หลังจากทานมื้อค่ำเสร็จเกวลินก็กลับมาขลุกตัวอยู่ในห้อง เธอทิ้งตัวลงนอนแล้วได้แต่คิดถึงคำพูดของพระเพลิงเมื่อเย็นที่คุยกับป้าหทัย เธอไม่ได้ตั้งใจจะไปแอบฟังแต่กำลังจะเดินไปหาดูว่าลืมกระเป๋าไว้ที่ห้องนั่งเล่นหรือเปล่า ก็เลยเผลอไปได้ยินบทสนทนานั้นเข้า
คำพูดแสนตอกย้ำของพระเพลิงที่บอกว่าเธอเป็นแค่น้องสาวฟังกี่ครั้งใจก็ยังคงเจ็บอย่างไม่รู้สึกชินกับมันเสียที ทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มแล้วเอาแต่มองจ้องผ้าพันแผลที่พระเพลิงเป็นคนพันให้นิ่ง
อยากจะให้เขาใจดีแค่กับเธอแต่มันคงเป็นไปไม่ได้ เรื่องวันนี้มันทำให้เธอได้เห็นความห่วงใยที่เขามีให้ดารกาว่ามันมีมากกว่าที่ให้เธอเป็นไหนๆ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเธอไม่มีทางสู้คนในใจเขาได้เลย
"เกลเปิดประตูหน่อยค่ะ พี่เอากระเป๋ามาให้"
พระเพลิงวางกระเป๋าสะพายใบโปรดทีาเธอลืมไว้บนรถเขาลงบนเตียงพร้อมช่อดอกไม้ที่เขาเจอมันในกระเป๋าเธอด้วย เกวลินได้แต่รอบกลืนน้ำลายเพราะเธอไม่คิดว่าอีกคนจะเห็นมัน ปกติจะรับแล้วเอากลับมาแบบนี้ก่อนจะหาวิธีทิ้งไปแต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ทัน
"ผู้ชายที่ไหนให้มาคะ?"
"คือ....เพื่อนไงคะ เพื่อนเกลเอามาให้ค่ะ"
"พี่ก็พึ่งรู้นะคะ ว่าเกลมีเพื่อนชื่อภูผาด้วย?"
เกลวิลินเบิกตากว้างทันทีที่ถูกจับได้ รีบถามเขากลับไปว่าทำไมเขาถึงรู้เรื่องนี้ การ์ดใบเล็กก็ถูกยื่นมาให้ตรงหน้าแทนคำตอบจากเขา เพราะไม่ได้สนใจมันมากนักก็เลยไม่รู้ว่าวันนี้อาจารย์ฝึกสอนคนนั้นจะเขียนการ์ดมาด้วย
"การได้เจอเกลเป็นเหมือนกับพรหมลิขิตของพี่เลยนะครับ ประโยคปบบนี้หรอที่เพื่อนเขียนให้กัน"
"คือว่า...."
"เดี๋ยวนี้ปิดบังพี่หรอคะ?"
"เปล่านะคะ พี่ภูผาเป็นอาจารย์ฝึกสอนค่ะ พี่เขามาจีบแต่ว่าเกลไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลยนะคะ" พระเพลิงเป็นแบบนี้ทุกทีที่มีคนเข้ามาจีบเธอ เกวลินจะต้องรีบอธิบายให้เขาเข้าใจก่อนที่อีกคนจะโกรธแล้วไม่ยอมคุยด้วย
"ไม่ได้คิดแน่นะคะ"
"แน่สิคะ เกลแค่รับไว้ตามมารยาท" โชคดีที่ครั้งนี้พระเพลิงดูจะรับฟัง แต่ช่อดอกไม้ก็ยังถูกเขาหยิบขึ้นมาแล้วโยนลงถังขยะอย่างไม่ใยดี พระเพลิงไม่ชอบเวลาที่ใครเข้ามายุ่มย่ามกับเธอแบบนี้ เกวลินรู้ดี ก็เลยปล่อยให้เขาทำในสิ่งที่อยากทำจะได้ไม่หงุดหงิด
กว่าพระเพลิงจะยอมออกไปก็นั่งจับเข่าคุยกันเรื่องนี้อยู่พักใหญ่ อีกคนดูไม่พอใจมากยามได้ยินว่ามีใครเข้ามายุ่มย่ามกับเธอ เพราะไม่เคยมีพี่ชายมาก่อนถึงไม่รู้ว่าปกติแล้วคนที่มองว่าเราเป็นน้องสาวแท้ๆจะต้องหวงขนาดนี้ไหม แต่พระเพลิงเป็นแบบนั้นมาตลอด
