“ลุงก็ไม่อยากให้กล้วยไม้จำเรื่องนั้นได้ ลุงขอเพียงได้เข้าใกล้กล้วยไม้ได้เหมือนเดิม ลุงก็พอใจแล้ว”
ธัญญ์มีความคิดเดียวกับเจษฎา พรรณพฤกษาไม่ใช่คนเข้มแข็ง เธออ่อนแอจากการถูกประคบประหงมและการเลี้ยงดูที่เรียกว่า ยิ่งกว่าไข่ในหิน รู้จักโลกภายนอกน้อยมาก ไปไหนมาไหนก็มีคนไปรับไปส่ง หรือไม่ก็ไปกับพ่อแม่ แม้ว่าจะอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา ทว่าก็มีพลาดพลั้ง ถูกลักพาตัวจนทำให้เกิดเหตุการณ์เลวร้าย หากวันนั้นเขาไปรับบุตรสาวเร็วกว่านี้ เรื่องทั้งหมดคงไม่เกิดขึ้น หากพรรณพฤกษาจำเรื่องราวนั้นได้ รับรองว่าอาการช็อคต้องเกิดขึ้นอีกรอบ และอาจจะเลวร้ายลงไปอีก
“บางครั้งป้าก็คิดว่า การที่กล้วยไม้เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องจดจำเรื่องที่ถูกกระทำย่ำยี ขอเพียงแค่ให้พ่อ พี่ชายและเจตต์เข้าหน้าได้บ้าง ป้าก็ดีใจแล้ว ชาตินี้ไม่หวังอะไรอีกแล้ว”
การสนทนาของทั้งสามดูเหมือนจะหยุดลงดื้อๆ เสมือนมีก้อนแข็งๆ อุดตรงลำคอ ไม่สามารถเปล่งเสียงใดออกมาได้ ใบหน้าของแต่ละคนหมองเศร้า ในห้วงจิตใจทุกข์ระทมเมื่อเห็นคนที่ตัวเองรักเป็นเช่นนี้
ตลาดสดชุมพร
ขวัญข้าวกับจ้อยก้าวลงมาจากรถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่ ก่อนจะเดินไปยังร้านเฮียกวงที่ห่างจากจุดที่จอดรถประมาณหนึ่งร้อยเมตร ขณะที่ทั้งคู่เดินไปคุยไปนั้น หาได้รู้เลยว่า มีชายสามคนเดินตาม หนึ่งในชายสามคนมองบั้นท้ายขวัญข้าวตาเป็นมัน ก่อนที่เจ้าของสายตาคู่นั้นจะเดินแกมวิ่งมาดักหน้าเธอ
“น้องขวัญข้าวจะไปไหนครับ” วินัย ลูกชายวิเศษ คนใหญ่คนโตคับเมืองชุมพรทักสาวสวยที่ตนถูกใจ หมายปองจะเป็นคู่ชีวิตด้วย ตามจีบมาเป็นปีแต่ไม่มีทีท่าว่าจะสำเร็จ
“จะไปร้านเฮียกวง” คนที่ตอบคือจ้อย
“กูถามขวัญ ไม่ได้ถามมึงเพราะฉะนั้นอย่าเสือก” วินัยตวาดใส่ ปรับน้ำเสียงให้นุ่มลงยามคุยกับขวัญข้าว “ขวัญจะไปร้านเฮียกวงทำไมจ้ะ”
“ไปเอาของให้พี่ช้างจ้ะ”
แม้ว่าขวัญข้าวจะไม่ชอบหน้าและนิสัยของวินัย แต่เธอก็ทำบั้นบึ่งหรือหมางเมินวินัยไม่ได้ อย่างน้อยเขาก็เป็นบุตรชายของวิเศษ ผู้มีพระคุณของครอบครัวเธอ
“อีกตั้งหลายก้าวกว่าจะถึงร้านเฮียกวง แล้วตอนนี้แดดก็ร้อนมากด้วย ให้พี่อุ้มขวัญไปส่งที่ร้านเฮียกวงดีกว่านะ ขวัญจะได้ไม่เมื่อยไม่เหนื่อย” วินัยขันอาสา เป็นวิธีจีบหญิงอย่างหนึ่งของเขา แต่หารู้ไม่ว่า มันใช่ไม่ได้กับขวัญข้าว
“ไม่ดีกว่าจ้ะ ขวัญเดินไปเองดีกว่าแค่นี้เอง” ขวัญข้าวปฏิเสธเสียงนุ่มนวล “ขอบคุณพี่อาร์มมากค่ะที่กรุณาขวัญ ขวัญขอตัวนะคะ”
ขวัญข้าวเบี่ยงตัวเดินห่างวินัยทันทีที่พูดจบ วินัยเองไม่ได้ตื้อตามต่อ เพราะคิดว่า อย่างไรเสียขวัญข้าวก็ไม่พ้นมือเขา รอให้ปัญญากลับมาจากทำงานให้บิดาก่อน เขาจะให้ผู้เป็นพ่อไปสู่ขอขวัญข้าวกับปัญญา แน่นอนว่า ว่าที่พ่อตาต้องยกให้แต่โดยดี
“พี่อาร์มจะไม่ตามไปเหรอ” เบิ้มถามลูกพี่
“วันนี้ไม่ตาม มึงลืมแล้วเหรอว่าเรามาที่นี่ทำไม ไปทำงานก่อนก็ได้ ยังไงขวัญก็ไม่รอดมือกู” วินัยพูดอย่างมั่นใจ
“แต่ฉันว่านะพี่ พี่ตีตราจองขวัญไว้ก่อนก็ดีนะ ขวัญสวยปานเทพธิดา มีหนุ่มๆ มาวอแวก็เยอะ เผื่อหลุดมือไปจะยุ่งนะพี่” มะแซเตือนลูกพี่ด้วยความหวังดี
“มันก็จริงตามที่มะแซมันพูดนะพี่ ตอนนี้พ่อกับพี่ชายขวัญไม่อยู่ด้วย ทางโปร่ง จับมาทำเมียก่อนค่อยแต่งก็ได้นี่พี่” เบิ้มออกความคิดเห็น และเป็นความคิดที่ถูกอกถูกใจลูกพี่จอมชั่ว
