เกวลินก็แค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่โชคร้ายต้องสูญเสียพ่อแม่ไปพร้อมกันเพราะอุบัติเหตุที่เธอเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย
ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนักเมื่อหกปีก่อนที่สามคนพ่อแม่ลูกพูดคุยกันด้วยความสุขเหมือนอย่างทุกวัน เด็กสาวพูดเจื้อยแจ่วแล้วหยิบของในถุงของเล่นแสนแพงที่พึ่งอ้อนให้คุณพ่อจ่ายเงินซื้อให้ขึ้นมาเชยชม
คุณแม่ที่นั่งอยู่ด้านข้างลูบหัวลูกสาวด้วยความรักใคร่ เด็กสาวแสนออดอ้อนขยับหอมแก้มคุณแม่ไปฟอดใหญ่จนคุณพ่อยังต้องเอ่ยปากแซว
เสียงหัวเราะและความสุขทั้งรอยยิ้มเปื้อนใบหน้าของพวกท่านในวันนั้นใครจะรู้ว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้เห็น ถนนที่เปียกชุ่มส่งผลให้รถเสียหลักไถลพุ่งชนกับขอบทางด่วนเต็มแรง เด็กสาวร่ำไห้เสียงดังลั่นด้วยความตกใจ
ราวกับว่าผ่านไปไม่นานที่เธอวูบไปแต่ทว่าการลืมตาตื่นในครั้งนี้ของเธอมันเหมือนกับโลกทั้งใบถูกพังทลายลงตรงหน้า คุณพ่อเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ส่วนคุณแม่ที่โอบกอดเด็กสาวไว้แน่นเพื่อปกป้องก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา
เธอตื่นมาพบกับความจริงที่ว่า...
...เธอไม่เหลือใครในชีวิตอีกต่อไปแล้ว
ภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นยังคงเป็นฝันร้ายที่เกวลินไม่อาจลืมได้ มันยังคงตามหลอกหลอนเธออยู่บ่อยครั้ง เธอมักฝันถึงมันในค่ำคืนวันฝนตกและในคืนนี้ก็เป็นอีกคืน
"แม่คะ ฮึก พ่อคะ" เธอร่ำไห้เรียกหาพ่อแม่เหมือนกับวันนั้นไม่มีผิด สาวน้อยวัยยี่สิบยกมือปัดป่ายไปมาเพื่อควานหาที่พึ่งพิง
"เกลคะ" เสียงคุ้นเคยที่คอยเรียกให้เธอตื่นยามฝันร้ายดังขึ้นเสียที เกวลินลุกหาอ้อมกอดอุ่นทันทีที่ลืมตาตื่น นึกขอบคุณในใจที่เขามาเรียกให้เธอตื่นจากฝันร้ายเหมือนอย่างเคย
"พี่เพลิง ฮึก" พระเพลิงและครอบครัวเป็นคนที่ดูแลเธอต่อหลังจากเธอสูญเสียทุกอย่างไปหมด พ่อของอีกคนเป็นเพื่อนสนิทกับพ่อของเธอ และเป็นคนอาสาดูแลเธอต่อเอง
พระเพลิงเป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งพี่ชาย หรือแทบจะเป็นทุกอย่างของเกวลินคนนี้ ถ้ามีใครมาถามเธอก็คงจะพูดได้เต็มปากว่าเธอรักเขา ถึงแม้เขาจะไม่ได้คิดเหมือนกันก็ตาม
"ฝันร้ายอีกแล้วหรอคะ?" น้ำเสียงนุ่มนวลกับมือที่ลูบแผ่นหลังหลังอย่างอบอุ่นเป็นสิ่งที่เขาทำเสมอยามต้องการให้เธอคลายกังวล และมันก็เป็นการกระทำที่ได้ผลดีมาตลอด
"เกลไม่ชอบให้ฝนตกเลย ฮึก ทำไมต้องตกด้วย"
"เราห้ามฝนไม่ให้ตกไม่ได้หรอกนะคะ เกลต้องเข้มแข็ง แล้วผ่านไปให้ได้นะ ทุกอย่างมันถึงจะดีขึ้น"
