Share

บทที่ 4

last update Last Updated: 2024-11-05 12:59:17

ใช่…เขาเป็นนักธุรกิจที่ทำอะไรแล้วต้องหวังกำไร 

แต่…ทำไมต้องเป็นเธอ ทำไมสถานการณ์ของเธอถึงได้เลวร้ายลงเรื่อยๆ เช่นนี้ ทำไมต้องได้ยินข้อเสนอแบบนี้ด้วย ทำไมกัน 

“คุณไม่กลัวฉันเอาเรื่องนี้ไปแบล็คเมล์เลยหรือคะ”

“ไม่นี่หรือถ้าคุณต้องการทำแบบนั้นก็ตามสบายเพราะคนแบบผมจัดการคุณก่อนที่เรื่องมันจะบานปลายได้แน่นอน” รอยส์ชิงพูดออกไปก่อนราวกับชายหนุ่มเข้ามานั่งอยู่ในความคิดของขวัญชีวา 

“ฉันต้องให้คำตอบคุณเมื่อไหร่” แม้จะอยากปฏิเสธเสียเดี๋ยวนี้แต่ชีวิตลูกชายคนเดียวของเธอคือประตูเหล็กที่สามารถปิดกั้นคำพูดเหล่านั้นของเธอได้

“ผมรู้ว่าคุณมีเวลาในใจอยู่แล้ว เอาเป็นว่าผมจะกลับไปรอฟังคำตอบจากคุณ” เอ่ยจบรอยส์ก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไปทันที ขณะที่ขวัญชีวายังคงอึ้งและพูดอะไรไม่ออกอีกเลย สิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้นอกจากลมหายใจเบาๆ แล้วก็คือน้ำตา

แม้กำลังร้องไห้แต่สมองกลับคิดถึงข้อเสนอของเจ้านายหนุ่ม นอนกับเขาแค่คืนเดียวแต่ช่วยชีวิตลูกชายได้ ลูกที่เป็นเหมือนแก้วตาดวงใจ ลูกที่เธอสัญญาไว้ว่าต่อให้ลำบากแค่ไหนก็จะเลี้ยงแกให้ดี เพราะถ้ากวินท์เป็นอะไรไปทั้งๆ ที่เธอมีโอกาสหาเงินมารักษาได้ นั่นคงเป็นตราบาปที่ทำให้เธอรู้สึกผิดไปทั้งชีวิต

แม้จะคิดแบบนั้นทว่าขวัญชีวาก็อดไม่ได้ที่จะสมเพชและสงสารตัวเองจนน้ำตาเอ่ออีกครั้ง  

รอยส์กลับมารอรับสายโทรศัพท์ของขวัญชีวาที่บ้าน ชายหนุ่มปรับอารมณ์ที่ค่อนข้างกระวนกระวายด้วยการจิบไวน์นำเข้ารสเลิสไปด้วยขณะที่สายตามองตรงมาที่โทรศัพท์มือถือของตัวเอง ซึ่งตอนนี้ยังคงไม่ได้รับการติดต่อจากขวัญชีวาแต่อย่างใด

ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ปริมาณไวน์ในขวดก็เหมือนจะหายไปเรื่อยๆ รอยส์มองหน้าจอโทรศัพท์สลับกับนาฬิกาบนข้อมือที่เวลาตอนนี้เกือบสี่ทุ่ม

“หรือให้ข้อเสนอเธอน้อยเกินไป” เสียงทุ้มพึมพำออกมาเบาๆ นี่คือครั้งแรกที่เขายื่นข้อเสนอทั้งเงินทั้งออฟชั่นอื่นให้ผู้หญิงเพียงเพราะต้องการให้เธอนอนด้วยแค่คืนเดียว หนำซ้ำยังเป็นผู้หญิงที่ผ่านการมีครอบครัวมาแล้วและตอนนี้อยู่ในสถานะคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว

แต่ให้ทำยังไงในเมื่อเขาชอบเธอ ชอบตั้งแต่แรกเห็นด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่พยายามหยุดความคิดพวกนั้นทว่าความรู้สึกชอบกลับไม่เคยน้อยลง เขาชอบในความเก่งและความแกร่งของเธอ เขารู้ว่าเธอทำงานหนักเพื่อลูกชายแต่ก็ยังฉวยโอกาสเอาข้ออ้างเหล่านั้นมาตะล่อมให้เธอรับข้อเสนอที่เขาได้ผลประโยชน์

เขามั่นใจว่าต้องมีบริษัทบางแห่งซื้อตัวขวัญชีวาไปแน่นอน ยิ่งเธอร้อนเงินแบบนี้ด้วยแล้วการตกลงก็ยิ่งง่ายเพราะแบบนั้นเธอจึงลาออกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ในเมื่อ   ขวัญชีวาจะไปจริงๆ ทางเดียวที่จะรั้งไม่ให้เธอไปคือเขาต้องเอาตัวเข้าแลกแล้วทำทุกอย่างเพื่อให้เธอตกเป็นทาสสวาท

