“กล้วยไม้จ้ะ พี่ว่าเราไปอาบน้ำกันดีกว่านะ อาบน้ำเสร็จพี่จะอ่านหนังสือให้ฟัง วันนี้พี่ให้อ้อยไปซื้อหนังสือเล่มใหม่มาให้ พี่คิดว่ากล้วยไม้ต้องชอบแน่ๆ เลย ไปนะคะ ไปอาบน้ำกัน” วิรงรองบอกอีกฝ่ายเสียงนุ่ม ใบหน้าอ่อนโยน
“อาบน้ำ อ่านหนังสือ” พรรณพฤกษาทวนคำพูดราวกับคนละเมอ
“ใช้จ้ะ ไปอาบน้ำกันนะคะ แล้วพี่จะอ่านหนังสือให้ฟัง”
วิรงรองประคองร่างพรรณพฤกษาไปยังห้องน้ำ เธอจัดการถอดเสื้อผ้าและอาบน้ำให้ว่าที่น้องสะใภ้ เมื่อทำกิจธุระเสร็จเรียบร้อย เธอจึงพาพรรณพฤกษาเดินกลับมาที่เตียง
“ดื่มนมก่อนนะกล้วยไม้ ดื่มเสร็จพี่อ่านหนังสือให้ฟังนะคะ” วิรงรองยื่นแก้วนมส่งให้พรรณพฤกษา ที่รับนมแก้วนั้นมาดื่มไปเกือบหมดแล้ว “เก่งมาจ้ะ คราวนี้เรามาอ่านหนังสือด้วยกันนะ”
ว่าที่พี่สะใภ้อ่านหนังสือให้พรรณพฤกษาฟังตามคำสัญญา เธออ่านไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย หรือรำคาญที่ต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งอ่านหนังสือให้คนที่ไม่รู้ว่า จะฟังรู้เรื่องหรือไม่ จนกระทั่งเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง คนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็ผล่อยหลับไป เธอจึงยุติการอ่านหนังสือ ขยับตัวเลื่อนผ้าห่มมาคลุมกายพรรณพฤกษา เสียงเคาะประตูห้อง ทำให้เธอละสายตาจากคนที่เพิ่งนอนหลับ ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังประตูห้อง
“กัลป์” วิรงรองเรียกชื่อเจ้าของมือที่เคาะประตู
“กล้วยไม้หลับหรือยัง” เขาถาม ชะโงกหน้าเข้าไปในห้อง
“หลับแล้ว แต่เพิ่งหลับน่ะ วิว่า เราไปคุยกันข้างนอกดีกว่านะ คุยกันในห้องเผื่อกล้วยไม้ตื่นมาเห็นกัลป์จะกรีดลั่นบ้านเอาได้” เธอบอกเขาด้วยความหวังดี ซึ่งกัลป์ก็เห็นด้วย สองหนุ่มสาวจึงพากันเดินไปนั่งคุยกันตรงโซฟานั่งเล่นบนชั้นสอง
“วิเหนื่อยไหมที่ต้องดูแลกล้วยไม้” เขาถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เหนื่อยหรอก เมื่อก่อนเหนื่อยกว่านี้อีก กัลป์ไม่ต้องห่วงนะ วิไหวค่ะ” กัลป์ยิ้ม เอื้อมมือมากุมมือนุ่มของคนรัก แล้วยกขึ้นจูบกลางมือ
“ผมขอบใจวิมากนะที่ดูแลกล้วยไม้เป็นอย่างดี ผมโชคดีเหลือเกินที่ได้วิเป็นคนรัก และเป็นแม่ของลูกในอนาคต ผมเลือกคนไม่ผิดจริงๆ”
กัลป์รู้จักวิรงรองในงานเลี้ยงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ชนิดหนึ่งเมื่อสามปีก่อน ค่ำคืนนั้นเธอสวยโดดเด่นกว่าใครในงาน เป็นเป้าสายตาของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่หลายคน หนึ่งในนั้นคือเขา และเป็นความโชคดีที่ว่า เขาและเธอได้มีโอกาสทำงานร่วมกัน นี่เองที่ทำให้ทั้งคู่ได้เรียนรู้นิสัยใจคอซึ่งกันและกัน วิรงรองไม่เพียงแค่เป็นผู้หญิงสวย เธอทำงานเก่ง อัธยาศัยดี ไม่ถือตัว เป็นกันเองกับทุกคน แม้ว่าคนนั้นจะเป็นเพียงแม่บ้านในบริษัท เธอจึงเป็นที่รักของทุกคน ความสัมพันธ์ของกัลป์กับวิรงรองจึงพัฒนาขึ้นเป็นคนรักในอีกหกเดือนต่อมา
กัลป์กับวิรงรองมีโครงการแต่งงานกันเมื่อปลายปีที่แล้ว ทว่ามาเกิดเรื่องกับพรรณพฤกษาเสียก่อน ทำให้งานวิวาห์ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่ถึงกระนั้นความรักของทั้งคู่ก็ยังไม่ลดเลือน กลับแน่นแฟ้นมากขึ้น
“วิก็โชคดีค่ะที่ได้รู้จักกัลป์กับทุกคนในครอบครัว เรื่องกล้วยไม้กัลป์ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ วิจะดูแลเต็มที่ค่ะ กล้วยไม้ก็เหมือนน้องสาววิ วิไม่ทอดทิ้งแน่นอนค่ะ”
“วิโกรธผมเรื่องที่ผมเลื่อนการแต่งงานไม่มีกำหนดหรือเปล่าครับ”