พระเพลิงนั่งลงบนเตียงนอนอย่างหัวเสีย ถึงแม้จะคุยกับเกวลินอย่างเข้าใจได้ดีเพราะเธอไม่เคยดื้อกับเขา แต่เรื่องที่เธอเล่าเกี่ยวกับอาจารย์ฝึกสอนที่คอยมาเกาะแกะเธอมันยังกวนใจเขาอยู่จนตอนนี้
เกวลินเป็นคนซื่อแล้วก็ขี้เกรงใจคนมากเกินไป ที่เขาต้องตามดูแลขนาดนี้ก็เพราะกลัวว่าน้องจะตามพวกผู้ชายที่เข้ามาไม่ทัน ไม่ใช่คิดเป็นอื่นอย่างที่ใครเข้าใจผิดกันไปไกล
เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับเกวลินไม่ใช่แค่คุณแม่ที่คิดแบบนี้ แต่ใครต่อใครก็เฝ้าถามกันทั้งนั้น เพื่อนเขายังเคยถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้วก็บอกว่าภาพที่คนภายนอกมองมามันเหมือนกับคนรักกันมากกว่าที่จะเป็นพี่น้อง
แม้แต่ดารกาก็ยังเคยพูดถึงเรื่องนี้เลย เธอเอาแต่บอกเขาว่าให้เขาคิดให้ดีอย่างที่คุณแม่พยายามบอกเขาในวันนี้ แต่นี่มันความรู้สึกของเขานะ คนอื่นจะมารู้ดีไปกว่าเขาได้ยังไงกัน
พระเพลิงก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่อยากทำหน้าที่พี่ชายให้ดี เรื่องที่เกวลินเคยเผชิญมันก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาไม่อยากให้เธอรู้สึกขาดอะไร
เขาคอยดูแลไม่ห่างไปไหนก็เพราะรู้ว่าเธอไม่มีใครอีกแล้ว มีเพียงแค่เขากับคนในครอบครัวของเขาเพียงเท่านั้น ถึงเธอจะมีเงินมากมายหลงเหลือมากพอให้ใช้ชีวิต แต่ความอบอุ่นจากครอบครัวมันก็ไม่สามารถซื้อกันได้ด้วยตัวเงินอยู่ดี
"เกลยังไม่ลงมาอีกหรอครับ?" เช้าวันนี้เขาตื่นเช้าเป็นพิเศษ เพราะทุกวันศุกร์เกวลินจะต้องไปแวะซื้อขนมร้านโปรดก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัยเลยต้องเผื่อเวลา แต่การไม่เจอเธออยู่ร่วมโต๊ะอาหารสำหรับมื้อเช้าก็ทำให้เขาแปลกใจ ดูเหมือนคุณแม่เขาก็เตรียมอาหารจนวุ่นแล้วพึ่งจะรู้ตัว ปกติเกวลินไม่เคยตื่นสายเลย นอกซะจากว่าจะป่วย...
ไม่ผิดไปจากที่เขาคิดเลยสักนิด พระเพลิงอาสาขึ้นมาดูน้องเองทันทีด้วยความเป็นห่วง ถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาหลังจากไม่มีเสียงตอบรับทั้งที่เขายืนเคาะประตูอยู่ร่วมสามนาที
เกวลินนอนตัวร้อนจี๋อยู่บนเตียงนอน พระเพลิงแตะไปตามเนื้อตัวเพื่อสำรวจดูแล้วก็รู้สึกได้ถึงความร้อนที่ไม่ต่างกันจากตอนที่เขาแตะที่หน้าผากเธอเลย
คนน้องขยับไปมาเล็กน้อยในตอนที่เขาเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดซับตามใบหน้าน่ารักให้ แต่เพียงแค่นั้นเธอก็นอนนิ่ง ตั้งแต่รู้จักกันมาต่อให้ป่วยมากแค่ไหนน้องก็ไม่เคยงอแงหรือทำให้รำคาญเลย เธอมักจะเงียบมากกว่า จนบางทีบางครั้งแทบจะไม่เอ่ยปากบอกใครด้วยซ้ำว่ากำลังป่วยอยู่
