หากไม่ใช่เพราะวันนี้ต้องรีบไปคิดบัญชีกับเฉินหย่งเหนียน นางคงขายผักได้มากกว่านี้ฮูหยินใหญ่มองเงินทองแดงแล้วพูดกับเจี่ยนอันอัน “อันอัน เจ้าเก็บเงินพวกนี้ไว้เถิด นี่เป็นเงินที่เจ้ากับจวินสิงได้จากการปลูกผักขาย พวกข้ารับไว้ไม่ได้”“พี่หญิงพูดถูก พวกข้ารับเงินพวกนี้ไว้ไม่ได้ เจ้าเก็บไว้เถอะ” ฮูหยินรองพูดกับเจี่ยนอันอันเช่นกันเจี่ยนอันอันมองทุกคน พบว่าทุกคนต่างก็มีความคิดเช่นนี้จึงไม่ได้พูดอะไร ทำการเก็บเงินเข้าสู่ห้วงมิติ“พรุ่งนี้ข้าจะไปขายผักอีก ได้เงินแล้วจะนำมาแบ่งให้กับทุกคน”เจี่ยนอันอันกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายนั่งรถม้ามาตั้งนาน ร่างกายตึงเกร็งไปหมดแล้วฮูหยินใหญ่เห็นเจี่ยนอันอันมีท่าทีอ่อนล้าก็ให้นางกลับห้องไปพักผ่อนฉู่จวินสิงกำลังจะเดินตามไปแต่ถูกฮูหยินใหญ่เรียกไว้“จวินสิง เจ้านั่งก่อน แม่มีเรื่องจะคุยด้วย”ฉู่จวินสิงมองจนเจี่ยนอันอันเดินเข้าห้องไปแล้วถึงค่อยดึงสายตากลับคืนฮูหยินใหญ่ถาม “จวินสิง อันอันก็แต่งงานกับเจ้ามานานแล้ว เหตุใดท้องของนางจึงยังไม่มีความเคลื่อนไหวอีก?”คนอื่นๆ มองฉู่จวินสิงด้วยความสงสัยเช่นกันฉู่จวินสิงเห็นทุกคนมองตัว
เจี่ยนอันอันใช้ช่วงที่ฉู่จวินสิงยังไม่กลับห้องมาดูของในห้วงมิตินางตรวจดูคลังอาวุธ ตั้งใจว่าจะนำปืนกระบอกนั้นออกมาดูแต่แล้วกลับพบความผิดปกติบางอย่างภายในปืนกระบอกนั้นเหลือกระสุนอยู่หนึ่งนัดตอนที่ต่อสู้กับกู้มั่วหลี นางจำได้ว่าด้านในมีกระสุนอยู่เต็ม เหตุนี้ตอนนี้จึงเหลือแค่นัดเดียว?ขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังสงสัย เบื้องหน้านางก็มีภารกิจของห้วงมิติปรากฏ[เนื่องจากมีการนำปืนออกจากคลังอาวุธ คลังอาวุธจึงถูกลดระดับลง][ระดับของคลังอาวุธตอนนี้ถูกลดเป็นเลเวล 0 และกำลังจะปิดลง กรุณาเก็บปืนกลับคืนโดยเร็ว]นี่มันบ้าอะไรกัน ไม่ใช่ว่าคลังอาวุธจะเปิดตอนไหนก็ได้หรือ เหตุใดจึงมีการลดระดับด้วย?เจี่ยนอันอันถามห้วงมิติด้วยความคิด เห็นว่าภารกิจของห้วงมิติปรากฏอีกครั้ง[อาวุธเหล่านี้ไม่ได้มาด้วยวิธีที่ถูกต้อง เจ้าไม่ทราบเรื่องนี้หรือ?]มุมปากของเจี่ยนอันอันกระตุก นางรู้ว่าอาวุธพวกนี้ไม่ได้มาด้วยวิธีที่ถูกต้องมันเป็นของที่นางได้มาจากการติดตามพี่ชายไปซื้อมาขายเก็งกำไรในยุคปัจจุบันพี่ใหญ่เคยอยู่หน่วยรบพิเศษ เคยได้เป็นเจ้าหน้าที่สืบราชการลับระหว่างปฏิบัติภารกิจครั้งหนึ่งแต่หลังจากที่เขาทำภาร