“เออก็น่าสนแฮะ” วินัยใช้ปลายนิ้วถูปลายคาง ใบหน้าครุ่นคิด “เอาไว้ทำงานเสร็จก่อน แล้วค่อยคิดหาวิธีรวบหัวรวบหางขวัญ”
“ได้เลยลูกพี่ ฉันสองคนจะช่วยพี่คิดเอง” เบิ้มสนับสนุนเรื่องชั่วของวินัยเต็มที่
“เออ ตอนนี้ไปทำงานก่อนดีกว่า กูไม่อยากถูกพ่อเตะ”
ทั้งสามพากันเดินไปยังหลังตลาด เพื่อทำงานตามได้รับมอบหมาย รอเสร็จงานนี้ก่อน รับรองว่า ขวัญข้าวจะต้องมาอยู่ข้างกายวินัยตลอดกาล ชายอื่นอย่าได้หวัง
อีกด้านหนึ่ง
“หมั่นไส้ไอ้อาร์มนัก มันนึกว่ามันใหญ่โตมาจากไหนวะ ถึงได้เบ่งขนาดนี้” จ้อยพูดหลังจากเดินห่างวินัย
“ช่างเขาเถอะพี่จ้อย ต่างคนต่างอยู่ก็สิ้นเรื่อง เขาทักมาเราก็ทักตอบ จะได้ไม่มีปัญหากัน”
“แต่วันนี้มันแปลกนะ ปกติจะตื้อขวัญ วันนี้กลับไม่ตื้อแฮะ”
ทุกครั้งที่วินัยเจอขวัญข้าวในตลาดหรือในสถานที่อื่นๆ วินัยมักตามติดขวัญข้าวแจ ราวกับเป็นเด็กติดแม่ก็ว่าได้ ไม่ว่าเธอจะไปไหน วินัยตามไปตลอด ขายขนมจีบตลอดเวลา ทว่าวันนี้กลับปล่อยให้ขวัญข้าวเดินหนีโดยง่าย จ้อยจึงผิดสังเกต
“มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอพี่จ้อย ถ้าเผื่ออาร์มตามมา มีหวังเราสองคนปวดหัวแน่ ไม่ต้องมีอันต้องทำอะไร คอยแต่หาวิธีชิ่งหนี” ขวัญข้าวไม่คิดอะไรกับเรื่องที่จ้อยตั้งขอสงสัย สำหรับเธอ ห่างวินัยให้มากที่สุดคือสิ่งที่ต้องการ
“มันก็จริงนะ แต่มันก็อดสงสัยไม่ได้ สงสัยว่ามันต้องไปทำเรื่องชั่วแน่ๆ ไม่อย่างนั้นไม่ปล่อยขวัญหรอก” แต่ก็ไม่วายตั้งข้อสันนิษฐาน ขวัญข้าวไม่พูดโต้ตอบเพราะถึงที่หมาย เธอเดินเข้าไปในร้านเฮียกวงอย่างคุ้นเคย
“เฮียกวงคะ พี่ช้างให้มาเอาของค่ะ” ขวัญข้าวบอกจุดประสงค์กับเจ้าของร้าน ที่รีบนำของสิ่งนั้นมาให้เธอ
“ช้างไปไหนล่ะ ทำไมไม่มาเอาเอง” เฮียกวงถาม
“พี่ช้างไปทำงานต่างจังหวัดค่ะ ก็เลยให้ขวัญมาเอาของแทน” เธอตอบขณะที่เก็บกล่องกระสุนปืนลงในกระเป๋าสะพาย
“ที่ถามไม่ใช่อะไรหรอก พอดีอั๊วได้ยินข่าวไม่ดีมา ว่าจะเตือนช้างซะหน่อย” คำพูดของเฮียกวง เรียกความสนใจให้ขวัญข้าวกับจ้อยทันที มีหรือที่คนสงสัยจะไม่ถาม
“เรื่องอะไรเหรอเฮีย” จ้อยเป็นคนถาม
“ก็เรื่องตำรวจย้ายมาใหม่ไงล่ะ เขาว่ากันว่าเฮี้ยบน่าดู ตรงฉินซะด้วย ไม่เอาเงินใครทั้งนั้น ใครผิดว่าไปตามผิด ได้ยินข่าวมาว่า ทางการส่งมาปราบวิเศษกับพวกโดยเฉพาะ เมื่อคืนนี้ก็ไปทลายบ่อนเจ๊ณีซะราบเลย”
เฮียกวงคือสายข่าวคนหนึ่งของวิเศษ เขาได้ข่าวอะไรมามักจะบอกปัญญาและคชาเสมอ วันนี้เขาคิดว่า คชาจะมาเอาของเอง จะได้บอกข่าวนี้ให้ล่วงรู้ แต่ในเมื่อไม่มาเฮียกวงก็บอกผ่านขวัญข้าวแทน
Chapter 6“จริงเหรอเฮียที่ว่าเฮี้ยบน่ะ ผมเห็นมาหลายคนแล้ว สุดท้ายก็แพ้เงินนายอยู่ดี” จ้อยพูดตามที่เคยประสบ“แต่เขาว่าคนนี้เป็นคนจริงนะ ไปมาหลายจังหวัดแล้ว ปราบพวกผิดกฎหมายมานักต่อนักแล้ว เป็นคนหนุ่มไฟแรงซะด้วย ไม่กลัวใคร อ้อ...ข่าวที่ได้มา ตำรวจคนนี้เป็นลูกชายอดีตรัฐมนตรีเก่าด้วยนะที่พ่วงด้วยอดีตตำรวจมือดี จับเหล่าเสือๆ เข้าคุกมานับไม่ถ้วน เส้นใหญ่ไม่เบา”ขวัญข้าวมีสีหน้าเป็นกังวลกับข่าวที่ได้รับรู้ ตำรวจนายนี้เป็นถึงลูกชายอดีตรัฐมนตรีก็หมายความว่า ต้องมีฐานะคงไม่สนเงินที่วิเศษจะให้เหมือนตำรวจนายอื่นๆ ที่ถูกชักจูงมาเป็นพวก อีกทั้งคงมีอิทธิพลจากพ่อไม่น้อยด้วย “ตำรวจคนนี้อยู่ตำแหน่งอะไรคะเฮียกวง” “มาเป็นสารวัตรแทนคนเก่าที่ถูกเด้งฟ้าผ่าไปเมื่อวันก่อนไง” เจ้าของร้านตอบ “สารวัตรถูกย้าย ข่าวนี้พี่ช้างจะไม่รู้เหรอเฮีย” จ้อยตั้งข้อสงสัย “ก็ไม่รู้นะว่าช้างรู้หรือเปล่า อั๊วได้ข่าวอะไรมาก็บอกช้าง” “ขอบคุณเฮียกวงมากนะคะที่บอก ขวัญจะได้เอาไปเตือนพ่อกับพี่ช้าง” ขวัญข้าวพนมมือไหว้ขอบคุณเฮียกวง ก่อนจะกล่าวลา “ขวัญกับพี่จ้อยขอตัวกลับก่อนนะคะ