ซีอีโอหนุ่มยิ้มกริ่มกับแผนบ้าๆ ของตัวเองที่จู่ๆ มันก็ผุดเข้ามาในหัวตอนกำลังเครียดแล้วที่บ้าไปกว่านั้นคือเขาดันหยิบเอาแผนที่ว่ามาใช้กับขวัญชีวาจริงๆ และก่อนที่สมองของรอยส์จะฟุ้งซ่านไปไกลคนที่ชายหนุ่มกำลังรอสายก็โทรเข้ามาพอดี

“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า” รอยส์ตั้งใจยื้อเวลาเพราะไม่อยากรีบรับสายแล้วทำให้ขวัญชีวาเข้าใจผิดว่าเขานั้นกำลังรอเธออย่างใจจดใจจ่อ เขาทำแบบนั้นกระทั่งสายเกือบตัดจึงกดรับสายด้วยเสียงทุ้มต่ำทว่าน่าฟัง 

“รอยส์ครับ”

“ฉัน…ขวัญชีวาค่ะ” แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายรู้ว่าสายที่โทรเข้ามาเป็นใครทว่าขวัญชีวาก็ยังคงแนะนำตัวอย่างเป็นทางการเหมือนทุกครั้งที่ได้คุยสายกับเขา ทว่าครั้งนี้จุดประสงค์มันต่างออกไปจากครั้งที่ผ่านมา 

“ครับ ผมฟังคุณอยู่”

“ฉันตกลงรับข้อเสนอของคุณ” 

“โอเค” รอยส์เอ่ยรับอย่างยินดีแต่ก็ไม่ได้แสดงออกผ่านน้ำเสียงจนทำให้ขวัญชีวาจับสังเกตได้  

“แต่ฉันมีข้อแม้”

“ว่ามาได้เลย”

“กรุณาเซ็นใบลาออกให้ฉัน” 

“ทำไมถึงยังคิดอยากลาออกหรือว่าที่ใหม่จูงใจคุณด้วยเงินเดือนที่สูงขึ้น บอกผมว่าที่นั่นให้คุณเท่าไหร่ผมจะให้มากกว่า” 

“เปล่าค่ะ”

“งั้นช่วยบอกเหตุผลของคุณให้ผมฟังหน่อย”

Related chapters

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 5

    “ฉันอยากลาออกเพราะอยากมีเวลาดูแลลูกชายหลังผ่าตัดอย่างใกล้ชิด อีกอย่างคุณให้เงินค่าตัวฉันตั้งมากขนาดนั้นต่อให้ตกงานสักปีสองปีคงไม่เป็นไร” ยิ่งพูดขวัญชีวาก็ยิ่งเจ็บปวด แต่ไม่ว่ายังไงเธอคงอยู่ทำงานร่วมกับรอยส์ไม่ได้อีกแล้วจริงๆ รวมถึงบริษัทใหม่ที่ติดต่อมาคงต้องปฏิเสธไปก่อนเพราะเธอไม่อยากทิ้งกวินท์ให้พักฟื้นตามลำพัง แต่เธอก็ยังมั่นใจว่าจะหางานใหม่ได้แม้จะต้องใช้เวลาสักหน่อย รอยส์อยากเปลี่ยนเงื่อนไขที่ว่าแต่มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นสุดท้ายซีอีโอหนุ่มก็ต้องยอมรับ ก่อนจะวกกลับมาคุยเรื่องสำคัญซึ่งเขาระบุว่าจะส่งคนไปรับเธอที่บ้านพร้อมกับนัดแนะเรื่องเวลาและสถานที่ ซึ่งมันคือวันพรุ่งนี้เวลาสองทุ่มที่โรงแรม…คำตอบเดียวของขวัญชีวาขณะฟังรอยส์หลังจากนั้นมีแค่คำว่า ‘ค่ะ’ เธอพยายามคุมอารมณ์หน่วงจนอยากร้องไห้และโทนเสียงให้เป็นปกติทว่าก็ยากเหลือเกิน “เจอกันพรุ่งนี้”“ค่ะ” ขวัญชีวาเอ่ยรับอีกครั้งแล้วกดวางสายไป กว่าจะตัดสินใจได้แบบนี้มันยากเหลือเกิน ในเมื่อการผ่าตัดต้องเกิดขึ้นทันทีและข้อเสนอของรอยส์ก็เข้ามาในจังหวะนั้น แม้เธอจะไม่อยากทำแบบนี้ทว่าสุดท้ายก็เลือกที่จะไม่ปฏิเสธเขา ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอและน

    Last Updated : 2024-11-05
  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 6