ความคิดของเจี่ยนอันอันเพิ่งจะปรากฏ นางก็ได้ยินภารกิจของห้วงมิติส่งเสียงว่า “ชิ”[เจ้าเคยเป็นหญิงแสนดีเมื่อไรกัน]“เจ้าหุบปากไปเลย!” เจี่ยนอันอันโมโหจนด่าออกเสียงคำพูดนี้ทำให้ฉู่จวินสิงที่เดินเข้ามามีสีหน้าประหลาดใจเจี่ยนอันอันนึกไม่ถึงว่าฉู่จวินสิงจะเข้ามาพอดี นางกระแอมไอแล้วหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน“ข้าไม่ได้หมายถึงท่าน ฮะๆๆ…”ฉู่จวินสิงมองเห็นว่าภายในห้องมีเจี่ยนอันอันอยู่แค่คนเดียว ไม่ได้มีคนอื่น แม้แต่หนูสักตัวก็ยังไม่มีเช่นนั้นเจี่ยนอันอันกำลังคุยกับผู้ใดกัน?ฉู่จวินสิงไม่ได้ถาม และเจี่ยนอันอันก็ไม่คิดจะบอกทั้งสองคนเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ประกอบกับวันนี้ก็ตื่นกันตั้งแต่เช้าเวลานี้ต่างก็รู้สึกง่วงนอนมากเจี่ยนอันอันดมกลิ่นตัวฉู่จวินสิงแล้วพูดกับเขา “ท่านไปอาบน้ำก่อนค่อยเข้านอนเถิด จะได้สบายตัวหน่อย”ฉู่จวินสิงขานรับและให้เหล่าสาวใช้เตรียมน้ำร้อนให้ เขาเดินเข้าไปหลังฉากกั้น ถอดเสื้อผ้าออกแล้วแช่ตัวในอ่างเจี่ยนอันอันกำลังจะใช้จังหวะนี้เข้าไปในห้องอาบน้ำห้วงมิติเพื่อแช่น้ำแต่แล้วกลับได้ยินเสียงของฉู่จวินสิงลอยมา “อันอัน ขาข้าตะคริวกิน!”หัวคิ้วของเจี่ยนอันอันขมว
หลังจากที่ทั้งสองคนแช่น้ำร้อนอยู่นานมาก ฉู่จวินสิงถึงค่อยอุ้มเจี่ยนอันอันออกจากอ่างเขาหยิบผ้าเช็ดตัวบนฉากกั้นมาเช็ดตัวให้ทั้งคู่ จากนั้นอุ้มเจี่ยนอันอันไปที่เตียงฉู่จวินสิงโน้มตัวเข้ามาใกล้ จ้องมองเจี่ยนอันอันด้วยแววตาเร่าร้อน“ต่อไปอยู่ห่างจากเหยียนอวี่ให้ไกลหน่อย เจ้าเป็นผู้หญิงของข้า อย่าทำดีต่อบุรุษคนอื่นที่ไม่ใช่ข้ามากเกินไป”ถ้อยคำของฉู่จวินสิงทำให้เจี่ยนอันอันงุนงงเล็กน้อยนางไปทำดีต่อเหยียนอวี่เมื่อใดกัน?นางมีเพียงความคิดที่หมอมีต่อผู้ป่วย อยากให้เหยียนอวี่ดีขึ้นโดยเร็วฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันทำหน้าไร้เดียงสาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ก้มหน้าลงจุมพิตต่อเจี่ยนอันอันจุมพิตตอบ นี่ทำให้ฉู่จวินสิงปลื้มใจทั้งสองคนทำการร่วมอภิรมย์กันอีกครั้งบนเตียงสไตล์ยุโรปหลังใหญ่บางทีอาจจะเพราะเหนื่อยแล้วจริงๆ หลังจากเสร็จกิจ เจี่ยนอันอันก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็วจังหวะที่ฉู่จวินสิงกำลังจะเข้านอนเช่นกัน เขาก็มองเห็นผ่านหน้าต่างว่าเหมือนจะมีคนนั่งอยู่ด้านนอกฉู่จวินสิงสวมเสื้อผ้าแล้วเดินออกไปเห็นว่าพี่ใหญ่ฉู่จวินหลุนกำลังนั่งอยู่ในลานบ้าน ท่าทีเหม่อลอยเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างกระทั
ฉู่จวินสิงยิ้ม เดินไปที่เตียงอย่างเงียบเชียบและทำการห่มผ้าให้ทั้งคู่เขากอดเจี่ยนอันอันแล้วหลับไปอย่างสงบเมื่อเจี่ยนอันอันตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น ฉู่จวินสิงก็ยังหลับอยู่นางสวมเสื้ออย่างเบามือก่อนจะลุกจากเตียง ไม่ได้รีบร้อนไปขายผักที่ตลาดแต่อย่างใด แต่เลือกไปหาเสิ่นจือเจิ้งก่อนจังหวะที่เจี่ยนอันอันสวมเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย ฉู่จวินสิงก็ตื่นพอดีเขาเห็นเจี่ยนอันอันเร่งรีบไปขายผักที่ตลาดแบบนี้ก็รีบลุกขึ้นตามเมื่อเห็นเจี่ยนอันอันออกจากห้อง ฉู่จวินสิงก็รีบสวมเสื้อผ้าตามออกไปแต่แล้วเมื่อออกจากห้อง เขากลับพบว่าเจี่ยนอันอันไม่ได้เดินไปจูงรถม้า แต่เดินไปอีกทางหนึ่งฉู่จวินสิงตามออกจากลานบ้าน เห็นว่าเจี่ยนอันอันเดินไปทางบ้านของกวนซินเขาตามเข้าไปดึงตัวเจี่ยนอันอัน“เจ้าจะไปหาพี่ใหญ่หรือ เหตุใดไม่เรียกให้ข้าไปด้วยกัน”เจี่ยนอันอันไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของฉู่จวินสิง ขณะที่ถูกเขาดึงตัวไว้ก็ยังคงมีอาการใจลอยเล็กน้อย“เหตุใดท่านไม่นอนต่ออีกสักหน่อย ข้าไปหาพี่ใหญ่เดี๋ยวเดียวก็กลับ”ฉู่จวินสิงจูงมือเจี่ยนอันอันพูดว่า “ข้าตื่นแล้ว ย่อมต้องตามเจ้าไปด้วยกัน”เขาไม่วางใจให้เจี่ยนอันอันไปเ
ครานี้ดีเลย ในที่สุดพวกเขาก็จะมีที่อยู่เป็นของตัวเองแล้วทั้งสี่คนไม่ได้ไปรบกวนกวนซิน ทำการเก็บสัมภาระของตัวเองอย่างเงียบเชียบแล้วย้ายออกจากที่นี่เมื่อมาถึงบ้านที่สร้างขึ้นใหม่ เจี่ยนอันอันก็ประคองเสิ่นจือเจิ้งไปที่ห้องของเขาเสิ่นจือเจิ้งมองการประดับตกแต่งภายในห้อง มันเป็นระเบียบเรียบร้อยและเรียบง่าย พร้อมทั้งมีกลิ่นน้ำหอมจางๆเขาหันไปมองเจี่ยนอันอัน “เจ้าฉีดน้ำหอมหรือ?”เจี่ยนอันอันพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ฉีดน้ำหอมเพื่อช่วยดับกลิ่น”นางไม่ได้บอกเรื่องที่เจียงหว่านเอ๋อร์เคยอยู่ห้องนี้อย่างไรตอนนี้เจียงหว่านเอ๋อร์ก็ไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว ไม่จำเป็นต้องบอกมากขนาดนั้น“พี่ใหญ่พึงพอใจหรือไม่?” เจี่ยนอันอันหันไปถามเสิ่นจือเจิ้งพยักหน้า “บ้านที่อันอันสร้างให้ ข้าต้องพึงพอใจอยู่แล้ว”เจี่ยนอันอันประคองเสิ่นจือเจิ้งไปนั่งหน้าเตียง“พี่ใหญ่ ท่านพักผ่อนที่นี่ไปก่อน ข้าจะนำผักกับธัญญาหารที่ปลูกเมื่อวันก่อนไปเก็บที่โรงเก็บของ”“ต่อไปท่านกับเสิ่นจืออวี้จะได้ทำอาหารกินเองได้”เสิ่นจือเจิ้งเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าเผยรอยยิ้มปลื้มใจเขานึกไม่ถึงว่าเจี่ยนอันอันมาอยู่ที่นี่แล้วจะเรียนรู้ที
หากเจียงหว่านเอ๋อร์ต้องการมาสร้างปัญหาให้เสิ่นจือเจิ้ง เช่นนั้นแค่เซียงเสวี่ยคนเดียวก็รับมือได้แล้วเซียงเสวี่ยไม่ได้คัดค้านอะไร นางรู้ว่าฐานะตัวเองต้อยต่ำ การได้รับมอบหมายให้ไปรับใช้คนก็สื่อความเชื่อมั่นที่เจี่ยนอันอันมีต่อนางเซียงเสวี่ยย่อมตั้งใจปรนนิบัติรับใช้อย่างสุดความสามารถเจี่ยนอันอันใช้ช่วงที่เสิ่นจืออวี้ยังตามมาไม่ถึงมาย้ายผักในห้วงมิติไปไว้บนรถม้าเมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้น