"ขอบคุณนะครับอาหมอ" พระเพลิงเดินมาส่งอาหมอของเขาที่รถหลังจากตรวจเกวลินเสร็จ เพราะน้องดูไม่ดีขึ้นเลยตั้งแต่เช้าจนเกือบบ่ายเขาถึงได้โทรตามอาหมอให้มาดูอาการถึงที่นี่ สรุปอาการได้ว่าเพราะแผลที่มืออักเสบก็เลยมีไข้ เขาถึงได้โล่งใจว่าคงจะไม่เป็นอะไรมาก
"เดี๋ยวขึ้นไปปลุกน้องทานข้าวหน่อย จะได้ทานยาที่อาให้ไว้ ถ้าคืนนี้ไข้ไม่ลดก็โทรบอกอานะ" บอกแล้วว่าใครต่อใครต่างก็เอ็นดูเกวลินกันทั้งนั้น แม้แต่อาหมอที่แทบจะไม่ได้มาที่นี่บ่อยมากนักก็ยังเอ็นดูเธอมากกว่าหลานที่แท้จริงอย่างเขาเสียอีก
หลังจากส่งอาหมอกลับไปเรียบร้อยเขาก็รีบยกข้าวที่ให้แม่บ้านเตรียมให้ขึ้นไปชั้นบน เกวลินยังนอนห่มผ้าอยู่ไม่ขยับตื่นขึ้นมา พระเพลิงพยายามปลุกน้องให้ตื่นมาทานข้าวอย่างที่อาหมอบอกเอาไว้ แล้วเธฮก็ตื่นมาหลังเขาสะกิดเรียกเพียงไม่นาน
ถึงจะอ่อนเพลียแต่ก็ยังไม่งอแงแล้วอ้าปากรับข้าวที่เขาป้อนให้อย่างว่าง่าย เกวลินหลับตาเป็นระยะถ้าเขาเดาไม่ผิดคงเป็นเพราะอาการปวดหัวที่เล่นงานเธอไม่รู้จบ เธอพยายามทานข้าวทุกคำที่เขาตักให้ กว่าจะบอกให้เขาหยุดป้อนก็ในตอนที่ข้าวมันพร่องไปเกือบครึ่งชามแล้ว
พระเพลิงมองดูน้องที่ยอมหยิบยาเข้าปากไปอย่างไม่ปฏิเสธ เกวลินโตขึ้นมากแล้วจากเมื่อก่อน ตอนที่เจอกันใหม่ๆเธอเป็นคนกินยายากมาก ทั้งคุณพ่อคุณแม่เขาบังคับอยู๋นานกว่าจะยอมกินมันเข้าไปในแต่ละครั้ง
แต่ถ้าเป็นกับพระเพลิงแล้ว เพียงแค่เขาลูบหัวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มสักหน่อย น้องก็พร้อมจะเชื่อฟังแล้วกินเข้าไปอย่างไม่งอแง ตั้งแต่วันนั้นเขาก็เลยเข้าใจดีมาตลอด เกวลินไม่ใช่เด็กเอาแต่ใจ แต่แค่ต้องการคนที่เข้าใจต่างหาก
เกวลินก็แค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่โชคร้ายต้องสูญเสียพ่อแม่ไปพร้อมกันเพราะอุบัติเหตุที่เธอเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนักเมื่อหกปีก่อนที่สามคนพ่อแม่ลูกพูดคุยกันด้วยความสุขเหมือนอย่างทุกวัน เด็กสาวพูดเจื้อยแจ่วแล้วหยิบของในถุงของเล่นแสนแพงที่พึ่งอ้อนให้คุณพ่อจ่ายเงินซื้อให้ขึ้นมาเชยชมคุณแม่ที่นั่งอยู่ด้านข้างลูบหัวลูกสาวด้วยความรักใคร่ เด็กสาวแสนออดอ้อนขยับหอมแก้มคุณแม่ไปฟอดใหญ่จนคุณพ่อยังต้องเอ่ยปากแซวเสียงหัวเราะและความสุขทั้งรอยยิ้มเปื้อนใบหน้าของพวกท่านในวันนั้นใครจะรู้ว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้เห็น ถนนที่เปียกชุ่มส่งผลให้รถเสียหลักไถลพุ่งชนกับขอบทางด่วนเต็มแรง เด็กสาวร่ำไห้เสียงดังลั่นด้วยความตกใจราวกับว่าผ่านไปไม่นานที่เธอวูบไปแต่ทว่าการลืมตาตื่นในครั้งนี้ของเธอมันเหมือนกับโลกทั้งใบถูกพังทลายลงตรงหน้า คุณพ่อเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ส่วนคุณแม่ที่โอบกอดเด็กสาวไว้แน่นเพื่อปกป้องก็เสียชีวิตในเวลาต่อมาเธอตื่นมาพบกับความจริงที่ว่า......เธอไม่เหลือใครในชีวิตอีกต่อไปแล้วภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นยังคงเป็นฝันร้ายที่เกวลินไม่อาจลืมได้ มันยังคงตามหลอกหลอนเธออยู่บ่อ
"อย่าลืมที่พี่บอกไปตอนทานข้าวนะคะ" "เรื่องไหนนะคะ?" บทสนทนาบนโต๊ะอาหารเช้าของวันนี้มันมากจนเธอเองก็คาดเดาไม่ได้เหมือนกันว่าพระเพลิงหมายถึงเรื่องไหน แล้วเหมือนความไม่รู้นั้นจะทำให้อีกคนหงุดหงิดขึ้นมาเสียด้วยสิ"สนใจเรื่องเรียนไปก่อน ถ้าใครมาจีบก็มาบอกพี่ด้วย" ถ้าพระเพลิงยังเอาแต่ย้ำเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้เธอควรรู้สึกยังไง ทั้งที่ใช้ความพยายามมากมายคอยห้ามความรู้สึกตัวเองไว้ แต่การกระทำของเขาก็เอาแต่ดึงเธอให้คิดเข้าข้างตัวเองไปไกลอยู่อย่างนั้"ถ้าเกลบอกพี่ แล้วพี่จะทำอะไรคะ?" "ก็ลองบอกมาก่อนสิคะ" เกวลินได้แต่ส่ายหัวปฏิเสธไป พระเพลิงเองคงไม่รู้ว่าไม่จำเป็นต้องมานั่งห่วงเธอเรื่องใครเข้ามาจีบเลย เพราะหัวใจดวงน้อยนี้ของเกวลินมีเอาไว้เพื่อรักแค่เขาเท่านั้นก้าวเดินไปตามทางเดินเข้าใต้ตึกคณะบริหาร กว่าพระเพลิงจะยอมปล่อยเธอลงมาจากรถก็คุยและย้ำเรื่องเดิมซ้ำอีกหลายครั้ง เธอชินเสียแล้วพระเพลิงมักเป็นอย่างนี้เสมอยามได้ยินมาว่าผู้ชายคนไหนเข้ามายุ่มย่ามหรือออกแนวชอบเธอในเชิงนั้น แต่อาการของเขาดูจะมากขึ้นก็ช่วงตั้งแต่เธออายุได้สิบแปดปีบริบูรณ์ละมั้งเกวลินยังจำวันนั้นได้ดีไม่มีวันลืมได้ลง ในช
"อ้าว น้องเกล" เสียงหวานที่เอ่ยทักทายทุกครั้งยามเธอมาที่นี่เป็นเรื่องปกติที่เธอคุ้นชินไปแล้ว ไม่ลืมที่จะหันไปยิ้มตอบรับและยกมือไหว้ทักทายอีกคนกลับไปด้วยดารกา สาวสวยเพื่อนสนิทของพระเพลิงที่ทำตำแหน่งเลขาของรองประธานบริษัทอยู่ในตอนนี้ และที่สำคัญที่สุดเธอคนนี้คือเจ้าของหัวใจทั้งดวงของพระเพลิงผู้ชายที่เธอเองก็รักเขาจนสุดหัวใจ"เข้าไปในห้องสิคะ พระเพลิงอยู่ในนั้น" ดารกาเป็นคนอ่อนหวานแล้วก็ใจดีมาก บางครั้งเกวลินยังเผลออมยิ้มให้กับท่าทางใจดีของเธอเลย มันก็ไปแปลกหรอกที่พระเพลิงจะตกหลุมรัก เธอดูเพียบพร้อมทุกอย่างเหมาะสมกับเขามากจริงๆนั่นแหละ"ขอโทษค่ะ พอดีดาไม่รู้ว่าท่านประธานก็อยู่ด้วย""ไม่เป็นไรหรอกดา เข้ามาเถอะ เพลิงกับพ่อก็แค่คุยกันไปเรื่อยเปื่อย" น้ำเสียงอ่อนโยนแบบนี้ที่ใช้พูดกับดารกาเธอเองได้ยินมันมาเสมอ แต่จะรู้สึกอิจฉาไปมันก็เท่านั้น คนที่เป็นเจ้าของหัวใจเขาก็สมควรได้รับอยู่แล้ว"มีคนมาช่วยทำงานอีกแล้วค่ะ""หืม หนูเกลหรอ?" เกวลินเดินเข้าไปหลังจากที่ได้ยินลุงดนัยเรียกชื่อเธอ ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้คุณลุงกับพระเพลิงเหมือนอย่างที่ทำทุกวันหลังจากกลับจากมหาวิทยาลัยด้วย พระเพลิงรีบเดินเข้ามา