    “หมอที่นี่ใจดีไหมครับ”“ใจดีครับ ใจดีมากๆ ด้วย”“ผมจะหายใช่ไหม”“หายครับแต่กวินท์ก็ต้องสู้ไปพร้อมกับคุณหมอแล้วก็แม่ด้วยนะลูก” ขวัญชีวาส่งพลังบวกให้ลูกชาย นั่นเพราะการผ่าตัดคือสิ่งที่ทั้งคู่รอคอยมาตลอด “ครับ”“อีดนิดก็จะหายดีแล้ว แม่รักลูกนะกวินท์”“ลูกก็รักแม่เกี๊ยว” เด็กชายส่งยิ้มให้ผู้เป็นแม่ ในขณะที่ขวัญชีวาก็ส่งยิ้มอบอุ่นกลับมาให้พร้อมดึงลูกชายเข้ามากอด แม้ลึกๆ จะหวั่นใจกับการผ่าตัดที่กำลังจะเกิดขึ้นทว่าเธอก็เลือกที่เชื่อหมอและเชื่อในปาฏิหาริย์ว่ามันต้องเกิดขึ้นหลังจากส่งลูกเข้านอนเสร็จขวัญชีวาก็กลับออกไป เธอมุ่งหน้าตรงไปที่บ้านด้วยความรู้สึกประหม่าเนื่องจากคืนนี้เธอมีนัดสำคัญกับ…รอยส์ ขวัญชีวายืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจก เวลานี้เธอแต่งหน้าทำผมเสร็จแล้วก่อนจะหยิบลิปสติกสีโปรดขึ้นมาทาริมฝีปากอิ่ม ใบหน้าของเธอเรียบเฉยไร้รอยยิ้มในหัวใจตอนนี้มีแต่ความหนักอึ้ง แม้นี่จะเป็นการตัดสินใจของเธอเองแต่ก็ยอมรับว่าทำใจได้ยากจนน้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้งเพื่อไม่ให้น้ำตามันไหลอาบแก้มขวัญชีวาจึงเงยหน้าขึ้นสูงแล้วสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ พอน้ำตามันแห้งเสียงแตรรถก็ดังขึ้นจากหน้าบ้านเป็นสัญญาณบอกว่าเวลานี้ค

    Last Updated : 2024-11-07
  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 7

    บางจังหวะขวัญชีวาก็คล้อยตามบางจังหวะก็ผลักไส สุดท้ายรอยส์จึงยอมถอนจูบออกอย่างเสียดายแต่ไม่นานเขาจะมอบจูบที่ร้อนแรงกว่านี้ให้กับเธอ “คุณจูบไม่เป็น” เสียงแหบพร่ากระซิบถามในขณะที่ขวัญชีวาก็หอบหายใจหนักๆ ใบหน้าสวยเวลานี้แดงก่ำส่วนริมฝีปากบวมก็เจ่ออย่างเห็นได้ชัด “ฉันแค่ห่างมันมากนาน” ขวัญชีวาปฏิเสธทั้งๆ ที่อีกไม่นานรอยส์จะรู้ความจริงได้ด้วยตัวเขาเองว่าเพราะอะไรเธอจึงจูบไม่เป็นรวมไปถึงอาการประหม่าอย่างในตอนนี้ด้วย“อย่างนั้นเหรอ” รอยยิ้มผุดขึ้นหลังเอ่ยจบก่อนที่รอยส์จะรวบตัวขวัญชีวาเข้ามาแนบชิด พร้อมกับค่อยๆ ยกมือขึ้นลูบไล้ร่างกายของเธออย่างหลงไหล เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้สนใจเธอและอยากได้มากถึงขนาดนี้ สัมผัสจากเขาทำให้ขวัญชีวาตื่นตัวในทุกๆ อณูของร่างกายก็ว่าได้ เธอทั้งตื่นตัวและตื่นกลัวจนเผลอแสดงสีหน้ายั่วยวนออกมาอย่างไม่ตั้งใจและเพราะแบบนั้นรอยส์จึงห้ามความต้องการของตัวเองไม่ได้เช่นกัน เขามอบจูบให้ขวัญชีวาอีกครั้งซึ่งครั้งนี้ซีอีโอหนุ่มไม่สนด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายจะตอบโต้มาแบบไหนไม่นานเขาก็ชนะและสามารถทำให้ขวัญชีวาคล้อยตามได้ส่งผลให้แรงเสน่หาที่เต็มไปด้วยความโหยหามากขึ้นตามไปด้วย ห

    Last Updated : 2024-11-07
  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 8

    รอยส์ปลุกเร้าขวัญชีวาตื่นตัวอย่างช่ำชอง กำแพงของความหวาดกลัวของเธอค่อยๆ ถูกเขาทำลายลงทีละน้อยก่อนจะแทนที่ด้วยความร้อนรุ่มจากไฟพิศวาสที่เริ่มลุกลามแผ่ซ่านยากจะควบคุม รสจูบที่ร้อนแรงดุดันเต็มเปี่ยมไปด้วยความต้องการของรอยส์กำลังจะแผดเผาให้ขวัญชีวามอดไหม้เป็นจุณบางครั้งเธอเผลอออกแรงผลักไสจึงถูกเขาลงโทษหนักขึ้น เพราะทันทีที่จัดการบิกินี่ปราการชิ้นสุดท้ายบนตัวของขวัญชีวาได้รอยส์ก็เคลื่อนตัวลงต่ำพร้อมกับจับขาเรียวทั้งสองข้างของเธอให้แยกห่างออกจากกันจากนั้นก็ฝังใบหน้าลงไป ทันทีที่ริมฝีปากร้อนและปลายลิ้นสัมผัสกลีบกุหลาบนุ่มขวัญชีวาก็ถึงกับสะดุ้งแล้วขยับตัวหนี รอยส์จึงใช้มือล็อคตัวเธอไว้ให้อยู่กับที่“ขะ…คุณรอยส์” ขวัญชีวาเอ่ยเรียกรอยส์อย่างไม่เต็มเสียงนัก ร่างเปลือยเปล่าบิดเร้าทรมานในขณะที่ใบหน้าหล่อเขาของรอยส์ก็ยังคงอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหนปลายลิ้นของเขากำลังทำให้เธอทรมานเหลือเกิน ทรมานจนก่อให้เกิดเป็นเปลวเพลิงแห่งความปรารถนาที่เวลานี้ลุกโชนมอดไหม้เธออยู่และใช่ว่าขวัญชีวาจะเป็นแค่คนเดียว รอยส์เองก็รู้สึกไม่ต่างจากเธอเช่นกัน ยิ่งได้ครอบครองเขาก็ยิ่