เสิ่นจืออวี้ก็เดินสืบเท้าเข้ามาทั้งสามคนขึ้นนั่งรถม้าเดินทางสู่อำเภอไถหยางโดยมีฉู่จวินสิงเป็นคนขับเซียงเสวี่ยที่ถูกเจี่ยนอันอันส่งตัวไปไม่ทำให้นางผิดหวังแต่อย่างใดเซียงเสวี่ยมาถึงบ้านหลังแรกที่สร้างใหม่ เห็นเสิ่นจือเจิ้งนั่งอยู่ในลานบ้านเสิ่นจือเจิ้งเงยหน้าขึ้นมาเห็นเซียงเสวี่ย จังหวะที่กำลังจะถามว่านางเป็นผู้ใดก็ได้ยินเซียงเสวี่ยแนะนำตัว“สวัสดีเจ้าค่ะคุณชายเสิ่น ข้ามีนามว่าเซียงเสวี่ย เป็นสาวใช้ของตระกูลฉู่ เจี่ยนอันอันส่งข้ามาปรนนิบัติท่าน”เสิ่นจือเจิ้งได้ยินมาเจี่ยนอันอันเป็นคนส่งมาก็พยักหน้าเขารู้อยู่แล้วว่าเจี่ยนอันอันไม่วางใจที่จะให้เขาอยู่บ้านคนเดียวสำหรับเสิ่นจือเจิ้งแล้ว เซียง
มีความเป็นไปได้สูงมากที่สาวใช้นางนี้จะถูกเจี่ยนอันอันส่งมาภายในใจเจียงหว่านเอ๋อร์ไม่พอใจมาก ทว่าสีหน้าที่แสดงออกมากลับดูอ่อนแอ“น้องสาวผู้นี้ ข้าไม่เคยพบเจ้ามาก่อน ไม่ทราบว่าเป็นลูกบ้านใดหรือ”“ข้าดูแล้วพวกเราสองคนถูกชะตากันไม่น้อยเลย ไปนั่งเล่นที่บ้านข้าสักหน่อยดีหรือไม่?”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดถึงตรงนี้ก็จะเข้ามาจับมือเซียงเสวี่ยแต่กลับถูกเซียงเสวี่ยสะบัดออก“มีอันใดก็พูดมา ไม่ต้องจับไม้จับมือ”นางไม่หลงกลเจียงหว่านเอ๋อร์นางเคยพบเคยเห็นผู้หญิงที่ต่อหน้าอย่างหนึ่งลับหลังอีกอย่างหนึ่งประเภทนี้มาเยอะแล้วเจียงหว่านเอ๋อร์ถูกปฏิเสธแบบนี้ก็ยิ่งโกรธแค้นเจี่ยนอันอันหนักกว่าเดิมเจี่ยนอันอันผู้นี้ กระทั่งสาวใช้ที่ถูกนางส่งมาก็ยังไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเหมือนกันเจียงหว่านเอ๋อร์ยิ้มแล้วหดมือกลับนางยังไม่มีท่าทีจะจากไป พูดกับเจียงเสวี่ยว่า “ข้าดูแล้วเจ้าคงกำลังทำอาหารสินะ ให้ข้าช่วยดีกว่า”“จือเจิ้งยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้า พวกเราสองคนช่วยกันทำจะได้เสร็จเร็วขึ้น”เซียงเสวี่ยเห็นเจียงหว่านเอ๋อร์แสร้งทำตัวแสนดีก็ยิ้มเยาะ“หากว่าเมื่อครู่นี้ข้าไม่ได้ฟังผิดแล้วล่ะก็ คุณชายเสิ่นกับท่านหย่
นอกจากนี้แล้ว ขนมไหว้พระจันทร์มากขนาดนี้ จะอบอย่างไรกัน?นางคิดอยากจะซื้อเตาอบมาจากร้านค้าทว่าเตาอบยังต้องการเสียบปลั๊กถึงจะใช้ได้ยุคโบราณเช่นนี้ไม่มีไฟฟ้า ของสิ่งนั้นซื้อมาก็ไม่อาจใช้ได้นางมองไปยังขนมไหว้พระจันทร์ที่ทำออกมาเสร็จแล้วบนโต๊ะ ก็ถามออกมาอย่างประหลาดใจ “ขนมไหว้พระจันทร์ที่จวนเยียนอ๋องของพวกเจ้ากิน คงไม่ใช่ว่าไม่มีลวดลายหรอกกระมัง”สี่เอ๋อร์หัวเราะ “คิกๆ” ออกมา แล้วนำแม่พิมพ์ไม้ออกมาจากด้านล่างโต๊ะบนนั้นสลักลวดลายงดงามเอาไว้มากมายเจี่ยนอันอันเองก็ยินดี แล้วลอบตำหนิตนเองที่เมื่อครู่ถามคำถามโง่ๆ ออกไป“สี่เอ๋อร์ แม่พิมพ์พวกนี้เจ้าเอามาจากที่ใดกัน?”