เขาถามในเรื่องที่ตนเองเป็นกังวลมาตลอด เพราะช่วงนั้นได้พูดคุยเรื่องการแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ว่าจะเป็นการเชิญแขก ชุดแต่งงาน และแบบการ์ดแต่งงานที่ช่วยกันคิด กัลป์ห่วงความรู้สึกวิรงรองไม่น้อยที่ต้องยกเลิกกลางคัน ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ถึงเหตุผลและบอกว่า ไม่เป็นไรก็ตาม
“กัลป์พูดเรื่องนี้อีกแล้วนะคะ วิบอกกัลป์หลายครั้งแล้วว่า วิไม่โกรธหรือไม่พอใจที่เรายกเลิกการแต่งงานเลย ถ้าขืนแต่งงานสิคะ วิจะรู้สึกผิดมากกว่า อีกอบ่างวิเห็นกล้วยไม้เป็นแบบนี้ ก็ไม่มีกะจิตกะใจแต่งงานค่ะ วิรอได้ค่ะ อีกกี่ปีก็รอได้ ขอเพียงกัลป์ไม่เลิกรักวิก็พอ” วิรงรองบอกความรู้สึกจากใจ “ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะคะที่กัลป์จะตั้งคำถามวิเรื่องนี้ ตอนนี้เรามีเรื่องใหญ่กว่าเรื่องแต่งงานที่ต้องทำ เราต้องทำให้กล้วยไม้หายค่ะ นี่เป็นความตั้งใจของวิตอนนี้ เราจะสู้ไปด้วยกันนะคะ”
วิรงรองบีบมือหนาคล้ายกับให้กำลังใจ ยิ้มอ่อนโยนให้คนรักที่ยิ้มตอบกลับมา ประกายตาของกัลป์มองสตรีตรงหน้าบ่งบอกถึงความรู้สึกจากหัวใจ เขารักเธอ ซาบซึ้งใจในความดีของเธอ และชาตินี้คิดว่า จะรักใครไม่ได้อีกแล้ว
“ครับ เราจะสู้ไปด้วยกัน”
“วิว่า กัลป์กลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำดีกว่านะคะ เดี๋ยววิลงไปเอารังนกมาให้ดื่ม ตื่นมาจะได้สดชื่น”
“วิไม่ต้องลำบากหรอกครับ วิเหนื่อยกับกล้วยไม้มาทั้งวันแล้ว กลับไปอาบน้ำพักผ่อนดีกว่า เดี๋ยวผมลงไปหยิบดื่มเอง”
“วิไม่เหนื่อยค่ะ วิเต็มใจ” เธอยังยืนกรานความตั้งใจเดิม
“ถ้าอย่างนั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะครับคนสวย”
กัลป์ขยับหน้าหอมแก้มคนรัก ก่อนจะเดินไปยังห้องนอนของตน ส่วนวิรงรองลุกขึ้นอีกคน แต่ทางที่เธอไปนั้นคือห้องครัว หยิบเครื่องดื่มรังนกแล้วนำมาให้คนรักที่ห้องตามคำพูด
วันต่อมา
ชายร่างสูงใหญ่สองคนเดินเข้ามาในห้องทำงานอันโอ่อ่าของรองประธานบริษัทการสื่อสารยักษ์ใหญ่ของประเทศ เจ้าของห้องละมือจากงานที่ทำ เงยหน้ามองลูกน้องและเพื่อนที่เดินมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“ได้เรื่องแล้วไอ้คุณกัลป์” น้ำเสียงสนิทสนมที่ฟังแล้วชวนให้คิดว่า ลูกน้องคนนี้ไม่ธรรมดา เจ้าของเสียงคืออดิศรหรือสอน สถานะเขาคือเป็นเพื่อนและลูกน้องของกัลป์ อดิสรยื่นเอกสารในมือให้กัลป์ เจ้าของห้องรับมันไว้แล้วเปิดอ่านทันที “มันชื่อคชา บ้านอยู่จังหวัดชุมพร เป็นลูกน้องของนายวิเศษ ผู้กว้างขวางในแถบนั้น นายวิเศษทำงานผิดกฎหมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ ค้าของเถื่อน แล้วยังเป็นเจ้ามือหวย เจ้าของบ่อนด้วยครับ”
อดิศรรายงานผู้เป็นนายที่กวาดตาอ่านประวัติอันโชกโชนของคชา หนึ่งในกลุ่มชายชั่วที่ข่มเหงพรรณพฤกษา อาจจะพูดได้ว่า เป็นหัวหน้าก็ว่าได้
การสืบเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย กัลป์ต้องใช้เวลากว่าเจ็ดเดือนกว่าจะได้ข้อมูลที่ต้องการ เนื่องจากเขาไม่มีเบาะแสอะไรเลย นอกจากบ้านหลังนั้น ฉะนั้นงานนี้จึงเริ่มต้นที่ศูนย์ ค่อยๆ สืบเสาะหาไปทีละส่วน รวบรวมข้อมูลทุกทางที่หามาได้