    Last Updated : 2024-11-08
  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 9

    ไม่นานความสุขสมรุนแรงที่บ่มเพาะมานานก็ระเบิดออกมาราวกับพลุที่ถูกจุดขึ้นบนฟ้าพร้อมๆ กัน ขวัญชีวานอนหายใจหอบกระเส่าหนักๆ อยู่ในอ้อมกอดของรอยส์ ทำไมเธอถึงรู้สึกอิ่มเอมในหัวใจแปลกๆ ทั้งๆ ที่เธอไม่ควรรู้สึกอะไรแบบนี้ด้วยซ้ำ นั่นเพราะวัตถุจุดประสงค์ที่เธอมาที่นี่ก็เพื่อนอนกับเขาแค่ครั้งเดียวแล้วแลกกับความช่วยเหลือที่อีกฝ่ายจะมอบให้ลูกชายรอยส์ใช้ปลายนิ้วนุ่มๆ ลูบไล้หัวไหล่มนของขวัญชีวาไปมาอย่างเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ “ฉันต้องกลับแล้ว” ขวัญชีวาเอ่ยบอกเพราะไม่อยากอยู่ให้เขาซักไซ้แต่มีหรือรอยส์จะยอมให้เธอกลับทั้งๆ ที่เขายังไม่ได้ถามให้หายสงสัย“คุณมีลูกทั้งๆ ที่ยังเวอร์จิ้นได้ยังไง” คำถามอย่างตรงไปตรงมาจากรอยส์ทำให้ขวัญชีวาหายใจไม่ทั่วท้อง“ปล่อยฉันก่อนได้ไหมคะ” เอ่ยบอกเสร็จขวัญชีวาก็ใช้แรงน้อยนิดที่มีดันคนตัวโตกว่าให้ออกห่าง แต่รอยส์กลับแทบไม่ขยับเลยด้วยซ้ำ“ตอบคำถามผมมาก่อนแล้วผมจะปล่อย”“ฉันมาที่นี่ตามเงื่อนไขที่เราตกลงกันไว้และตอนนี้ทุกอย่างก็จบลงแล้ว ฉันไม่ขอตอบคำถามอะไรค่ะ” ในความคิ

    Last Updated : 2024-11-09
  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 10

    “อืม…งั้นเปลี่ยนมากอดผมแทนก็ได้เพราะผมชอบให้กอด” รอยส์ออกตัวแต่มีหรือที่ขวัญชีวาจะยอมทำตามเขาง่ายๆ“ไม่ค่ะ”“ถ้าคุณยังพูดคำว่าไม่อีกคราวนี้ผมจะจูบและถ้าผมได้จูบบางอย่างมันอาจตื่นตัวจนคุณต้องรับผิดชอบ” คำขู่จากเขาทำให้ขวัญชีวาต้องเก็บคำพูดต่างๆ ทันทีสุดท้ายเธอก็ต้องยอมอยู่ในอ้อมกอดของรอยส์ แม้จะไม่อยากอยู่แบบนี้แต่ลึกๆ ก็ยอมรับว่าอ้อมกอดจากเขาช่วยทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย“นอนเถอะ พรุ่งนี้เช้าเราค่อยคุยกัน” เสียงทุ้มที่อบอุ่นจากรอยส์กระซิบบอกข้างๆ หู แม้จะไม่อยากหลับความเหนื่อยอ่อนจากกิจกรรมอันเร่าร้อนที่พึ่งจบลงก็ทำให้ขวัญชีวาอ่อนเพลียจนเผลอหลับในอ้อมกอดของซีอีโอหนุ่มรอยส์ปัดปอยผมที่ชื้นด้วยเหงื่อออกจากใบหน้าสวยของขวัญชีวา ก่อนจะชื่นชมในความแข็งแกร่งของเธอเพราะกว่าจะมาถึงวันนี้ขวัญชีวาคงผ่านเหตุการณ์ทั้งดีและไม่ดีมามากมาย การเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวไม่ใช่เรื่องง่ายและเธอต้องรักกวินท์มากถึงได้ยอมรับเงื่อนไขของเขาแล้วมีเหต

    Last Updated : 2024-11-10
  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 11

