เจี่ยนอันอันลืมตาขึ้นโดยพลัน จึงเห็นฉู่จวินสิงกำลังจ้องมองนางด้วยความห่วงใยอยู่และสายตายังมองไปถึงหน้าท้องนางด้วยเจี่ยนอันอันเพิ่งตระหนักว่าเพราะเมื่อครู่แอบถอนหายใจ จึงทำให้ฉู่จวินสิงเข้าใจนางผิดไปนางยิ้มจนเห็นฟัน “ข้ามิได้เจ็บป่วยอันใด ลูกในท้องก็ยังไม่เป็นตัว ท่านไม่ต้องกังวลมากนัก”“เช่นนั้นเมื่อครู่ เหตุใดเจ้าจึงถอนหายใจ?” ฉู่จวินสิงยังคงห่วงใยต่อสุขภาพของเจี่ยนอันอันเพราะยามนี้นางกำลังตั้งครรภ์ อีกทั้งหลายวันนี้ก็ติดตามเขาเดินทางรอนแรมไปหลายแห่งหากนางรู้สึกไม่สบายแห่งใดจริง คงไม่ยอมเอ่ยปากพูดโดยง่ายฉู่จวินสิงเริ่มรู้นิสัยเจี่ยนอันอันมากขึ้น นางเป็นหญิงที่เข้มแข็งมาโดยตลอดไม่เคยแสดงการออดอ้อนฉอเลาะออกมาให้เห็นต่อให้มีกิจกรรมบนเตียงกับเขา ถูกเขาตักตวงความสุขเสียจนอ่อนแรงหรือแม้กระทั่งปวดหลังเมื่อยเอว ก็หาได้ปริปากโอดครวญแม้แต่สักครั้งไม่และครั้งนี้ ฉู่จวินสิงก็เชื่อว่าเพราะนางเกรงว่าเขาจะเป็นห่วง จึงบอกว่าตนไม่เป็นไรมากเจี่ยนอันอันมิได้เอ่ยถึงเรื่องราวในคลังอาวุธ นางจึงกล่าวมุสา“ข้าถอนใจเพราะเราไม่อาจเดินทางต่อด้วยทางหลักอีก การมาทางอ้อมเช่นนี้ เกรงว่าอาจต้อง
ในขณะที่เครื่องแต่งกายของเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง ก็ดูค่อนข้างหรูหราอยู่หากบอกว่าตนเป็นพ่อค้าเร่ ก็พอเชื่อถือได้บ้างผู้เป็นหัวหน้าทหารมองด้วยสายตาเย็นชา พร้อมกล่าวเสียงเย็น “กินข้าวอิ่มแล้ว ให้รีบไปจากที่นี่ซะบริเวณนี้มักมีสัตว์ป่าออกมาเพ่นพ่าน หากเกิดเรื่องอันใดขึ้น อย่าหาว่าข้าไม่เตือนพวกเจ้าก่อนล่ะ”ขณะพูดนั้น ยังได้เหลียวมองนกแร้งสองตัวที่อยู่ไม่ไกลนักดีที่บริเวณนั้นพอมีเนื้อดิบให้พวกมันได้แบ่งปัน หาไม่มนุษย์กลุ่มนี้อาจกลายเป็นอาหารอันโอชะของพวกมันก็ได้เจี่ยนอันอันรีบกล่าวขอบคุณ พร้อมบอกว่าหลังกินข้าวเสร็จจะรีบเดินทางต่อทันทีหัวหน้าทหารเห็นพวกเขาล้วนเป็นคนแปลกหน้า ไม่ใช่คนที่ต้องการจะจับตัวเมื่อกล่าวจบจึงพูดกับทหารอื่น “พวกเราไปเถิด”ทหารทั้งกลุ่มขี่ม้าจากไป เจี่ยนอันอันโยนเนื้อดิบให้นกแร้งสองตัวกินเพิ่มอีกเมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว ทุกคนพักผ่อนครู่หนึ่งแล้วจึงขึ้นรถม้าเดินทางต่อไปหลังจากพ้นเส้นทางลัดแล้ว ก็มาถึงทางหลวงเช่นเดิมนกแร้งสองตัวก็เห็นใจเหล่ามนุษย์ จึงไม่ได้นำพาพวกเขาไปยังทางลัดอีกหลังจากพวกมันบินจนเหนื่อย ก็จะไปพักผ่อนที่หลังคารถม้าเพราะมีนกแร้งสองต
