แต่เหมือนโชคเข้าข้าง เมื่อหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา มีคนให้ข้อมูลบางอย่างกับกัลป์ โดยบุคคลนี้ไม่เปิดเผยตัว เป็นข้อมูลสำคัญที่ทำให้เขารู้ว่า ใครคือหัวหน้าที่กระทำชั่วในครั้งนี้ ข้อมูลนั้นคือ คลิปภาพถ่ายของคชาตอนที่เดินเข้าไปในบ้าน ต่อมาคือเสียงกรีดร้องของพรรณพฤกษา ซึ่งเขาคาดเดาไม่ยากเลยว่า เกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวสุดที่รัก และข้อมูลอีกหนึ่งอย่างคือ คนในภาพคือหนึ่งในลูกน้องของผู้มีอิทธิพลในจังหวัดชุมพร เขาจึงใช้ข้อมูลที่ได้รับให้ลูกน้องตามสืบหา แต่ไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าใด ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ ต่อไปนี้ก็ถึงทีกัลป์บ้าง เขาจะชำระความกับชายชั่วกลุ่มนั้นให้สาสม
“ไปเอาตัวมันมาให้ได้ แต่ขอเป็นๆ นะ ฉันอยากจะชำระความพวกมันด้วยตัวฉันเอง”
กำปั้นกัลป์ทุบลงบนโต๊ะ นัยน์ตาเขาเปล่งแสงน่ากลัว มีความแค้น แรงโทสะสุมอยู่ เป็นแววตาที่ใครเห็นแล้วต้องหวาดกลัว สยองพองขน
“ฉันจะไปวันนี้เลยจะได้ปิดงาน” อดิศรรับคำสั่ง
“ระวังตัวด้วยล่ะ ท่าทางมันไม่ใช่เล่นๆ ทำอะไรรอบคอบไว้ก่อน” กัลป์เตือนลูกน้อง “เอาเงินนี่ไป เผื่อต้องใช้ ถ้าไม่พอโทรมาบอกฉันล่ะกัน ฉันจะโอนให้”
กัลป์เปิดลิ้นชักหยิบเงินสดสองปึกส่งให้อดิสรเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างทำงาน
“นายคอยฟังข่าวดีล่ะกัน ไปล่ะ”
หลังจากลูกน้องกล่าวลา ทั้งคู่ได้เดินออกไปจากห้องของเจ้านาย ไปทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย โดยไม่เกรงกลัวต่ออันตรายเบื้องหน้า ไม่สนใจด้วยว่า บุคคลที่ตนจะต้องไปนำตัวมาให้กัลป์นั้นจะน่ากลัวมากแค่ไหน ทั้งสองพร้อมจะทำงานตามคำสั่งเต็มที่
“มึงทำน้องกู กูจะทำให้มึงเจ็บกว่ากล้วยไม้ร้อยเท่าพันเท่า”
ประโยคอาฆาตดังผ่านริมฝีปากหนาของกัลป์ ดวงตาเขายังลุกโชนจากไฟแค้น ยิ่งนึกถึงพรรณพฤกษา ความรู้สึกทั้งหลายในจิตใจทวีคูณหลายเท่า เขาไม่มีวันปล่อยให้คชากับพวกลอยนวล หากนำตัวคชาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม กัลป์รู้สึกว่ามันช้าไป สิ่งที่คชาทำกับน้องสาวสุดที่รัก ไม่มีโทษใดสาสมเท่าโทษที่ตนจะมอบให้ รับรองว่า เจ็บถึงใจ เหมือนตายทั้งเป็น
<><><><><><><><><><><>
รถบีเอ็มดับบลิวสีดำแล่นมาจอดหน้าบ้านตันติยานนท์ ชายร่างสูงโปร่งก้าวลงมา มือหนึ่งถือช่อดอกไม้ อีกมือหนึ่งถือกระเช้าผลไม้ ก่อนที่เขาจะก้าวเดินเข้าไปในบ้านอย่างคุ้นเคย
“เอม คุณลุงคุณป้าล่ะ” เจษฎาถามเอม สาวใช้ที่เดินเข้ามาช่วยถือกระเช้าผลไม้
“นั่งเล่นอยู่ศาลาหลังบ้านค่ะ” เอมตอบ
“ขอบใจนะ” เจษฎายิ้มอย่างเป็นกันเอง “ฝากดอกไม้กับกระเช้าผลไม้ไปให้คุณกล้วยไม้ด้วยนะ แล้วนี่กุญแจรถฉัน ไปเปิดเอาผลไม้ที่อยู่ท้ายรถด้วย ฉันจะไปสวัสดีคุณลุงคุณป้าก่อน”
“ค่ะคุณเจตต์” เอมเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้าน ส่วนเจษฎาเดินไปด้านหลังของบ้านเพื่อพบเจ้าของบ้าน
“สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า” เจษฎายกมือไหว้ผู้สูงวัยทั้งสอง
“สวัสดีจ้ะ หายไปหลายวันเลยนะ” สองสามียกมือรับไหว้ ก่อนที่ธัญญ์จะเป็นฝ่ายทักทายกลับ
“ผมไปต่างจังหวัดมาน่ะครับ พอกลับมาถึงก็รีบมาเยี่ยมกล้วยไม้ทันทีครับ ผมซื้อผลไม้จากสวนของเพื่อนมาฝากกล้วยไม้ด้วยนะครับ ผลไม้ที่กล้วยไม้ชอบทั้งนั้นเลย อ้อ…มีของคุณลุงคุณป้าและกัลป์ด้วยครับ”
