แชร์

บทที่ 2

“เบาๆ เดี๋ยวเมา” เสียงห้ามดังมาจากธยศเพื่อนสนิทที่คบหากันมาหลายปี ธยศเป็นเจ้าของโรงแรมระดับไฮเอนที่ภาคใต้รวมถึงต่างประเทศอีกด้วย  

“แค่เหล้า ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” รอยส์ยิ้มมุมปากออกมาก่อนจะวาดปลายนิ้ววนไปมาบนปากแก้ว ในขณะที่สมองคิดถึงแต่ขวัญชีวา

“เครียดเรื่องอะไร ตั้งแต่มาถึงก็เห็นดื่มเอาๆ”

“ลูกน้องจะลาออก”

“กี่คน” 

“คนเดียว”

“ผู้หญิงผู้ชาย” ธยศเอ่ยถามต่อนั่นเพราะอยากรู้ต้นตอที่ทำให้รอยส์อารมณ์ไม่ดีอย่างที่เป็นอยู่ 

“ผู้หญิง”

“โสด สวย”

“ไม่โสดเพราะเธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ถามว่าสวยไหมก็…สวย” สำหรับนิยามความสวยผู้ชายที่มองผู้หญิงอาจไม่เหมือนกัน แต่ทว่าในความคิดของเขานั้นขวัญชีวาสวย สวยทั้งรูปร่างหน้าตารวมไปถึงความคิด ที่สำคัญคือเธอทำงานเก่งชนิดหาตัวจับยากจึงไม่แปลกหากจะมีบริษัทไหนสักที่ซื้อตัวเธอไปให้ทำงานด้วย 

และด้วยอะไรหลายๆ อย่างทำให้เขาสนใจเธอ เขาไม่เคยรู้สึกตกหลุมรักใครมานานแล้ว ชีวิตหนุ่มโสดตอนนี้ทุกอย่างก็ลงตัวดีกระทั่งได้เจอเธอคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ทำให้เขาว้าวุ่นใจ ที่เขารู้ว่าเธอเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเพราะในใบสมัครงานเธอระบุไว้แบบนั้นรวมทั้งงานเลี้ยงบริษัทเมื่อปีก่อนเธอก็ยังได้พาลูกชายวัยน่ารักมาร่วมด้วย 

“ลูกน้องจะลาออกแค่คนเดียวแถมยังเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวแต่ทำให้นายเป็นได้ถึงขนาดนี้เชียวเหรอ ถามจริง คิดอะไรกับลูกน้องคนนั้นหรือเปล่า”

“เปล่า” แม้จะคิดแต่รอยส์ก็เลือกที่จะปฏิเสธนั่นเพราะต่อให้สนิทกับธยศทว่าเรื่องบางเรื่องเขาก็ยังไม่พร้อมจะลงลึกถึงรายละเอียดที่ซับซ้อน แต่ท่าทางของรอยส์มีหรือที่อีกคนจะเชื่อ 

“เชื่อก็บ้าแล้ว ซีอีโอหนุ่มหล่อสุดเพอเฟคที่มีสาวสวยให้ควงไม่ขาดอย่างนายแต่กลับมานั่งเครียดกับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ มองยังไงมันก็ไม่ปกติ” 

“ฉันกลับก่อนแล้วกัน” นั่นเพราะไม่มีอารมณ์ร่วมและไม่สนุกอย่างที่คิดรอยส์จึงเอ่ยขึ้น 

“เดี๋ยวสิ น้องๆ กำลังมาไม่รอหน่อยเหรอ” น้องๆ ที่อีกฝ่ายเอ่ยถึงคือบรรดาสาวๆ นั่นเอง 

“ไม่ วันนี้เบื่อไม่อยากทำอะไร”

“โอเคๆ แต่เปลี่ยนใจเมื่อไหร่บอกนะครับ ผมจะพาน้องๆ ไปส่งให้ถึงห้อง” 