คงจะไม่ใช่สี่เอ๋อร์ที่สลักออกมาเองหรอกกระมังสี่เอ๋อร์มองไปยังซ่างชิวที่อยู่ด้านนอก แล้วพูด “ข้าขอให้พี่ซ่างชิวช่วยแกะสลักให้เจ้าค่ะ”เจี่ยนอันอันรู้ว่าฝีมืองานของซ่างชิวนั้นดีมาก ประตูเรือนที่เคยอยู่อาศัยก่อนหน้านั้นก็ล้วนเป็นเขาที่ช่วยติดตั้งให้ซ่างชิวเป็นช่างฝีมือที่มีทักษะจริงๆ ไม่แน่ว่างานฝีมือของเขา ในภายหน้ายังคงจะมีประโยชน์ให้ได้ใช้สี่เอ๋อร์นำขนมไหว้พระจันทร์ที่ทำเสร็จแล้ว วางใส่ในแม่พิมพ์แล้วกดลงไปไม่น
ฉู่จวินหลุนยิ้มเศร้าออกมา หัวลูกธนูนี้อยู่ในร่างกายของเขามานาน ในที่สุดก็ถูกนำออกมาแล้วดูเหมือนว่าในที่สุด ก็จะมีวันที่เขาจะสามารถลุกขึ้นยืนได้ ไม่ต้องนั่งเคลื่อนไหวไปมาอยู่บนเก้าอี้รถเข็นแล้วเวินอี๋และเหยียนเซ่ากำลังสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับพวกจ้าวอู่ทั้งสามคนอยู่ในลานบ้านพวกเขาเรียนรู้อย่างรวดเร็ว เสียงเตะต่อยของพวกเขาลอยดังเข้ามาในหูของฉู่จวินหลุนเขาอยากจะลุกขึ้นให้ได้ในเร็ววัน แล้วไปฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้เช่นเดียวกับพวกเขาเพียงแต่สองขาเป็นอัมพาตมานานหลายปี และก็ไม่รู้ว่าจะสามารถเป็นเหมือนกับก่อนหน้านั้นได้หรือไม่ ที่แต่ละกระบวนท่าล้วนแต่เตะเข้าเป้าฉู่จวินสิงมองความคิดของพี่ใหญ่ออก เขาตบลงไปบนไหล่ของฉู่จวินหลุน“พี่ใหญ่พักผ่อนให้สบายใจเถิด วันหน้าท่านจะต้องเป็นเหมือนกับก่อนหน้านั้นที่แข็งแกร่งเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังได้แน่”ฉู่จวินหลุนยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาตอนนี้เขากำลังอดทนต่อความเจ็บปวดของร่างกาย และไม่คิดที่จะพูดอะไรมากความฉู่จวินสิงมองไปยังหน้าผากของพี่ใหญ่ที่เต็มไปด้วยเหงื่อเขารู้ว่าพี่ใหญ่กำลังอดทนต่อความเจ็บปวด เขาจึงรีบลุกขึ้นเดินออกมาเขาเรียกเจี่ยนอันอัน
ถังหมิงเซวียนบอกเจี่ยนอันอันว่าตอนนี้เขาพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในอำเภอไถหยางหากว่าเจี่ยนอันอันคิดดีแล้ว ก็ให้ไปหาเขาที่โรงเตี๊ยมแห่งนั้น ถังหมิงเซวียนขึ้นขี่ม้า แล้วออกไปจากหมู่บ้านชิงสุ่ยอย่างรวดเร็วเขายังคงตามหาเบาะแสของเหยียนซวงต่อไป ไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่ต่อเจี่ยนอันอันเก็บล่วมยาเข้าไปในห้วงมิติ ก็เห็นฉู่จื่อซีกำลังวิ่งไล่แม่ไก่ตัวหนึ่งอยู่ในสวนแม่ไก่ตัวนั้นวิ่งมาข้างเท้าของเจี่ยนอันอัน แล้วหลบอยู่ด้านหลังของนางฉู่จื่อซีชี้ไปยังแม่ไก่ที่ส่งเสียงขันออกมา“ท่านป้า เสี่ยวฮวาบอกว่ามันกำลังจะออกไข่ ข้าอยากดูมันออกไข่ แต่มันกลับไม่ยอมให้ข้าดู”เจี่ยนอันอันนึกถึงไก่พวกนั้นที่เลี้ยงไว้ที่บ้าน มีแม่ไก่หกตัว ไก่ตัวผู้ตัวใหญ่หนึ่งตัวพวกมันล้วนแต่ได้ดื่มน้ำพุวิญญาณ ทำให้อ้วนท้วนเป็นอย่างมากเมื่อแม่ไก่ได้ยินคำของฉู่จื่อซี ก็รีบวิ่งออกจากข้างเท้าของเจี่ยนอันอันกลับไปยังรังของมันตอนนี้มันรอไม่ไหวที่จะออกไข่แล้ว และจำเป็นต้องไปออกที่รังของมันเท่านั้นเมื่อแม่ไก่ส่งเสียงร้อง “กะต๊าก” ดังขึ้น ไข่ฟองหนึ่งก็ถูกเบ่งออกมาฉู่จื่อซีปิดปากเล็กๆ ส่งเสียงหัวเราะออกมา “ท่านป้า เ
