เจี่ยนอันอันไม่คิดอยากจะฟังคำอธิบายจากถังก่วง นางหันไปกล่าวกับพ่อและแม่ของอวี้ซินว่า “ตอนนี้เด็กคนนั้นอยู่ที่ใด ข้าจะไปรักษาเขา”แม่ของอวี้ซินที่เดิมทีไม่ประสงค์ให้ผู้ใดล่วงรู้ถึงเรื่องอัปยศในครอบครัว ครั้นได้ยินคำของเจี่ยนอันอันนางจึงรีบตอบ “แม่นาง เชิญตามข้ามา”แม่ของอวี้ซินนำทางเจี่ยนอันอันพร้อมทั้งอีกสองคนไปยังห้องอีกห้องหนึ่งห้องนั้นไม่กว้างขวาง มีเพียงเตียงหนึ่งเตียงและโต๊ะหนึ่งตัวเท่านั้นเมื่อเจี่ยนอันอันมองไปบนเตียง ก็เห็นเด็กชายวัยราวสิบขวบนอนอยู่ดวงตาของเขาปิดสนิท ดวงหน้าเล็กซีดขาวเจี่ยนอันอันก้าวเข้าไปใกล้ พลางจับชีพจรให้ถังเสี่ยวซานเด็กผู้นี้ไม่ได้มีโรคอื่นติดตัว เพียงแต่สำลักน้ำเข้าไปมาก ทำให้ปอดเต็มไปด้วยน้ำชีพจรของเขาเต้นช้ามาก หากไม่ได้ทำการรักษาอย่างทันท่วงที เกรงว่าเด็กคนนี้อาจสิ้นใจได้ไม่รู้ว่าแพทย์ที่รักษาก่อนหน้าทำอย่างไร แต่กลับไม่ได้ใช้วิธีปั๊มหัวใจให้เด็กโชคยังดีที่แพทย์คนก่อนให้ยารักษาบางชนิดแก่ถังเสี่ยวซาน ซึ่งช่วยชะลอการหยุดเต้นของหัวใจเป็นการชั่วคราวเป็นเหตุให้เขายังคงอยู่ในสภาพหมดสติ โดยไม่ได้สิ้นลมไปเจี่ยนอันอันยืนอยู่ต่อหน้าแม่ของอ
ครอบครัวของนางหาได้มั่งคั่งไม่ เงินเหล่านี้ล้วนเป็นเงินที่นางหาได้จากการออกไปขายเห็ดหูหนูในบ้านก็เหลือเงินเพียงเท่านี้ แต่แม่ของอวี้ซินก็ยอมยื่นส่งเงินทั้งหมดให้เจี่ยนอันอันโดยไม่เสียดายแม้แต่น้อย“แม่นาง บ้านข้าเหลือเงินเพียงเท่านี้ ขอแม่นางอย่ารังเกียจที่มันน้อยเกินไป”เจี่ยนอันอันรับเศษเงินมา หยิบออกมาเพียงก้อนเดียว แล้วส่งส่วนที่เหลือคืนให้แม่ของอวี้ซิน“เงินแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ส่วนที่เหลือท่านเก็บไว้ใช้จ่ายในครอบครัวเถิด”แม่ของอวี้ซินมองเศษเงินที่ถูกส่งคืนให้ นางตื้นตันจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี“แม่นาง ท่านช่วยชีวิตหลานข้า และยังช่วยชีวิตบุตรสาวของข้าอีก ไฉนท่านจึงรับเงินเพียงเท่านี้เล่า”ก่อนหน้านี้ นางเคยจ้างหมอมา แต่กลับไม่อาจช่วยรักษาพวกเขาให้หายได้ ทั้งยังเรียกค่ารักษาถึงสิบห้าตำลึงเงินในคราวเดียวแต่แม่นางที่อยู่ตรงหน้า ไม่ได้เพียงรักษาชีวิตคนในครอบครัวของนางให้หายดี ยังรับเงินเพียงห้าตำลึงเท่านั้นนี่มันช่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลยแม่ของอวี้ซินพลันคิดขึ้นได้ว่า ในบ้านของนางยังมีเห็ดหูหนูจำนวนมาก บางทีนางอาจจะมอบเห็ดหูหนูเหล่านั้นให้แม่นางผู้นี้ไปเลยก็ได้เมื่อคิ