เนื่องจากจู่ๆ ก็มีคนจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นในลานเรือน คนในครอบครัวเลี่ยวเฉิงวั่งจึงออกมาดูที่ลานเรือนกันหมดหลีซื่อ ภรรยาของเลี่ยวเฉิงวั่งเดินออกมาถาม “ตาเฒ่า คนพวกนี้เป็นใครรึ?”เลี่ยวเฉิงวั่งบอกเรื่องที่พวกเขาจะพักอยู่ที่นี่ต่อคนในครอบครัวคนทั้งครอบครัวไม่มีความเห็นแย้ง หากทักทายทุกคนอย่างอบอุ่นยิ่งในความคิดของพวกเขา ขอเพียงสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ นั่นก็จะเป็นการสั่งสมบุญกุศลสำหรับพวกเขาในภายภาคหน้าส่วนคนเหล่านี้ดูแล้วก็ไม่เหมือนว่าจะเป็นคนไม่ดี พวกเขายิ่งไม่มีความคิดเห็นอย่างอื่นลูกชายกับลูกสะใภ้เห็นดังนั้นก็จะไปจัดการข้าวของต่างๆ ในห้องสามห้องนั้นพวกหม่าลู่เห็นอย่างนั้นก็รีบบอกว่า “ไม่ต้องลำบากหรอก พวกข้าแค่มีที่ให้พักก็พอแล้ว”เลี่ยวอี้ผู้เป็นลูกชายหัวเราะฮ่าๆ “ไม่ลำบากเลย แค่เก็บข้าวของข้างในออกมา จัดการนิดหน่อยก็เสร็จแล้ว”เจี่ยนอันอันเห็นคนบ้านนี้มีจิตใจเอื้อเฟื้อถึงเพียงนี้ นางก็ไม่อยากพักอยู่ที่นี่โดยไม่ตอบแทนอะไรเลยนางจึงหยิบเงินออกมาส่งให้พวกเขาแต่คนบ้านนี้กลับไม่ต้องการเงิน ยังบอกว่าพวกเขาทำแบบนี้ล้วนแต่เป็นการสั่งสมบุญกุศลเพื่อตนเองทั้งนั้นเจี่ยนอันอันเห
เจี่ยนอันอันรู้สึกว่าหลิวซื่อดูจะสุขภาพไม่ดีเท่าไร ตอนนางประคองหลิวซื่อเข้าไปในครัวก็แอบทาบมือลงบนข้อมือของนาง“โรคนี้ของท่านเป็นมานานเท่าใดแล้ว?”หลิวซื่อครุ่นคิดแล้วว่า “ตอนนี้คงสองปีได้แล้วกระมัง เป็นโรคที่มักจะวิงเวียนศีรษะอยู่บ่อยๆ ข้าไม่เป็นไรหรอก เจ้ารีบไปพักผ่อนเถอะ”เจี่ยนอันอันตรวจพบว่าหลิวซื่อมีอาการวิงเวียนศีรษะระดับกลาง หากปล่อยไว้เช่นนี้ต่อไปจะยิ่งรุนแรงมากนางกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าเห็นว่าพวกท่านล้วนแต่จิตใจดีกันทั้งครอบครัว ถ้าท่านเชื่อใจข้าก็รับยาขวดนี้ไว้ สามารถรักษาอาการวิงเวียนศีรษะของท่านได้”เจี่ยนอันอันพูดอยู่ ในมือก็มีขวดกระเบื้องขวดหนึ่งเพิ่มเข้ามาหลิวซื่อหันกลับมามองเจี่ยนอันอันอย่างประหลาดใจ “เจ้ารักษาโรคเป็นด้วย?”“ข้าพอจะรู้วิชาแพทย์อยู่บ้าง” เจี่ยนอันอันพูดถ่อมตัวแล้วส่งขวดกระเบื้องในมือให้หลิวซื่อ “ท่านรับยาขวดนี้ไปกินเถอะ หนึ่งวันสามครั้ง ครั้งละหนึ่งเม็ด ล้วนแต่ต้องกินหลังอาหาร”หลิวซื่อรับขวดกระเบื้องไป เทยาเม็ดจากในนั้นลงมาหนึ่งเม็ดโดยไม่หยุดคิด แล้วกินยาพร้อมดื่มน้ำกลืนลงไปเพิ่งกินยาลงไปได้ไม่นาน หลิวซื่อที่เดิมทียังวิงเวียนศีรษะอยู่บ้
ขอเพียงเข้าไปในเมืองอินเป่ย นางก็ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากไว้บนใบหน้าอีก สามารถเปิดเผยรูปโฉมของตนเองต่อคนอื่นได้แล้วหลายวันนี้นางไม่อาจไปเจอพี่ใหญ่เสิ่นจือเจิ้ง ไม่รู้ว่าช่วงที่ผ่านมาเขาเป็นอย่างไรบ้างตอนนี้นางคิดถึงพี่ใหญ่ของตัวเองเหลือเกินฉู่จวินสิงเห็นว่าที่นี่คือบริเวณรอบนอกเมืองอินเป่ยแล้ว