Chapter 7ขวัญข้าวออกจากบ้านไปตลาดเพื่อซื้อของสดและแห้งในตอนสาย แต่วันนี้เธอไปคนเดียว ไร้บอดี้การ์ดข้างกายเหมือนเช่นทุกครั้ง เนื่องจากจ้อยท้องเสีย ถ่ายหนักทั้งคืนจนร่างกายอ่อนเพลีย ขวัญข้าวจึงให้นอนพักอยู่ที่บ้าน จ้อยจะไม่ยอมในคราแรก แต่ก็ฝืนสังขารตัวเองไม่ไหว นอนหลับไปตั้งแต่ขวัญข้าวอาบน้ำ รถสองแถวนำพาขวัญข้าวมาถึงตลาดในเวลาต่อมา เธอก้าวลงมาจากรถก่อนจะเดินเข้าไปในตลาดสด ระหว่างที่เลือกเดินซื้ออาหารสดและแห้งอยู่นั้น เบิ้มกับมะแซลูกน้องวินัยได้สะกดรอยตามตั้งแต่เธอออกจากบ้าน ทั้งสองตามสาวสวยที่ลูกพี่หมายปองอยู่ห่างๆ รอจังหวะและโอกาสเหมาะทำตามแผน ขวัญข้าวใช้เวลาเลือกซื้ออาหารสดและแห้งราวสี่สิบนาที เธอจึงเดินออกจากตลาดโดยใช้เส้นทางหลังตลาด สาเหตุที่เธอใช้เส้นทางนี้เป็นเพราะ ต้องไปซื้อของให้บัวรินอีกร้านหนึ่งที่อยู่ซอยติดกับหลังตลาด ทางด้านหลังตลาดนี้ไม่ค่อยมีคนสัญจรมากนัก มีเพียงรถยนต์ของพ่อค้าแม่ค้าจอดกันเรียงราย แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีคนเดินผ่านไปมาขวัญข้าวก็ไม่คิดว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดกับตัวเอง เนื่องจากเดินมาทางนี้จนแทบนับครั้งไม่ถ้วน “อื้อ” ขวัญข้าวตกใจ
Chapter 8“กูรู้สิ ทำไมกูจะไม่รู้ แต่เผอิญว่ากูไม่กลัว” อดิศรเดินเข้ามาใกล้เบิ้ม กระแทกเท้าไปยังหัวเข่าของเบิ้มจนเบิ้มเปลี่ยนท่าเป็นคุกเข่าบนพื้นถนน “เอาตัวผู้หญิงไปไว้ในรถ แล้วเอาเชือกมามัดมือมัดเท้าไอ้สองตัวนี้”อดิศรสั่งลูกน้องอีกสองคนที่ทำตามคำสั่งอย่างมืออาชีพ ไม่นานเกินรอ เบิ้มกับมะแซก็ถูกมัดมือมัดเท้า ปล่อยทิ้งไว้ข้างรถยนต์ เสร็จสรรพอดิศร ชัยยุทธกับพวกได้เดินไปยังรถยนต์ ก่อนจะขับเคลื่อนออกจากจุดนั้น หลังจากได้เป้าหมายสำคัญกลับไปด้วยหากจะกล่าวว่าเป็นเรื่องบังเอิญก็ว่าได้ ไม่ใช่มีเพียงเบิ้มกับมะแซที่ต้องการตัวขวัญข้าว และไปดักซุ่มดูความเคลื่อนไหวของขวัญข้าว อดิศรก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องการตัวขวัญข้าวไปให้เจ้านายและเพื่อนของตน เขากับพวกจึงมาดักซุ่มดุความเคลื่อนไหวของขวัญข้าว แต่พอมาถึงก็เห็นว่า เบิ้มกับมะแซมาดักดูก่อนหน้า อดิศรไม่อยากไก่ตื่น จึงจอดรถในระยะที่เบิ้มกับมะแซไม่สงสัย โดยอาศัยกล้องส่องทางไกลคอยสังเกตการณ์ พอเบิ้มกับมะแซเคลื่อนไหว อดิศรก็สะกดรอยตามไป และเห็นทุกอย่างที่ทั้งสองทำอดิศรรีบขับรถตามเบิ้มกับมะแซ หลังจากเห็นว่า ขวัญข้าวถูกทั้งสองลักพาตัว เขาไม่รู้หรอกว่า ทั้งคู
Chapter 9ทว่าอำนาจในมือวิเศษและคนหนุนหลังไม่อาจทำให้พันตำรวจตรีนพดลเกรงกลัว เขาพร้อมจะเผชิญกับอำนาจมืดในทุกรูปแบบ ขอเพียงจับคนชั่วมาลงโทษตามกฎหมายได้เป็นพอ สองปีที่ผ่านมานพดลกับพวกช่วยกันตามสืบเรื่องวิเศษเงียบๆ รวบรวมข้อมูลทุกอย่างที่พอจะเป็นประโยชน์ให้มากที่สุด จนกระทั่งสายข่าวรายงานการขนย้ายสินค้าครั้งนี้ให้นพดลรู้ นายตำรวจหนุ่มไฟแรงจึงวางแผนจับกุมการขนย้ายอาวุธเถื่อน เป็นของกลางที่จะนำพาไปถึงตัววิเศษรถบรรทุกเป้าหมายขับรถมาตามเส้นทางโดยไม่รู้ตัวว่า อีกไม่กี่สิบเมตรมีกำลังตำรวจหลายสิบนายรออยู่ แล้วบนพื้นถนนมีตะปูเรือใบหลายร้อยตัวเป็นเครื่องกำดักชั้นดีกระจายไปทั่ว ทางด้านนพดลก็รอคอยอย่างใจเย็น ลุ้นระทึก จับตามองล้อรถบรรทุกที่อีกไม่กี่อึดใจจะเหยียบตะปูพิฆาตล้อ“รถเป็นอะไรวะไอ้ช้าง” ปัญญาถามลูกชาย เมื่อรถบรรทุกส่ายไปมาขับไม่ตรงทาง และหยุดนิ่งในอึดใจต่อมา“เหมือนยางจะแบน” ผู้พูดคาดเดา ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วชะโงกหน้ามองล้อรถบรรทุก ดวงตาคชาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นตะปูเรือใบเกลื่อนพื้นดิน สาเหตุที่ทำให้รถไม่อาจไปต่อได้ “พ่อตะปูเรือใบ”ปัญญารีบคว้าปืนเพราะการที่ตะปูเรือใบอยู่บนพื้นไม
Chapter 10น้ำเสียงเข้มห้วน แสดงความไม่เป็นมิตรเต็มที่ มองสตรีตรงด้วยด้วยสายตาเคียดแค้น เกลียดจับใจ ส่งสายตาพิฆาตใส่จนอีกฝ่ายตัวสั่นจากความกลัว“คุณจับตัวฉันมาทำไม มาเรียกค่าไถ่เหรอ ทางบ้านฉันไม่มีเงินให้หรอกนะ ฉันจน”ขวัญข้าวบอกอีกฝ่ายเสียงสั่น ยิ่งเห็นสายตาของเขา เธอรู้สึกกลัวจนขนหัวลุก เป็นแววตาที่ไม่เคยมีใครมองเธอแบบนี้มาก่อน หญิงสาวรู้สึกราวกับว่า กำลังถูกเขาประหารทางสายตา“ฉันไม่เสียเวลาจับตัวเธอมาเรียกค่าไถ่หรอก เงินฉันมีเยอะจนใช้ไม่หมด” กัลป์ตอบกลับ“แล้วคุณจับตัวฉันมาทำไม” “จับตัวเธอมาทำแบบเดียวกันกับที่พี่ชายสุดชั่วของเธอทำกับน้องสาวของฉันไงล่ะ”ขวัญข้าวรู้นิสัยพี่ชายดีว่า ชั่วเลวมากแค่ไหน เธอจึงไม่แน่ใจว่า ชายหนุ่มตรงหน้าเป็นพี่ชายของสาวคนใด แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร เรื่องนี้ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย “พี่...พี่ช้างทำอะไรน้องสาวของคุณ ฉันไม่รู้เรื่องนะ ปล่อยฉันไปเถอะ” กระแสเสียงของสาวหน้าหวานยังคงสั่น น้ำตาไหลไม่รู้ตัว“ฉันคิดว่า ท่าทางของเธอตอนนี้ก็คงเหมือนน้องสาวของฉัน ที่ร้องขอให้พี่ชายเธอปล่อยตัว แต่ผลมันไม่ใช่อย่างที่น้องฉันต้องการ พี่ชายกับพวกข่มขืนน้องสาวของฉันอย่างเลือด
Chapter1 “กรี๊ด” เสียงกรีดร้องดังลั่นไปทั่วบ้านหลังใหญ่ หลังสิ้นเสียงนั้น เสียงฝีเท้าของชายรูปร่างสูงใหญ่ก็ดังขึ้นตาม เขาวิ่งมายังห้องต้นเสียงด้วยเวลาอันรวดเร็ว พอมาถึงหน้าห้องกัลป์รีบเปิดประตูห้องนอนของน้องสาวทันทีโดยไม่คิดเคาะประตู “กล้วยไม้ไม่เป็นอะไรแล้วนะ พี่อยู่นี่ อย่าร้องนะคนดี”กัลป์กอดปลอบน้องสาวอันเป็นที่รัก ที่ยังคงส่งเสียงกรีดร้อง สีหน้าแสดงถึงความหวาดกลัว ตื่นตระหนก น้ำตาไหลอาบแก้ม “กรี๊ด...ไม่นะ อย่าเข้ามา อย่ามากอดฉัน ออกไป กรี๊ด!” พรรณพฤกษาผลักไสพี่ชาย ดวงตาหวานปนเศร้าตื่นตระหนกคล้ายกับว่ากำลังหวาดกลัวบางสิ่งบางอย่าง เป็นความกลัวฝังรากลึกในจิตใจ แล้วไม่รู้ว่าชาตินี้จะสลายความทุกข์โศกนี้ได้หรือไม่ “ปล่อยนะปล่อย อย่าทำฉัน อย่า...ไป...ออกไป...ฮือ”มือเล็กพยายามดันร่างของพี่ชายให้ออกห่าง น้ำตาแห่งความกลัวไหลพราก ฟันแหลมคมขบกัดบ่าของกัลป์เต็มแรง หวังจะให้ลำแขนใหญ่คลายออก แต่ทว่าพี่ชายที่แสนดีข่มความเจ็บปวดไว้เต็มกำลัง หาได้ปล่อยร่างของคนตกอยู่ในอาการหวาดกลัว เขายังคงกอดแนบแน่นแม้ว่าฟันของพรรณพฤกษาจะขบกัดแรงขึ้นและแรงขึ้น“กล้วยไม้ พี่เอง