"ขอบคุณนะคะ ทำให้พี่ไม่ได้นอนอีกแล้ว" สัมผัสอุ่นจากฝ่ามือแตะลงบนกลุ่มผมนุ่ม พระเพลิงแทบจะชินไปซะแล้วกับการต้องลุกมาดูเกวลินทุกคืนที่สายฝนเทกระหน่ำลงมาแบบนี้
"ไม่เป็นไรเลยค่ะ แค่ฝนตั้งเค้าพี่ก็รอดูอยู่แล้วว่าจะต้องมาดู ไม่ต้องร้องแล้วนะคะ พักผ่อนนะ เดี๋ยวจะป่วยอีก" ก็เพราะพระเพลิงอบอุ่นซะขนาดนี้ ทำไมใจดวงน้อยที่ไม่มีที่พึ่งอย่างเกวลินจะไม่ตกหลุมรักเขาละ ทั้งที่อยากให้เขาเป็นของตัวเองแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะพระเพลิงมีหัวใจไว้ให้คนอื่น
"พี่กลับไปพักก็ได้นะคะ เกลดีขึ้นแล้ว"
"พี่จะรอจนกว่าเกลจะหลับ นอนนะคะ" ยามที่เขาคอยเฝ้ามองด้วยสายตาเป็นห่วงกับการกระทำที่แสนใส่ใจทำเอาใจดวงน้อยไม่สามารถเป็นของใครได้อีก
สายฝนที่เทกระหน่ำเริ่มซาลงไปพร้อมกับคนบนเตียงที่หายใจสม่ำเสมอ พระเพลิงไม่ลืมที่จะดึงผ้าห่มคลุมกสยให้น้องแล้วปิดไฟหัวเตียงลงอย่างเก่า
ยืนมองเกวลินที่หลับอยู่ด้วยแววตาเห็นใจ เธอตัวเล็กแค่นี้แต่แบกรับอะไรมากมายเสียจนบางครั้งเขายังนึกว่า ถ้าเป็นเขาเองจะแบกรับทุกอย่างได้เท่าเธอไหม
พระเพลิงไม่เคยรู้สึกว่าการที่พ่อพาเกวลินมาให้ดูแลเป็นการเพิ่มภาระ เธอเป็นเด็กดี เชื่อฟังเขามาก แถมยังเปราะบางในบางเวลาด้วย เขายินดีดูแลเธอเสมอไม่ว่าจะเรื่องไหน แต่ดูแลในฐานะ พี่ชาย คนหนึ่งเพียงเท่านั้น
ไม่ใช่ว่าเขามองไม่ออกว่าเธอคิดกับเขาแบบไหน แต่พระเพลิงมองเธอเป็นเพียงแค่น้องสาวเท่านั้น เขาดูแลเธอมาตั้งแต่อายุสิบสี่ อายุเราห่างกันตั้งสิบปีไม่มีทางเลยที่เขาจะคิดเป็นอื่น
โชคดีหน่อยที่เกวลินไม่เคยเรียกร้องอะไร หรือไม่แม้แต่จะแสดงท่าทีที่ทำให้เขาต้องอึดอัด เขาก็ก็เลยไม่เคยตีตัวออกห่างเธอไปไหน และยังตามดูแลเธอได้เหมือนเดิม
เช้าวันต่อมา
ฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ พระเพลิงเป็นคนสอนให้เกวลินเชื่อและเข้าใจในค่ำนั้น ถึงแม้ชีวิตเธอจะเจอเรื่องเลวร้ายที่ไม่คิดว่าจะมีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีก แต่เหตุการณ์นั้นก็ทำให้เธอได้พบกับคนดีอย่างทุกคนในครอบครัวพระเพลิง
"หนูเกลทานเยอะหน่อยสิลูก ผอมไปหมดแล้วเนี่ย" ประโยคที่คุณป้าหทัยแม่ของพระเพลิงบอกกับเธอเสมอ ต่อให้เธอจะทานเยอะมากมายขนาดไหน คุณป้าหทัยก็ยังอยากให้เธอทานเยอะกว่าเดิมอีก
"เยอะอะไรละเนี่ย ผอมจนเหลือแต่กระดูกแล้วลูก"
"คุณแม่ก็พูดเกินไปครับ หุ่นเกลตอนนี้ก็กำลังดีออก เด็กผู้หญิงสมัยนี้กลัวอ้วนกัน คุณแม่อย่าไปบังคับให้ทานนักเลยครับ"
"ตาเพลิงนี่ยังไง แม่ไม่ได้บังคับน้องสักหน่อยนะ"