เจษฎาเป็นคนรักของกล้วยไม้ ทั้งสองคบหาดูใจกันก่อนเกิดเหตุร้ายได้เพียงสองเดือน แต่ถึงแม้ว่าจะเกิดเรื่องอัปยศกับพรรณพฤกษา ทว่าความรักที่เจษฎามีให้พรรณพฤกษาก็ไม่เคยเสื่อมคลาย ยิ่งเธอมาเจอเรื่องเลวร้าย ชายหนุ่มไม่คิดรังเกียจ เขายังรักและตั้งใจจะแต่งงานกับเธอเช่นเดิม นำพาความซาบซึ้งใจให้กับครอบครัวตันติยานนท์ไม่น้อย
“ขอบใจมากนะที่ยังนึกถึงกล้วยไม้ ถ้ากล้วยไม้รับรู้ได้ว่า เจตต์รักและเป็นห่วงกล้วยไม้มากอย่างนี้ กล้วยไม้ต้องดีใจแน่ๆ เลย”
วชิราภรณ์น้ำตาซึม ธัญญ์รีบขยับตัวโอบบ่าภรรยาอย่างปลอบโยน เรื่องของบุตรสาวเป็นเรื่องที่สร้างความสะเทือนใจและเสียใจให้นางมากที่สุดในชีวิต นับตั้งแต่เกิดเรื่องร้าย ไม่มีวันไหนที่นางจะมีความสุข มีแต่ความทุกข์เกาะกินจิตใจ ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะร้อง ยิ่งเห็นสภาพของบุตรสาว ความเสียใจยิ่งไม่มีวันดับ ทว่าในความโชคร้าย วชิราภรณ์คิดว่า ยังมีความโชคดี ที่คนรอบข้างคอยให้กำลังใจ มีผู้ชายที่รักลูกสาวนางจริง อีกประการหนึ่ง ทำให้นางรู้ว่า สถานบันครอบครัวคือผนึกกำลังที่เข้มแข็งที่สุด พร้อมจะเผชิญทั้งเรื่องสุขและทุกข์ไปด้วยกัน
“ผมยินดีและเต็มใจเป็นที่สุดครับ ผมจะรอจนกว่ากล้วยไม้จะพร้อมทั้งกายและใจ พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับผมครับ”
อย่างที่รู้กันว่า ไม่มีชายใดเข้าใกล้พรรณพฤกษาได้ เธอแสดงท่าทางหวาดกลัวขึ้นมาทันที กรีดร้องและร้องไห้ เจษฎาเป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่สามารถเข้าใกล้เธอได้ แม้ว่าใจจะปรารถนาทำเช่นนั้นมากเพียงใด
“ลุงขอบใจเจตต์มากนะ ขอบใจจริงๆ” ธัญญ์กล่าวด้วยใจจริง แล้วไม่คิดว่า จะมีชายใดรักลูกสาวของเขามากเท่าชายหนุ่มตรงหน้า
“ผมไม่ได้มาหลายวัน อาการกล้วยไม้เป็นยังไงบ้างครับ”
“ก็ยังเหมือนเดิมจ้ะ รักษาตามอาการ ตอนนี้วิมาช่วยดูแลระหว่างที่กิ่งลากลับบ้าน วิก็คอยช่วยกระตุ้นตามที่คุณหมอบอก อ่านหนังสือให้ฟัง ให้ดูรูปเก่าๆ ฟื้นความจำไปในตัว แต่ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่า แต่ป้าว่าก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย” วชิราภรณ์ตอบ ใบหน้านางเนือยเศร้า น่าสงสารยิ่งนัก
“เมื่อวานนี้ ผมได้คุยกับเพื่อนที่อยู่ต่างประเทศ เขาบอกว่า ญาติเขาความจำเสื่อมก็เลยลองใช้วิธีสะกดจิตดู ซึ่งมันก็หายนะครับ แต่ต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่ในกรณีของกล้วยไม้ ผมไม่แน่ใจว่าจะช่วยได้ไหม กล้วยไม้ไม่ได้ความจำเสื่อม แต่เธอช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ใจหนึ่งก็ไม่อยากให้เธอจำเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง กลัวว่าจะรับไม่ได้และเป็นหนักกว่าเก่า ในความคิดของผม ผมของแค่ได้เข้าใกล้ ได้ดูแลเธอก็พอครับ ผมพร้อมจะดูแลกล้วยไม้ไปตลอดชีวิต”
ไม่ใช่ว่าเจษฎาไม่ต้องการให้พรรณพฤกษาหาย แต่เขาคิดว่า เรื่องอัปยศอดสูที่เธอได้รับนั้น มันเกินกว่าคนอ่อนหวานและอ่อนโยนเช่นเธอจะรับได้ เจษฎาไม่ต้องการอะไรมาก ขอเพียงให้เขาได้เข้าใกล้พรรณพฤกษา ไม่ใช่มองเธอในระยะห่างเช่นนี้