Chapter 4แต่เหมือนโชคเข้าข้าง เมื่อหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา มีคนให้ข้อมูลบางอย่างกับกัลป์ โดยบุคคลนี้ไม่เปิดเผยตัว เป็นข้อมูลสำคัญที่ทำให้เขารู้ว่า ใครคือหัวหน้าที่กระทำชั่วในครั้งนี้ ข้อมูลนั้นคือ คลิปภาพถ่ายของคชาตอนที่เดินเข้าไปในบ้าน ต่อมาคือเสียงกรีดร้องของพรรณพฤกษา ซึ่งเขาคาดเดาไม่ยากเลยว่า เกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวสุดที่รัก และข้อมูลอีกหนึ่งอย่างคือ คนในภาพคือหนึ่งในลูกน้องของผู้มีอิทธิพลในจังหวัดชุมพร เขาจึงใช้ข้อมูลที่ได้รับให้ลูกน้องตามสืบหา แต่ไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าใด ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ ต่อไปนี้ก็ถึงทีกัลป์บ้าง เขาจะชำระความกับชายชั่วกลุ่มนั้นให้สาสม“ไปเอาตัวมันมาให้ได้ แต่ขอเป็นๆ นะ ฉันอยากจะชำระความพวกมันด้วยตัวฉันเอง”กำปั้นกัลป์ทุบลงบนโต๊ะ นัยน์ตาเขาเปล่งแสงน่ากลัว มีความแค้น แรงโทสะสุมอยู่ เป็นแววตาที่ใครเห็นแล้วต้องหวาดกลัว สยองพองขน“ฉันจะไปวันนี้เลยจะได้ปิดงาน” อดิศรรับคำสั่ง“ระวังตัวด้วยล่ะ ท่าทางมันไม่ใช่เล่นๆ ทำอะไรรอบคอบไว้ก่อน” กัลป์เตือนลูกน้อง “เอาเงินนี่ไป เผื่อต้องใช้ ถ้าไม่พอโทรมาบอกฉันล่ะกัน ฉันจะโอนให้”กัลป์เปิดลิ้นชักหยิบเงินสดสองปึกส่งให้อดิสรเป็นค่าใ
Chapter 5“ลุงก็ไม่อยากให้กล้วยไม้จำเรื่องนั้นได้ ลุงขอเพียงได้เข้าใกล้กล้วยไม้ได้เหมือนเดิม ลุงก็พอใจแล้ว”ธัญญ์มีความคิดเดียวกับเจษฎา พรรณพฤกษาไม่ใช่คนเข้มแข็ง เธออ่อนแอจากการถูกประคบประหงมและการเลี้ยงดูที่เรียกว่า ยิ่งกว่าไข่ในหิน รู้จักโลกภายนอกน้อยมาก ไปไหนมาไหนก็มีคนไปรับไปส่ง หรือไม่ก็ไปกับพ่อแม่ แม้ว่าจะอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา ทว่าก็มีพลาดพลั้ง ถูกลักพาตัวจนทำให้เกิดเหตุการณ์เลวร้าย หากวันนั้นเขาไปรับบุตรสาวเร็วกว่านี้ เรื่องทั้งหมดคงไม่เกิดขึ้น หากพรรณพฤกษาจำเรื่องราวนั้นได้ รับรองว่าอาการช็อคต้องเกิดขึ้นอีกรอบ และอาจจะเลวร้ายลงไปอีก “บางครั้งป้าก็คิดว่า การที่กล้วยไม้เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องจดจำเรื่องที่ถูกกระทำย่ำยี ขอเพียงแค่ให้พ่อ พี่ชายและเจตต์เข้าหน้าได้บ้าง ป้าก็ดีใจแล้ว ชาตินี้ไม่หวังอะไรอีกแล้ว”การสนทนาของทั้งสามดูเหมือนจะหยุดลงดื้อๆ เสมือนมีก้อนแข็งๆ อุดตรงลำคอ ไม่สามารถเปล่งเสียงใดออกมาได้ ใบหน้าของแต่ละคนหมองเศร้า ในห้วงจิตใจทุกข์ระทมเมื่อเห็นคนที่ตัวเองรักเป็นเช่นนี้ ตลาดสดชุมพร ขวัญข้าวกับจ้อยก้าวลงมาจากรถเก๋ง
Chapter 6“จริงเหรอเฮียที่ว่าเฮี้ยบน่ะ ผมเห็นมาหลายคนแล้ว สุดท้ายก็แพ้เงินนายอยู่ดี” จ้อยพูดตามที่เคยประสบ“แต่เขาว่าคนนี้เป็นคนจริงนะ ไปมาหลายจังหวัดแล้ว ปราบพวกผิดกฎหมายมานักต่อนักแล้ว เป็นคนหนุ่มไฟแรงซะด้วย ไม่กลัวใคร อ้อ...ข่าวที่ได้มา ตำรวจคนนี้เป็นลูกชายอดีตรัฐมนตรีเก่าด้วยนะที่พ่วงด้วยอดีตตำรวจมือดี จับเหล่าเสือๆ เข้าคุกมานับไม่ถ้วน เส้นใหญ่ไม่เบา”ขวัญข้าวมีสีหน้าเป็นกังวลกับข่าวที่ได้รับรู้ ตำรวจนายนี้เป็นถึงลูกชายอดีตรัฐมนตรีก็หมายความว่า ต้องมีฐานะคงไม่สนเงินที่วิเศษจะให้เหมือนตำรวจนายอื่นๆ ที่ถูกชักจูงมาเป็นพวก อีกทั้งคงมีอิทธิพลจากพ่อไม่น้อยด้วย “ตำรวจคนนี้อยู่ตำแหน่งอะไรคะเฮียกวง” “มาเป็นสารวัตรแทนคนเก่าที่ถูกเด้งฟ้าผ่าไปเมื่อวันก่อนไง” เจ้าของร้านตอบ “สารวัตรถูกย้าย ข่าวนี้พี่ช้างจะไม่รู้เหรอเฮีย” จ้อยตั้งข้อสงสัย “ก็ไม่รู้นะว่าช้างรู้หรือเปล่า อั๊วได้ข่าวอะไรมาก็บอกช้าง” “ขอบคุณเฮียกวงมากนะคะที่บอก ขวัญจะได้เอาไปเตือนพ่อกับพี่ช้าง” ขวัญข้าวพนมมือไหว้ขอบคุณเฮียกวง ก่อนจะกล่าวลา “ขวัญกับพี่จ้อยขอตัวกลับก่อนนะคะ