ย่อมไม่อยากเสียเวลาอยู่บนถนนต่อไปมีเพียงกลับไปถึงเมืองอินเป่ย พวกเขาถึงจะวางใจได้ทางด้านฉู่ชางเหยียนคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงว่า พวกเขาไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังลอบกลับเมืองจิงโจวไปกระทำเรื่องราวมากมายเช่นนี้คนทั้งคณะกับรถม้าสามคันมุ่งหน้าตรงไปยังประตูเมืองอินเป่ยเมื่อมาถึงหน้าประตูเมือง หม่าลู่ก็ถือหนังสือผ่านทางที่เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วกระโดดลงไปจากรถม้าเขาเคาะประตูเมืองอย่างหนักหน่วง ในไม่ช้าก็มีทหารพิทักษ์เมืองมาเปิดประตูออกเป็นช่องเล็กๆ“พวกเจ้าเป็นผู้ใด ไม่รู้รึว่าที่นี่ห้ามเข้ามาตามอำเภอใจ?”หม่าลู่นำหนังสือผ่านทางออกมาพลางเอ่ยอย่างยิ้มแย้มว่า “ท่านเจ้าหน้าที่ พวกข้าถูกเนรเทศมาที่นี่ หวังว่าท่านเจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกให้ด้วย”ทหารพิทักษ์เมืองเหลือบมองหนังสือผ่านทางนั้นแวบหนึ่
หลายวันมานี้ไม่เพียงแต่ชาวบ้านเหล่านั้นในเมืองหลัก แม้แต่เถ้าแก่โรงเตี๊ยมก็กำลังตามหาเจี่ยนอันอันอยู่เช่นกันพวกเขาเพียงรู้จักหน้าตาของเจี่ยนอันอัน แต่กลับไม่รู้จักชื่อของนางพวกเขาสอบถามมาหลายวันแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้เลยว่าเจี่ยนอันอันอาศัยอยู่ที่ไหนแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เจี่ยนอันอันจะเป็นฝ่ายมาหาเขาเสียเองเห็นนางจะจ่ายเงินให้เขา เถ้าแก่โรงเตี๊ยมรีบโบกไม้โบกมือกล่าวว่า “ข้ารับเงินของหมอเทวดาหญิงไม่ได้หรอก ยาที่ท่านขายให้คราวก่อนช่วยชีวิตพวกข้าไว้นะ”“คนที่ท่านพามาจะพักอยู่กี่วันล้วนไม่มีปัญหา ข้าให้พวกเขาพักโดยไม่คิดเงิน”เจี่ยนอันอันได้ยินแล้วก็เลิกคิ้ว นางคิดในใจว่าตอนนั้นตนเองแค่ให้ยารักษาวัณโรคไปจำนวนหนึ่งเท่านั้นเองนอกจากนี้ ยังไม่ได้ให้พวกเขาไปเปล่าๆ เสียหน่อย ตนเองก็ได้รับเงินกลับมาเช่นกันคิดไม่ถึงว่าเถ้าแก่โรงเตี๊ยมร้านนี้จะยังจำนางได้ด้วยเถ้าแก่โรงเตี๊ยมเห็นเจี่ยนอันอันมองเขาอย่างอึ้งๆ เขากล่าวอย่างมีความสุขว่า“แม่นางอาจไม่รู้ ตอนวัณโรคระบาดคราวก่อน คนในครอบครัวข้าล้วนติดโรคกันหมด”“ถ้าไม่ได้ยาของแม่นาง เกรงว่าคนในครอบครัวข้าคงต้องตายไปเพราะการระบาดของวัณโรคครั้งนั
เจี่ยนอันอันเหลือบมองสีท้องฟ้าแวบหนึ่ง ตอนนี้ท้องฟ้ากำลังมืดขึ้นทีละนิดถ้ารอถึงวันพรุ่งนี้ค่อยมาดูบ้าน เกรงว่าบ้านหลังนี้เป็นไปได้มากว่าคงขายให้คนอื่นไปแล้วเหมือนดังคำกล่าวหากปล่อยไว้นานก็อาจเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดฝันขึ้นได้ นางไปดูบ้านก่อนดีกว่า ถ้าเข้าท่า นางจะได้ซื้อบ้านเสียเลย“ไม่ทราบว่าเถ้าแก่พาข้าไปดูบ้านได้หรือไม่?”