    เรื่องของเธอกับรอยส์มันจบลงไปแล้วและคนอย่างเขาคงไม่สนใจอะไรเธอ ที่ทำอยู่ตอนนี้ก็เพื่อให้มั่นใจว่าข้อแลกเปลี่ยนลุล่วงแล้วก็เท่านั้น ทว่าจนถึงตอนนี้รอยส์กลับไม่ไปไหน ซีอีโอหนุ่มยังคงนั่งอยู่แบบนั้นกระทั่งหมอน่านกลับมา ขวัญชีวากระอักกระอ่วนใจในการแนะนำทั้งคู่ให้ได้รู้จักกันแต่ก็ไม่อาจเสียมารยาททำเฉยได้“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณรอยส์” เสียงของหมอน่านเอ่ยขึ้นพร้อมยื่นมือไปรอสัมผัสกับรอยส์ เจ้านายของ ขวัญชีวา“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับหมอน่าน” รอยส์เอ่ยรับพร้อมสัมผัสมือหมอน่านกลับไปอย่างสุภาพ ผู้ชายแค่มองตาก็ดูออกว่าอีกฝ่ายคิดยังไง นั่นทำให้รอยส์พร้อมเปิดศึกรบกับหมอหนุ่มทันที ในขณะที่หมอน่านก็ติดอาวุธครบมือเช่นเดียวกัน“แถวนี้มีร้านอาหารอะไรอร่อยๆ แนะนำไหมครับหมอ พอดีจู่ๆ ผมก็รู้สึกหิวขึ้นมา”“มีครับ เชิญทางนี้” หมอน่านเชื้อเชิญรอยส์จึงตามไป ทว่าพอคล้อยหลังขวัญชีวาได้ไม่เท่าไหร่ทั้งคู่ก็สบตากันอย่างท้าทาย ตาต่อตาฟันต่อฟันโดยมีหัวใจเป็นเดิมพัน “ผมชอบคุณเกี๊ยว”“หมอเป็นคนตรงไปตรง

    Last Updated : 2024-11-11
  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 12

    ขวัญชีวาหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เธอรีบกดรับสายโดยไม่มองหน้าจอให้ชัดว่าใครโทรมาเพราะคิดว่าเป็นสายจากโรงพบาบาล“ผมอยู่หน้าบ้านคุณ ช่วยลงมาเปิดประตูให้หน่อยได้ไหม”“ฉันนอนแล้วค่ะ คงไม่สะดวกให้คุณเข้ามา”“นอนแล้วทำไมในบ้านยังเปิดไฟ”“ฉันคงลืมปิด”“งั้นช่วยลงมารับของหน่อย ผมซื้อข้าวมาฝาก”“ฉันไม่…”“แค่รับของ เร็วๆ คุณ ยุงจะหามผมไปอยู่แล้ว” รอยส์โอดโอยเพราะตอนนี้เขาถูกกองทัพยุงที่หิวโหยรุมดูดเลือดอยู่นั่นเอง แม้จะอยากปล่อยเบลอทำเป็นไม่สนใจทว่าสุดท้ายขวัญชีวาก็จำต้องออกไปหาเขา ซึ่งทันทีที่เธอเปิดประตูรั้วรอยส์ที่รออยู่ก่อนแล้วก็แทรกตัวเข้าไปในบ้านเธออย่างรวดเร็วจนเจ้าบ้านห้ามไม่ทัน“คุณยังไม่ได้กินอะไรใช่ไหม”“กินแล้วค่ะ”“กินแล้วก็กินอีกได้ไม่อ้วนหรอก คุณออกจะผอมไปด้วยซ้ำ”“ไหนคุณบอกว่าแค่ฉันรับของแล้วจะกลับ”“ผมบอกตอนไหนว่าจะ

    Last Updated : 2024-11-12

Latest chapter

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 27- จบ

    “อ้อค่ะ” ขวัญชีวาเอ่ยรับ นั่งรถมาได้ครู่ใหญ่รอยส์ก็เลี้ยวรถไปยังคอมมูนิตี้มอล์แห่งหนึ่ง หลังจอดรถเสร็จเขาก็พาเธอเดินตรงไปยังร้านแห่งหนึ่งที่ด้านหน้ามีชุดเจ้าสาวตั้งโชว์อยู่ นั่นทำให้ขวัญชีวาหยุดกึกทันที“ไม่รู้ว่าที่นี่จะมีชุดเจ้าสาวที่คุณชอบบ้างไหม”“อะไรนะคะ”“ผมเป็นคนพูดไม่เก่ง ไม่รู้เซอร์ไพรส์แบบไหนหรือจะใช้คำไหนบอกก็เลยพาเกี๊ยวมาที่นี่แทน” ความซื่อในเรื่องพวกนี้ของรอยส์ทำให้ขวัญชีวายิ้มเขินออกมา“พูดคำง่ายๆ ว่าเราแต่งงานกันไหม แค่นี้ก็ได้ค่ะ”“เราแต่งงานกันไหมครับ” รอยส์พูดตามที่ขวัญชีวาแนะนำทันที เขาคิดเรื่องแต่งงานกับเธอมานานแล้วจึงไม่แปลกหากอยากแต่งงานทันที “ผมรักคุณ”“เกี๊ยวก็รักคุณ”“เราแต่งงานกันนะ”“นี่คุณยังไม่ล้มเลิกเรื่องขอฉันแต่งงานอีกเหรอ”“ยังครับ ถ้าวันนี้คุณไม่ตอบวันต่อๆ ไปผมก็จะพูดแบ