Chapter 7ขวัญข้าวออกจากบ้านไปตลาดเพื่อซื้อของสดและแห้งในตอนสาย แต่วันนี้เธอไปคนเดียว ไร้บอดี้การ์ดข้างกายเหมือนเช่นทุกครั้ง เนื่องจากจ้อยท้องเสีย ถ่ายหนักทั้งคืนจนร่างกายอ่อนเพลีย ขวัญข้าวจึงให้นอนพักอยู่ที่บ้าน จ้อยจะไม่ยอมในคราแรก แต่ก็ฝืนสังขารตัวเองไม่ไหว นอนหลับไปตั้งแต่ขวัญข้าวอาบน้ำ รถสองแถวนำพาขวัญข้าวมาถึงตลาดในเวลาต่อมา เธอก้าวลงมาจากรถก่อนจะเดินเข้าไปในตลาดสด ระหว่างที่เลือกเดินซื้ออาหารสดและแห้งอยู่นั้น เบิ้มกับมะแซลูกน้องวินัยได้สะกดรอยตามตั้งแต่เธอออกจากบ้าน ทั้งสองตามสาวสวยที่ลูกพี่หมายปองอยู่ห่างๆ รอจังหวะและโอกาสเหมาะทำตามแผน ขวัญข้าวใช้เวลาเลือกซื้ออาหารสดและแห้งราวสี่สิบนาที เธอจึงเดินออกจากตลาดโดยใช้เส้นทางหลังตลาด สาเหตุที่เธอใช้เส้นทางนี้เป็นเพราะ ต้องไปซื้อของให้บัวรินอีกร้านหนึ่งที่อยู่ซอยติดกับหลังตลาด ทางด้านหลังตลาดนี้ไม่ค่อยมีคนสัญจรมากนัก มีเพียงรถยนต์ของพ่อค้าแม่ค้าจอดกันเรียงราย แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีคนเดินผ่านไปมาขวัญข้าวก็ไม่คิดว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดกับตัวเอง เนื่องจากเดินมาทางนี้จนแทบนับครั้งไม่ถ้วน “อื้อ” ขวัญข้าวตกใจ
Chapter 8“กูรู้สิ ทำไมกูจะไม่รู้ แต่เผอิญว่ากูไม่กลัว” อดิศรเดินเข้ามาใกล้เบิ้ม กระแทกเท้าไปยังหัวเข่าของเบิ้มจนเบิ้มเปลี่ยนท่าเป็นคุกเข่าบนพื้นถนน “เอาตัวผู้หญิงไปไว้ในรถ แล้วเอาเชือกมามัดมือมัดเท้าไอ้สองตัวนี้”อดิศรสั่งลูกน้องอีกสองคนที่ทำตามคำสั่งอย่างมืออาชีพ ไม่นานเกินรอ เบิ้มกับมะแซก็ถูกมัดมือมัดเท้า ปล่อยทิ้งไว้ข้างรถยนต์ เสร็จสรรพอดิศร ชัยยุทธกับพวกได้เดินไปยังรถยนต์ ก่อนจะขับเคลื่อนออกจากจุดนั้น หลังจากได้เป้าหมายสำคัญกลับไปด้วยหากจะกล่าวว่าเป็นเรื่องบังเอิญก็ว่าได้ ไม่ใช่มีเพียงเบิ้มกับมะแซที่ต้องการตัวขวัญข้าว และไปดักซุ่มดูความเคลื่อนไหวของขวัญข้าว อดิศรก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องการตัวขวัญข้าวไปให้เจ้านายและเพื่อนของตน เขากับพวกจึงมาดักซุ่มดุความเคลื่อนไหวของขวัญข้าว แต่พอมาถึงก็เห็นว่า เบิ้มกับมะแซมาดักดูก่อนหน้า อดิศรไม่อยากไก่ตื่น จึงจอดรถในระยะที่เบิ้มกับมะแซไม่สงสัย โดยอาศัยกล้องส่องทางไกลคอยสังเกตการณ์ พอเบิ้มกับมะแซเคลื่อนไหว อดิศรก็สะกดรอยตามไป และเห็นทุกอย่างที่ทั้งสองทำอดิศรรีบขับรถตามเบิ้มกับมะแซ หลังจากเห็นว่า ขวัญข้าวถูกทั้งสองลักพาตัว เขาไม่รู้หรอกว่า ทั้งคู
Chapter 9ทว่าอำนาจในมือวิเศษและคนหนุนหลังไม่อาจทำให้พันตำรวจตรีนพดลเกรงกลัว เขาพร้อมจะเผชิญกับอำนาจมืดในทุกรูปแบบ ขอเพียงจับคนชั่วมาลงโทษตามกฎหมายได้เป็นพอ สองปีที่ผ่านมานพดลกับพวกช่วยกันตามสืบเรื่องวิเศษเงียบๆ รวบรวมข้อมูลทุกอย่างที่พอจะเป็นประโยชน์ให้มากที่สุด จนกระทั่งสายข่าวรายงานการขนย้ายสินค้าครั้งนี้ให้นพดลรู้ นายตำรวจหนุ่มไฟแรงจึงวางแผนจับกุมการขนย้ายอาวุธเถื่อน เป็นของกลางที่จะนำพาไปถึงตัววิเศษรถบรรทุกเป้าหมายขับรถมาตามเส้นทางโดยไม่รู้ตัวว่า อีกไม่กี่สิบเมตรมีกำลังตำรวจหลายสิบนายรออยู่ แล้วบนพื้นถนนมีตะปูเรือใบหลายร้อยตัวเป็นเครื่องกำดักชั้นดีกระจายไปทั่ว ทางด้านนพดลก็รอคอยอย่างใจเย็น ลุ้นระทึก จับตามองล้อรถบรรทุกที่อีกไม่กี่อึดใจจะเหยียบตะปูพิฆาตล้อ“รถเป็นอะไรวะไอ้ช้าง” ปัญญาถามลูกชาย เมื่อรถบรรทุกส่ายไปมาขับไม่ตรงทาง และหยุดนิ่งในอึดใจต่อมา“เหมือนยางจะแบน” ผู้พูดคาดเดา ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วชะโงกหน้ามองล้อรถบรรทุก ดวงตาคชาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นตะปูเรือใบเกลื่อนพื้นดิน สาเหตุที่ทำให้รถไม่อาจไปต่อได้ “พ่อตะปูเรือใบ”ปัญญารีบคว้าปืนเพราะการที่ตะปูเรือใบอยู่บนพื้นไม