คำพูดของเจี่ยนอันอันได้รับคำตอบรับจากซินเจ๋อทันที“หมอเทวดาหญิงโปรดตามข้ามา บ้านข้าอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกล”ซินเจ๋อพูดจบก็บอกให้ลูกจ้างเฝ้าร้านส่วนเขาพาเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงตรงไปยังบ้านของตัวเองบ้านหลังนั้นของเขาอยู่ห่างจากร้านเชียนมู่ถังไม่ไกลจริงๆ แค่เดินข้ามถนนเส้นเดียวก็ถึงแล้วซินเจ๋อหยิบกุญแจออกมา หลังเปิดประตูบ้านแล้วก็ให้คนทั้งสองเข้าไปชมดูเจี่ยนอันอันเดินนำเข้าไปในบ้านก่อนก็เห็นว่าบ้านหลังนี้กว้างมาก ห้องข้างในก็มีอยู่หลายห้องเช่นกันพอให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านั้นของฉู่จวินสิงพักอาศัยได้คนทั้งสองเข้าไปดูแต่ละห้องอย่างคร่าวๆ ก็เห็นว่าข้างในนั้นได้รับการตกแต่งอย่างเป็นระเบียบแม้แต่เครื่องครัวในห้องครัวก็ยังมีครบครันฉู่จวินสิงพอ
เจี่ยนอันอันรับเอาโฉนดที่ดินไปดูแวบหนึ่ง กำลังคิดจะหยิบพู่กันจากห้วงมิติออกมา พลันได้ยินซินเจ๋อกล่าว “ข้ามีพู่กันอยู่”กล่าวพลาง วิ่งเข้าไปในบ้าน นำเอาพู่กันออกมาเจี่ยนอันอันรับพู่กันมาแล้ว เขียนชื่อตนเองลงในใบโฉนดซินเจ๋อจดจำชื่อของเจี่ยนอันอันไว้ แล้วทั้งคู่ต่างก็ประทับลายนิ้วมือลงในโฉนดซ้ำอีก เจี่ยนอันอันจึงนำใบโฉนดไปเก็บไว้ในห้วงมิตินับว่าน่าดีใจ เพราะนางใช้เงินเพียงสองร้อยตำลึง ก็สามารถซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่นี้มาได้ยังนับว่าได้กำไรเสียด้วยซ้ำซินเจ๋อก็ดีใจเช่นกัน เขาไม่เพียงได้พบหมอเทวดาหญิงอีกครั้ง ยังได้รู้ชื่อของนางอีกเขากล่าวด้วยความดีใจ “หมอเทวดาหญิง ท่านกับคุณชายท่านนี้ ต่อไปจะมาพำนักที่นี่ใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันโบกมือ “ข้าคงจะไม่อยู่ แต่ซื้อให้พี่น้องของสามีข้าต่างหาก”“อ้อ” ซินเจ๋อรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะคิดว่าเจี่ยนอันอันจะมาอยู่เอง เผื่อวันหน้าเขามีอาการปวดหัวตัวร้อนอย่างไร จะได้มาหาเจี่ยนอันอัน ให้นางช่วยรักษาบ้างและเขายังไม่ตายใจที่จะถามต่อ “เช่นนั้นขอถามท่านหมอเทวดาหญิง ท่านพักอาศัยอยู่ที่ใด?”“เผื่อวันหน้ามีโรคภัยไข้เจ็บรุมเร้า จะได้ไปหาเพื่อให้ท่
เหล่าทหารรับคำสั่ง พร้อมรีบเดินออกจากอำเภอไปสำรวจจำนวนประชากรผ่านไปราวหนึ่งชั่วยาม ทุกคนจึงได้กลับมาพร้อมรายงานต่อเซิ่งฟาง “เรียนใต้เท้า พวกเราได้ไปสำรวจมา ในอำเภอไถหยางปัจจุบันมีผู้คนทั้งสิ้นสี่พันหกร้อยสามสิบเจ็ดคนขอรับ”เจี่ยนอันอันพลันขมวดคิ้ว ลำพังแค่อำเภอไถหยางก็มีตั้งสี่พันกว่าคนแล้วหากพวกเขาล้วนถูกพิษ และไม่อาจเข้าถึงยาถอนพิษได้ทันเวลาจะต่างกับการกวาดล้างทั่วเมืองในอดีตที่ตรงไหน?