Chapter 5“ลุงก็ไม่อยากให้กล้วยไม้จำเรื่องนั้นได้ ลุงขอเพียงได้เข้าใกล้กล้วยไม้ได้เหมือนเดิม ลุงก็พอใจแล้ว”ธัญญ์มีความคิดเดียวกับเจษฎา พรรณพฤกษาไม่ใช่คนเข้มแข็ง เธออ่อนแอจากการถูกประคบประหงมและการเลี้ยงดูที่เรียกว่า ยิ่งกว่าไข่ในหิน รู้จักโลกภายนอกน้อยมาก ไปไหนมาไหนก็มีคนไปรับไปส่ง หรือไม่ก็ไปกับพ่อแม่ แม้ว่าจะอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา ทว่าก็มีพลาดพลั้ง ถูกลักพาตัวจนทำให้เกิดเหตุการณ์เลวร้าย หากวันนั้นเขาไปรับบุตรสาวเร็วกว่านี้ เรื่องทั้งหมดคงไม่เกิดขึ้น หากพรรณพฤกษาจำเรื่องราวนั้นได้ รับรองว่าอาการช็อคต้องเกิดขึ้นอีกรอบ และอาจจะเลวร้ายลงไปอีก “บางครั้งป้าก็คิดว่า การที่กล้วยไม้เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องจดจำเรื่องที่ถูกกระทำย่ำยี ขอเพียงแค่ให้พ่อ พี่ชายและเจตต์เข้าหน้าได้บ้าง ป้าก็ดีใจแล้ว ชาตินี้ไม่หวังอะไรอีกแล้ว”การสนทนาของทั้งสามดูเหมือนจะหยุดลงดื้อๆ เสมือนมีก้อนแข็งๆ อุดตรงลำคอ ไม่สามารถเปล่งเสียงใดออกมาได้ ใบหน้าของแต่ละคนหมองเศร้า ในห้วงจิตใจทุกข์ระทมเมื่อเห็นคนที่ตัวเองรักเป็นเช่นนี้ ตลาดสดชุมพร ขวัญข้าวกับจ้อยก้าวลงมาจากรถเก๋ง
Chapter 6“จริงเหรอเฮียที่ว่าเฮี้ยบน่ะ ผมเห็นมาหลายคนแล้ว สุดท้ายก็แพ้เงินนายอยู่ดี” จ้อยพูดตามที่เคยประสบ“แต่เขาว่าคนนี้เป็นคนจริงนะ ไปมาหลายจังหวัดแล้ว ปราบพวกผิดกฎหมายมานักต่อนักแล้ว เป็นคนหนุ่มไฟแรงซะด้วย ไม่กลัวใคร อ้อ...ข่าวที่ได้มา ตำรวจคนนี้เป็นลูกชายอดีตรัฐมนตรีเก่าด้วยนะที่พ่วงด้วยอดีตตำรวจมือดี จับเหล่าเสือๆ เข้าคุกมานับไม่ถ้วน เส้นใหญ่ไม่เบา”ขวัญข้าวมีสีหน้าเป็นกังวลกับข่าวที่ได้รับรู้ ตำรวจนายนี้เป็นถึงลูกชายอดีตรัฐมนตรีก็หมายความว่า ต้องมีฐานะคงไม่สนเงินที่วิเศษจะให้เหมือนตำรวจนายอื่นๆ ที่ถูกชักจูงมาเป็นพวก อีกทั้งคงมีอิทธิพลจากพ่อไม่น้อยด้วย “ตำรวจคนนี้อยู่ตำแหน่งอะไรคะเฮียกวง” “มาเป็นสารวัตรแทนคนเก่าที่ถูกเด้งฟ้าผ่าไปเมื่อวันก่อนไง” เจ้าของร้านตอบ “สารวัตรถูกย้าย ข่าวนี้พี่ช้างจะไม่รู้เหรอเฮีย” จ้อยตั้งข้อสงสัย “ก็ไม่รู้นะว่าช้างรู้หรือเปล่า อั๊วได้ข่าวอะไรมาก็บอกช้าง” “ขอบคุณเฮียกวงมากนะคะที่บอก ขวัญจะได้เอาไปเตือนพ่อกับพี่ช้าง” ขวัญข้าวพนมมือไหว้ขอบคุณเฮียกวง ก่อนจะกล่าวลา “ขวัญกับพี่จ้อยขอตัวกลับก่อนนะคะ
Chapter 7ขวัญข้าวออกจากบ้านไปตลาดเพื่อซื้อของสดและแห้งในตอนสาย แต่วันนี้เธอไปคนเดียว ไร้บอดี้การ์ดข้างกายเหมือนเช่นทุกครั้ง เนื่องจากจ้อยท้องเสีย ถ่ายหนักทั้งคืนจนร่างกายอ่อนเพลีย ขวัญข้าวจึงให้นอนพักอยู่ที่บ้าน จ้อยจะไม่ยอมในคราแรก แต่ก็ฝืนสังขารตัวเองไม่ไหว นอนหลับไปตั้งแต่ขวัญข้าวอาบน้ำ รถสองแถวนำพาขวัญข้าวมาถึงตลาดในเวลาต่อมา เธอก้าวลงมาจากรถก่อนจะเดินเข้าไปในตลาดสด ระหว่างที่เลือกเดินซื้ออาหารสดและแห้งอยู่นั้น เบิ้มกับมะแซลูกน้องวินัยได้สะกดรอยตามตั้งแต่เธอออกจากบ้าน ทั้งสองตามสาวสวยที่ลูกพี่หมายปองอยู่ห่างๆ รอจังหวะและโอกาสเหมาะทำตามแผน ขวัญข้าวใช้เวลาเลือกซื้ออาหารสดและแห้งราวสี่สิบนาที เธอจึงเดินออกจากตลาดโดยใช้เส้นทางหลังตลาด สาเหตุที่เธอใช้เส้นทางนี้เป็นเพราะ ต้องไปซื้อของให้บัวรินอีกร้านหนึ่งที่อยู่ซอยติดกับหลังตลาด ทางด้านหลังตลาดนี้ไม่ค่อยมีคนสัญจรมากนัก มีเพียงรถยนต์ของพ่อค้าแม่ค้าจอดกันเรียงราย แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีคนเดินผ่านไปมาขวัญข้าวก็ไม่คิดว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดกับตัวเอง เนื่องจากเดินมาทางนี้จนแทบนับครั้งไม่ถ้วน “อื้อ” ขวัญข้าวตกใจ