Chapter 10น้ำเสียงเข้มห้วน แสดงความไม่เป็นมิตรเต็มที่ มองสตรีตรงด้วยด้วยสายตาเคียดแค้น เกลียดจับใจ ส่งสายตาพิฆาตใส่จนอีกฝ่ายตัวสั่นจากความกลัว“คุณจับตัวฉันมาทำไม มาเรียกค่าไถ่เหรอ ทางบ้านฉันไม่มีเงินให้หรอกนะ ฉันจน”ขวัญข้าวบอกอีกฝ่ายเสียงสั่น ยิ่งเห็นสายตาของเขา เธอรู้สึกกลัวจนขนหัวลุก เป็นแววตาที่ไม่เคยมีใครมองเธอแบบนี้มาก่อน หญิงสาวรู้สึกราวกับว่า กำลังถูกเขาประหารทางสายตา“ฉันไม่เสียเวลาจับตัวเธอมาเรียกค่าไถ่หรอก เงินฉันมีเยอะจนใช้ไม่หมด” กัลป์ตอบกลับ“แล้วคุณจับตัวฉันมาทำไม” “จับตัวเธอมาทำแบบเดียวกันกับที่พี่ชายสุดชั่วของเธอทำกับน้องสาวของฉันไงล่ะ”ขวัญข้าวรู้นิสัยพี่ชายดีว่า ชั่วเลวมากแค่ไหน เธอจึงไม่แน่ใจว่า ชายหนุ่มตรงหน้าเป็นพี่ชายของสาวคนใด แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร เรื่องนี้ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย “พี่...พี่ช้างทำอะไรน้องสาวของคุณ ฉันไม่รู้เรื่องนะ ปล่อยฉันไปเถอะ” กระแสเสียงของสาวหน้าหวานยังคงสั่น น้ำตาไหลไม่รู้ตัว“ฉันคิดว่า ท่าทางของเธอตอนนี้ก็คงเหมือนน้องสาวของฉัน ที่ร้องขอให้พี่ชายเธอปล่อยตัว แต่ผลมันไม่ใช่อย่างที่น้องฉันต้องการ พี่ชายกับพวกข่มขืนน้องสาวของฉันอย่างเลือด
Chapter1 “กรี๊ด” เสียงกรีดร้องดังลั่นไปทั่วบ้านหลังใหญ่ หลังสิ้นเสียงนั้น เสียงฝีเท้าของชายรูปร่างสูงใหญ่ก็ดังขึ้นตาม เขาวิ่งมายังห้องต้นเสียงด้วยเวลาอันรวดเร็ว พอมาถึงหน้าห้องกัลป์รีบเปิดประตูห้องนอนของน้องสาวทันทีโดยไม่คิดเคาะประตู “กล้วยไม้ไม่เป็นอะไรแล้วนะ พี่อยู่นี่ อย่าร้องนะคนดี”กัลป์กอดปลอบน้องสาวอันเป็นที่รัก ที่ยังคงส่งเสียงกรีดร้อง สีหน้าแสดงถึงความหวาดกลัว ตื่นตระหนก น้ำตาไหลอาบแก้ม “กรี๊ด...ไม่นะ อย่าเข้ามา อย่ามากอดฉัน ออกไป กรี๊ด!” พรรณพฤกษาผลักไสพี่ชาย ดวงตาหวานปนเศร้าตื่นตระหนกคล้ายกับว่ากำลังหวาดกลัวบางสิ่งบางอย่าง เป็นความกลัวฝังรากลึกในจิตใจ แล้วไม่รู้ว่าชาตินี้จะสลายความทุกข์โศกนี้ได้หรือไม่ “ปล่อยนะปล่อย อย่าทำฉัน อย่า...ไป...ออกไป...ฮือ”มือเล็กพยายามดันร่างของพี่ชายให้ออกห่าง น้ำตาแห่งความกลัวไหลพราก ฟันแหลมคมขบกัดบ่าของกัลป์เต็มแรง หวังจะให้ลำแขนใหญ่คลายออก แต่ทว่าพี่ชายที่แสนดีข่มความเจ็บปวดไว้เต็มกำลัง หาได้ปล่อยร่างของคนตกอยู่ในอาการหวาดกลัว เขายังคงกอดแนบแน่นแม้ว่าฟันของพรรณพฤกษาจะขบกัดแรงขึ้นและแรงขึ้น“กล้วยไม้ พี่เอง
Chapter 10น้ำเสียงเข้มห้วน แสดงความไม่เป็นมิตรเต็มที่ มองสตรีตรงด้วยด้วยสายตาเคียดแค้น เกลียดจับใจ ส่งสายตาพิฆาตใส่จนอีกฝ่ายตัวสั่นจากความกลัว“คุณจับตัวฉันมาทำไม มาเรียกค่าไถ่เหรอ ทางบ้านฉันไม่มีเงินให้หรอกนะ ฉันจน”ขวัญข้าวบอกอีกฝ่ายเสียงสั่น ยิ่งเห็นสายตาของเขา เธอรู้สึกกลัวจนขนหัวลุก เป็นแววตาที่ไม่เคยมีใครมองเธอแบบนี้มาก่อน หญิงสาวรู้สึกราวกับว่า กำลังถูกเขาประหารทางสายตา“ฉันไม่เสียเวลาจับตัวเธอมาเรียกค่าไถ่หรอก เงินฉันมีเยอะจนใช้ไม่หมด” กัลป์ตอบกลับ“แล้วคุณจับตัวฉันมาทำไม” “จับตัวเธอมาทำแบบเดียวกันกับที่พี่ชายสุดชั่วของเธอทำกับน้องสาวของฉันไงล่ะ”ขวัญข้าวรู้นิสัยพี่ชายดีว่า ชั่วเลวมากแค่ไหน เธอจึงไม่แน่ใจว่า ชายหนุ่มตรงหน้าเป็นพี่ชายของสาวคนใด แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร เรื่องนี้ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย “พี่...พี่ช้างทำอะไรน้องสาวของคุณ ฉันไม่รู้เรื่องนะ ปล่อยฉันไปเถอะ” กระแสเสียงของสาวหน้าหวานยังคงสั่น น้ำตาไหลไม่รู้ตัว“ฉันคิดว่า ท่าทางของเธอตอนนี้ก็คงเหมือนน้องสาวของฉัน ที่ร้องขอให้พี่ชายเธอปล่อยตัว แต่ผลมันไม่ใช่อย่างที่น้องฉันต้องการ พี่ชายกับพวกข่มขืนน้องสาวของฉันอย่างเลือด