มาถึงเมืองอินเป่ยหลายวันแล้ว ถังหมิงเซวียนก็ได้เรียนรู้กฎระเบียบของที่นี่ดีแล้วผู้ใดที่เข้าสู่เมืองอินเป่ย จะไม่สามารถออกจากที่นี่ได้โดยง่ายเขาเพียงแค่ต้องค้นหาอย่างละเอียด ก็จะพบอีกฝ่ายอย่างแน่นอนในขณะเดียวกัน เจี่ยนอันอันที่นั่งอยู่ในรถม้าก็ได้นำถุงเงินและเห็ดหูหนูทั้งหมดเก็บเข้าไปในมิติจากนั้นนางกระซิบที่ข้างหูฉู่จวินสิงว่า “ท่านหิวหรือไม่ พวกเราไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันดีหรือไม่?”ฉู่จวินสิงหันมายิ้มบาง ๆ “เจ้าอยากกินอะไร หรืออยากกลับไปกินที่โรงเตี๊ยมเดิมอีก?”เจี่ยนอันอันส่ายหัวเบา ๆ อาหารที่โรงเตี๊ยมแห่งนั้นอร่อยก็จริง แต่ก็ยังไม่ถูกปากนางนัก“ข้าอยากกินเนื้อย่างเสียบไม้ ไม่รู้ว่าในอำเภอไถหยางจะมีร้านขายเนื้อย่างหรือไม่”ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงกีบม้าดังมาจากด้านหลังเจี่ยนอันอันหันกลับไปมอง ก็เห็นถังหมิงเซวียนควบม้ามุ่งหน้ามาทางพวกนางเจี่ยนอันอันคิดในใจ ไม่ใช่ว่าเจ้าหมอนี้ไปอีกทางแล้วหรือ เหตุใดถึงได้ตามมาอีกเล่า?ไม่นานนัก ถังหมิงเซวียนก็ตามมาทัน เขาจงใจควบม้าให้ช้าลง เพื่อให้เดินขนาบข้างกับรถม้าเขาหันไปกล่าวกับเจี่ยนอันอันว่า “แม่นางเจี่ย
ถังหมิงเซวียนไม่อยากบอกว่าตนเองแย่งหนังสือผ่านทางมาจากผู้อื่นเขายิ้มบางๆ แล้วพูดเสียงเรียบ “ข้าย่อมมีวิธีการของตนเอง”เจี่ยนอันอันแค่นเสียง คิดในใจว่าหากเจ้าไม่พูด ข้าก็จะไม่บอกเบาะแสของเหยียนซวงกับเจ้า“ท่านพี่ พวกเราไปกันเถอะ” เจี่ยนอันอันไม่คิดจะเสวนากับถังหมิงเซวียนต่อ จึงเร่งให้ฉู่จวินสิงขับรถม้าออกไปเมื่อถังหมิงเซวียนเห็นทั้งสองคนกำลังจะจากไป ก็รีบควบม้าไปด้านหน้าของรถม้า บังคับให้รถม้าหยุดสีหน้าของฉู่จวินสิงเย็นชา ท่าทางราวกับจะลงมือกับถังหมิงเซวียน“หากเจ้ายังไม่ยอมไปอีก ก็อย่าโทษที่ข้าไร้ปรานี”ถังหมิงเซวียนถูกพลังอำนาจของฉู่จวินสิงทำให้ตกใจจนหัวใจบีบรัด ทว่าเขาก็ไม่อยากละทิ้งโอกาสอันดีนี้ไปเขามองออกว่าสองคนนี้จะต้องรู้จักแม่นางที่ยังไม่ได้เข้าพิธีวิวาห์กับเขาผู้นั้นแน่นอนเขารีบพูด “ทั้งสองท่านอย่าเพิ่งรีบไป ข้ายอมพูดก็ได้”ที่แท้แล้ว เมื่อถังหมิงเซวียนมาถึงด้านนอกเมืองอินเป่ย เขาก็เห็นประตูเมืองเปิดออก มีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากในเมืองขณะที่เขากำลังจะวิ่งเข้าไป กลับพบว่าประตูเมืองปิดสนิทอีกแล้วทหารที่อยู่ด้านบนหอประตูเมืองตะโกนเสียงดังใส่เขา “หากไม่มีหนังสือผ
สำหรับถังหมิงเซวียนแล้ว นี่ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงฝีมือเขาอยากให้เจี่ยนอันอันได้เห็นจริงๆ ว่า ทักษะการแพทย์ของเขานั้นยอดเยี่ยม ไม่ได้ด้อยไปกว่านางเจี่ยนอันอันเองก็ไม่พูดพล่ามต่อไป ให้ฉู่จวินสิงขับรถม้ากลับไปยังหมู่บ้านชิงสุ่ยถังหมิงเซวียนเองก็ขี่ม้าตามอยู่ด้านหลังรถม้าไม่นานนักทั้งสามคนก็กลับมาถึงหมู่บ้านชิงสุ่ย เมื่อมาถึงหน้าประตูบ้าน