"อย่าไปถือสาคุณป้าเลยนะลูก คุณป้าแค่อยากให้หนูมีน้ำมีนวลขึ้นอีกหน่อย" เกวลินหันไปยิ้มให้คุณลุงดนัยผู้ที่เธอแสนเคารพ เพราะเป็นคนพาเธอมาอยู่ที่นี่ทั้งที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นญาติด้วยซ้ำ
"ขอบคุณนะคะคุณป้า งั้นเกลจะทานในจานนี้ให้หมดเลย ดีไหมคะ"
"ดีสิลูก ต้องแบบนี้สิ"
"แค่นี้คุณแม่พี่ก็รักจะแย่แล้วค่ะ คิดจะแย่งทำคะแนนหรอคะ?" เกวลินหัวเราะออกมาทันทีหลังจากที่พระเพลิงพูดจบก็โดนป้าหทัยตีไปที่แขนเต็มแรง ทุกครั้งที่เธอโดนพระเพลิงแกล้ง คุณป้าหทัยก็พร้อมจะอยู่ข้างเธอตลอด
"แล้วเรียนเป็นยังไงบ้างลูก ขาดเหลืออะไรไหม บอกลุงได้นะ"
"โอเคดีค่ะคุณลุง ตอนนี้ไม่ขาดเหลืออะไร ขอบคุณนะคะ"
"เป็นสาวแล้วมีหนุ่มมาเกาะแกะบ้างหรือเปล่าคะ?" จู่ๆพระเพลิงก็พูดประโยคนี้ขึ้นมา เธอไม่ได้ตกใจที่เขาถาม แต่กลับรู้สึกดีใจมากกว่า อาการแบบนี้จะเรียกว่าหวงได้ไหมนะ ไม่คิดเข้าข้างตัวเองเกินไปใช่ไหม
"อืมมม ก็มีนะคะ"
"ใครคะ!?"
"ตาเพลิงจะตกใจทำไมเนี่ย น้องน่ารักขนาดนี้มีหนุ่มมาจีบบ้างก็ไม่แปลกหรอก"
"พี่ไม่อนุญาตนะคะ"
"ไม่อนุญาตอะไรคะ?"
"ไม่อนุญาตให้มีแฟนค่ะ ยังเด็กอยู่ตั้งใจเรียนไปก่อน"
"หวงน้องไม่เข้าเรื่อง น้องโตเป็นสา
วแล้วนะ" เมื่อกี้คุณลุงดนัยพูดว่าอะไรนะ พระเพลิงกำลังหวงแบบนั้นหรอ เธอเข้าใจแบบนั้นได้ใช่ไหม
"น้องสาวผมทั้งคนนะครับ" อ่า....ที่แท้ก็แค่เพราะเป็นน้องสาว หวังอะไรอยู่นะเกวลิน
"อย่าลืมที่พี่บอกไปตอนทานข้าวนะคะ" "เรื่องไหนนะคะ?" บทสนทนาบนโต๊ะอาหารเช้าของวันนี้มันมากจนเธอเองก็คาดเดาไม่ได้เหมือนกันว่าพระเพลิงหมายถึงเรื่องไหน แล้วเหมือนความไม่รู้นั้นจะทำให้อีกคนหงุดหงิดขึ้นมาเสียด้วยสิ"สนใจเรื่องเรียนไปก่อน ถ้าใครมาจีบก็มาบอกพี่ด้วย" ถ้าพระเพลิงยังเอาแต่ย้ำเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้เธอควรรู้สึกยังไง ทั้งที่ใช้ความพยายามมากมายคอยห้ามความรู้สึกตัวเองไว้ แต่การกระทำของเขาก็เอาแต่ดึงเธอให้คิดเข้าข้างตัวเองไปไกลอยู่อย่างนั้"ถ้าเกลบอกพี่ แล้วพี่จะทำอะไรคะ?" "ก็ลองบอกมาก่อนสิคะ" เกวลินได้แต่ส่ายหัวปฏิเสธไป พระเพลิงเองคงไม่รู้ว่าไม่จำเป็นต้องมานั่งห่วงเธอเรื่องใครเข้ามาจีบเลย เพราะหัวใจดวงน้อยนี้ของเกวลินมีเอาไว้เพื่อรักแค่เขาเท่านั้นก้าวเดินไปตามทางเดินเข้าใต้ตึกคณะบริหาร กว่าพระเพลิงจะยอมปล่อยเธอลงมาจากรถก็คุยและย้ำเรื่องเดิมซ้ำอีกหลายครั้ง เธอชินเสียแล้วพระเพลิงมักเป็นอย่างนี้เสมอยามได้ยินมาว่าผู้ชายคนไหนเข้ามายุ่มย่ามหรือออกแนวชอบเธอในเชิงนั้น แต่อาการของเขาดูจะมากขึ้นก็ช่วงตั้งแต่เธออายุได้สิบแปดปีบริบูรณ์ละมั้งเกวลินยังจำวันนั้นได้ดีไม่มีวันลืมได้ลง ในช