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 26

    เพราะคิดถึงและโหยหาส่งผลให้สัมผัสของรอยส์นั้นเต็มไปด้วยความร้อนแรง ชายหนุ่มอุ้มขวัญชีวาจนตัวเธอลอยขึ้นจากพื้นแล้วก้าวยาวๆ ไปยังห้องพักผ่อนที่อยู่ทางปีกซ้ายของตัวบ้าน ทันทีที่มาถึงเขาก็วางเธอลงบนโซฟาตัวใหญ่ที่อยู่ริมหน้าต่างแล้วโน้มตัวลงไปเล้าโลมอย่างคิดถึงพร้อมกระซิบถาม“คิดถึงผมหรือเปล่า”“คิดถึงค่ะ คิดถึงมากจนฝันถึงทุกคืน” คำตอบจากขวัญชีวาทำให้ซีอีโอหนุ่มยิ้มกริ่มก่อนจะมอบจูบให้เธอ นั่นทำให้คนในอ้อมกอดครางกระเส่าออกมาอย่างต่อเนื่อง ความเสียวซ่านวาบหวามที่แสนคิดถึงทำให้เธอร้อนรุ่มไปทั้งตัวเพราะคิดถึงจังหวะรักของทั้งคู่จึงร้อนแรงและโหยหา เวลานี้ต่างช่วยกันปลดเปลื้องเสื้อผ้าให้หลุดพ้นไปจากร่างกายโดยเฉพาะส่วนสำคัญที่ต้องไร้การขวางกั้น การเล้าโลมเกิดขึ้นเพียงครู่เดียวทั้งสองก็อดใจไม่ไหวนั่นทำให้การสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงในขณะที่สะโพกสอบของรอยส์กำลังเคลื่อนไหวในจังหวะเข้าและออกหนักๆ เม็ดยอดสีชมพูบนหน้าอกอวบที่เวลานี้เปลือยเปล่าของขวัญชีวาช่างท้าทายสายตาเขาเ

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 25

    แม้จะมั่นใจว่ารอยส์นั้นรักขวัญชีวาถึงขั้นวางแผนจะแต่งงานใช้ชีวิตที่เหลือด้วยกัน แต่ภูริชก็ไม่วายบอกข่าวผิดๆ แก่รอยส์ นั่นทำเอาซีอีโอหนุ่มถึงกับหัวร้อนแล้วรีบบึ่งรถไปหาขวัญชีวาที่บ้านทันที“คุณจะทิ้งผมจริงๆ เหรอ”“ทิ้งคุณ!” สีหน้าและแววตาของขวัญชีวางุนงงอย่างเห็นได้ชัด นั่นเพราะเธอไม่เคยคิดจะทิ้งรอยส์เลยแม้แต่ครั้งเดียวแล้วเขาโวยวายเรื่องนั้นขึ้นมาทำไม“ใช่ คุณหนึ่งบอกว่าคุณจะไปอยู่ที่ฟินแลนด์ด้วย แล้วผมละครับ คุณจะเอาผมไปวางไว้ตรงไหน” นอกจากโวยวายแล้วรอยส์ยังร้อนใจจนเก็บอาการไม่อยู่“วางไว้ที่เดิมค่ะ”“คุณเกี๊ยว”“ดื่มน้ำดับอารมณ์ร้อนก่อนดีไหมคะ” ขวัญชีวายังคงแสดงท่าทางสบายๆ ไม่ได้ร้อนรนอะไร“ไม่ครับ” น้ำเสียงห้วนๆ ของรอยส์เอ่ยรับขึ้น“ถ้างั้นก็ตั้งใจฟังให้ดีๆ ฉันจะตามน้องกวินท์ไปที่ฟินแลนด์จริงๆ แต่แค่ไปส่งแล้วกลับค่ะไม่ได้ไปอยู่ถาวร”

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 24

    อาการป่วยของกวินท์ดีวันดีคืน หมอจึงอนุญาตให้เด็กชายกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้แต่ข่าวดีนี้ก็ถูกกลบด้วยบรรยากาศที่อึมครึมเมื่อพลอยใสเดินทางมาถึงเมืองไทยเพื่อคุยเรื่องหย่ากับภูริชเธอยังคงยืนกรานที่จะไม่หย่าในขณะที่ภูริชก็ยืนกรานที่จะหย่าเช่นกัน สุดท้ายภูริชก็ฟ้องหย่าและเพราะไม่อยากให้เป็นข่าวใหญ่โตจนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ทางครอบบครัวของพลอยใสจึงกดดันให้ลูกสาวคนโตยอมเซ็นใบหย่าเงียบๆต่อให้พลอยใสอยากเอาชนะภูริชมากขนาดไหนสุดท้ายก็ทนแรงกดดันจากคนในครอบครัวที่ไม่มีใครเข้าข้างเธอเลยสักคนไม่ได้ เมื่อหย่าเสร็จเธอก็บินกลับไปใช้ชีวิตที่บอสตันส่วนภูริชก็มีคำสั่งจากบริษัทให้ย้ายไปทำงานที่ฟินแลนด์เช่นกัน เพราะแบบนั้นเขาจึงอยากพากวินท์ไปด้วยทันทีที่ได้รู้ขวัญชีวาก็ถึงกับซึมนั่นเพราะไม่คิดว่าเธอจะต้องอยู่ห่างกับกวินท์ไกลถึงขนาดนั้น แต่ก็ยอมรับว่าที่นั่นดีต่อการดำเนินชีวิตของกวินท์ อีกอย่างเธอเป็นแค่ป้าคงไม่มีสิทธิ์เท่าพ่อแท้ๆ“ทำไมพี่หนึ่งใจร้ายกับแกแบบนั้น” ปิยะดาเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจที่จู่ๆ