เพียงแต่การกวาดล้างในหนนี้ มิได้เกิดจากน้ำมือฉู่ชางเหยียน หากแต่เป็นกู้มั่วหลีผู้เดียวคนบ้าที่สมควรตายผู้นี้ นอกจากเขาแล้ว เจี่ยนอันอันแทบนึกไม่ออกว่าจะมีผู้ใด กล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้อีกนางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพลางกล่าว “พี่เซิ่งฟาง ข้าต้องรีบปรุงยาถอนพิษ ถึงเวลาท่านค่อยสั่งให้ทหารนำไปแจกจ่ายแก่ชาวบ้านที่อยู่ในอำเภอไถหยาง”“ผู้ได้รับพิษจะช่วยถอนพิษโดยเร็ว แม้ไม่ถูกพิษก็จะได้กินเพื่อป้องกันไว้”เซิ่งฟางรีบรับปากในบัดดลเจี่ยนอันอันรีบทำการปรุงยาทันที ฉู่จวินสิงเกรงว่านางจะเหนื่อย จึงให้คนของเซิ่งฟางยกเก้าอี้มานั่งดีที่บริเวณนี้มีเงาไม้พอให้ร่มรื่น เจี่ยนอันอันจึงไม่ถูกแดดแผดเผามากนัก
เซิ่งฟางกล่าวถึงตรงนี้ สายตาก็มองมาที่ใบหน้าของเจี่ยนอันอันคล้ายกันเหลือเกิน หน้าตาและรูปร่างของผู้หญิงคนนั้นล้วนคล้ายเจี่ยนอันอันอย่างยิ่งทว่าลักษณะของผู้หญิงคนนั้นมีกลิ่นอายยโสโอหังเพิ่มเข้ามาหลายส่วน“ข้าเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นหน้าตาค่อนข้างคล้ายเจ้า นอกจากนี้ระหว่างที่ข้าถาม นางยังบอกว่านางแซ่เจี่ยน”“ข้าเห็นว่าอาภรณ์ของแม่นางเจี่ยนผู้นั้นคล้ายเจ้ามาก นางคงไม่ใช่น้องสาวของเจ้าหรอกนะ”เจี่ยนอันอันแค่นหัวเราะอย่างไม่ยี่หระ “นางเป็นน้องสาวของข้าจริงๆ แต่เป็นน้องสาวที่เกิดจากอนุภรรยา”คิดไม่ถึงว่าเจี่ยนหลิงเยว่จะมาปรากฏตัวในอำเภอไถหยางเมื่อเป็นเช่นนี้ กู้มั่วหลีจะต้องเคยปรากฏตัวในอำเภอไถหยางอย่างแน่นอนแต่ไม่รู้ว่าเขามาทำอันใดที่นี่?ขณะที่คนทั้งสามกำลังสนทนากันอยู่ เจ้าหน้าที่ทางการก็พลันวิ่งเข้ามาหา“ใต้เท้า แย่แล้วขอรับ ตอนนี้เกิดเหตุวางยาพิษหมู่ในอำเภอไถหยางของพวกเรา”“พวกชาวบ้านกำลังร้องทุกข์อยู่หน้าที่ว่าการอำเภอ ท่านคิดว่าควรทำอย่างไรดีขอรับ?”“เจ้าว่าอะไรนะ!” เซิ่งฟางทะลึ่งตัวยืนขึ้นมาเกิดเหตุวางยาพิษหมู่ขึ้นในอำเภอไถหยาง นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเซิ่งฟางไม่มีเวลา
พวกเขาล้วนแต่เป็นบุรุษ จะเอาแต่เกาะผู้หญิงกินไปตลอดได้อย่างไรแต่เจี่ยนอันอันกลับไม่คิดเช่นนี้ อย่างไรเสียพี่ใหญ่ก็ไม่เคยปลูกผักและธัญพืชมาก่อนนางกลัวว่าพี่ใหญ่จะปลูกของพวกนี้ได้ไม่ดีแต่เรือนหลังนี้กลับค่อนข้างกว้างขวาง มิสู้ให้พวกเขาเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ไว้ในเรือน วันหน้ายังมีเนื้อไว้กินเจี่ยนอันอันคิดถึงตรงนี้ก็เอ่ยยิ้มๆ “พี่ใหญ่ ตอนบ่ายข้าจะเข้าเมือง ถึงตอนนั้นข้าจะซื้อลูกไก่ลูกเป็ดกลับมา”“ท่านกับเซียงเสวี่ยรวมถึงเสิ่นจืออวี้ก็เลี้ยงสัตว์ปีกพวกนี้ไว้ที่บ้านก็แล้วกัน”ลูกไก่ลูกเป็ดพวกนั้นเลี้ยงง่ายมาก