Chapter 2“แม่จ๋า ขวัญไม่อยากให้พ่อกับพี่ช้างทำงานแบบนี้เลย มันเป็นบาปนะแม่” ขวัญข้าวคุยกับบัวริน ขณะกำลังล้างถ้วยชาม“แม่ก็ไม่อยากให้ทำ แต่จะทำยังไงได้ล่ะลูก นายมีบุญคุณกับเรามาก ถ้าไม่ได้นาย ป่านนี้พ่อก็คงติดคุก เราก็ไม่ได้อยู่กันอย่างทุกวันนี้”ไม่ใช่ว่าบัวรินจะเห็นดีเห็นงามกับอาชีพของสามีและลูกชาย แต่นางเอ่ยปากห้ามปรามไม่ได้ วิเศษหรือที่เรียกกันติดปากว่า นาย มีบุญคุณกับครอบครัวนางมาก มากเสียจนคิดว่าชาตินี้ไม่รู้จะชดใช้หมดหรือไม่ ปัญญารักและเคารพวิเศษมาก จะให้ล้างมือไม่ทำงานก็ไม่ได้ เนื่องจากถูกวิเศษขอร้องไว้ ซึ่งเหตุผลนี้ขวัญข้าวเข้าใจ แต่ในความเข้าใจก็ไม่อยากให้บิดาและพี่ขายไปเสี่ยงอันตราย“ขวัญรู้ว่านายมีบุญคุณกับเรามาก แต่ขวัญเป็นห่วงพ่อกับพี่ช้าง กลัวว่าสักวันจะพลาดพลั้งถูกตำรวจจับ”ทำอาชีพผิดกฎหมาย ปรปักษ์รายสำคัญคือตำรวจ แม้ว่าจะมีแผนดีมากแค่ไหน ระวังตัวมากเพียงใด ขวัญข้าวคิดว่า สักวันหนึ่งอาจมีผิดพลาด ถูกจับตัวดำเนินคดี คราวนี้แม้แต่วิเศษอาจจะช่วยไม่ได้ ยิ่งช่วงนี้ตำรวจกวดขันอย่างหนัก หลายรายถูกจับกุมและสาวถึงนายใหญ่ เธอจึงกลัวว่า ปัญญากับคชาจะโดนบ้าง“พ่อกับช้างก็ระวังตัวอ
Chapter 3“กล้วยไม้จ้ะ พี่ว่าเราไปอาบน้ำกันดีกว่านะ อาบน้ำเสร็จพี่จะอ่านหนังสือให้ฟัง วันนี้พี่ให้อ้อยไปซื้อหนังสือเล่มใหม่มาให้ พี่คิดว่ากล้วยไม้ต้องชอบแน่ๆ เลย ไปนะคะ ไปอาบน้ำกัน” วิรงรองบอกอีกฝ่ายเสียงนุ่ม ใบหน้าอ่อนโยน“อาบน้ำ อ่านหนังสือ” พรรณพฤกษาทวนคำพูดราวกับคนละเมอ“ใช้จ้ะ ไปอาบน้ำกันนะคะ แล้วพี่จะอ่านหนังสือให้ฟัง”วิรงรองประคองร่างพรรณพฤกษาไปยังห้องน้ำ เธอจัดการถอดเสื้อผ้าและอาบน้ำให้ว่าที่น้องสะใภ้ เมื่อทำกิจธุระเสร็จเรียบร้อย เธอจึงพาพรรณพฤกษาเดินกลับมาที่เตียง“ดื่มนมก่อนนะกล้วยไม้ ดื่มเสร็จพี่อ่านหนังสือให้ฟังนะคะ” วิรงรองยื่นแก้วนมส่งให้พรรณพฤกษา ที่รับนมแก้วนั้นมาดื่มไปเกือบหมดแล้ว “เก่งมาจ้ะ คราวนี้เรามาอ่านหนังสือด้วยกันนะ”ว่าที่พี่สะใภ้อ่านหนังสือให้พรรณพฤกษาฟังตามคำสัญญา เธออ่านไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย หรือรำคาญที่ต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งอ่านหนังสือให้คนที่ไม่รู้ว่า จะฟังรู้เรื่องหรือไม่ จนกระทั่งเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง คนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็ผล่อยหลับไป เธอจึงยุติการอ่านหนังสือ ขยับตัวเลื่อนผ้าห่มมาคลุมกายพรรณพฤกษา เสียงเคาะประตูห้อง ทำให้เธอละสา
Chapter 10น้ำเสียงเข้มห้วน แสดงความไม่เป็นมิตรเต็มที่ มองสตรีตรงด้วยด้วยสายตาเคียดแค้น เกลียดจับใจ ส่งสายตาพิฆาตใส่จนอีกฝ่ายตัวสั่นจากความกลัว“คุณจับตัวฉันมาทำไม มาเรียกค่าไถ่เหรอ ทางบ้านฉันไม่มีเงินให้หรอกนะ ฉันจน”ขวัญข้าวบอกอีกฝ่ายเสียงสั่น ยิ่งเห็นสายตาของเขา เธอรู้สึกกลัวจนขนหัวลุก เป็นแววตาที่ไม่เคยมีใครมองเธอแบบนี้มาก่อน หญิงสาวรู้สึกราวกับว่า กำลังถูกเขาประหารทางสายตา“ฉันไม่เสียเวลาจับตัวเธอมาเรียกค่าไถ่หรอก เงินฉันมีเยอะจนใช้ไม่หมด” กัลป์ตอบกลับ“แล้วคุณจับตัวฉันมาทำไม” “จับตัวเธอมาทำแบบเดียวกันกับที่พี่ชายสุดชั่วของเธอทำกับน้องสาวของฉันไงล่ะ”ขวัญข้าวรู้นิสัยพี่ชายดีว่า ชั่วเลวมากแค่ไหน เธอจึงไม่แน่ใจว่า ชายหนุ่มตรงหน้าเป็นพี่ชายของสาวคนใด แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร เรื่องนี้ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย “พี่...พี่ช้างทำอะไรน้องสาวของคุณ ฉันไม่รู้เรื่องนะ ปล่อยฉันไปเถอะ” กระแสเสียงของสาวหน้าหวานยังคงสั่น น้ำตาไหลไม่รู้ตัว“ฉันคิดว่า ท่าทางของเธอตอนนี้ก็คงเหมือนน้องสาวของฉัน ที่ร้องขอให้พี่ชายเธอปล่อยตัว แต่ผลมันไม่ใช่อย่างที่น้องฉันต้องการ พี่ชายกับพวกข่มขืนน้องสาวของฉันอย่างเลือด