เจี่ยนอันอันก็ลงจากรถม้าเป็นคนแรกนางผลักประตูใหญ่ของเรือนออกแล้วเดินเข้าไปวันนี้ขายผักไปได้ไม่น้อย อีกทั้งยังตามหาคนที่มีทักษะทางการแพทย์ได้ คราวนี้ขาของฉู่จวินหลุน ในที่สุดก็จะสามารถรักษาได้แล้วนางวิ่งไปหน้าห้องของฉู่จวินหลุน แล้วเคาะประตูไม่นาน ด้านในห้องก็มีเสียงรถเข็นดังเลื่อนออกมาฉู่จวินหลุนเปิดประตูห้อง เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันกลับมาแล้ว เขาก็ยิ้มให้“วันนี้เจ้ากับจวินสิงกลับมาเร็วนัก”เจี่ยนอันอันยิ้มพลางว่า “ข้าหาหมอให้พี่ใหญ่ได้แล้วเจ้าค่ะ ให้เขารักษาขาให้ท่าน”ฉู่จวินหลุนมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังฉู่จวินสิงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายท่าทางดูอายุเพียงแค่ยี่สิบปีเท่านั้น สวมชุดสีขาว ใบหน้าอ่อนโยนราวกับหยกคนผู้นี้จะส
เดิมทีเขาก็เป็นพวกที่ยิ่งมีคนมาคอยมองอยู่ด้านข้างก็ยิ่งอยากแสดงฝีมือออกมาต่อหน้าพวกเขาอยู่แล้วมือของถังหมิงเซวียนคลำไปยังบริเวณก้นกบของฉู่จวินหลุนแล้วก็คลำไปเจอตรงจุดหนึ่งมีของแหลมคมอยู่ดูเหมือนว่าคงจะเป็นหัวลูกธนูที่ไม่ได้ดึงออกมาตำแหน่งของหัวลูกธนูนั้นค่อนข้างจะยุ่งยาก หากคิดจะเอาออกมา คิดว่าคงจะกระทบเข้ากับเส้นประสาทตรงก้นกบเข้าหากว่าไม่ระวัง เกรงว่าคนผู้นี้อาจจะเจ็บปวดจนร่างกายเป็นอัมพาตก็ไม่น่าแปลกที่ไม่มีใครกล้าดึงหัวลูกธนูนี่ออกมา หมอทั่วไปแน่นอนว่าย่อมไม่มีความสามารถนี้ทว่าเขาแตกต่างออกไป เขาคือหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงไปทั่วแคว้นหนิงชวนการผ่าตัดนี้สำหรับเขาแล้วนั้น ถือว่าเป็นเพียงแค่การผ่าตัดเล็กๆ เท่านั้นเพียงแต่เขาไม่ได้นำมีดผ่าตัดติดตัวมาด้วย จึงต้องขอยืมจากเจี่ยนอันอันถังหมิงเซวียนมาถึงด้านหน้าประตูห้อง แล้วพูดกับเจี่ยนอันอันที่ยืนอยู่ด้านนอก “แม่นางเจี่ยน ที่นี่มีมีดที่ใช้ผ่าตัดหรือไม่?”เจี่ยนอันอันได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกว่าเจ้าหมอนี่ช่างกล้าหาญเสียจริงเกรงว่าเขาคงไม่รู้ว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นคือจิ้นอ๋องของแคว้นไท่ยวนหากว่าเขารู้แล้ว เกรงว่าก็คงไม
โชคดีที่วันนี้เขาบังเอิญพบกับเจี่ยนอันอันเข้า จึงรู้ว่าเจี่ยนอันอันรู้จักอีกฝ่ายเขาย่อมไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปถังหมิงเซวียนพูดต่อ “หากว่าข้านำล่วมยามาด้วย ก็มีความมั่นใจมากถึงเจ็ดส่วนที่จะสามารถรักษาขาของพี่ใหญ่ท่านให้หายดีได้”เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วขึ้น ในใจคิดว่าเจ้าหมอนี่กำลังคุยโวอีกแล้วนางอยากจะลองดูว่าถังหมิงเซวียนกำลังคุยโวใหญ่โตหรือไม่“ที่ข้ามีล่วมยาอยู่ หากว่าเจ้าสามารถรักษาขาของพี่ใหญ่ข้าได้จริง ข้าก็จะบอกเบาะแสของคนที่เจ้ากำลังตามหาอยู่ให้”“หากว่าเจ้ารักษาไม่ได้ เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าลงมือโหดเหี้ยม”เจี่ยนอันอันพูดพลางหักกระดูกนิ้วจนส่งเสียง “กร๊อบแกร็บ” ดังออกมาเมื่อเห็นว่านางกำลังกำหมัดเตรียมพร้อม ในใจถังหมิงเซวียนก็เป็นกังวลขึ้นมาเขานึกถึงภาพที่เจี่ยนอันอันตบปากกุ้ยเหมยขึ้นมา ก็รู้สึกว่าใบหน้าของตนเองเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อคิดว่าเขาชายหนุ่มคนหนึ่ง เป็นถึงผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหมอเทวดาของแคว้นหนิงชวน คงไม่อาจถูกเจี่ยนอันอันตบปากได้หากว่าเรื่องนี้แพร่ไปถึงแคว้นหนิงชวน จะต้องเป็นที่ขบขันของทุกคนเป็นแน่“ท่านวางใจได้ ขอเพียงแค่มีล่วมยา ข้าก็จะไม่ให้
โชคดีที่ฝีมือของเขานั้นแม่นยำ เพียงแค่ไม่กี่ครั้งก็เย็บปิดบาดแผลของฉู่จวินหลุนเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่เขาเช็ดคราบเลือดออกจากบาดแผลแล้ว ถึงได้ขอให้ฉู่จวินสิงช่วยสวมกางเกงให้ฉู่จวินหลุน หัวลูกธนูที่หักนั้นถูกถังหมิงเซวียนห่อเอาไว้ในผ้าพันแผล ก่อนจะส่งให้กับฉู่จวินสิง “อีกเดี๋ยวคุณชายฉู่ฟื้นขึ้นมา เมื่อถึงเวลานั้นร่างกายจะต้องมีความรู้สึกเจ็บปวดเป็นแน่ ท่านต้องให้เขากินยาแก้ปวด ข้าคิดว่าที่แม่นางเจี่ยนจะต้องมีแน่นอน”ฉู่จวินสิงรับผ้าพันแผลที่ห่อหัวลูกธนูอยู่มา รอให้ฉู่จวินหลุนฟื้นขึ้นมา เขายังต้องนำออกมาให้อีกฝ่ายดู“หลังจากนำหัวลูกธนูออกมาแล้ว พี่ใหญ่ของข้าก็จะเดินได้แล้วใช่หรือไม่?” สายตาของฉู่จวินสิงจ้องเขม็งไปยังถังหมิงเซวียนหากว่าเป็นเจี่ยนอันอันที่มารักษาให้ฉู่จวินหลุน เขาไม่มีทางถามคำถามเช่นนี้ออกมาถังหมิงเซวียนถอนหายใจยาว ถึงได้พูดออกมา “หัวลูกธนูถูกนำออกมาแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าต่อไปจะสามารถเดินได้หรือไม่นั้น ยังต้องดูความตั้งใจของเขาเองด้วย”“เพราะอย่างไรแล้วเขาก็เป็นอัมพาตมานาน กล้ามเนื้อขาทั้งคู่ก็ฝ่อไปหมดแล้ว บวกกับการผ่าตัดครั้งนี้มีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก หากไม่ร
เจี่ยนอันอันยิ้มกล่าว “พรุ่งนี้ข้าก็สามารถไปจากที่นี่ได้แล้ว”ฉู่จวินสิงจึงตัดสินใจค้างคืนกับเจี่ยนอันอันที่นี่เขาไม่อยากกลับไปที่โรงเตี๊ยม ที่นั่นเสียงดังเกินไป บวกกับเขาคิดถึงเจี่ยนอันอันหลายวันที่ผ่านมา เขาไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่มเลยฉู่จวินสิงอยู่ค้างคืนด้วยได้ เจี่ยนอันอันย่อมดีใจอยู่แล้วอย่างไรเสียก็คงไม่มีใครบุกเข้ามาในห้องนี้อย่างปุบปับอยู่แล้วพอถึงพรุ่งนี้เช้า ฉู่จวินสิงค่อยทำเหมือนกับว่าเพิ่งมารับเจี่ยนอันอัน