โชคดีที่ฝีมือของเขานั้นแม่นยำ เพียงแค่ไม่กี่ครั้งก็เย็บปิดบาดแผลของฉู่จวินหลุนเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่เขาเช็ดคราบเลือดออกจากบาดแผลแล้ว ถึงได้ขอให้ฉู่จวินสิงช่วยสวมกางเกงให้ฉู่จวินหลุน หัวลูกธนูที่หักนั้นถูกถังหมิงเซวียนห่อเอาไว้ในผ้าพันแผล ก่อนจะส่งให้กับฉู่จวินสิง “อีกเดี๋ยวคุณชายฉู่ฟื้นขึ้นมา เมื่อถึงเวลานั้นร่างกายจะต้องมีความรู้สึกเจ็บปวดเป็นแน่ ท่านต้องให้เขากินยาแก้ปวด ข้าคิดว่าที่แม่นางเจี่ยนจะต้องมีแน่นอน”ฉู่จวินสิงรับผ้าพันแผลที่ห่อหัวลูกธนูอยู่มา รอให้ฉู่จวินหลุนฟื้นขึ้นมา เขายังต้องนำออกมาให้อีกฝ่ายดู“หลังจากนำหัวลูกธนูออกมาแล้ว พี่ใหญ่ของข้าก็จะเดินได้แล้วใช่หรือไม่?” สายตาของฉู่จวินสิงจ้องเขม็งไปยังถังหมิงเซวียนหากว่าเป็นเจี่ยนอันอันที่มารักษาให้ฉู่จวินหลุน เขาไม่มีทางถามคำถามเช่นนี้ออกมาถังหมิงเซวียนถอนหายใจยาว ถึงได้พูดออกมา “หัวลูกธนูถูกนำออกมาแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าต่อไปจะสามารถเดินได้หรือไม่นั้น ยังต้องดูความตั้งใจของเขาเองด้วย”“เพราะอย่างไรแล้วเขาก็เป็นอัมพาตมานาน กล้ามเนื้อขาทั้งคู่ก็ฝ่อไปหมดแล้ว บวกกับการผ่าตัดครั้งนี้มีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก หากไม่ร
โชคดีที่วันนี้เขาบังเอิญพบกับเจี่ยนอันอันเข้า จึงรู้ว่าเจี่ยนอันอันรู้จักอีกฝ่ายเขาย่อมไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปถังหมิงเซวียนพูดต่อ “หากว่าข้านำล่วมยามาด้วย ก็มีความมั่นใจมากถึงเจ็ดส่วนที่จะสามารถรักษาขาของพี่ใหญ่ท่านให้หายดีได้”เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วขึ้น ในใจคิดว่าเจ้าหมอนี่กำลังคุยโวอีกแล้วนางอยากจะลองดูว่าถังหมิงเซวียนกำลังคุยโวใหญ่โตหรือไม่“ที่ข้ามีล่วมยาอยู่ หากว่าเจ้าสามารถรักษาขาของพี่ใหญ่ข้าได้จริง ข้าก็จะบอกเบาะแสของคนที่เจ้ากำลังตามหาอยู่ให้”“หากว่าเจ้ารักษาไม่ได้ เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าลงมือโหดเหี้ยม”เจี่ยนอันอันพูดพลางหักกระดูกนิ้วจนส่งเสียง “กร๊อบแกร็บ” ดังออกมาเมื่อเห็นว่านางกำลังกำหมัดเตรียมพร้อม ในใจถังหมิงเซวียนก็เป็นกังวลขึ้นมาเขานึกถึงภาพที่เจี่ยนอันอันตบปากกุ้ยเหมยขึ้นมา ก็รู้สึกว่าใบหน้าของตนเองเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อคิดว่าเขาชายหนุ่มคนหนึ่ง เป็นถึงผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหมอเทวดาของแคว้นหนิงชวน คงไม่อาจถูกเจี่ยนอันอันตบปากได้หากว่าเรื่องนี้แพร่ไปถึงแคว้นหนิงชวน จะต้องเป็นที่ขบขันของทุกคนเป็นแน่“ท่านวางใจได้ ขอเพียงแค่มีล่วมยา ข้าก็จะไม่ให้