Chapter 8“กูรู้สิ ทำไมกูจะไม่รู้ แต่เผอิญว่ากูไม่กลัว” อดิศรเดินเข้ามาใกล้เบิ้ม กระแทกเท้าไปยังหัวเข่าของเบิ้มจนเบิ้มเปลี่ยนท่าเป็นคุกเข่าบนพื้นถนน “เอาตัวผู้หญิงไปไว้ในรถ แล้วเอาเชือกมามัดมือมัดเท้าไอ้สองตัวนี้”อดิศรสั่งลูกน้องอีกสองคนที่ทำตามคำสั่งอย่างมืออาชีพ ไม่นานเกินรอ เบิ้มกับมะแซก็ถูกมัดมือมัดเท้า ปล่อยทิ้งไว้ข้างรถยนต์ เสร็จสรรพอดิศร ชัยยุทธกับพวกได้เดินไปยังรถยนต์ ก่อนจะขับเคลื่อนออกจากจุดนั้น หลังจากได้เป้าหมายสำคัญกลับไปด้วยหากจะกล่าวว่าเป็นเรื่องบังเอิญก็ว่าได้ ไม่ใช่มีเพียงเบิ้มกับมะแซที่ต้องการตัวขวัญข้าว และไปดักซุ่มดูความเคลื่อนไหวของขวัญข้าว อดิศรก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องการตัวขวัญข้าวไปให้เจ้านายและเพื่อนของตน เขากับพวกจึงมาดักซุ่มดุความเคลื่อนไหวของขวัญข้าว แต่พอมาถึงก็เห็นว่า เบิ้มกับมะแซมาดักดูก่อนหน้า อดิศรไม่อยากไก่ตื่น จึงจอดรถในระยะที่เบิ้มกับมะแซไม่สงสัย โดยอาศัยกล้องส่องทางไกลคอยสังเกตการณ์ พอเบิ้มกับมะแซเคลื่อนไหว อดิศรก็สะกดรอยตามไป และเห็นทุกอย่างที่ทั้งสองทำอดิศรรีบขับรถตามเบิ้มกับมะแซ หลังจากเห็นว่า ขวัญข้าวถูกทั้งสองลักพาตัว เขาไม่รู้หรอกว่า ทั้งคู
Chapter 9ทว่าอำนาจในมือวิเศษและคนหนุนหลังไม่อาจทำให้พันตำรวจตรีนพดลเกรงกลัว เขาพร้อมจะเผชิญกับอำนาจมืดในทุกรูปแบบ ขอเพียงจับคนชั่วมาลงโทษตามกฎหมายได้เป็นพอ สองปีที่ผ่านมานพดลกับพวกช่วยกันตามสืบเรื่องวิเศษเงียบๆ รวบรวมข้อมูลทุกอย่างที่พอจะเป็นประโยชน์ให้มากที่สุด จนกระทั่งสายข่าวรายงานการขนย้ายสินค้าครั้งนี้ให้นพดลรู้ นายตำรวจหนุ่มไฟแรงจึงวางแผนจับกุมการขนย้ายอาวุธเถื่อน เป็นของกลางที่จะนำพาไปถึงตัววิเศษรถบรรทุกเป้าหมายขับรถมาตามเส้นทางโดยไม่รู้ตัวว่า อีกไม่กี่สิบเมตรมีกำลังตำรวจหลายสิบนายรออยู่ แล้วบนพื้นถนนมีตะปูเรือใบหลายร้อยตัวเป็นเครื่องกำดักชั้นดีกระจายไปทั่ว ทางด้านนพดลก็รอคอยอย่างใจเย็น ลุ้นระทึก จับตามองล้อรถบรรทุกที่อีกไม่กี่อึดใจจะเหยียบตะปูพิฆาตล้อ“รถเป็นอะไรวะไอ้ช้าง” ปัญญาถามลูกชาย เมื่อรถบรรทุกส่ายไปมาขับไม่ตรงทาง และหยุดนิ่งในอึดใจต่อมา“เหมือนยางจะแบน” ผู้พูดคาดเดา ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วชะโงกหน้ามองล้อรถบรรทุก ดวงตาคชาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นตะปูเรือใบเกลื่อนพื้นดิน สาเหตุที่ทำให้รถไม่อาจไปต่อได้ “พ่อตะปูเรือใบ”ปัญญารีบคว้าปืนเพราะการที่ตะปูเรือใบอยู่บนพื้นไม
Chapter 10น้ำเสียงเข้มห้วน แสดงความไม่เป็นมิตรเต็มที่ มองสตรีตรงด้วยด้วยสายตาเคียดแค้น เกลียดจับใจ ส่งสายตาพิฆาตใส่จนอีกฝ่ายตัวสั่นจากความกลัว“คุณจับตัวฉันมาทำไม มาเรียกค่าไถ่เหรอ ทางบ้านฉันไม่มีเงินให้หรอกนะ ฉันจน”ขวัญข้าวบอกอีกฝ่ายเสียงสั่น ยิ่งเห็นสายตาของเขา เธอรู้สึกกลัวจนขนหัวลุก เป็นแววตาที่ไม่เคยมีใครมองเธอแบบนี้มาก่อน หญิงสาวรู้สึกราวกับว่า กำลังถูกเขาประหารทางสายตา“ฉันไม่เสียเวลาจับตัวเธอมาเรียกค่าไถ่หรอก เงินฉันมีเยอะจนใช้ไม่หมด” กัลป์ตอบกลับ“แล้วคุณจับตัวฉันมาทำไม” “จับตัวเธอมาทำแบบเดียวกันกับที่พี่ชายสุดชั่วของเธอทำกับน้องสาวของฉันไงล่ะ”ขวัญข้าวรู้นิสัยพี่ชายดีว่า ชั่วเลวมากแค่ไหน เธอจึงไม่แน่ใจว่า ชายหนุ่มตรงหน้าเป็นพี่ชายของสาวคนใด แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร เรื่องนี้ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย “พี่...พี่ช้างทำอะไรน้องสาวของคุณ ฉันไม่รู้เรื่องนะ ปล่อยฉันไปเถอะ” กระแสเสียงของสาวหน้าหวานยังคงสั่น น้ำตาไหลไม่รู้ตัว“ฉันคิดว่า ท่าทางของเธอตอนนี้ก็คงเหมือนน้องสาวของฉัน ที่ร้องขอให้พี่ชายเธอปล่อยตัว แต่ผลมันไม่ใช่อย่างที่น้องฉันต้องการ พี่ชายกับพวกข่มขืนน้องสาวของฉันอย่างเลือด