Chapter 9ทว่าอำนาจในมือวิเศษและคนหนุนหลังไม่อาจทำให้พันตำรวจตรีนพดลเกรงกลัว เขาพร้อมจะเผชิญกับอำนาจมืดในทุกรูปแบบ ขอเพียงจับคนชั่วมาลงโทษตามกฎหมายได้เป็นพอ สองปีที่ผ่านมานพดลกับพวกช่วยกันตามสืบเรื่องวิเศษเงียบๆ รวบรวมข้อมูลทุกอย่างที่พอจะเป็นประโยชน์ให้มากที่สุด จนกระทั่งสายข่าวรายงานการขนย้ายสินค้าครั้งนี้ให้นพดลรู้ นายตำรวจหนุ่มไฟแรงจึงวางแผนจับกุมการขนย้ายอาวุธเถื่อน เป็นของกลางที่จะนำพาไปถึงตัววิเศษรถบรรทุกเป้าหมายขับรถมาตามเส้นทางโดยไม่รู้ตัวว่า อีกไม่กี่สิบเมตรมีกำลังตำรวจหลายสิบนายรออยู่ แล้วบนพื้นถนนมีตะปูเรือใบหลายร้อยตัวเป็นเครื่องกำดักชั้นดีกระจายไปทั่ว ทางด้านนพดลก็รอคอยอย่างใจเย็น ลุ้นระทึก จับตามองล้อรถบรรทุกที่อีกไม่กี่อึดใจจะเหยียบตะปูพิฆาตล้อ“รถเป็นอะไรวะไอ้ช้าง” ปัญญาถามลูกชาย เมื่อรถบรรทุกส่ายไปมาขับไม่ตรงทาง และหยุดนิ่งในอึดใจต่อมา“เหมือนยางจะแบน” ผู้พูดคาดเดา ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วชะโงกหน้ามองล้อรถบรรทุก ดวงตาคชาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นตะปูเรือใบเกลื่อนพื้นดิน สาเหตุที่ทำให้รถไม่อาจไปต่อได้ “พ่อตะปูเรือใบ”ปัญญารีบคว้าปืนเพราะการที่ตะปูเรือใบอยู่บนพื้นไม
Chapter 8“กูรู้สิ ทำไมกูจะไม่รู้ แต่เผอิญว่ากูไม่กลัว” อดิศรเดินเข้ามาใกล้เบิ้ม กระแทกเท้าไปยังหัวเข่าของเบิ้มจนเบิ้มเปลี่ยนท่าเป็นคุกเข่าบนพื้นถนน “เอาตัวผู้หญิงไปไว้ในรถ แล้วเอาเชือกมามัดมือมัดเท้าไอ้สองตัวนี้”อดิศรสั่งลูกน้องอีกสองคนที่ทำตามคำสั่งอย่างมืออาชีพ ไม่นานเกินรอ เบิ้มกับมะแซก็ถูกมัดมือมัดเท้า ปล่อยทิ้งไว้ข้างรถยนต์ เสร็จสรรพอดิศร ชัยยุทธกับพวกได้เดินไปยังรถยนต์ ก่อนจะขับเคลื่อนออกจากจุดนั้น หลังจากได้เป้าหมายสำคัญกลับไปด้วยหากจะกล่าวว่าเป็นเรื่องบังเอิญก็ว่าได้ ไม่ใช่มีเพียงเบิ้มกับมะแซที่ต้องการตัวขวัญข้าว และไปดักซุ่มดูความเคลื่อนไหวของขวัญข้าว อดิศรก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องการตัวขวัญข้าวไปให้เจ้านายและเพื่อนของตน เขากับพวกจึงมาดักซุ่มดุความเคลื่อนไหวของขวัญข้าว แต่พอมาถึงก็เห็นว่า เบิ้มกับมะแซมาดักดูก่อนหน้า อดิศรไม่อยากไก่ตื่น จึงจอดรถในระยะที่เบิ้มกับมะแซไม่สงสัย โดยอาศัยกล้องส่องทางไกลคอยสังเกตการณ์ พอเบิ้มกับมะแซเคลื่อนไหว อดิศรก็สะกดรอยตามไป และเห็นทุกอย่างที่ทั้งสองทำอดิศรรีบขับรถตามเบิ้มกับมะแซ หลังจากเห็นว่า ขวัญข้าวถูกทั้งสองลักพาตัว เขาไม่รู้หรอกว่า ทั้งคู
Chapter 7ขวัญข้าวออกจากบ้านไปตลาดเพื่อซื้อของสดและแห้งในตอนสาย แต่วันนี้เธอไปคนเดียว ไร้บอดี้การ์ดข้างกายเหมือนเช่นทุกครั้ง เนื่องจากจ้อยท้องเสีย ถ่ายหนักทั้งคืนจนร่างกายอ่อนเพลีย ขวัญข้าวจึงให้นอนพักอยู่ที่บ้าน จ้อยจะไม่ยอมในคราแรก แต่ก็ฝืนสังขารตัวเองไม่ไหว นอนหลับไปตั้งแต่ขวัญข้าวอาบน้ำ รถสองแถวนำพาขวัญข้าวมาถึงตลาดในเวลาต่อมา เธอก้าวลงมาจากรถก่อนจะเดินเข้าไปในตลาดสด ระหว่างที่เลือกเดินซื้ออาหารสดและแห้งอยู่นั้น เบิ้มกับมะแซลูกน้องวินัยได้สะกดรอยตามตั้งแต่เธอออกจากบ้าน ทั้งสองตามสาวสวยที่ลูกพี่หมายปองอยู่ห่างๆ รอจังหวะและโอกาสเหมาะทำตามแผน ขวัญข้าวใช้เวลาเลือกซื้ออาหารสดและแห้งราวสี่สิบนาที