คนทั้งสองก็สามารถจากไปพร้อมกันได้แล้วทั้งคู่นอนอยู่บนเตียง เนื่องจากไม่ได้เจอกันหลายวันพวกเขาจึงเริ่มอิงแอบแนบชิดกัน ฉู่จวินสิงออกแรงอย่างนุ่มนวลด้วยกลัวว่าจะกระทบกระเทือนทารกในครรภ์เจี่ยนอันอันหลังเสร็จกิจแล้ว ทั้งคู่ก็สวมกอดกันนอนหลับไปจนถึงเช้าตรู่วันถัดมา ฉู่จวินสิงก็ทำให้ตัวเองล่องหนระหว่างที่เจี่ยนอันอันกำลังทำอาหารอยู่ ฉู่จวินสิงก็มาเคาะประตูเรือนโดยทำเหมือนกับว่าแวะมาเยี่ยมกะทันหันฮวาหลานเอ๋อร์ไปเปิดประตู เห็นว่าฉู่จวินสิงมาแล้ว คราวนี้นางไม่ได้เย็นชาเหมือนครั้งก่อน แต่ยิ้มแฉ่งให้ฉู่จวินสิง“เยียนอ๋องมาหาพี่หญิงเจี่ยนสินะ พี่หญิงเจี่ยนของข้าทำ
“หลังกินข้าวมื้อนี้เสร็จ เจ้าก็ไปจากที่นี่เสียเถอะ สิ่งที่ข้าควรสอนก็สอนไปหมดแล้ว เจ้าไม่มีความจำเป็นต้องพักอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว”ซางหมิงกินข้าวเสร็จอย่างรวดเร็วแล้วลุกขึ้นก้าวยาวๆ ออกไปจากห้องกินข้าวเจี่ยนอันอันรู้ว่าซางหมิงยังโกรธเรื่องเมื่อเย็นวาน นางเป็นฝ่ายผิดก่อนจึงไม่ได้โกรธเพราะคำพูดของซางหมิงเพื่อชดเชยให้กับเรื่องเมื่อเย็นวาน เจี่ยนอันอันจึงรีบกินข้าวให้เสร็จแล้วไปหาซางหมิงนางมาถึงสถานที่ที่ซางหมิงทำหน้ากากก็เห็นอีกฝ่ายกำลังนั่งทำหน้ากากอยู่ที่โต๊ะเจี่ยนอันอันหยิบยาถอนพิษที่ต้มไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นวานออกมาจากในมิติแล้ววางลงตรงหน้าซางหมิง“ผู้วิเศษซาง นี่คือยาถอนพิษที่ข้าต้มเอง ท่านดื่มยานี้ก่อนแล้วข้าค่อยไปก็ยังไม่สาย”ซางหมิงเหลือบมองยาถอนพิษสองถ้วยนั้นแล้วมองไปทางเจี่ยนอันอัน“เจ้าแน่ใจนะว่ายาสองถ้วยนี้สามารถกำจัดพิษในร่างข้าได้?”เห็นเจี่ยนอันอันพยักหน้ายิ้มๆ เขาก็ไม่พูดมาก หยิบถ้วยยาขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ทันทีหลังดื่มยาสองถ้วยนั้นจนหมด ซางหมิงก็รู้สึกว่าพิษในร่างกำลังสลายไปอย่างรวดเร็วบริเวณที่เดิมทียังเจ็บปวดอยู่บ้างก็รู้สึกโล่งสบายหาใดเปรียบ เพราะได้ดื่มยาสอง
เรือนผมที่เคยยาวดกดำ ภายในคืนเดียวมลายหายไปสิ้นเห็นเพียงศีรษะที่โกร๋นโล่งเตียนไม่เหลือแม้แต่ผมเส้นเดียว!เจียงหวยตกใจจนหน้าซีดเผือด พลางทรุดร่างลง ‘โครม’ ที่หน้าพระแท่นมังกรฉู่ชางเหยีนมองดูสีหน้าตกตะลึงของเจียงหวย พลันยิ่งบันดาลโทสะมากขึ้น“เจ้าถูกผีหลอกเข้าหรือไร?”เจียงหวยกลัวจนตัวสั่นงันงก พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ฝ่า...ฝ่าบาท เส้นพระเกศา...”ทันใดนั้นเอง ฉู่ชางเหยียนเพิ่งตระหนักว่าศีรษะเย็นผิดปกติจึงรีบเอามือลูบศีรษะตนเองโดยพลันไม่ลูบยังพอว่า ลูบไปเจอแต่ศีรษะโล้นเลี่ยนนี่สิ!“เกิดเรื่องอันใดขึ้น ผมของข้าเล่า? บังอาจนัก ผู้ใดมาโกนผมของข้าไปหมด?”