"อ้าว น้องเกล" เสียงหวานที่เอ่ยทักทายทุกครั้งยามเธอมาที่นี่เป็นเรื่องปกติที่เธอคุ้นชินไปแล้ว ไม่ลืมที่จะหันไปยิ้มตอบรับและยกมือไหว้ทักทายอีกคนกลับไปด้วยดารกา สาวสวยเพื่อนสนิทของพระเพลิงที่ทำตำแหน่งเลขาของรองประธานบริษัทอยู่ในตอนนี้ และที่สำคัญที่สุดเธอคนนี้คือเจ้าของหัวใจทั้งดวงของพระเพลิงผู้ชายที่เธอเองก็รักเขาจนสุดหัวใจ"เข้าไปในห้องสิคะ พระเพลิงอยู่ในนั้น" ดารกาเป็นคนอ่อนหวานแล้วก็ใจดีมาก บางครั้งเกวลินยังเผลออมยิ้มให้กับท่าทางใจดีของเธอเลย มันก็ไปแปลกหรอกที่พระเพลิงจะตกหลุมรัก เธอดูเพียบพร้อมทุกอย่างเหมาะสมกับเขามากจริงๆนั่นแหละ"ขอโทษค่ะ พอดีดาไม่รู้ว่าท่านประธานก็อยู่ด้วย""ไม่เป็นไรหรอกดา เข้ามาเถอะ เพลิงกับพ่อก็แค่คุยกันไปเรื่อยเปื่อย" น้ำเสียงอ่อนโยนแบบนี้ที่ใช้พูดกับดารกาเธอเองได้ยินมันมาเสมอ แต่จะรู้สึกอิจฉาไปมันก็เท่านั้น คนที่เป็นเจ้าของหัวใจเขาก็สมควรได้รับอยู่แล้ว"มีคนมาช่วยทำงานอีกแล้วค่ะ""หืม หนูเกลหรอ?" เกวลินเดินเข้าไปหลังจากที่ได้ยินลุงดนัยเรียกชื่อเธอ ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้คุณลุงกับพระเพลิงเหมือนอย่างที่ทำทุกวันหลังจากกลับจากมหาวิทยาลัยด้วย พระเพลิงรีบเดินเข้ามา
หลังจากทานมื้อค่ำเสร็จเกวลินก็กลับมาขลุกตัวอยู่ในห้อง เธอทิ้งตัวลงนอนแล้วได้แต่คิดถึงคำพูดของพระเพลิงเมื่อเย็นที่คุยกับป้าหทัย เธอไม่ได้ตั้งใจจะไปแอบฟังแต่กำลังจะเดินไปหาดูว่าลืมกระเป๋าไว้ที่ห้องนั่งเล่นหรือเปล่า ก็เลยเผลอไปได้ยินบทสนทนานั้นเข้าคำพูดแสนตอกย้ำของพระเพลิงที่บอกว่าเธอเป็นแค่น้องสาวฟังกี่ครั้งใจก็ยังคงเจ็บอย่างไม่รู้สึกชินกับมันเสียที ทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มแล้วเอาแต่มองจ้องผ้าพันแผลที่พระเพลิงเป็นคนพันให้นิ่งอยากจะให้เขาใจดีแค่กับเธอแต่มันคงเป็นไปไม่ได้ เรื่องวันนี้มันทำให้เธอได้เห็นความห่วงใยที่เขามีให้ดารกาว่ามันมีมากกว่าที่ให้เธอเป็นไหนๆ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเธอไม่มีทางสู้คนในใจเขาได้เลย"เกลเปิดประตูหน่อยค่ะ พี่เอากระเป๋ามาให้" พระเพลิงวางกระเป๋าสะพายใบโปรดทีาเธอลืมไว้บนรถเขาลงบนเตียงพร้อมช่อดอกไม้ที่เขาเจอมันในกระเป๋าเธอด้วย เกวลินได้แต่รอบกลืนน้ำลายเพราะเธอไม่คิดว่าอีกคนจะเห็นมัน ปกติจะรับแล้วเอากลับมาแบบนี้ก่อนจะหาวิธีทิ้งไปแต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ทัน"ผู้ชายที่ไหนให้มาคะ?""คือ....เพื่อนไงคะ เพื่อนเกลเอามาให้ค่ะ""พี่ก็พึ่งรู้นะคะ ว่าเกลมีเพื่อนชื่อภูผาด้วย?" เ