เธอจึงเดินออกจากตลาดโดยใช้เส้นทางหลังตลาด สาเหตุที่เธอใช้เส้นทางนี้เป็นเพราะ ต้องไปซื้อของให้บัวรินอีกร้านหนึ่งที่อยู่ซอยติดกับหลังตลาด ทางด้านหลังตลาดนี้ไม่ค่อยมีคนสัญจรมากนัก มีเพียงรถยนต์ของพ่อค้าแม่ค้าจอดกันเรียงราย แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีคนเดินผ่านไปมาขวัญข้าวก็ไม่คิดว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดกับตัวเอง เนื่องจากเดินมาทางนี้จนแทบนับครั้งไม่ถ้วน “อื้อ” ขวัญข้าวตกใจ
Chapter 6“จริงเหรอเฮียที่ว่าเฮี้ยบน่ะ ผมเห็นมาหลายคนแล้ว สุดท้ายก็แพ้เงินนายอยู่ดี” จ้อยพูดตามที่เคยประสบ“แต่เขาว่าคนนี้เป็นคนจริงนะ ไปมาหลายจังหวัดแล้ว ปราบพวกผิดกฎหมายมานักต่อนักแล้ว เป็นคนหนุ่มไฟแรงซะด้วย ไม่กลัวใคร อ้อ...ข่าวที่ได้มา ตำรวจคนนี้เป็นลูกชายอดีตรัฐมนตรีเก่าด้วยนะที่พ่วงด้วยอดีตตำรวจมือดี จับเหล่าเสือๆ เข้าคุกมานับไม่ถ้วน เส้นใหญ่ไม่เบา”ขวัญข้าวมีสีหน้าเป็นกังวลกับข่าวที่ได้รับรู้ ตำรวจนายนี้เป็นถึงลูกชายอดีตรัฐมนตรีก็หมายความว่า ต้องมีฐานะคงไม่สนเงินที่วิเศษจะให้เหมือนตำรวจนายอื่นๆ ที่ถูกชักจูงมาเป็นพวก อีกทั้งคงมีอิทธิพลจากพ่อไม่น้อยด้วย “ตำรวจคนนี้อยู่ตำแหน่งอะไรคะเฮียกวง” “มาเป็นสารวัตรแทนคนเก่าที่ถูกเด้งฟ้าผ่าไปเมื่อวันก่อนไง” เจ้าของร้านตอบ “สารวัตรถูกย้าย ข่าวนี้พี่ช้างจะไม่รู้เหรอเฮีย” จ้อยตั้งข้อสงสัย “ก็ไม่รู้นะว่าช้างรู้หรือเปล่า อั๊วได้ข่าวอะไรมาก็บอกช้าง” “ขอบคุณเฮียกวงมากนะคะที่บอก ขวัญจะได้เอาไปเตือนพ่อกับพี่ช้าง” ขวัญข้าวพนมมือไหว้ขอบคุณเฮียกวง ก่อนจะกล่าวลา “ขวัญกับพี่จ้อยขอตัวกลับก่อนนะคะ
Chapter 5“ลุงก็ไม่อยากให้กล้วยไม้จำเรื่องนั้นได้ ลุงขอเพียงได้เข้าใกล้กล้วยไม้ได้เหมือนเดิม ลุงก็พอใจแล้ว”ธัญญ์มีความคิดเดียวกับเจษฎา พรรณพฤกษาไม่ใช่คนเข้มแข็ง เธออ่อนแอจากการถูกประคบประหงมและการเลี้ยงดูที่เรียกว่า ยิ่งกว่าไข่ในหิน รู้จักโลกภายนอกน้อยมาก ไปไหนมาไหนก็มีคนไปรับไปส่ง หรือไม่ก็ไปกับพ่อแม่ แม้ว่าจะอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา ทว่าก็มีพลาดพลั้ง ถูกลักพาตัวจนทำให้เกิดเหตุการณ์เลวร้าย หากวันนั้นเขาไปรับบุตรสาวเร็วกว่านี้ เรื่องทั้งหมดคงไม่เกิดขึ้น หากพรรณพฤกษาจำเรื่องราวนั้นได้ รับรองว่าอาการช็อคต้องเกิดขึ้นอีกรอบ และอาจจะเลวร้ายลงไปอีก “บางครั้งป้าก็คิดว่า การที่กล้วยไม้เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องจดจำเรื่องที่ถูกกระทำย่ำยี ขอเพียงแค่ให้พ่อ พี่ชายและเจตต์เข้าหน้าได้บ้าง ป้าก็ดีใจแล้ว ชาตินี้ไม่หวังอะไรอีกแล้ว”การสนทนาของทั้งสามดูเหมือนจะหยุดลงดื้อๆ เสมือนมีก้อนแข็งๆ อุดตรงลำคอ ไม่สามารถเปล่งเสียงใดออกมาได้ ใบหน้าของแต่ละคนหมองเศร้า ในห้วงจิตใจทุกข์ระทมเมื่อเห็นคนที่ตัวเองรักเป็นเช่นนี้ ตลาดสดชุมพร ขวัญข้าวกับจ้อยก้าวลงมาจากรถเก๋ง
Chapter 4แต่เหมือนโชคเข้าข้าง เมื่อหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา มีคนให้ข้อมูลบางอย่างกับกัลป์ โดยบุคคลนี้ไม่เปิดเผยตัว เป็นข้อมูลสำคัญที่ทำให้เขารู้ว่า ใครคือหัวหน้าที่กระทำชั่วในครั้งนี้ ข้อมูลนั้นคือ คลิปภาพถ่ายของคชาตอนที่เดินเข้าไปในบ้าน ต่อมาคือเสียงกรีดร้องของพรรณพฤกษา ซึ่งเขาคาดเดาไม่ยากเลยว่า เกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวสุดที่รัก และข้อมูลอีกหนึ่งอย่างคือ คนในภาพคือหนึ่งในลูกน้องของผู้มีอิทธิพลในจังหวัดชุมพร เขาจึงใช้ข้อมูลที่ได้รับให้ลูกน้องตามสืบหา แต่ไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าใด ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ ต่อไปนี้ก็ถึงทีกัลป์บ้าง เขาจะชำระความกับชายชั่วกลุ่มนั้นให้สาสม“ไปเอาตัวมันมาให้ได้ แต่ขอเป็นๆ นะ ฉันอยากจะชำระความพวกมันด้วยตัวฉันเอง”กำปั้นกัลป์ทุบลงบนโต๊ะ นัยน์ตาเขาเปล่งแสงน่ากลัว มีความแค้น แรงโทสะสุมอยู่ เป็นแววตาที่ใครเห็นแล้วต้องหวาดกลัว สยองพองขน“ฉันจะไปวันนี้เลยจะได้ปิดงาน” อดิศรรับคำสั่ง“ระวังตัวด้วยล่ะ ท่าทางมันไม่ใช่เล่นๆ ทำอะไรรอบคอบไว้ก่อน” กัลป์เตือนลูกน้อง “เอาเงินนี่ไป เผื่อต้องใช้ ถ้าไม่พอโทรมาบอกฉันล่ะกัน ฉันจะโอนให้”กัลป์เปิดลิ้นชักหยิบเงินสดสองปึกส่งให้อดิสรเป็นค่าใ
Chapter 3“กล้วยไม้จ้ะ พี่ว่าเราไปอาบน้ำกันดีกว่านะ อาบน้ำเสร็จพี่จะอ่านหนังสือให้ฟัง วันนี้พี่ให้อ้อยไปซื้อหนังสือเล่มใหม่มาให้ พี่คิดว่ากล้วยไม้ต้องชอบแน่ๆ เลย ไปนะคะ ไปอาบน้ำกัน” วิรงรองบอกอีกฝ่ายเสียงนุ่ม ใบหน้าอ่อนโยน“อาบน้ำ อ่านหนังสือ” พรรณพฤกษาทวนคำพูดราวกับคนละเมอ“ใช้จ้ะ ไปอาบน้ำกันนะคะ แล้วพี่จะอ่านหนังสือให้ฟัง”วิรงรองประคองร่างพรรณพฤกษาไปยังห้องน้ำ เธอจัดการถอดเสื้อผ้าและอาบน้ำให้ว่าที่น้องสะใภ้ เมื่อทำกิจธุระเสร็จเรียบร้อย เธอจึงพาพรรณพฤกษาเดินกลับมาที่เตียง“ดื่มนมก่อนนะกล้วยไม้ ดื่มเสร็จพี่อ่านหนังสือให้ฟังนะคะ” วิรงรองยื่นแก้วนมส่งให้พรรณพฤกษา ที่รับนมแก้วนั้นมาดื่มไปเกือบหมดแล้ว “เก่งมาจ้ะ คราวนี้เรามาอ่านหนังสือด้วยกันนะ”ว่าที่พี่สะใภ้อ่านหนังสือให้พรรณพฤกษาฟังตามคำสัญญา เธออ่านไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย หรือรำคาญที่ต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งอ่านหนังสือให้คนที่ไม่รู้ว่า จะฟังรู้เรื่องหรือไม่ จนกระทั่งเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง คนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็ผล่อยหลับไป เธอจึงยุติการอ่านหนังสือ ขยับตัวเลื่อนผ้าห่มมาคลุมกายพรรณพฤกษา เสียงเคาะประตูห้อง ทำให้เธอละสา
Chapter 2“แม่จ๋า ขวัญไม่อยากให้พ่อกับพี่ช้างทำงานแบบนี้เลย มันเป็นบาปนะแม่” ขวัญข้าวคุยกับบัวริน ขณะกำลังล้างถ้วยชาม“แม่ก็ไม่อยากให้ทำ แต่จะทำยังไงได้ล่ะลูก นายมีบุญคุณกับเรามาก ถ้าไม่ได้นาย ป่านนี้พ่อก็คงติดคุก เราก็ไม่ได้อยู่กันอย่างทุกวันนี้”ไม่ใช่ว่าบัวรินจะเห็นดีเห็นงามกับอาชีพของสามีและลูกชาย แต่นางเอ่ยปากห้ามปรามไม่ได้ วิเศษหรือที่เรียกกันติดปากว่า นาย มีบุญคุณกับครอบครัวนางมาก มากเสียจนคิดว่าชาตินี้ไม่รู้จะชดใช้หมดหรือไม่ ปัญญารักและเคารพวิเศษมาก จะให้ล้างมือไม่ทำงานก็ไม่ได้ เนื่องจากถูกวิเศษขอร้องไว้ ซึ่งเหตุผลนี้ขวัญข้าวเข้าใจ แต่ในความเข้าใจก็ไม่อยากให้บิดาและพี่ขายไปเสี่ยงอันตราย“ขวัญรู้ว่านายมีบุญคุณกับเรามาก แต่ขวัญเป็นห่วงพ่อกับพี่ช้าง กลัวว่าสักวันจะพลาดพลั้งถูกตำรวจจับ”ทำอาชีพผิดกฎหมาย ปรปักษ์รายสำคัญคือตำรวจ แม้ว่าจะมีแผนดีมากแค่ไหน ระวังตัวมากเพียงใด ขวัญข้าวคิดว่า สักวันหนึ่งอาจมีผิดพลาด ถูกจับตัวดำเนินคดี คราวนี้แม้แต่วิเศษอาจจะช่วยไม่ได้ ยิ่งช่วงนี้ตำรวจกวดขันอย่างหนัก หลายรายถูกจับกุมและสาวถึงนายใหญ่ เธอจึงกลัวว่า ปัญญากับคชาจะโดนบ้าง“พ่อกับช้างก็ระวังตัวอ