“ทหาร รีบไปจับคนที่เมื่อคืนแอบเข้ามาในตำหนักข้า ข้าจะจับมากุดหัวเสีย แล้วถลกหนังมันด้วย”เจียงหวยหัวใจหล่นไปถึงตาตุ่ม เคราะห์ดีเมื่อคืนเขาไม่ได้ถวายงานอยู่ในตำหนักหลงเหอแต่ไปเลี้ยงอาหารนกแร้งสองตัวนั้น กว่าจะป้อนจนอิ่มหนำก็ค่ำมืดเต็มทีเขาเห็นว่าดึกมากแล้ว จึงมิได้กลับเข้าตำหนักหลงเหออีก ด้วยเกรงว่าจะรบกวนการบรรทมของฮ่องเต้ปรากฏว่าเพียงคืนเดียวที่เขาไม่ได้อยู่ถวายงาน กลับเกิดเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ขึ้นเขากลัวว่าถ้าฮ
เมื่อเจี่ยนอันอันดูถึงตรงนี้ มุมปากได้เหยียดขึ้นนานแล้วนางเห็นเจี่ยนกั๋วกงหน้าไม่อายผู้นั้น เมื่อถูกฮ่องเต้ตวาดเข้า ก็ทำตัวหงอ หดคอราวกับลูกเต่าตัวหนึ่งเป็นสิ่งที่นางรู้สึกสะใจยิ่ง!เจี่ยนกั๋วกงยังคิดเอาหน้าต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ คิดจะให้ส่งคนไปสืบสวนครอบครัวฉู่จวินสิงที่อยู่ในเมืองอินเป่ยอีกสุดท้ายลูกคิดรางแก้วของเขาก็พังทลาย ซ้ำยังถูกฮ่องเต้ชั่วด่าใส่หน้าอีก!เจี่ยนอันอันยังคิดว่าเจี่ยนกั๋วกงถูกด่าเบาไปด้วยซ้ำ ฮ่องเต้ชั่วน่าจะลงโทษฐานสร้างความวุ่นวายใจแก่เบื้องบนอีกกระทงหนึ่งเพราะอย่างไรก็ล้วนมิใช่คนดีทั้งคู่ ตายคนหนึ่งแผ่นดินจะได้สูงขึ้นบ้างแต่เสียดายฮ่องเต้ชั่วกลับมิได้ทำเช่นนั้น ข้อนี้ทำให้เจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าและถอนหายใจ“หากตอนนี้ข้าเป็นฮ่องเต้ชั่วนั่น คงไม่ปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ต่อไปแน่”หลังจากเจี่ยนอันอันแอบแช่งชักหักกระดูกในใจ พลันนึกไปถึงนกแร้งสองตัวนั้นตอนที่นางกับฉู่จวินสิงสังหารอิ่นเจียงนั้น ก็เคยเห็นนกแร้งสองตัวนี้แต่ไม่คิดว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงของฉู่ชางเหยียนที่อยู่ในวังหลวงคราวก่อนที่ๆ พวกมันปรากฏตัว คงถูกฉู่ชางเหยียนส่งให้ไปสังเกตความเค
ฉู่ชางเหยียนหันมาทางเจี่ยนกั๋วกงต่อ น้ำเสียงเย็นชา “ท่านบอกว่าฉู่จวินสิงยังไม่ตาย แล้วนี่จะอธิบายอย่างไร?”เจี่ยนกั๋วกงรู้ดีว่า ฉู่ชางเหยียนได้เลี้ยงนกแร้งไว้สองตัวเมื่อครู่ขณะเห็นนก เขายังนึกว่าพวกมันคงหิวในเวลาค่ำคืน จึงออกมาหากินที่ไหนได้ แท้จริงแล้วพวกมันถูกฉู่ชางเหยียนส่งไปเมืองอินเป่ยต่างหากแม้แต่นกแร้งสองตัวนี้ยังยืนยันว่าครอบครัวฉู่จวินสิงได้เสียชีวิต แล้วเขาก็ไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของตนเองจึงหวาดกลัวจนรู้สึกขนหัวลุกชัน พร้อมรีบคุกเข่าลง“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเพียงสงสัยว่าฉู่จวินสิงและครอบครัวยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่มีหลักฐานยืนยัน ขอฝ่าบาททรงอภัยด้วย”ฉู่ชางเหยียนทำเสียงฮึในลำคอ พลางตะโกนไปยังด้านนอก “ใครก็ได้!”