“อืม” รอยส์เอ่ยรับแต่ไม่คิดจะทำจริง นั่นเพราะคืนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะทำอะไรจริงๆ พอกลับมาถึงบ้านก็สั่งให้แม่บ้านเตรียมเหล้าและกับแกล้มให้จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนั่งไขว่ข้างบนเก้าอี้หนังตัวโปรด ชงเหล้าด้วยความชำนาญแล้วหยิบแก้วเหล้าใบนั้นขึ้นมาจิบพร้อมกับคิดเรื่องขวัญชีวาไปด้วย

“หวังว่าคุณจะให้คำตอบที่ตรงกับใจผม” 

“คุยอะไรกันอยู่ครับ หน้าตาซีเรียสเชียว” เสียงทุ้มของซีอีโอหนุ่มเอ่ยถาม เพราะทันทีที่มาถึงห้องทำงานก็มองเห็นเลขาส่วนตัวยืนคุยอยู่กับผู้จัดการฝ่ายบุคคล 

“เอ่อคือว่า…” เลขาส่วนตัวของซีอีโอหนุ่มอึกอักทันที 

“ผมไม่มีสิทธิ์รู้เหรอ”

“เปล่าๆ ค่ะ คือดิฉันกำลังคุยถึงเรื่องของน้องเกี๊ยว” 

“เรื่องของคุณขวัญชีวา เรื่องอะไร”

“ดูเหมือนลูกชายน้องเกี๊ยวจะป่วยหนักค่ะ ทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งให้รีบเข้าไปด่วน น้องเกี๊ยวรีบมากจนเกือบเดินตกบันไดดีที่ดิฉันคว้าแขนเอาไว้ได้ทัน พอถามไถ่ถึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” เลขาสาวค่อยๆ เรียบเรียงเรื่องราวแล้วเล่าให้เจ้านายหนุ่มได้ฟัง 

“ฝากคุณเป็นธุระแทนผมส่งของเยี่ยมไปให้ลูกชายของเธอด้วย”

“ได้ค่ะคุณรอยส์” เลขาส่วนตัวเอ่ยรับปากทันที ได้ยินแบบนั้นรอยส์จึงเดินเข้าห้องทำงานไป ทันทีที่ประตูห้องทำงานของซีอีโอหนุ่มปิดลง เสียงพูดคุยของเลขาและผู้จัดการฝ่ายบุคคลก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง นั่นเพราะต่างเป็นห่วงลูกชายของขวัญชีวากระทั่งได้เวลาทำงานจึงแยกย้าย

ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงเลขาส่วนตัวก็เข้ามาแจ้งว่าได้จัดการส่งกระเช้าไปที่โรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมลูกชายของขวัญชีวาเรียบร้อยแล้ว เพราะแบบนั้นรอยส์จึงได้รู้ว่าขณะนี้ลูกชายของขวัญชีวารักษาตัวอยู่ที่ไหน ชายหนุ่มอาศัยจังหวะออกไปประชุมกับลูกค้าแวะไปหาเธอที่นั่น

เขาถึงได้รู้ว่าอาการของลูกชายเธอแย่มากหนทางเดียวที่จะยื้อชีวิตไว้ได้คือการผ่าตัดที่ควรเกิดขึ้นในทันที หรือว่านั่นจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ขวัญชีวาขอลาออก เธอกำลังต้องใช้เงินและเป็นเงินที่มากทีเดียว แต่เพราะเขาไม่ใช่เทพบุตรที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้คนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนแม้กระทั่งกับขวัญชีวาเองก็ตาม

ในขณะที่เวลานั้นขวัญชีวานั่งอับจนหนทางอยู่หน้าห้องปลอดเชื้อที่ลูกชายอยู่ข้างใน คิวผ่าตัดที่เร็วที่สุดเป็นวันพรุ่งนี้ซึ่งเธอได้เซ็นเอกสารอนุญาตให้ทำการผ่าตัดได้ไปแล้วเช่นกัน หลังผ่าตัดเสร็จเธอจะหาเงินจากไหนมาจ่าย ญาติพี่น้องก็ไม่มีให้ไปหยิบยืม เพื่อนสนิทที่มีก็รู้ๆ กันอยู่ว่ามีเงินหรือไม่มี

“เกี๊ยว”

“เบล”

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status