แค่ให้อาหารพวกมันเล็กน้อยก็พอแล้วลูกไก่หลายตัวที่นางเลี้ยงอยู่ในตอนนี้ก็เป็นการเลี้ยงแบบเปิดตอนนี้ล้วนโตหมดแล้ว อีกไม่นานก็สามารถออกไข่ได้แล้วเมื่อเซียงเสวี่ยได้ยินว่าจะเลี้ยงลูกไก่ลูกเป็ดก็ปรบมือด้วยความตื่นเต้น“ฮูหยินน้อยรอง ความคิดของท่านดียิ่งนักเจ้าค่ะ ข้าชอบเลี้ยงดูสัตว์ตัวน้อยพวกนี้ที่สุดแล้ว ทั้งยังได้กินไข่ไก่กับไข่เป็ดอีกด้วย”เสิ่นจือเจิ้งเห็นเซียงเสวี่ยมีสีหน้าตื่นเต้น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงตอบรับอย่างรวดเร็วเขาไม่ค่อยเข้าใจการเลี้ยงไก่เลี้ยงเป็ดสักเท
ที่แท้พวกเขาก็ไปทำงานที่อำเภอไถหยางนี่เอง“เช่นนั้นวันนี้พวกเขากลับมาเพราะหางานในอำเภอไถหยางทำไม่ได้แล้วงั้นหรือ?”เจี่ยนอันอันก็ยังสงสัยมากอยู่ดี พวกกวนเจี๋ยดูไม่เหมือนคนที่จะหางานไม่ได้นี่นาเสิ่นจือเจิ้งหัวเราะเบาๆ “พวกเขานำเงินจำนวนหนึ่งกลับมาด้วย อยากพักอยู่แถวนี้น่ะ”“ข้าเคยเดินเล่นในหมู่บ้านชิงสุ่ย ไม่มีสถานที่ให้พวกเขาพักอยู่ได้เลย”“ข้าจึงไปเดินเล่นบนเนินเขาสือหลี่ โชคดีที่บนนั้นมีกระท่อมไม้หลังหนึ่งที่พอให้คนเข้าพักได้”ตอนที่เจี่ยนอันอันได้ยินว่าเป็นกระท่อมไม้ก็คิดขึ้นได้ว่าหนิงเจิ้นกับแม่นมหลี่รวมถึงเตียวเฉียงเคยพักที่นั่นมาก่อนเวลาผ่านมานาน กลิ่นคาวเลือดที่นั่นจึงจางหายไปหมดแล้วถ้าให้พวกกวนเจี๋ยเข้าพักก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้แต่กระท่อมไม้ไม่ได้มีขนาดกว้างขวางนัก คนหลายคนพักอยู่ที่นั่นเกรงว่าอาจแออัดไปบ้างหลังจากเจี่ยนอันอันบอกกล่าวความคิดในใจออกมาก็ได้รับการเห็นพ้องจากเสิ่นจือเจิ้ง“ที่นั่นไม่กว้างจริงๆ นั่นแหละ แต่พวกเขามีมือมีเท้า สามารถหาวัสดุไม้มาสร้างบ้านเองได้”เจี่ยนอันอันไม่พูดอะไรอีก อย่างไรเสียคนเหล่านั้นก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อันใดกับนางนางไม่จำเป็นต้
พวกชาวบ้านทำงานกันอย่างขะมักเขม้น พวกเขาเห็นเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงมาแล้วก็ยิ้มให้คนทั้งสองท่านปู่เฉินพาทุกคนไปบ้านพวกเขาในช่วงก่อนหน้านี้ก็ได้เทน้ำพุวิญญาณขวดเล็กหนึ่งขวดลงไปในบ่อน้ำในของแต่ละบ้านแล้วสิ่งที่พวกเขาคิดไม่ถึงก็คือ น้ำในบ่อน้ำที่เดิมทีกำลังจะแห้งเหือดหลังจากเทน้ำพุวิญญาณขวดนั้นลงไป น้ำในบ่อก็พลันเพิ่มพูนขึ้นมาในไม่ช้า น้ำก็ปริ่มขอบบ่อ ท่าทางเหมือนจะล้นออกมาอย่างไรอย่างนั้นพวกชาวบ้านหยิบกระบวยตักน้ำพุวิญญาณขึ้นมาดื่มอึกหนึ่ง เมื่อเข้าปากก็รู้สึกว่าหวานสดชื่นอร่อยกว่าน้ำบ่อในสมัยก่อนของที่บ้านพวกเขาเสียอีกเมื่อมีน้ำพุวิญญาณพวกนี้ พวกเขาก็ยิ่งฮึกเหิมกว่าเดิมพวกเขาถางพืชพรรณในทุ่งนาบ้านตนเองออกไปครึ่งหนึ่ง