Chapter 11“ไอ้กัลป์ กูว่ามึงทำเกินไปนะ ตอนคุยกันไม่เป็นอย่างนี้นี่หว่า”อดิศรรีบพูดเมื่อกัลป์เดินออกมาจากห้อง เขาไม่คิดว่ากัลป์จะทำเช่นนี้ อดิศรคิดว่า กัลป์จะทำตามแผนเดิมที่ว่า จับตัวขวัญข้าวมาต่อรองกับคชา แต่นี่ผิดจากแผนเดิมไว้มากโข ถึงแม้ว่าอดิศรจะเจ็บแค้นไม่ต่างกับกัลป์ ทว่าเขาไม่ต้องการให้หญิงสาวคนใดเผชิญเรื่องเลวร้ายแบบเดียวกับพรรณพฤกษา“แล้วกล้วยไม้รู้เห็นอะไรด้วย ถึงได้ถูกพวกมันทำระยำอย่างนั้น”กัลป์เสียงเข้มใส่ เริ่มไม่พอใจอดิสรที่ควรเห็นด้วยกับวิธีการของตนมากกว่า การที่กัลป์ไม่ทำตามแผนเดิมเพราะต้องการให้ครอบครัวของคชารู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดเช่นเดียวกับที่เขาโดนบ้าง หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง จากนั้นเขาจะส่งตัวคชาเข้าคุก รับโทษทัณฑ์ที่ทำไว้กับพรรณพฤกษา“ผมเห็นด้วยกับพี่สอนนะครับคุณกัลป์ ถ้าคุณกัลป์ทำแบบเดียวกับพวกมัน คุณกัลป์ก็ระยำไม่ต่างกับไอ้ช้างนะครับ ถ้าคุณผู้หญิงรู้ว่าคุณกัลป์ทำอย่างนี้ ผมเชื่อว่า คุณผู้หญิงต้องไม่เห็นด้วยแน่ๆ”ชัยยุทธใจกล้าห้ามกัลป์อีกคน นิสัยของกัลป์ไม่ใช่แบบนี้ กัลป์เป็นคนมีจิตใจอ่อนโยน มีความเมตตากรุณา แต่กัลป์ที่ทั้งสองเห็นในวันนี้ คนละด้านกลับที่รู้จัก ซึ
Chapter 12 วันต่อมา คชาลอบปีนกำแพงรั้วบ้านของวิเศษแทนการเดินเข้าไปในบ้านอย่างเช่นทุกครั้ง เป็นเพราะเหตุการณ์ในปัจจุบันไม่ปกติ เขากำลังหลบหลีกสายตาตำรวจที่ออกไล่ล่า แล้วคิดว่าบ้านของวิเศษคืออีกหนึ่งจุดเป้าหมายของตำรวจ ฉะนั้นจะเดินดุ่มๆ เข้าไปขอความช่วยเหลือเจ้านายคงทำไม่ได้ ใช้การสื่อสารทางโทรศัพท์ก็ไม่ปลอดภัย อาจถูกดักฟังได้ คชาจึงใช้วิธีนี้ ความที่เข้าออกบ้านวิเศษนับครั้งไม่ถ้วนและเป็นคนสนิท ทำให้เขารู้แผนผังของบ้านทุกซอกทุกมุม คชาจึงรู้ว่า ช่วงเวลานี้วิเศษอยู่ตรงจุดไหนของบ้าน เขาจึงเดินเลียบริมรั้ว ใช้ต้นไม้ที่ปลูกตลอดแนวเป็นกำบังตัว เวลานี้เขาไว้ใจใครไม่ได้ ไม่รู้ว่าลูกน้องของวิเศษคนใดคนหนึ่งจะเป็นหนอนบ่อนไส้หรือไม่ คชาจึงต้องพรางตัวไม่ให้ใครเห็นไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เขาเดินมาจนถึงทางด้านซ้ายมือของบ้าน ซึ่งเป็นห้องนั่งเล่น คชาแอบมองดูเจ้านายผ่านหน้าต่าง ซึ่งจุดที่เขายืนอยู่สามารถเห็นบุคคลภายในห้องได้เต็มตา วิเศษนั่งอยู่บนโซฟาตัวยาว วินัยนั่งอยู่บนโซฟาตัวเล็ก ทว่าผู้หญิงผมยาวที่นั่งหันหลังให้เขานั้นไม่คุ้นตาเอาเสียเลย ความคิ
Chapter 137 กัลป์ประคองร่างอุ้ยอ้ายของภรรยาออกจากห้องน้ำ เขาพาขวัญข้าวมานั่งบนโซฟาปลายเตียง หยิบยาดมขึ้นมาให้เธอสูดดม จากนั้นก็ลุกเดินไปหยิบผ้าเย็นในตู้เย็นมาหนึ่งผืน นำมาเช็ดหน้าเช็ดลำคอและแขนให้เธอ “มาแพ้ท้องอะไรตอนนี้นะ จะคลอดอยู่ไม่กี่วันแล้ว” กัลป์ไม่เหนื่อยที่ต้องดูแลขวัญข้าว เขาเป็นห่วงเธอมากกว่า “ขวัญจะนอนพักก่อนไหม ถึงเวลากินข้าวเย็นพี่จะขึ้นมาปลุก” “ไม่เป็นไรค่ะ ขวัญไหวค่ะ” พูดไปสูดยาดมไป “พี่ว่าเรามีลูกกันแค่สองคนก็พอ ขวัญแพ้ท้องหนักมากทั้งสองท้องเลย พี่สงสาร”หลังจากคลอดลูกชายคนแรกนามว่ากรกันต์หรือน้องกรณ์ได้หนึ่งปีกว่า กัลป์กับขวัญข้าวมีลูกอีกคน ซึ่งท้องนี้เป็นลูกสาว ขวัญข้าวมีอาการแพ้ท้องเช่นเดิม อาเจียน เวียนศีรษะ หน้ามืด อ่อนเพลียง่าย แต่ไม่เหม็นหน้าสามีเหมือนท้องแรก กัลป์จึงดูแลขวัญข้าวได้เต็มที่ ดูแลมากกว่างานในบริษัทที่ให้อดิสรรับหน้าที่ผู้ช่วยรองประธานทำงานแทนอย่างที่รู้กันว่า ครรภ์แรกกัลป์ไม่ได้ทำหน้าที่สามีสักเท่าไหร่ มาท้องนี้เขาทุ่มเต็มที่ ทำหน้าที่พ่อและหน้าที่สามีไปพร้อมกัน ซึ่งทำได้ดีมากแม้ว่าจะเหนื่อยมากก็ตาม