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 23

    “ขอบคุณมากนะครับที่คอยช่วยเหลือลูกชายผมกับเกี๊ยว” เมื่อมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ภูริชก็เอ่ยกับรอยส์ขึ้น“ผมยินดีและเต็มใจที่ได้ช่วยครับ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร”“เกี๊ยวบอกว่าคุณเป็นเจ้านายเธอที่บริษัท”“ใช่ครับ เราทำงานด้วยกันมาหลายปีแล้ว แต่จู่ๆ คุณเกี๊ยวก็ขอลาออกผมเลยรู้ว่าเธอกำลังมีปัญหา” หากไม่มีใบลาออกใบนั้นรอยส์ก็คงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ ขวัญชีวาบ้าง“ผมเป็นพ่อที่ไม่เอาไหนเลยจริงๆ” ยิ่งคิดภูริชก็ยิ่งรู้สึกผิด ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ถูกลูกชายเกลียดเอา“อย่าโทษตัวเองเลยครับเพราะอย่างน้อยตอนนี้คุณก็รู้ทุกอย่างแล้ว รู้ก่อนที่มันจะสายไป”“ผมเคยทำผิดแล้วครั้งหนึ่งที่เลิกรากับกุ้งโดยไม่รู้ว่าเธอกำลังตั้งท้องมารู้อีกทีคือวันที่ผมบินกลับร่วมงานศพของเธอ แต่แล้วก็ยังปล่อยปะละเลยชีวิตของกวินท์กับเกี๊ยวจนทำให้ทั้งคู่ลำบาก” ยิ่งคิดภูริชก็ยิ่งรู้สึกผิดหลังจากนี้เ

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 22

    “เรากลับมาคุยกันก่อนนะคะคุณหนึ่ง” แม้จะไม่พอใจที่สามีบินกลับเมืองไทยโดยไม่บอกเธอ แต่สถานการณ์ในตอนนี้พลอยใสก็ต้องหว่านล้อมสามีให้กลับมาหาเธอให้ได้เสียก่อน “ต่อจากนี้เราคงไม่ต้องคุยอะไรกันอีก”“ไม่นะคะไม่ ถ้าคุณไม่สะดวกบินมาฉันจะบินไปหาคุณเพื่ออธิบายทุกอย่างเอง นะคะ”“อย่าเสียเวลาเลย”“คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงหรือคุณจะหย่ากับฉันอย่างนั้นเหรอ”“ใช่”“คุณหนึ่ง!”“ผมคงใช้ชีวิตกับคุณต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เราหย่ากันน่าจะดีที่สุด” เรื่องหย่าอยู่ในหัวของภูริชมานานแล้ว น่าจะตั้งแต่แต่งงานกับพลอยใสด้วยซ้ำ เพียงแค่ที่ผ่านมาเขาพยายามไม่คิดถึงเรื่องหย่าและคิดว่าทุกอย่างจะค่อยๆ ดีขึ้นเพราะหลังจากเลิกรากับปานชีวาน้องสาวของ ขวัญชีวาไม่นานเขาก็แต่งงานสายฟ้าแลบกับเธอ ที่ตัดสินใจแต่งงานทันทีเพราะผู้ใหญ่บีบบังคับบวกกับเขาต้องการใครสักคนเพื่อให้ลืมปานชีวา จากนั้นก็ย้ายไปอยู่ด้วยกันที่บอสตันโดยเขาไปทำงานในขณะที่พลอยใสก็ตามไปดูแลแต่ไ

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 21

    สำหรับขวัญชีวาแล้ว แม้ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างรอยส์และเธอจะซับซ้อนแต่ก็มั่นใจว่าจะจัดการทุกอย่างเพื่อไม่ให้กระทบกับงานได้ เธอจะอดทนจนกว่าเขาจะเซ็นใบลาออกให้แต่เมื่อไหร่เส้นความอดทนของเธอมันขาดก็อีกเรื่องหนึ่ง สิ่งที่อยู่ในหัวของขวัญชีวามีเรื่องลูกและเรื่องงานเป็นหลัก ส่วนเรื่องของรอยส์ก็มีบ้างที่เธอปล่อยให้เขาเข้ามาในความคิดขณะอยู่ที่บริษัทรอยส์เองก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรจนเกินพอดี เขายังคงเว้นระยะห่างที่ควรจะทำเสมอนั่นเพราะห่วงความรู้สึกของขวัญชีวา แต่เมื่อไหร่ที่อยู่นอกเวลางานก็เป็นอีกเรื่องเช่นกันโดยเฉพาะที่โรงพยาบาล“คุณรอยส์”“อะไรครับ”“เลิกมองฉันแบบนั้นได้แล้ว มองอยู่ได้”“แม่เกี๊ยวกับลุงรอยส์คบกันอยู่ใช่ไหมฮะ” จู่ๆ ประโยคคำถามก็ดังมาจากเด็กชายวัยเจ็ดขวบ ถึงแม้จะยังเด็กแต่ก็พอรู้ว่าความรักคืออะไรเพราะตอนอยู่อนุบาลตัวเองก็เคยมีแฟนมาแล้ว แถมตอนนั้นยังเนื้อหอมมากอีกด้วย“เอ้” ขวัญชีวาอุทานออกมาอย่างตกใจนั่นเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคแบบนี้จากลูกชาย“ใช่ครับกวินท์ เรากำลังค