หลังจากทานมื้อค่ำเสร็จเกวลินก็กลับมาขลุกตัวอยู่ในห้อง เธอทิ้งตัวลงนอนแล้วได้แต่คิดถึงคำพูดของพระเพลิงเมื่อเย็นที่คุยกับป้าหทัย เธอไม่ได้ตั้งใจจะไปแอบฟังแต่กำลังจะเดินไปหาดูว่าลืมกระเป๋าไว้ที่ห้องนั่งเล่นหรือเปล่า ก็เลยเผลอไปได้ยินบทสนทนานั้นเข้าคำพูดแสนตอกย้ำของพระเพลิงที่บอกว่าเธอเป็นแค่น้องสาวฟังกี่ครั้งใจก็ยังคงเจ็บอย่างไม่รู้สึกชินกับมันเสียที ทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มแล้วเอาแต่มองจ้องผ้าพันแผลที่พระเพลิงเป็นคนพันให้นิ่งอยากจะให้เขาใจดีแค่กับเธอแต่มันคงเป็นไปไม่ได้ เรื่องวันนี้มันทำให้เธอได้เห็นความห่วงใยที่เขามีให้ดารกาว่ามันมีมากกว่าที่ให้เธอเป็นไหนๆ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเธอไม่มีทางสู้คนในใจเขาได้เลย"เกลเปิดประตูหน่อยค่ะ พี่เอากระเป๋ามาให้" พระเพลิงวางกระเป๋าสะพายใบโปรดทีาเธอลืมไว้บนรถเขาลงบนเตียงพร้อมช่อดอกไม้ที่เขาเจอมันในกระเป๋าเธอด้วย เกวลินได้แต่รอบกลืนน้ำลายเพราะเธอไม่คิดว่าอีกคนจะเห็นมัน ปกติจะรับแล้วเอากลับมาแบบนี้ก่อนจะหาวิธีทิ้งไปแต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ทัน"ผู้ชายที่ไหนให้มาคะ?""คือ....เพื่อนไงคะ เพื่อนเกลเอามาให้ค่ะ""พี่ก็พึ่งรู้นะคะ ว่าเกลมีเพื่อนชื่อภูผาด้วย?" เ
"อ้าว น้องเกล" เสียงหวานที่เอ่ยทักทายทุกครั้งยามเธอมาที่นี่เป็นเรื่องปกติที่เธอคุ้นชินไปแล้ว ไม่ลืมที่จะหันไปยิ้มตอบรับและยกมือไหว้ทักทายอีกคนกลับไปด้วยดารกา สาวสวยเพื่อนสนิทของพระเพลิงที่ทำตำแหน่งเลขาของรองประธานบริษัทอยู่ในตอนนี้ และที่สำคัญที่สุดเธอคนนี้คือเจ้าของหัวใจทั้งดวงของพระเพลิงผู้ชายที่เธอเองก็รักเขาจนสุดหัวใจ"เข้าไปในห้องสิคะ พระเพลิงอยู่ในนั้น" ดารกาเป็นคนอ่อนหวานแล้วก็ใจดีมาก บางครั้งเกวลินยังเผลออมยิ้มให้กับท่าทางใจดีของเธอเลย มันก็ไปแปลกหรอกที่พระเพลิงจะตกหลุมรัก เธอดูเพียบพร้อมทุกอย่างเหมาะสมกับเขามากจริงๆนั่นแหละ"ขอโทษค่ะ พอดีดาไม่รู้ว่าท่านประธานก็อยู่ด้วย""ไม่เป็นไรหรอกดา เข้ามาเถอะ เพลิงกับพ่อก็แค่คุยกันไปเรื่อยเปื่อย" น้ำเสียงอ่อนโยนแบบนี้ที่ใช้พูดกับดารกาเธอเองได้ยินมันมาเสมอ แต่จะรู้สึกอิจฉาไปมันก็เท่านั้น คนที่เป็นเจ้าของหัวใจเขาก็สมควรได้รับอยู่แล้ว"มีคนมาช่วยทำงานอีกแล้วค่ะ""หืม หนูเกลหรอ?" เกวลินเดินเข้าไปหลังจากที่ได้ยินลุงดนัยเรียกชื่อเธอ ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้คุณลุงกับพระเพลิงเหมือนอย่างที่ทำทุกวันหลังจากกลับจากมหาวิทยาลัยด้วย พระเพลิงรีบเดินเข้ามา