ไม่นานจึงมีองครักษ์ผู้หนึ่งเข้ามา“ไปตามอิ่นเจียงมาพบข้า ข้าจะถามเขาให้รู้”องครักษ์รับบัญชา พร้อมรีบถอยออกไปเจี่ยนกั๋วกงยังคงคุกเข่าอยู่ที่เดิม ในใจไม่สู้สบายนักถ้าอิ่นเจียงมาถึง พร้อมกล่าวยืนยันอีกครั้งว่าตนได้สังหารฉู่จวินสิงและครอบครัวไปแล้วจริงๆแล้วเขาจะทำอย่างไรให้ฮ่องเต้ทรงเชื่อในคำสันนิษฐานของเขาได้?ซ้ำยังมีความรู้สึกว่า เรื่องนี้อ
เขารู้ว่าขุนนางกลุ่มนี้มิได้เห็นตนถูกปลดเป็นสามัญชน ซ้ำยังถูกเนรเทศไปอยู่เมืองอินเป่ย จนเลือกที่จะสวามิภักดิ์ต่อฉู่ชางเหยียนแต่กลับวางแผนเงียบๆ ว่าจะล้างมลทินให้ตนได้อย่างไร เพื่อให้กลับมาเมืองจิงโจวอีกครั้ง ครองตำแหน่งเยียนอ๋องตามเดิมฉู่จวินสิงรู้สึกปลื้มใจยิ่ง เขาคิดว่าตนดูคนไม่ผิด ขุนนางเหล่านี้มีความภักดีที่จะอยู่กับเขาอย่างจริงใจเพียงแต่ฐานะเขาตอนนี้ยังไม่เหมาะจะเผยตัว จึงมิได้ปรากฏตัวให้เหล่าขุนนางได้เห็นฉู่จวินสิงด้านหนึ่งเป็นห่วงเจี่ยนอันอัน อีกด้านก็นึกถึงอนาคตว่าจะบุกเข้าเมืองจิงโจวได้อย่างไรและขุนนางเหล่านั้นต่างก็มีกำลังทหารอยู่ในมือรอจนเขากลับไปจิงโจวเมื่อใด จะเป็นเวลาที่จะได้ชิงอำนาจกลับคืนมาอีกครั้ง......เจี่ยนอันอันมองดูยาในหม้อที่ต้มเสร็จแล้ว จึงรินเอาน้ำออกมา ส่วนกากยาถูกเททิ้งไปยาสองชามนี้เพียงพอที่จะขจัดพิษในตัวซางหมิงได้หมดนางนำยาไปเก็บไว้ในห้วงมิติ รอเพียงพรุ่งนี้เช้าซางหมิงตื่นมา ก็จะให้เขาดื่มเจี่ยนอันอันกลับเข้าห้องนอน พร้อมนำแว่นตาล่องหนออกมาใส่ไม่นานจึงมองเห็นฉู่ชางเหยียนนั่งอยู่ในห้องทรงอักษรและในห้องนั้นไม่เพียงมีฉู่ชางเหยียนกับมหา
เป็นครั้งแรกที่ฮวาหลานเอ๋อร์ได้เห็นโจ๊กแปดสมบัติ นางมองดูกระป๋องนั้นด้วยความแปลกใจ ไม่รู้ว่าควรจะเปิดอย่างไรดีเจี่ยนอันอันตบหน้าผากตนเอง พลันฝากระป๋องจึงเปิดออกง่ายดาย นำช้อนที่อยู่ข้างในกางออกเรียบร้อย พร้อมส่งให้ฮวาหลานเอ๋อร์“นี่ก็คือโจ๊กแปดสมบัติ รสชาติหอมหวาน แม้จะเย็นชืดไปบ้าง แต่กินไม่ยาก”เจี่ยนอันอันกล่าวพลาง ยื่นโจ๊กให้แก่ฮวาหลานเอ๋อร์ฮวาหลานเอ๋อร์ได้กลิ่นหอมของโจ๊กมาเตะจมูก จึงรีบตักเข้าปากเร็วพลันรสชาติหอมหวานและเนียนนุ่ม อบอวลอยู่ในปากนางทันที“พี่เจี่ยน โจ๊กแปดสมบัตินี้ช่างอร่อยจริง”ฮวาหลานเอ๋อร์กล่าวพลาง รีบอ้าปากกินแล้วกินอีกไม่นานโจ๊กแปดสมบัติทั้งกระป๋องก็ถูกนางกินหมดเกลี้ยงนางมิได้ถามเจี่ยนอันอันเอาโจ๊กชนิดนี้มาจากที่ใด คิดแต่ว่าเจี่ยนอันอันคงจะทำเอง“อิ่มแล้วก็กลับไปพักผ่อนเสีย ข้าอยู่ทางนี้ยังต้องต้มยาอีกสักพัก”เจี่ยนอันอันไม่ต้องการให้ฮวาหวานเอ๋อร์มาอยู่ข้างกาย เพราะเป็นเด็กอายุยังน้อย ต้องการการพักผ่อนอย่างเต็มที่ฮวาหลานเอ๋อร์ยิ้มให้เจี่ยนอันอันอย่างมีความสุข พลางยืนขึ้นแล้วกระโดดโลดเต้นเดินจากไปเจี่ยนอันอันอยู่ในครัวต้มยาต่อไปอีก จากนั้นจึงร