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 20

    หลังการผ่าตัด อาการของกวินท์ก็หายวันหายคืนอาจเพราะใจสู้และได้กำลังใจดีจากแม่คนเก่งอย่างขวัญชีวารวมไปถึงลุงอย่างรอยส์ที่รายหลังนั้นหมั่นแวะเวียนมาเยี่ยมเสมอๆ การปรากฎตัวที่โรงพยาบาลของรอยส์บ่อยๆ ทำให้พี่ชายอย่างเรย์สนใจ ชายหนุ่มคอยสังเกตุอยู่ห่างๆ กระทั่งรู้ว่าคนไข้ที่เวลานี้ยังพักฟื้นอยู่ในห้องวีไอพีสำคัญกับน้องชายมากจึงขอประวัติการรักษาของกวินท์มาดูเป็นกรณีพิเศษพร้อมกับออกมาดักพบน้องชายที่หน้าลิฟต์ทางเข้าโซนวีไอพี “พอจะมีเวลาคุยกันสักสิบห้านาทีไหม” “ครับ” รอยส์เอ่ยรับแล้วเดินตามพี่ชายไป จุดหมายคือชั้นบนสุดของโรงพยาบาลซึ่งชั้นนั้นมีห้องทำงานของพี่ชายอยู่ด้วย “ได้ข่าวว่าระยะนี้นายเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาล เป็นอะไรหรือเปล่า” แม้จะรู้สาเหตุที่ทำให้รอยส์มาโรงพยาบาลบ่อยๆ แต่เรย์ก็ตั้งใจถามแบบนั้นออกไป เขากับน้องชายอายุห่างกันสี่ปี ตอนนี้เป็นผู้บริหารด้วยกันทั้งคู่ เขาสานต่อธุรกิจโรงพยาบาลที่ครอบครัวสร้างขึ้นส่วนรอยส์ขอเดินบนเส้นทางตัวเอง น้องคนนี้ชอบเรื่องรถเรื่องเทคโนโลยีจึงมุ่งเน้นไปทางนั้น ธุรกิจก็เติบโตมีชื่อเสียงไม่น้อย “ผมสบายดีครับ แต่พอดีญาติข

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 19

    และก่อนที่ขวัญชีวาจะคิดไปไกลรอยส์ก็ทำให้เธอรุ่มร้อนอีกครั้ง นั่นเพราะตอนนี้เขาต้องไล่ตามเธอให้ทันก่อนจะถูกทิ้งไว้ท่ามกลางความครึ่งๆ กลางๆ จึงกระแทกกระทั้นสะโพกเข้าหาอย่างถี่กระชั้นจนร่างกึ่งเปลือยของขวัญชีวาไหวโยกตามแรงส่ง หน้าอกคู่สวยกระเพื่อมขึ้นลงยั่วสายตาอีกฝ่าย รอยส์อดใจไม่ไหวจึงยกมือข้างหนึ่งไปบีบคลึงรอยส์จ้องมองขวัญชีวาด้วยความรู้สึกที่ยังคงหื่นกระหาย สำหรับเธอแล้วความหล่อเหลาในระยะใกล้แบบนี้ของเขาทำให้หวั่นไหวแต่ก็ยังตื่นกลัวให้เห็น เพราะแบบนั้นซีอีโอหนุ่มจึงสลัดความกลัวของเธอออกแล้วแทนที่ด้วยความหฤหรรษ์ที่ยากจะต่อต้านของชายหญิง ขวัญชีวาพ่ายแพ้ต่อรอยส์เพราะไม่ว่าเขาจะจัดท่วงท่าเธอยังไงก็โอนอ่อนทำตามอย่างว่าง่าย กระทั่งรอยส์ปลดปล่อยจึงรวบตัวเธอเข้ามากอด“คุณเห็นฉันเป็นอะไร” เมื่อพายุอารมณ์ผ่านพ้นไปขวัญชีวาก็เอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงที่สั่นเครือ ทั้งๆ ที่เธอต่างหากที่ผิด เธอไม่ควรปล่อยให้มันเกิดขึ้น“ผมขอโทษแต่ผมพยายามหักห้ามใจตัวเองแล้วจริงๆ”“คุณมัน…เห็นแก่ตัว” ขวัญชีวาเอ่ยต่อว่

DMCA.com Protection Status