Chapter 136พิมประภาจากไปนานหกเดือนแล้ว ทว่าจิตราวดียังทำใจยอมรับกับการจากไปของลูกสาวไม่ได้ แต่ก็ดีขึ้นบ้างในบางครั้ง เจษฏาต้องจ้างพยาบาลมาดูแลมารดาอย่างใกล้ชิด เพราะเกรงว่าจะคิดสั้นตา โดยมีสกลคอยช่วยดูแลภรรยาอีกคน“เรื่องบางเรื่องต้องให้เจอกับตัวถึงเข้าใจและสำนึก และบางครั้งว่าคนๆ หนึ่งจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว” วชิราภรณ์พูดอย่างคนอาบน้ำร้อนมาก่อน “พอดีป้าได้โสมมากจากเกาหลี ป้าฝากไปให้คุณพ่อกับคุณแม่ด้วยนะ”“ขอบคุณครับคุณป้า” คนรุ่นลูกยกมือไหว้ “ส่วนนี้เช็คครับคุณลุง”เจษฎาส่งเช็คที่ระบุจำนวนเงินสิบล้านส่งให้ธัญญ์ที่ยื่นมือมารับไว้ ก่อนธัญญ์ส่งคืนให้เจษฏา“ลุงยังไม่รีบใช้เงิน เจตต์เอาไปหมุนก่อนก็ได้ ตอนนี้ขยายตลาดไปจีนกับสิงคโปร์ไม่ใช่เหรอ ต้องใช้เงินเยอะ ขยายกิจการต้องมีเงินสำรอง” ธัญญ์พูดอย่างเข้าใจวงจรธุรกิจ“ผมพอมีครับ คุณพ่อบอกว่า ความซื่อสัตย์และการตรงต่อเวลาเป็นเรื่องสำคัญครับ รับปากใครไว้ก็ต้องทำให้ได้ครับ”“ลุงรับไว้แล้วไง และให้เจตต์เอาไปหมุนต่อ ถือว่าเจตต์ไม่ผิดคำพูดนะ” ธัญญ์มีข้อโต้แย้ง “รับไปเถอะ ลุงอยากช่วยเจตต์จริงๆ เจตต์จำเป็นต้องใช้เงินก้อนนี้มากกว่าลุง เราสองคนช่วยเหลือกั
Chapter 135 “พี่กัลป์อยากทำอะไรก็ทำสิคะ หมอไม่ได้ห้าม” กัลป์ละห่างลำคอระหง มือหยุดเคลื่อนไหว เงยหน้ามองคนพูด “ทำได้เหรอ ทำได้แน่นะ” เขาถามย้ำ รอลุ้นคำตอบ “ได้ค่ะ แต่อย่ารุนแรงนะคะ เดี๋ยวลูกตกใจ” ขวัญข้าวตอบ มองใบหน้าคมหล่อที่เวลานี้อาบด้วยรอยยิ้ม แต่แล้วรอยยิ้มพลันหุบลง เขาจูบหน้าผากเธอเบาๆ “พี่ว่า พี่อดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่า ตั้งแต่ขวัญรู้ว่าท้องก็แพ้ไม่หยุด หน้ามืดเวียนหัวก็บ่อย แล้วท้องก็ใหญ่มากด้วย พี่ไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด พี่ทนได้ ขอแค่พี่ได้กอด ได้หอมและได้จูบขวัญก็พอ” แม้ใจกัลป์อยากทำตามอารมณ์มากแค่ไหน ทว่าเขาคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกเมียเป็นอันดับแรก แค่ได้ทำตามที่กล่าวไป กัลป์ก็พอใจแล้ว ขวัญข้าวยิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้า หอมแก้มเขาฟอดใหญ่ “พี่กัลป์น่ารักที่สุดเลย” “แน่นอนอยู่แล้ว และน่ารักกับขวัญคนเดียว” เขาพูดจริงจากใจ จูบปากเธอหนักๆ ซ้ำๆ หลายครั้ง “รักที่สุดในโลกด้วย” “ขวัญก็รักพี่กัลป์ค่ะ เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะคะ” “ครับ เรามาเริ่มต้นกันใหม่ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำให้ขวัญเสียใจและร้องไ