Chapter 9ทว่าอำนาจในมือวิเศษและคนหนุนหลังไม่อาจทำให้พันตำรวจตรีนพดลเกรงกลัว เขาพร้อมจะเผชิญกับอำนาจมืดในทุกรูปแบบ ขอเพียงจับคนชั่วมาลงโทษตามกฎหมายได้เป็นพอ สองปีที่ผ่านมานพดลกับพวกช่วยกันตามสืบเรื่องวิเศษเงียบๆ รวบรวมข้อมูลทุกอย่างที่พอจะเป็นประโยชน์ให้มากที่สุด จนกระทั่งสายข่าวรายงานการขนย้ายสินค้าครั้งนี้ให้นพดลรู้ นายตำรวจหนุ่มไฟแรงจึงวางแผนจับกุมการขนย้ายอาวุธเถื่อน เป็นของกลางที่จะนำพาไปถึงตัววิเศษรถบรรทุกเป้าหมายขับรถมาตามเส้นทางโดยไม่รู้ตัวว่า อีกไม่กี่สิบเมตรมีกำลังตำรวจหลายสิบนายรออยู่ แล้วบนพื้นถนนมีตะปูเรือใบหลายร้อยตัวเป็นเครื่องกำดักชั้นดีกระจายไปทั่ว ทางด้านนพดลก็รอคอยอย่างใจเย็น ลุ้นระทึก จับตามองล้อรถบรรทุกที่อีกไม่กี่อึดใจจะเหยียบตะปูพิฆาตล้อ“รถเป็นอะไรวะไอ้ช้าง” ปัญญาถามลูกชาย เมื่อรถบรรทุกส่ายไปมาขับไม่ตรงทาง และหยุดนิ่งในอึดใจต่อมา“เหมือนยางจะแบน” ผู้พูดคาดเดา ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วชะโงกหน้ามองล้อรถบรรทุก ดวงตาคชาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นตะปูเรือใบเกลื่อนพื้นดิน สาเหตุที่ทำให้รถไม่อาจไปต่อได้ “พ่อตะปูเรือใบ”ปัญญารีบคว้าปืนเพราะการที่ตะปูเรือใบอยู่บนพื้นไม
Chapter 8“กูรู้สิ ทำไมกูจะไม่รู้ แต่เผอิญว่ากูไม่กลัว” อดิศรเดินเข้ามาใกล้เบิ้ม กระแทกเท้าไปยังหัวเข่าของเบิ้มจนเบิ้มเปลี่ยนท่าเป็นคุกเข่าบนพื้นถนน “เอาตัวผู้หญิงไปไว้ในรถ แล้วเอาเชือกมามัดมือมัดเท้าไอ้สองตัวนี้”อดิศรสั่งลูกน้องอีกสองคนที่ทำตามคำสั่งอย่างมืออาชีพ ไม่นานเกินรอ เบิ้มกับมะแซก็ถูกมัดมือมัดเท้า ปล่อยทิ้งไว้ข้างรถยนต์ เสร็จสรรพอดิศร ชัยยุทธกับพวกได้เดินไปยังรถยนต์ ก่อนจะขับเคลื่อนออกจากจุดนั้น หลังจากได้เป้าหมายสำคัญกลับไปด้วยหากจะกล่าวว่าเป็นเรื่องบังเอิญก็ว่าได้ ไม่ใช่มีเพียงเบิ้มกับมะแซที่ต้องการตัวขวัญข้าว และไปดักซุ่มดูความเคลื่อนไหวของขวัญข้าว อดิศรก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องการตัวขวัญข้าวไปให้เจ้านายและเพื่อนของตน เขากับพวกจึงมาดักซุ่มดุความเคลื่อนไหวของขวัญข้าว แต่พอมาถึงก็เห็นว่า เบิ้มกับมะแซมาดักดูก่อนหน้า อดิศรไม่อยากไก่ตื่น จึงจอดรถในระยะที่เบิ้มกับมะแซไม่สงสัย โดยอาศัยกล้องส่องทางไกลคอยสังเกตการณ์ พอเบิ้มกับมะแซเคลื่อนไหว อดิศรก็สะกดรอยตามไป และเห็นทุกอย่างที่ทั้งสองทำอดิศรรีบขับรถตามเบิ้มกับมะแซ หลังจากเห็นว่า ขวัญข้าวถูกทั้งสองลักพาตัว เขาไม่รู้หรอกว่า ทั้งคู
Chapter 7ขวัญข้าวออกจากบ้านไปตลาดเพื่อซื้อของสดและแห้งในตอนสาย แต่วันนี้เธอไปคนเดียว ไร้บอดี้การ์ดข้างกายเหมือนเช่นทุกครั้ง เนื่องจากจ้อยท้องเสีย ถ่ายหนักทั้งคืนจนร่างกายอ่อนเพลีย ขวัญข้าวจึงให้นอนพักอยู่ที่บ้าน จ้อยจะไม่ยอมในคราแรก แต่ก็ฝืนสังขารตัวเองไม่ไหว นอนหลับไปตั้งแต่ขวัญข้าวอาบน้ำ รถสองแถวนำพาขวัญข้าวมาถึงตลาดในเวลาต่อมา เธอก้าวลงมาจากรถก่อนจะเดินเข้าไปในตลาดสด ระหว่างที่เลือกเดินซื้ออาหารสดและแห้งอยู่นั้น