เตรียมพื้นที่ไว้สำหรับปลูกผักหลังพลิกหน้าดินเสร็จเรียบร้อยก็เริ่มปลูกผักในไม่ช้าพวกเขาก็พบว่า เมล็ดพันธุ์ที่ถูกรดด้วยน้ำพุวิญญาณก่อนหน้านี้ล้วนแต่แตกหน่อเล็กๆ ออกมาแล้วเหล่าชาวบ้านยินดีเป็นเท่าตัว ขอแค่สามารถปลูกผักที่รสชาติดีออกมาได้ วันหน้าพวกเขาก็ไม่ต้องกลุ้มใจว่าไม่มีผักกินแล้วผักในทุ่งนาของครอบครัวเจี่ยนอันอันล้วนแต่ใช้น้ำพุวิญญาณรดแน่นอนว่า
เขาเพิ่งได้ยินบทสนทนาระหว่างคนทั้งสองก็คิดในใจว่าในช่วงหลายวันที่ผ่านมา หลานชายผู้นั้นของเขาเทียวมาหาเขาอยู่บ่อยๆทั้งยังบอกให้เขาไปอยู่ด้วยกันกับครอบครัวของหลานชายในอำเภอไถหยางเขายังดูออกว่า คุณชายผู้นี้สนิทสนมกับเจี่ยนอันอันเป็นอย่างมากถ้าเขาสามารถปล่อยบ้านตัวเองให้คุณชายผู้นี้เช่า เขาก็จะได้เงินมาจำนวนหนึ่งถึงยามนั้นพอเขาไปอยู่ที่บ้านหลานชาย หลานสะใภ้ก็คงไม่ดูแคลนเขาคิดถึงตรงนี้ ชาวบ้านผู้นั้นก็กล่าวว่า “คุณชายท่านนี้ ต้องการหาบ้านพักในหมู่บ้านชิงสุ่ยงั้นรึ?”“ข้าวางแผนไว้ว่าพรุ่งนี้จะไปอยู่กับครอบครัวหลานชายที่อำเภอไถหยาง”“บ้านข้าหลังนี้ถ้าปล่อยไว้ก็คงร้างไปเปล่าๆ มิสู้ข้าปล่อยเช่าให้ท่าน ท่านคิดว่าอย่างไรเล่า?”ครั้นถังหมิงเซวียนได้ยินว่าอีกฝ่ายมีบ้านที่ต้องการปล่อยเช่า เขาก็กระโดดลงมาจากม้าทันทีคราวนี้ดียิ่ง ถ้าสามารถเช่าบ้านสักหลังได้จริงๆ เขาก็จะได้เห็นหน้าเหยียนซวงบ่อยๆ แล้วน่ะสิ“ขอถามพี่ใหญ่ท่านนี้หน่อยสิ บ้านท่านจะปล่อยเช่าในราคาเท่าใดหรือ?”ชาวบ้านเกาท้ายทอย เขาเพิ่งมีความคิดจะปล่อยบ้านให้เช่าเป็นครั้งแรกไม่รู้เลยว่าราคาตลาดตอนนี้เป็นอย่างไรแต่เห็นถังห
“แม่นางเจี่ยน โปรดอย่าได้ล้อข้าอีกเลย” ขณะที่ถังหมิงเซวียนเอ่ยปาก แม้แต่ติ่งหูก็ยังแดงเรื่อเจี่ยนอันอันเอามือปิดปากแอบอมยิ้มนางตบไหล่เหยียนซวงเบาๆ พลางยิ้มให้นาง “ถังหมิงเซวียนเป็นคนไม่เลวนัก เจ้าต้องถนอมน้ำใจคนอยู่เบื้องหน้าให้ดีล่ะ”“บ้านข้ายังมีงานต้องทำอีก เห็นทีคงไม่รบกวนพวกเจ้าแล้ว”กล่าวจบจึงลุกขึ้นเพื่อจะอำลา ฉู่จวินสิงจึงได้ลุกตาม เตรียมกล่าวลาเช่นกันเหยียนซวงเห็นดังนี้ จึงรีบลุกขึ้นน้อมส่ง“อันอัน ถ้าเจ้ามีเวลา เชิญมานั่งคุยที่นี่ได้นะ”เหยียนซวงซาบซึ้งในความช่วยเหลือของเจี่ยนอันอัน จนนางสามารถใช้ศักยภาพของตน ทำงานหาเลี้ยงชีพได้เองโดยมิต้องห่วงว่าอนาคตจะไม่มีเงินใช้อีกรอจนเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงจากไปแล้ว ถังหมิงเซวียนจึงได้บอกจุดประสงค์ที่มาให้รู้“วันนี้ข้ามีเรื่องจะบอกกล่าวให้รู้”เหยียนซวงและเหยี่ยนอวี่มองหน้าถังหมิงเซวียนด้วยความฉงน ไม่เข้าใจว่าเขาพูดเรื่องใด?“หลายวันนี้เพราะอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยม เงินที่ข้าติดตัวมาจึงใช้จ่ายจนเกือบไม่เหลือ”ถังหมิงเซวียนกล่าวถึงตรงนี้ เกรงว่าทั้งคู่จะเข้าใจผิดนึกว่าเขามาขอกู้เงินจึงรีบร้อนกล่าวต่อ “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่