หลังจากทานมื้อค่ำเสร็จเกวลินก็กลับมาขลุกตัวอยู่ในห้อง เธอทิ้งตัวลงนอนแล้วได้แต่คิดถึงคำพูดของพระเพลิงเมื่อเย็นที่คุยกับป้าหทัย เธอไม่ได้ตั้งใจจะไปแอบฟังแต่กำลังจะเดินไปหาดูว่าลืมกระเป๋าไว้ที่ห้องนั่งเล่นหรือเปล่า ก็เลยเผลอไปได้ยินบทสนทนานั้นเข้าคำพูดแสนตอกย้ำของพระเพลิงที่บอกว่าเธอเป็นแค่น้องสาวฟังกี่ครั้งใจก็ยังคงเจ็บอย่างไม่รู้สึกชินกับมันเสียที ทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มแล้วเอาแต่มองจ้องผ้าพันแผลที่พระเพลิงเป็นคนพันให้นิ่งอยากจะให้เขาใจดีแค่กับเธอแต่มันคงเป็นไปไม่ได้ เรื่องวันนี้มันทำให้เธอได้เห็นความห่วงใยที่เขามีให้ดารกาว่ามันมีมากกว่าที่ให้เธอเป็นไหนๆ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเธอไม่มีทางสู้คนในใจเขาได้เลย"เกลเปิดประตูหน่อยค่ะ พี่เอากระเป๋ามาให้" พระเพลิงวางกระเป๋าสะพายใบโปรดทีาเธอลืมไว้บนรถเขาลงบนเตียงพร้อมช่อดอกไม้ที่เขาเจอมันในกระเป๋าเธอด้วย เกวลินได้แต่รอบกลืนน้ำลายเพราะเธอไม่คิดว่าอีกคนจะเห็นมัน ปกติจะรับแล้วเอากลับมาแบบนี้ก่อนจะหาวิธีทิ้งไปแต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ทัน"ผู้ชายที่ไหนให้มาคะ?""คือ....เพื่อนไงคะ เพื่อนเกลเอามาให้ค่ะ""พี่ก็พึ่งรู้นะคะ ว่าเกลมีเพื่อนชื่อภูผาด้วย?" เ
"อ้าว น้องเกล" เสียงหวานที่เอ่ยทักทายทุกครั้งยามเธอมาที่นี่เป็นเรื่องปกติที่เธอคุ้นชินไปแล้ว ไม่ลืมที่จะหันไปยิ้มตอบรับและยกมือไหว้ทักทายอีกคนกลับไปด้วยดารกา สาวสวยเพื่อนสนิทของพระเพลิงที่ทำตำแหน่งเลขาของรองประธานบริษัทอยู่ในตอนนี้ และที่สำคัญที่สุดเธอคนนี้คือเจ้าของหัวใจทั้งดวงของพระเพลิงผู้ชายที่เธอเองก็รักเขาจนสุดหัวใจ"เข้าไปในห้องสิคะ พระเพลิงอยู่ในนั้น" ดารกาเป็นคนอ่อนหวานแล้วก็ใจดีมาก บางครั้งเกวลินยังเผลออมยิ้มให้กับท่าทางใจดีของเธอเลย มันก็ไปแปลกหรอกที่พระเพลิงจะตกหลุมรัก เธอดูเพียบพร้อมทุกอย่างเหมาะสมกับเขามากจริงๆนั่นแหละ"ขอโทษค่ะ พอดีดาไม่รู้ว่าท่านประธานก็อยู่ด้วย""ไม่เป็นไรหรอกดา เข้ามาเถอะ เพลิงกับพ่อก็แค่คุยกันไปเรื่อยเปื่อย" น้ำเสียงอ่อนโยนแบบนี้ที่ใช้พูดกับดารกาเธอเองได้ยินมันมาเสมอ แต่จะรู้สึกอิจฉาไปมันก็เท่านั้น คนที่เป็นเจ้าของหัวใจเขาก็สมควรได้รับอยู่แล้ว"มีคนมาช่วยทำงานอีกแล้วค่ะ""หืม หนูเกลหรอ?" เกวลินเดินเข้าไปหลังจากที่ได้ยินลุงดนัยเรียกชื่อเธอ ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้คุณลุงกับพระเพลิงเหมือนอย่างที่ทำทุกวันหลังจากกลับจากมหาวิทยาลัยด้วย พระเพลิงรีบเดินเข้ามา