เบิ้มกับมะแซลูกน้องวินัยได้สะกดรอยตามตั้งแต่เธอออกจากบ้าน ทั้งสองตามสาวสวยที่ลูกพี่หมายปองอยู่ห่างๆ รอจังหวะและโอกาสเหมาะทำตามแผน ขวัญข้าวใช้เวลาเลือกซื้ออาหารสดและแห้งราวสี่สิบนาที เธอจึงเดินออกจากตลาดโดยใช้เส้นทางหลังตลาด สาเหตุที่เธอใช้เส้นทางนี้เป็นเพราะ ต้องไปซื้อของให้บัวรินอีกร้านหนึ่งที่อยู่ซอยติดกับหลังตลาด ทางด้านหลังตลาดนี้ไม่ค่อยมีคนสัญจรมากนัก มีเพียงรถยนต์ของพ่อค้าแม่ค้าจอดกันเรียงราย แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีคนเดินผ่านไปมาขวัญข้าวก็ไม่คิดว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดกับตัวเอง เนื่องจากเดินมาทางนี้จนแทบนับครั้งไม่ถ้วน “อื้อ” ขวัญข้าวตกใจ
Chapter 6“จริงเหรอเฮียที่ว่าเฮี้ยบน่ะ ผมเห็นมาหลายคนแล้ว สุดท้ายก็แพ้เงินนายอยู่ดี” จ้อยพูดตามที่เคยประสบ“แต่เขาว่าคนนี้เป็นคนจริงนะ ไปมาหลายจังหวัดแล้ว ปราบพวกผิดกฎหมายมานักต่อนักแล้ว เป็นคนหนุ่มไฟแรงซะด้วย ไม่กลัวใคร อ้อ...ข่าวที่ได้มา ตำรวจคนนี้เป็นลูกชายอดีตรัฐมนตรีเก่าด้วยนะที่พ่วงด้วยอดีตตำรวจมือดี จับเหล่าเสือๆ เข้าคุกมานับไม่ถ้วน เส้นใหญ่ไม่เบา”ขวัญข้าวมีสีหน้าเป็นกังวลกับข่าวที่ได้รับรู้ ตำรวจนายนี้เป็นถึงลูกชายอดีตรัฐมนตรีก็หมายความว่า ต้องมีฐานะคงไม่สนเงินที่วิเศษจะให้เหมือนตำรวจนายอื่นๆ ที่ถูกชักจูงมาเป็นพวก อีกทั้งคงมีอิทธิพลจากพ่อไม่น้อยด้วย “ตำรวจคนนี้อยู่ตำแหน่งอะไรคะเฮียกวง” “มาเป็นสารวัตรแทนคนเก่าที่ถูกเด้งฟ้าผ่าไปเมื่อวันก่อนไง” เจ้าของร้านตอบ “สารวัตรถูกย้าย ข่าวนี้พี่ช้างจะไม่รู้เหรอเฮีย” จ้อยตั้งข้อสงสัย “ก็ไม่รู้นะว่าช้างรู้หรือเปล่า อั๊วได้ข่าวอะไรมาก็บอกช้าง” “ขอบคุณเฮียกวงมากนะคะที่บอก ขวัญจะได้เอาไปเตือนพ่อกับพี่ช้าง” ขวัญข้าวพนมมือไหว้ขอบคุณเฮียกวง ก่อนจะกล่าวลา “ขวัญกับพี่จ้อยขอตัวกลับก่อนนะคะ
Chapter 5“ลุงก็ไม่อยากให้กล้วยไม้จำเรื่องนั้นได้ ลุงขอเพียงได้เข้าใกล้กล้วยไม้ได้เหมือนเดิม ลุงก็พอใจแล้ว”ธัญญ์มีความคิดเดียวกับเจษฎา พรรณพฤกษาไม่ใช่คนเข้มแข็ง เธออ่อนแอจากการถูกประคบประหงมและการเลี้ยงดูที่เรียกว่า ยิ่งกว่าไข่ในหิน รู้จักโลกภายนอกน้อยมาก ไปไหนมาไหนก็มีคนไปรับไปส่ง หรือไม่ก็ไปกับพ่อแม่ แม้ว่าจะอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา ทว่าก็มีพลาดพลั้ง ถูกลักพาตัวจนทำให้เกิดเหตุการณ์เลวร้าย หากวันนั้นเขาไปรับบุตรสาวเร็วกว่านี้ เรื่องทั้งหมดคงไม่เกิดขึ้น หากพรรณพฤกษาจำเรื่องราวนั้นได้ รับรองว่าอาการช็อคต้องเกิดขึ้นอีกรอบ และอาจจะเลวร้ายลงไปอีก “บางครั้งป้าก็คิดว่า การที่กล้วยไม้เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องจดจำเรื่องที่ถูกกระทำย่ำยี ขอเพียงแค่ให้พ่อ พี่ชายและเจตต์เข้าหน้าได้บ้าง ป้าก็ดีใจแล้ว ชาตินี้ไม่หวังอะไรอีกแล้ว”การสนทนาของทั้งสามดูเหมือนจะหยุดลงดื้อๆ เสมือนมีก้อนแข็งๆ อุดตรงลำคอ ไม่สามารถเปล่งเสียงใดออกมาได้ ใบหน้าของแต่ละคนหมองเศร้า ในห้วงจิตใจทุกข์ระทมเมื่อเห็นคนที่ตัวเองรักเป็นเช่นนี้ ตลาดสดชุมพร ขวัญข้าวกับจ้อยก้าวลงมาจากรถเก๋ง