"อย่าลืมที่พี่บอกไปตอนทานข้าวนะคะ" "เรื่องไหนนะคะ?" บทสนทนาบนโต๊ะอาหารเช้าของวันนี้มันมากจนเธอเองก็คาดเดาไม่ได้เหมือนกันว่าพระเพลิงหมายถึงเรื่องไหน แล้วเหมือนความไม่รู้นั้นจะทำให้อีกคนหงุดหงิดขึ้นมาเสียด้วยสิ"สนใจเรื่องเรียนไปก่อน ถ้าใครมาจีบก็มาบอกพี่ด้วย" ถ้าพระเพลิงยังเอาแต่ย้ำเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้เธอควรรู้สึกยังไง ทั้งที่ใช้ความพยายามมากมายคอยห้ามความรู้สึกตัวเองไว้ แต่การกระทำของเขาก็เอาแต่ดึงเธอให้คิดเข้าข้างตัวเองไปไกลอยู่อย่างนั้"ถ้าเกลบอกพี่ แล้วพี่จะทำอะไรคะ?" "ก็ลองบอกมาก่อนสิคะ" เกวลินได้แต่ส่ายหัวปฏิเสธไป พระเพลิงเองคงไม่รู้ว่าไม่จำเป็นต้องมานั่งห่วงเธอเรื่องใครเข้ามาจีบเลย เพราะหัวใจดวงน้อยนี้ของเกวลินมีเอาไว้เพื่อรักแค่เขาเท่านั้นก้าวเดินไปตามทางเดินเข้าใต้ตึกคณะบริหาร กว่าพระเพลิงจะยอมปล่อยเธอลงมาจากรถก็คุยและย้ำเรื่องเดิมซ้ำอีกหลายครั้ง เธอชินเสียแล้วพระเพลิงมักเป็นอย่างนี้เสมอยามได้ยินมาว่าผู้ชายคนไหนเข้ามายุ่มย่ามหรือออกแนวชอบเธอในเชิงนั้น แต่อาการของเขาดูจะมากขึ้นก็ช่วงตั้งแต่เธออายุได้สิบแปดปีบริบูรณ์ละมั้งเกวลินยังจำวันนั้นได้ดีไม่มีวันลืมได้ลง ในช
เกวลินก็แค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่โชคร้ายต้องสูญเสียพ่อแม่ไปพร้อมกันเพราะอุบัติเหตุที่เธอเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนักเมื่อหกปีก่อนที่สามคนพ่อแม่ลูกพูดคุยกันด้วยความสุขเหมือนอย่างทุกวัน เด็กสาวพูดเจื้อยแจ่วแล้วหยิบของในถุงของเล่นแสนแพงที่พึ่งอ้อนให้คุณพ่อจ่ายเงินซื้อให้ขึ้นมาเชยชมคุณแม่ที่นั่งอยู่ด้านข้างลูบหัวลูกสาวด้วยความรักใคร่ เด็กสาวแสนออดอ้อนขยับหอมแก้มคุณแม่ไปฟอดใหญ่จนคุณพ่อยังต้องเอ่ยปากแซวเสียงหัวเราะและความสุขทั้งรอยยิ้มเปื้อนใบหน้าของพวกท่านในวันนั้นใครจะรู้ว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้เห็น ถนนที่เปียกชุ่มส่งผลให้รถเสียหลักไถลพุ่งชนกับขอบทางด่วนเต็มแรง เด็กสาวร่ำไห้เสียงดังลั่นด้วยความตกใจราวกับว่าผ่านไปไม่นานที่เธอวูบไปแต่ทว่าการลืมตาตื่นในครั้งนี้ของเธอมันเหมือนกับโลกทั้งใบถูกพังทลายลงตรงหน้า คุณพ่อเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ส่วนคุณแม่ที่โอบกอดเด็กสาวไว้แน่นเพื่อปกป้องก็เสียชีวิตในเวลาต่อมาเธอตื่นมาพบกับความจริงที่ว่า......เธอไม่เหลือใครในชีวิตอีกต่อไปแล้วภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นยังคงเป็นฝันร้ายที่เกวลินไม่อาจลืมได้ มันยังคงตามหลอกหลอนเธออยู่บ่อ