของสมัตถ์เปลี่ยนไป เขาขยับนั่งตัวตรง หันไปมองภรรยา ฝ่ายนั้นก็ยื่นมือมาจับมือเขา มันทำให้เขาพอมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง“ถ้าหล่อนหมายถึงเรื่องลูกละก็ เป็นไปไม่ได้หรอก หลานฉันเป็นหมันน่ะ”“คุณย่าคะ!” ราตรีเอ่ยดังๆ ด้วยไม่อยากให้นางศรีสุรางค์เอ่ยเรื่องนี้“ทำไมฮึยัยไนท์ มันเรื่องจริง ยอมรับส
“จุ๊ๆๆ อย่าร้องนะโอบ ชู่ว์...” กอดน้องชายไว้แล้วน้ำตาจะไหล ทุกอาทิตย์คุณลุงจะมาหาโอบนิธิ แต่นับตั้งแต่ท่านเสียไป โอบนิธิก็ได้เฝ้ารอแค่ความว่างเปล่า จิตใจของเด็กนั้นอ่อนไหวเกินกว่าจะทนรับเรื่องร้ายๆ เธอไม่โทษน้องชายเลยที่ร้องไห้อย่างไม่อายใคร เพราะหากเธออายุเท่าเขา เธอคงนอนร้องไห้ทุกวันทุกคืน“พี่เทียน...ฮึกๆ คิดถึงพ่อ...พ่อไม่มาแล้ว...ไม่มากอดโอบแล้ว ฮือ...”เด็กชายร้องไห้ฟูมฟาย จนอกเสื้อพี่สาวเปียกชุ่ม เทียนหยดเห็นท่าไม่ดีก็ร้องหาตัวช่วย“แม่! แม่คะ แม่!”“อะไร! อะไรของแกฮึเทียน”ผกากรองเดินหน้าตื่นออกจากห้องครัว นางตรงมาทางห้องนั่งเล่น กลิ่นน้ำพริกแกงเลียงยังติดกายนางมาประหนึ่งถือถ้วยแกงมาด้วยสตรีวัยเลยสาวขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นบุตรชายนั่งร้องไห้อยู่กับอกคนเป็นพี่ นางเข้าไปดึงร่างโอบนิธิออกมา“แม่ครับ...ฮึกๆ”“หยุด...แม่บอกให้หยุดร้อง”ผกากรองใช้เสียงเรียบต่ำ บอกให้รู้ว่านางไม่พอใจที่เห็นเขาร้องไห้โอบนิธิปาดน้ำตา หน้าตายังบิดเบ้ พวงแก้มขึ้นส
“เรื่องบางเรื่องก็น่าแปลกที่เราไม่สามารถหาคำตอบให้มันได้” เขาเปรยราวกับปลงแล้วทุกสิ่ง“บางทีเวลาอาจเป็นคำตอบ ฉันไม่รู้ว่าสามีฉันเอาอะไรมาวัดว่าคุณไว้ใจได้ อาจเป็นความรู้สึกผิดของเขา หรืออาจเพราะมันมีเหตุผลมากกว่านั้น ที่เขายกหุ้นให้คุณ แต่ฉันเชื่อใจเขานะ เขาคงไม่หาคนมาผลาญ RPS หรอก ในเมื่อเขาไว้ใจคุณ ฉันก็จะไว้ใจคุณ ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตามที่รุ่งรดิศอยากให้ฉันมาอยู่ที่นี่ ฉันมาแล้ว เวลาอาจช่วยไขข้อข้องใจให้เราก็ได้ รอไปด้วยกันไหมคุณสมัตถ์”แม้ไม่อยากเห็นด้วย แต่ไม่มีทางเลือกเลย สุดท้ายสมัตถ์ก็ต้องพยักหน้ารับคำนางผกากรอง นางยิ้มน้อยๆ ราวกับพอใจในคำตอบของเขา ก่อนจะยกเอาถาดฟักทองมาถือไว้แล้วลุกขึ้นยืน เขาลุกตามบ้าง ฟักทองเหลืองอร่ามในถาดอลูมิเนียมหากเอาไปทำแกงคงอร่อยไม่หยอก“แม่ผมไม่ค่อยเข้าครัวเท่าไหร่ เราชอบความสะดวก ซื้อมากิน หรือไม่ก็ไปกินที่ร้าน ผมชินเสียแล้วกับการที่แม่บ้านแม่เรือนไม่ค่อยทำหน้าที่” เขาเอ่ยขำๆ แต่เหมือนแก้ต่างให้ศรีภรรยาที่ยังหลับไม่ตื่น“ฉันเข้าใจค่ะ คนเราถูกเลี้ยงมาไม่เหมือนกัน ยัยเทียนเอง เห็นเป็
“ครับผม” เด็กน้อยทำตามอย่างว่าง่าย หอบเอาสมุดปากกาและตำราเข้าข้างใน“โอบรอข้างในนะคุณ” เธอบอก เขาพยักหน้า แต่ยังไม่ยอมลุก แม้ว่าเทียนหยดจะลุกไปหาของว่างในครัวแล้วก็ตาม“เรียกฉันว่าน้าก็ได้ เรียกคุณๆ มันยังไงชอบกล ไหนๆ ก็มาอยู่บ้านเดียวกัน” ผกากรองเอ่ย จับเอาฟักทองซีกหนึ่งมาฝานเปลือกออกด้วยมีดสองคม มือขาวๆ นั้นเริ่มดำด่างด้วยการกระทำของเปลือกฟักทอง ทว่าเจ้าของมิได้สนใจ สิ่งที่นางทำช่างขัดกับมาดคุณนายที่เป็น ผกากรองสวมชุดเดรสแบรนด์เนมร่วมสมัย ทว่าด้วยการออกแบบนั้นช่วยทำให้สมกับอายุของนาง มิได้ดูฉูดฉาดมากไป อยู่ในความพอเหมาะพอดี ดูเรียบหรูจนสมัตถ์ยังนึกชื่นชม“คุณไม่โกรธพวกเราแล้วเหรอ เมื่อก่อนยังเห็นเป็นศัตรู” เขาสะกิดใจ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ผกากรองกับบุตรชายก็อยู่กันเงียบๆ ไม่ได้ทำบ้านให้ร้อนเป็นไฟอย่างที่เขาเคยคิด นางยังช่วยทำอาหารอร่อยๆ ขึ้นโต๊ะให้คนในบ้านรับประทาน อย่างไม่คิดว่าตัวเองจะเหนื่อย“ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวรนี่ ถ้าคุณทำงานให้ RPS อย่างขันแข็ง ซื่อตรง แล้วฉันจะมองคุณเป็นศัตรูได้ยังไง ฉันไม่