“อนาคตเหยียนอวี่ก็ต้องมีครอบครัวเช่นกัน เงินส่วนที่เหลือก็เก็บไว้ให้ภรรยาและลูกเถิด”ทั้งเหยียนซวงและเหยียนอวี่ต่างซาบซึ้งในน้ำใจของเจี่ยนอันอัน ทั้งคู่ขอบตาแดงเรื่อ แล้วจึงนำตั๋วเงินส่วนที่เหลือสองพันห้าร้อยตำลึงเก็บขึ้นเจี่ยนอันอันหวังเป็นสื่อให้เหยียนซวงกับถังหมิงเซวียนมากกว่า เพราะพวกเขาต่างหากที่มีการหมั้นหมายมาก่อนหน้าเจี่ยนอันอันจึงได้ถามยิ้มๆ “เจ้าเห็นว่าถังหมิงเซวียนเป็นคนอย่างไร?”เหยียนซวงถูกถามจนตะลึง ด้วยไม่คิดว่าจู่ๆ เจี่ยนอันอันจะมาถามเช่นนี้“คุณชายถังเป็นคนดีมาก ซ้ำยังเป็นหมอเทวดาของเมืองหนิงชวนเรา”เหยียนซวงตอบไปตามจริง น้ำเสียงมิได้แฝงความรู้สึกใดเป็นพิเศษเหยียนอวี่เอ่ยปากกล่าวแทน “แต่ข้าว่า คุณชายถังให้ความสำคัญต่อพี่หญิงมากกว่าคุณชายเสิ่น”ทันทีที่เอ่ยปากออกไป เหยียนอวี่กลับถูกเหยียนซวงถลึงตาเข้าใส่“พี่หญิง ถึงจ้องข้า ข้าก็จะพูด คุณชายถังมีน้ำใจต่อท่าน เราต่างก็เห็นอยู่”“ตรงข้ามกับพี่เสิ่นที่ทำเย็นชากับท่านมาโดยตลอด ข้าเชื่อว่าท่านควรจะรับรู้ได้ว่าพี่เสิ่นไม่ได้ชอบท่านเลย”“เจ้าอย่าพูดเหลวไหล ข้าก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษต่อพี่เสิ่นแต่อย่างใด”เหยียนซวงกล
เถี่ยต้านได้ยินดังนี้จึงรีบวิ่งกลับไปที่รูต่อเจี่ยนอันอันให้ฉู่จื่อซีเข้าบ้านไปก่อน นางจะไปหาเสิ่นจือเจิ้งฉู่จวินสิงมักตามติดเจี่ยนอันอันเป็นเงาตามตัว ครั้งนี้ก็ขอตามไปด้วยเช่นกันทั้งคู่เปิดประตูลานบ้านเข้าไป จึงเห็นกวนเจี๋ยซึ่งไม่ได้พบเจอมานาน พร้อมคนอีกหลายคน อยู่ในกลางลานบ้านของเสิ่นจือเจิ้งแต่ยามนี้เสิ่นจือเจิ้งไม่อยู่ลานบ้าน เพราะกำลังพูดคุยอยู่กับกวนเจี๋ยและพวกทุกคนเมื่อเห็นทั้งคู่เข้ามา จึงยุติการสนทนาโดยพลันเจี่ยนอันอันมองดูกวนเจี๋ยและพวก นึกสงสัยว่าหลายวันนี้พวกเขาไปอยู่ที่ใดมาเพราะนับแต่นางจัดแจงให้เสิ่นจือเจิ้งมาอยู่ที่นี่แล้ว ก็ไม่เห็นหน้าพวกเขาอีกเสิ่นจือเจิ้งแย้มยิ้มขณะเดินมาหาเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “แม่นางเจี่ยนมาหาพี่ใหญ่ข้าใช่หรือไม่ พี่ใหญ่เพิ่งไปเดินเล่น ยังไม่กลับมา”เจี่ยนอันอันกล่าวตอบอย่างรู้กาลเทศะ “เช่นนั้นข้าไม่รบกวนการพูดคุยของพวกเจ้าแล้ว”กล่าวพลางจึงพาฉู่จวินสิงเดินออกจากเรือนไปขณะทั้งคู่เดินออกมานั้น พลันเห็นเหยียนซวงก็ออกจากบ้านตนเองเช่นกัน“อันอัน พวกเจ้ากลับมาแล้วรึ” เหยียนซวงเห็นเจี่ยนอันอันมาพร้อมกับฉู่จวินสิง จึงเดินมาหาด้วยคว