Chapter 134“ใช่ คงไม่เหงาแล้ว เราคงปวดหัวกับหลานจอมซนของเราน่าดูนะ” ธัญญ์พูดประโยคนี้วชิราภรณ์ก็รู้ว่า สามีตัดสินใจเช่นไร“แน่นอนค่ะ กัลป์ตอนเด็กๆ ซนหยอกซะเมื่อไหร่ เล่นเอาผึ้งหัวหมุนเลย หลานคนแรกของเราก็คงซนไม่ต่างกับพ่อ” ใบหน้าวชิราภรณ์อิ่มด้วยรอยยิ้ม“เรากลับบ้านกันเถอะ ให้กล้วยไม้อยู่ดูแลช้างต่อ” ธัญญ์เอ่ยบอกภรรยา ก่อนทั้งคู่จะเดินเคียงคู่กันกลับไปบ้านหลังใหญ่ ความคิดธัญญ์ตอนนี้เปลี่ยนไป เห็นทีเขาต้องปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างเสียแล้ว กัลป์ก้าวเท้าเร็วๆ มายังบ้านหลังเล็ก เมื่อรู้จากพรรณพฤกษาว่า ขวัญข้าวเวียนหัวหนักมาก และเป็นลมไปเมื่อครู่ใหญ่ กัลป์ที่กำลังเดินทางกลับบ้านพอดีเมื่อมาถึงก็รีบมาบ้านหลังนี้ทันที กัลป์ร้อนใจมาก กลัวว่าเมียรักจะเป็นหนัก “แม่บัวครับ ขวัญเป็นไงบ้างครับ” กัลป์ถามบัวริน “ตั้งแต่เป็นลมไปเมื่อชั่วโมงก่อนก็ยังไม่ได้สติเลย ดีนะที่ตอนเป็นลมอยู่ในห้องน่ะ ไม่งั้นคงต้องให้นอนในห้องรับแขก” “ผมขึ้นไปดูขวัญก่อนนะครับ” ตอนนี้ขวัญข้าวหมดสติอยู่ เธอคงไม่เห็นหน้ากัลป์ จึงเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ชิดใกล้สาวอันเป็นที่รัก พูดจบก็เดิน
Chapter 133 พรรณพฤกษามองใบหน้าคชา ชายหนุ่มที่พรากความสาว ความสดใสของตนไปเมื่อสองปีกว่าด้วยสายตาอ่อนโยน ไม่มีความโกรธแค้นสักนิดเดียว ตอนนี้จิตใจเธอผ่องใสมาก ปรับชีวิตให้เป็นปกติ ไปเที่ยว ไปกินข้าว ไปดูหนังทำกิจกรรมหลายอย่างกับครอบครัวและเพื่อน เธอจำคำพูดก่อนเขาหมดสติในป่าได้ดี ราวกับว่ามันกลืนเข้าไปในความรู้สึก ไหลวนอยู่เช่นนั้น “ผมรักคุณ ผมขอโทษ”สองประโยคนี้แม้น้ำเสียงคชาจะเบาและขาดห้วง ทว่าพรรณพฤกษาได้ยินชัดเจน เธอเชื่อคำพูดคชา เชื่อว่ามาจากหัวใจที่แท้จริง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่เสี่ยงตายช่วยชีวิตตน เธอยังรู้ต่ออีกว่า คชาปลอมตัวเป็นต้นเข้ามาดูแลเธอ เพื่อชดเชยความผิดที่กระทำไว้ แม้พรรณพฤกษาจำเหตุการณ์ช่วงสติหลุดไม่ได้ แต่เธอก็เชื่อว่า คชาสำนึกผิดโดยแท้จริง และนับจากวันนั้นพรรณพฤกษาดูช่วยดูแลคชาทุกวัน วันหนึ่งนานกว่าสามชั่วโมง ช่วงแรกธัญญ์ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของบุตรสาว เพราะอย่างไรเสียคชาก็เป็นคนชั่ว คนไม่ดีที่ไม่น่าเข้าใกล้ อีกทั้งยังเป็นคนข่มเหงพรรณพฤกษา จึงไม่มีความจำเป็นต้องเอาใจใส่ดูแล แค่ให้อยู่บ้านหลังเล็กก็เพียงพอและถือว่าเมตตามากแล้ว“คุณพ่อขา กล้วยไม้เ
Chapter 132อาหารเย็นมื้อนี้พิเศษอีกแล้ว ขวัญข้าวมองปลานิลสามรสและผัดผักคะน้าน้ำมันหอย มีข้าวสวยร้อนๆ อีกหนึ่งจานแล้วน้ำลายสอ เธอรู้ดีว่าอาหารสองอย่างนี้ใครเป็นคนทำ ทว่าคนทำกลับนำมาให้ตนและอยู่ร่วมลุ้นไม่ได้ ผัดผักน้ำมันหอยใส่กุ้งสด แม้ว่าผักจะสุกมากไปหน่อยแต่หน้าตาก็น่ากิน ส่วนปลานนิลสามรส เธอไม่คิดว่ากัลป์จะทอดปลาได้สวย หนังปลาคลุมเนื้อปลาสวยงาม ไม่เละ “กัลป์ตั้งใจทำเลยนะ ขวัญชิมเลย มันลุ้นอยู่” อดิสรที่ยกสำรับอาหารมาให้คนท้องเจ็ดเดือนรีบพูด ในมือถือโทรศัพท์เครื่องจิ๋วราคาไม่จิ๋ว เปิดเป็นวีดิโอคอลให้กัลป์ได้ยินและได้เห็นภาพขวัญข้าวกินอาหาร คนลุ้นไม่ได้มีแค่สองคน จักรภพกับนพดลก็พลอยลุ้นตามไปด้วย ขวัญข้าวตักเนื้อปลาสามรสขึ้นชิม ก่อนตักอีกครั้งเพื่อกินกับข้าว ยังไม่มีคำตอบของคนที่นั่งลุ้น เพราะเธอกินข้าวกับผัดผักคะน้าอีกหนึ่งคำ “เป็นไงวะ ขวัญว่าไงบ้าง” กัลป์ส่งเสียงถามผ่านวีดิโอคอล “ขวัญกำลังกินอยู่ ยังไม่ตอบเลย” อดิสรพลิกมือถือให้กัลป์เห็นขวัญข้าวกินข้าว แต่ก็รีบหมุนกลับมาตามเดิมเพราะเกรงว่าคนท้องจะเห็นหน้ากัลป์ อาการเหม็นขี้หน้ากัลป์อาจ