เดิมทีเขาก็เป็นพวกที่ยิ่งมีคนมาคอยมองอยู่ด้านข้างก็ยิ่งอยากแสดงฝีมือออกมาต่อหน้าพวกเขาอยู่แล้วมือของถังหมิงเซวียนคลำไปยังบริเวณก้นกบของฉู่จวินหลุนแล้วก็คลำไปเจอตรงจุดหนึ่งมีของแหลมคมอยู่ดูเหมือนว่าคงจะเป็นหัวลูกธนูที่ไม่ได้ดึงออกมาตำแหน่งของหัวลูกธนูนั้นค่อนข้างจะยุ่งยาก หากคิดจะเอาออกมา คิดว่าคงจะกระทบเข้ากับเส้นประสาทตรงก้นกบเข้าหากว่าไม่ระวัง เกรงว่าคนผู้นี้อาจจะเจ็บปวดจนร่างกายเป็นอัมพาตก็ไม่น่าแปลกที่ไม่มีใครกล้าดึงหัวลูกธนูนี่ออกมา หมอทั่วไปแน่นอนว่าย่อมไม่มีความสามารถนี้ทว่าเขาแตกต่างออกไป เขาคือหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงไปทั่วแคว้นหนิงชวนการผ่าตัดนี้สำหรับเขาแล้วนั้น ถือว่าเป็นเพียงแค่การผ่าตัดเล็กๆ เท่านั้นเพียงแต่เขาไม่ได้นำมีดผ่าตัดติดตัวมาด้วย จึงต้องขอยืมจากเจี่ยนอันอันถังหมิงเซวียนมาถึงด้านหน้าประตูห้อง แล้วพูดกับเจี่ยนอันอันที่ยืนอยู่ด้านนอก “แม่นางเจี่ยน ที่นี่มีมีดที่ใช้ผ่าตัดหรือไม่?”เจี่ยนอันอันได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกว่าเจ้าหมอนี่ช่างกล้าหาญเสียจริงเกรงว่าเขาคงไม่รู้ว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นคือจิ้นอ๋องของแคว้นไท่ยวนหากว่าเขารู้แล้ว เกรงว่าก็คงไม
สำหรับถังหมิงเซวียนแล้ว นี่ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงฝีมือเขาอยากให้เจี่ยนอันอันได้เห็นจริงๆ ว่า ทักษะการแพทย์ของเขานั้นยอดเยี่ยม ไม่ได้ด้อยไปกว่านางเจี่ยนอันอันเองก็ไม่พูดพล่ามต่อไป ให้ฉู่จวินสิงขับรถม้ากลับไปยังหมู่บ้านชิงสุ่ยถังหมิงเซวียนเองก็ขี่ม้าตามอยู่ด้านหลังรถม้าไม่นานนักทั้งสามคนก็กลับมาถึงหมู่บ้านชิงสุ่ย เมื่อมาถึงหน้าประตูบ้าน เจี่ยนอันอันก็ลงจากรถม้าเป็นคนแรกนางผลักประตูใหญ่ของเรือนออกแล้วเดินเข้าไปวันนี้ขายผักไปได้ไม่น้อย อีกทั้งยังตามหาคนที่มีทักษะทางการแพทย์ได้ คราวนี้ขาของฉู่จวินหลุน ในที่สุดก็จะสามารถรักษาได้แล้วนางวิ่งไปหน้าห้องของฉู่จวินหลุน แล้วเคาะประตูไม่นาน ด้านในห้องก็มีเสียงรถเข็นดังเลื่อนออกมาฉู่จวินหลุนเปิดประตูห้อง เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันกลับมาแล้ว เขาก็ยิ้มให้“วันนี้เจ้ากับจวินสิงกลับมาเร็วนัก”เจี่ยนอันอันยิ้มพลางว่า “ข้าหาหมอให้พี่ใหญ่ได้แล้วเจ้าค่ะ ให้เขารักษาขาให้ท่าน”ฉู่จวินหลุนมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังฉู่จวินสิงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายท่าทางดูอายุเพียงแค่ยี่สิบปีเท่านั้น สวมชุดสีขาว ใบหน้าอ่อนโยนราวกับหยกคนผู้นี้จะส