"อย่าลืมที่พี่บอกไปตอนทานข้าวนะคะ" "เรื่องไหนนะคะ?" บทสนทนาบนโต๊ะอาหารเช้าของวันนี้มันมากจนเธอเองก็คาดเดาไม่ได้เหมือนกันว่าพระเพลิงหมายถึงเรื่องไหน แล้วเหมือนความไม่รู้นั้นจะทำให้อีกคนหงุดหงิดขึ้นมาเสียด้วยสิ"สนใจเรื่องเรียนไปก่อน ถ้าใครมาจีบก็มาบอกพี่ด้วย" ถ้าพระเพลิงยังเอาแต่ย้ำเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้เธอควรรู้สึกยังไง ทั้งที่ใช้ความพยายามมากมายคอยห้ามความรู้สึกตัวเองไว้ แต่การกระทำของเขาก็เอาแต่ดึงเธอให้คิดเข้าข้างตัวเองไปไกลอยู่อย่างนั้"ถ้าเกลบอกพี่ แล้วพี่จะทำอะไรคะ?" "ก็ลองบอกมาก่อนสิคะ" เกวลินได้แต่ส่ายหัวปฏิเสธไป พระเพลิงเองคงไม่รู้ว่าไม่จำเป็นต้องมานั่งห่วงเธอเรื่องใครเข้ามาจีบเลย เพราะหัวใจดวงน้อยนี้ของเกวลินมีเอาไว้เพื่อรักแค่เขาเท่านั้นก้าวเดินไปตามทางเดินเข้าใต้ตึกคณะบริหาร กว่าพระเพลิงจะยอมปล่อยเธอลงมาจากรถก็คุยและย้ำเรื่องเดิมซ้ำอีกหลายครั้ง เธอชินเสียแล้วพระเพลิงมักเป็นอย่างนี้เสมอยามได้ยินมาว่าผู้ชายคนไหนเข้ามายุ่มย่ามหรือออกแนวชอบเธอในเชิงนั้น แต่อาการของเขาดูจะมากขึ้นก็ช่วงตั้งแต่เธออายุได้สิบแปดปีบริบูรณ์ละมั้งเกวลินยังจำวันนั้นได้ดีไม่มีวันลืมได้ลง ในช
เกวลินก็แค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่โชคร้ายต้องสูญเสียพ่อแม่ไปพร้อมกันเพราะอุบัติเหตุที่เธอเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนักเมื่อหกปีก่อนที่สามคนพ่อแม่ลูกพูดคุยกันด้วยความสุขเหมือนอย่างทุกวัน เด็กสาวพูดเจื้อยแจ่วแล้วหยิบของในถุงของเล่นแสนแพงที่พึ่งอ้อนให้คุณพ่อจ่ายเงินซื้อให้ขึ้นมาเชยชมคุณแม่ที่นั่งอยู่ด้านข้างลูบหัวลูกสาวด้วยความรักใคร่ เด็กสาวแสนออดอ้อนขยับหอมแก้มคุณแม่ไปฟอดใหญ่จนคุณพ่อยังต้องเอ่ยปากแซวเสียงหัวเราะและความสุขทั้งรอยยิ้มเปื้อนใบหน้าของพวกท่านในวันนั้นใครจะรู้ว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้เห็น ถนนที่เปียกชุ่มส่งผลให้รถเสียหลักไถลพุ่งชนกับขอบทางด่วนเต็มแรง เด็กสาวร่ำไห้เสียงดังลั่นด้วยความตกใจราวกับว่าผ่านไปไม่นานที่เธอวูบไปแต่ทว่าการลืมตาตื่นในครั้งนี้ของเธอมันเหมือนกับโลกทั้งใบถูกพังทลายลงตรงหน้า คุณพ่อเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ส่วนคุณแม่ที่โอบกอดเด็กสาวไว้แน่นเพื่อปกป้องก็เสียชีวิตในเวลาต่อมาเธอตื่นมาพบกับความจริงที่ว่า......เธอไม่เหลือใครในชีวิตอีกต่อไปแล้วภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นยังคงเป็นฝันร้ายที่เกวลินไม่อาจลืมได้ มันยังคงตามหลอกหลอนเธออยู่บ่อ