Chapter 131 “อยากไปอยู่กับขวัญก็บอกมาเถอะ ไม่ต้องอ้างโน่นอ้างนี่หรอก”คนรู้ทันคือวชิราภรณ์ที่เวลานี้ไม่ลงโทษใดใดลูกชาย เพราะขวัญข้าวกำลังลงโทษกัลป์ เป็นการลงโทษที่หนักกว่าด้วย เห็นหน้าก็ไม่ได้ เข้าใกล้ยิ่งไม่ได้ เห็นหน้าทีไรวิ่งไปอาเจียนทุกครั้ง กรรมไม่แบของกัลป์ที่แท้ทรู “รายนั้นน่ะสมควรเป็นหมาเหงาหมาหงอย เป็นหมาอกแตกตายได้ยิ่งดี จะได้รู้สึกนึกบ้าง” คนพูดยังมีอารมณ์โกรธไม่หาย “แต่แค่นี้ก็มากแล้วนะคะ ทรมานใจและกายด้วย ทำอะไรก็ไม่ได้นอกจากแอบดู คอยมองอยู่ห่างๆ แต่เข้าใกล้ไม่ได้ และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ขวัญจะหายแพ้หน้าพี่กัลป์ พูดถึงก็สงสารนะคะ” พรรณพฤกษาเห็นใจพี่ชายมาก แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับขวัญข้าวคนเดียว่า จะหายเหม็นหน้ากัลป์เมื่อไหร่ “เหม็นขี้หน้าไปจนกว่าจะคลอดแหละดี จะได้เข็ดหลาบไม่ทำอย่างนี้อีก” คนเป็นแม่ยังไม่หายเคืองบุตรชาย แต่ก็ยอมรับว่าอีกใจก็เห็นใจและสงสารตามประสาแม่ “ไปหาขวัญกับพี่ช้างดีกว่าค่ะคุณพ่อ คุณแม่ กล้วยไม้ให้พี่มะนาวทำมะม่วงน้ำปลาหวานไปให้ขวัญด้วยค่ะ” สองสามีพยักหน้า ก่อนทั้งสามจ
Chapter 130ตั้งแต่พรรณพฤกษากลับมาเป็นคนเดิม และได้รับรู้เรื่องเหลือเชื่อหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องวิรงรอง คนรักของพี่ชาย สาวแสนดีซุกซ่อนความร้ายกาจไว้มากมาย รวมถึงเป็นคนจ้างวานคชาข่มเหงตน ที่แท้จริงแล้วเธอไม่ได้ถูกรุมโทรมดังเช่นเข้าใจ คชาจัดฉากว่าเธอโดนกระทำเช่นนั้น พรรณพฤกษาโดนคชาข่มขืนคนเดียว ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน หลังจากทั้งหมดพากันออกจากสวนลุงเฉิ่ม กัลป์ขับรถพาคชาไปส่งโรงพยาบาลเป็นอันดับแรก เนื่องจากคชาเสียเลือดมาก หายใจรวยริน แม้คชาเป็นคนทำร้ายน้องสาวตน ทว่าก็เป็นคนช่วยชีวิตพรรณพฤกษาจากชายใจชั่ว อีกทั้งเขาต้องการให้คชารับโทษจากทุกเรื่องที่ก่อไว้ การช่วยชีวิตคชาจึงเป็นเรื่องถูกต้อง คืนนั้นพูดได้ว่าเป็นวันอันเลวร้ายของบัวริน ขวัญข้าวถูกเข็นออกจากห้องผ่าตัดหลังจากแพทย์นำกระสุนออกจากตัวได้สำเร็จ การถูกยิงไม่ส่งผลกระทบต่อลูกในครรภ์ คล้อยหลังขวัญข้าวถูกพาเข้าไปในห้องดูอาการเพียงแค่ห้านาที บัวรินก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่า คชาถูกยิงและถูกนำตัวเข้าห้องผ่าตัดด่วน อาการคชาค่อนข้างหนัก เสียเลือดมากและหมดสติ แพทย์ใช้เวลาผ่าตัดนานร่วมสี่ชั่วโมง กว่าจะเสร็จเรียบร้อย
Chapter 129 “กรี๊ด” ความตกใจเสียงปืน พรรณพฤกษากรีดร้อง ภาพความทรงจำตอนถูกจับตัวไปย้อนเข้ามาในหัว ราวกับว่าปลุกความทรงจำที่ถูกบางอย่างกดทับไว้ ความหวาดกลัวแน่นจิตใจ สายตาตื่นตระหนก คิดว่าตนเองถูกจับตัวไปที่ไหนสักแห่ง มือที่ห้อยอยู่จิกลงไปขาของคนที่แบกตนไว้ ทว่าเดชใส่กางเกงค่อนข้างหนา เขาจึงไม่เจ็บเท่าไหร่นัก เธอจึงเปลี่ยนมาทุบขาและลำตัวเดชแทน “ปล่อยนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ปล่อยนะ” “แม่งเอ๊ย!” เดชสบถจากความเจ็บปนรำคาญ ในใจคิดว่าหากพาพรรณพฤกษาไปด้วยอาจเป็นตัวถ่วง การหลบหนีล่าช้า ไปตัวเดียวแม้ไม่มีตัวประกันน่าคล่องตัวกว่า เดชจึงโยนร่างตัวถ่วงลงไปบนพื้น ดีที่ว่าพื้นตรงนั้นไม่มีหิน เป็นเพียงพื้นดินเปียกชื้น เธอเจ็บแต่ไม่มาก คลำบั้นท้ายไปมา “คุณกล้วยไม้มาหาผม” คชาบอกพรรณพฤกษาที่เงยหน้ามองเจ้าของเสียง แสงไฟจากไฟฉายทำให้เธอมองเห็นหน้าคชา ทว่ากลับจำไม่ได้ว่าคือใคร แต่น่าแปลกใจที่เธอเชื่อใจชายคนนี้มากกว่าเดช พรรณพฤกษาจึงลุกขึ้นยืน ก้าวเท้าไปหาคชา “คุณกล้วยไม้ระวังครับ” เสียงคชาดังลั่น เมื่อเห็นเดชเล็งปืนมายังร่างสาว เขาก้าวเท้าวิ่งสุดชีวิต กอดพรรณพฤกษ