แน่นอนว่าซางหมิงไม่เชื่อคำพูดของเจี่ยนอันอันเพราะสมัยก่อนกู้มั่วหลีได้วางยาพิษในร่างของเขาไม่น้อย แต่กลับไม่ต้องการให้เขาถูกพิษจนเสียชีวิตทุกครั้งที่เห็นเขาทุกข์ทรมานด้วยยาพิษ มักบอกว่าพิษนั้นยังไม่เพียงพอกู้มั่วหลีคล้ายคนเสียสติ แทนที่จะใช้ร่างกายเขาหาวิธีถอนพิษ กลับใช้เป็นที่ลองยามากขึ้นอีกซึ่งทำให้ซางหมิงถูกทรมานไม่หยุดหย่อนบัดนี้เจี่ยนอันอันกลับบอกว่าพิษในตัวเขาสามารถถอนได้ เพียงแค่ลมปากลอยๆ เขาย่อมไม่เชื่อแน่นอนแม้ว่านางจะมีความกล้าเหนือผู้อื่น ถึงขั้นติดตามฉู่จวินสิงกลับมาเมืองจิงโจวอีกครั้งแต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่า นางจะสามารถขจัดพิษในร่างกายของเขาได้อีกทั้งเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน ว่าพระชายาเยียนอ๋องรู้วิชาแพทย์ด้วย“ข้าว่าพระชายาเชิญกลับไปเสียดีกว่า ข้าต้องการพักผ่อน” ซางหมิงกล่าวพร้อมกับเอนกายลง “ก่อนออกไปอย่าลืมเป่าเทียนให้ดับด้วย”เจี่ยนอันอันเบะปากเล็กน้อย ถ้าตอนนี้เป็นผู้อื่น นางไม่สนใจนานแล้วแต่หลายวันนี้ซางหมิงสอนให้นางได้เรียนรู้หลายอย่าง จึงไม่อยากจากไปง่ายๆ เช่นนี้เจี่ยนอันอันกล่าวตอบเสียงเบา “ถ้าเช่นนั้นท่านพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ข้าจะถอนพิษในตัวให้”เจ
ซางหมิงได้ยินดังนี้กลับทำเสียงฮึในลำคอ สองมือกำเป็นหมัดแน่น“หากข้าเป็นพี่น้องกับกู้มั่วหลีจริง คนแรกที่จะเอาชีวิตก็คือมัน!”เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น เห็นทีซางหมิงก็น่าจะรู้จักกู้มั่วหลีเช่นกันและระหว่างเขากับกู้มั่วหลี ก็น่าจะมีเรื่องบาดหมางด้วยแต่ถ้าเขาไม่ใช่กู้มั่วหลี ก็อาจพูดง่ายขึ้นสักหน่อยซางหมิงเห็นเจี่ยนอันอันยังคงยืนเฉยอยู่ที่เดิม จึงกล่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ยังไม่รีบไปอีก จะให้ข้าเฉดหัวเจ้าหรืออย่างไร?”เจี่ยนอันอันแม้จะรู้สึกขัดแย้งในใจ แต่นางยังไม่ต้องการไปจากที่นี่เร็วนักจึงรีบร้อนกล่าวอธิบาย “ท่านผู้วิเศษซาง ที่ข้าพบว่าท่านผ่านการแปลงโฉมมา ก็ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ต้องการดูใบหน้าที่แท้จริงของท่าน”“แต่มิคาดฝันว่าท่านจะมีใบหน้าคล้ายคลึงกับศัตรูของข้ากู้มั่วหลี่ถึงเพียงนี้”“เมื่อครู่ที่ล่วงเกินไป ต้องขออภัยด้วย”เจี่ยนอันอันกล่าวพลางโค้งคำนับให้แก่ซางหมิงซางหมิงจึงเพิ่งเข้าใจว่าที่แท้เจี่ยนอันอันก็เหมือนเขา มีความแค้นกับกู้มั่วหลีเขากล่าวพร้อมกัดฟันกรอด “เจ้ากู้มั่วหลียังมีชีวิตอยู่ สวรรค์ช่างลำเอียงโดยแท้!”เมื่อเจี่ยงอันอันเห็นซางหมิงโกรธแค้นต่อกู้มั่ว