Chapter 4แต่เหมือนโชคเข้าข้าง เมื่อหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา มีคนให้ข้อมูลบางอย่างกับกัลป์ โดยบุคคลนี้ไม่เปิดเผยตัว เป็นข้อมูลสำคัญที่ทำให้เขารู้ว่า ใครคือหัวหน้าที่กระทำชั่วในครั้งนี้ ข้อมูลนั้นคือ คลิปภาพถ่ายของคชาตอนที่เดินเข้าไปในบ้าน ต่อมาคือเสียงกรีดร้องของพรรณพฤกษา ซึ่งเขาคาดเดาไม่ยากเลยว่า เกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวสุดที่รัก และข้อมูลอีกหนึ่งอย่างคือ คนในภาพคือหนึ่งในลูกน้องของผู้มีอิทธิพลในจังหวัดชุมพร เขาจึงใช้ข้อมูลที่ได้รับให้ลูกน้องตามสืบหา แต่ไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าใด ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ ต่อไปนี้ก็ถึงทีกัลป์บ้าง เขาจะชำระความกับชายชั่วกลุ่มนั้นให้สาสม“ไปเอาตัวมันมาให้ได้ แต่ขอเป็นๆ นะ ฉันอยากจะชำระความพวกมันด้วยตัวฉันเอง”กำปั้นกัลป์ทุบลงบนโต๊ะ นัยน์ตาเขาเปล่งแสงน่ากลัว มีความแค้น แรงโทสะสุมอยู่ เป็นแววตาที่ใครเห็นแล้วต้องหวาดกลัว สยองพองขน“ฉันจะไปวันนี้เลยจะได้ปิดงาน” อดิศรรับคำสั่ง“ระวังตัวด้วยล่ะ ท่าทางมันไม่ใช่เล่นๆ ทำอะไรรอบคอบไว้ก่อน” กัลป์เตือนลูกน้อง “เอาเงินนี่ไป เผื่อต้องใช้ ถ้าไม่พอโทรมาบอกฉันล่ะกัน ฉันจะโอนให้”กัลป์เปิดลิ้นชักหยิบเงินสดสองปึกส่งให้อดิสรเป็นค่าใ
Chapter 3“กล้วยไม้จ้ะ พี่ว่าเราไปอาบน้ำกันดีกว่านะ อาบน้ำเสร็จพี่จะอ่านหนังสือให้ฟัง วันนี้พี่ให้อ้อยไปซื้อหนังสือเล่มใหม่มาให้ พี่คิดว่ากล้วยไม้ต้องชอบแน่ๆ เลย ไปนะคะ ไปอาบน้ำกัน” วิรงรองบอกอีกฝ่ายเสียงนุ่ม ใบหน้าอ่อนโยน“อาบน้ำ อ่านหนังสือ” พรรณพฤกษาทวนคำพูดราวกับคนละเมอ“ใช้จ้ะ ไปอาบน้ำกันนะคะ แล้วพี่จะอ่านหนังสือให้ฟัง”วิรงรองประคองร่างพรรณพฤกษาไปยังห้องน้ำ เธอจัดการถอดเสื้อผ้าและอาบน้ำให้ว่าที่น้องสะใภ้ เมื่อทำกิจธุระเสร็จเรียบร้อย เธอจึงพาพรรณพฤกษาเดินกลับมาที่เตียง“ดื่มนมก่อนนะกล้วยไม้ ดื่มเสร็จพี่อ่านหนังสือให้ฟังนะคะ” วิรงรองยื่นแก้วนมส่งให้พรรณพฤกษา ที่รับนมแก้วนั้นมาดื่มไปเกือบหมดแล้ว “เก่งมาจ้ะ คราวนี้เรามาอ่านหนังสือด้วยกันนะ”ว่าที่พี่สะใภ้อ่านหนังสือให้พรรณพฤกษาฟังตามคำสัญญา เธออ่านไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย หรือรำคาญที่ต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งอ่านหนังสือให้คนที่ไม่รู้ว่า จะฟังรู้เรื่องหรือไม่ จนกระทั่งเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง คนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็ผล่อยหลับไป เธอจึงยุติการอ่านหนังสือ ขยับตัวเลื่อนผ้าห่มมาคลุมกายพรรณพฤกษา เสียงเคาะประตูห้อง ทำให้เธอละสา
Chapter 2“แม่จ๋า ขวัญไม่อยากให้พ่อกับพี่ช้างทำงานแบบนี้เลย มันเป็นบาปนะแม่” ขวัญข้าวคุยกับบัวริน ขณะกำลังล้างถ้วยชาม“แม่ก็ไม่อยากให้ทำ แต่จะทำยังไงได้ล่ะลูก นายมีบุญคุณกับเรามาก ถ้าไม่ได้นาย ป่านนี้พ่อก็คงติดคุก เราก็ไม่ได้อยู่กันอย่างทุกวันนี้”ไม่ใช่ว่าบัวรินจะเห็นดีเห็นงามกับอาชีพของสามีและลูกชาย แต่นางเอ่ยปากห้ามปรามไม่ได้ วิเศษหรือที่เรียกกันติดปากว่า นาย มีบุญคุณกับครอบครัวนางมาก มากเสียจนคิดว่าชาตินี้ไม่รู้จะชดใช้หมดหรือไม่ ปัญญารักและเคารพวิเศษมาก จะให้ล้างมือไม่ทำงานก็ไม่ได้ เนื่องจากถูกวิเศษขอร้องไว้ ซึ่งเหตุผลนี้ขวัญข้าวเข้าใจ แต่ในความเข้าใจก็ไม่อยากให้บิดาและพี่ขายไปเสี่ยงอันตราย“ขวัญรู้ว่านายมีบุญคุณกับเรามาก แต่ขวัญเป็นห่วงพ่อกับพี่ช้าง กลัวว่าสักวันจะพลาดพลั้งถูกตำรวจจับ”ทำอาชีพผิดกฎหมาย ปรปักษ์รายสำคัญคือตำรวจ แม้ว่าจะมีแผนดีมากแค่ไหน ระวังตัวมากเพียงใด ขวัญข้าวคิดว่า สักวันหนึ่งอาจมีผิดพลาด ถูกจับตัวดำเนินคดี คราวนี้แม้แต่วิเศษอาจจะช่วยไม่ได้ ยิ่งช่วงนี้ตำรวจกวดขันอย่างหนัก หลายรายถูกจับกุมและสาวถึงนายใหญ่ เธอจึงกลัวว่า ปัญญากับคชาจะโดนบ้าง“พ่อกับช้างก็ระวังตัวอ