ถังหมิงเซวียนไม่อยากบอกว่าตนเองแย่งหนังสือผ่านทางมาจากผู้อื่นเขายิ้มบางๆ แล้วพูดเสียงเรียบ “ข้าย่อมมีวิธีการของตนเอง”เจี่ยนอันอันแค่นเสียง คิดในใจว่าหากเจ้าไม่พูด ข้าก็จะไม่บอกเบาะแสของเหยียนซวงกับเจ้า“ท่านพี่ พวกเราไปกันเถอะ” เจี่ยนอันอันไม่คิดจะเสวนากับถังหมิงเซวียนต่อ จึงเร่งให้ฉู่จวินสิงขับรถม้าออกไปเมื่อถังหมิงเซวียนเห็นทั้งสองคนกำลังจะจากไป ก็รีบควบม้าไปด้านหน้าของรถม้า บังคับให้รถม้าหยุดสีหน้าของฉู่จวินสิงเย็นชา ท่าทางราวกับจะลงมือกับถังหมิงเซวียน“หากเจ้ายังไม่ยอมไปอีก ก็อย่าโทษที่ข้าไร้ปรานี”ถังหมิงเซวียนถูกพลังอำนาจของฉู่จวินสิงทำให้ตกใจจนหัวใจบีบรัด ทว่าเขาก็ไม่อยากละทิ้งโอกาสอันดีนี้ไปเขามองออกว่าสองคนนี้จะต้องรู้จักแม่นางที่ยังไม่ได้เข้าพิธีวิวาห์กับเขาผู้นั้นแน่นอนเขารีบพูด “ทั้งสองท่านอย่าเพิ่งรีบไป ข้ายอมพูดก็ได้”ที่แท้แล้ว เมื่อถังหมิงเซวียนมาถึงด้านนอกเมืองอินเป่ย เขาก็เห็นประตูเมืองเปิดออก มีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากในเมืองขณะที่เขากำลังจะวิ่งเข้าไป กลับพบว่าประตูเมืองปิดสนิทอีกแล้วทหารที่อยู่ด้านบนหอประตูเมืองตะโกนเสียงดังใส่เขา “หากไม่มีหนังสือผ
มาถึงเมืองอินเป่ยหลายวันแล้ว ถังหมิงเซวียนก็ได้เรียนรู้กฎระเบียบของที่นี่ดีแล้วผู้ใดที่เข้าสู่เมืองอินเป่ย จะไม่สามารถออกจากที่นี่ได้โดยง่ายเขาเพียงแค่ต้องค้นหาอย่างละเอียด ก็จะพบอีกฝ่ายอย่างแน่นอนในขณะเดียวกัน เจี่ยนอันอันที่นั่งอยู่ในรถม้าก็ได้นำถุงเงินและเห็ดหูหนูทั้งหมดเก็บเข้าไปในมิติจากนั้นนางกระซิบที่ข้างหูฉู่จวินสิงว่า “ท่านหิวหรือไม่ พวกเราไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันดีหรือไม่?”ฉู่จวินสิงหันมายิ้มบาง ๆ “เจ้าอยากกินอะไร หรืออยากกลับไปกินที่โรงเตี๊ยมเดิมอีก?”เจี่ยนอันอันส่ายหัวเบา ๆ อาหารที่โรงเตี๊ยมแห่งนั้นอร่อยก็จริง แต่ก็ยังไม่ถูกปากนางนัก“ข้าอยากกินเนื้อย่างเสียบไม้ ไม่รู้ว่าในอำเภอไถหยางจะมีร้านขายเนื้อย่างหรือไม่”ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงกีบม้าดังมาจากด้านหลังเจี่ยนอันอันหันกลับไปมอง ก็เห็นถังหมิงเซวียนควบม้ามุ่งหน้ามาทางพวกนางเจี่ยนอันอันคิดในใจ ไม่ใช่ว่าเจ้าหมอนี้ไปอีกทางแล้วหรือ เหตุใดถึงได้ตามมาอีกเล่า?ไม่นานนัก ถังหมิงเซวียนก็ตามมาทัน เขาจงใจควบม้าให้ช้าลง เพื่อให้เดินขนาบข้างกับรถม้าเขาหันไปกล่าวกับเจี่ยนอันอันว่า “แม่นางเจี่ย