เจี่ยนอันอันหันศีรษะไปอีกทางก็เห็นว่าอีกคนถูกฉู่จวินสิงจัดการจนไปกองบนพื้นเรียบร้อยแล้ว กลางแผ่นหลังยังมีดาบใหญ่เล่มหนึ่งเสียบค้างไว้คนผู้นั้นไม่มีลมหายใจอีกแล้ว“สามีข้าจัดการได้เด็ดขาดรวบรัดนัก ข้าเองก็ไม่อาจน้อยหน้าเขา”“ผู้บัญชาการหนิงของพวกเจ้าไปรอพวกเจ้าอยู่ข้างล่างแล้ว รีบไปรวมตัวกับเขาเสียเถอะ”เจี่ยนอันอันกล่าวจบ มือก็ออกแรงใช้กริชปาดคอชายผู้นั้นเลือดสดๆ พุ่งกระฉูดออกมาในบัดดล เจี่ยนอันอันถอยหลังไปหลายก้าว ยิ้มมองชายผู้นั้นล้มลงไปชักกระตุกบนพื้นเขาชักกระตุกไม่กี่ครั้ง สองตาก็เหลือกลาน จากนั้นจึงแน่นิ่งไปเจี่ยนอันอันเก็บกริชบนพื้นขึ้นมาแล้วหันมายิ้มยิงฟันให้ฉู่จวินสิง“ท่านพี่ พวกเรากลับกันเถอะ”ฉู่จวินสิงขานรับ “อืม” คำหนึ่ง จูงมือเจี่ยนอันอันก้าวยาวๆ ออกไปจากกระโจมคนทั้งสองตรงไปยังประตูเมือง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าระลอกหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังทั้งคู่หันกลับไปก็เห็นเหวินอิงพาโจรภูเขาหลายคนตรงมาหาพวกตน“เจี่ยนอันอัน เป็นพวกเจ้าจริงๆ ด้วย”ขณะที่เหวินอิงพูด คนก็มาถึงตรงหน้าเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงแล้วเมื่อครู่นางอยู่บริเวณตีนเขา เห็นเงาร่างที่คุ้นตาสองร
รอจนถึงตอนที่เหวินอิงอยากเข้าไปในเมืองอินเป่ยก็ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังบุกฝ่าเข้าไปแล้วส่วนว่าเหวินอิงจะสามารถหาหนังสือผ่านทางมาได้หรือไม่ก็ต้องดูความสามารถของนางแล้วเมื่อเหวินอิงเห็นซองจดหมายก็ยิ้มออกมาทันทีนางเคยเห็นซองจดหมายเช่นนี้จากพวกคนสกุลเสิ่นตอนนั้นหญิงชราสกุลเสิ่นผู้นั้นยังเอ่ยด้วยสีหน้าหยิ่งยโสว่านั่นคือหนังสือผ่านทางที่ใช้เข้าเมืองเหวินอิงจึงจดจำลักษณะซองใส่หนังสือผ่านทางเอาไว้ตั้งแต่ตอนนั้นเองนางคิดไม่ถึงเลยว่าเจี่ยนอันอันจะมอบซองจดหมายนี้ให้นางขณะที่เหล่าพี่น้องในค่ายเทียนอวิ๋นก็ไม่ใช่โจรภูเขาที่ไร้ประโยชน์ไปเสียทั้งหมดในหมู่พวกเขาก็มีคนที่มีทักษะความสามารถอยู่เหมือนกันเหวินอิงเพียงแต่ต้องให้คนเขียนหนังสือผ่านทางเลียนแบบขึ้นมาสักฉบับ แล้วให้โจรภูเขาที่แกะสลักตราประทับเป็นแกะสลักตราประทับขึ้นมาสักอันหนังสือผ่านทางที่สามารถเข้าไปในเมืองอินเป่ยก็สามารถใช้ของปลอมตบตาเอาได้แล้วถึงตอนนั้นนางก็แค่ต้องนำหนังสือผ่านทางนั้นมาใส่ไว้ในซองจดหมายนี่ก็สามารถเข้าไปในเมืองอินเป่ยได้แล้วเหวินอิงมองเงาหลังที่กำลังจากไปของเจี่ยนอันอันพลางตะโกนมาว่า “เจี่ยนอันอัน ขอบใจเจ้
พวกเขามองเฉินหย่งเหนียนกลับไปเอาเงิน ไม่มีผู้ใดเข้าไปปลอบประโลมทั้งนั้นภายในใจของเฉินหย่งเหนียนหลั่งเลือด นำตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงออกมาทั้งหมดแต่เขามีการเหลือทางหนีทีไล่ไว้ให้ตัวเอง บางทีเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่าหนิงเจิ้นให้เงินเขามาเท่าไรเขาจะไม่โง่ที่จะนำเงินออกมาทั้งหมดหรอกเฉินหย่งเหนียนหยิบตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงสามใบกลับไปใส่ไว้ใต้เตียงอาศัยจังหวะที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นมารีบเก็บตั๋วเงินที่เหลือเข้าในอกเสื้อเขารีบเดินออกจากกำแพงเมือง มอบตั๋วเงินจำนวนเจ็ดร้อยตำลึงให้เจี่ยนอันอันด้วยใบหน้าที่อยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาเจี่ยนอันอันนับดูแล้วพบว่าเงินแค่เจ็ดร้อยตำลึงก็สามารถซื้อตัวเฉินหย่งเหนียนได้แล้วชีวิตของเขานี่ช่างไม่มีค่าเอาเสียเลยเจี่ยนอันอันเก็บตั๋วเงิน นางปรายตามองเฉินหย่งเหนียนด้วยสายตาดูแคลนก่อนจะขึ้นรถม้า กระทั่งเมื่อฉู่จวินสิงขับรถม้าจากไป เฉินหย่งเหนียนถึงค่อยถอนหายใจด้วยความโล่งใจในที่สุดคอของเขายังปวดแสบสุดๆ อยู่ จึงรีบวิ่งกลับไปทายาให้ตัวเองขณะที่เฉินหย่งเหนียนกำลังทายา ทหารเหล่านั้นก็พากันเบียดเสียดเข้ามาในห้องข
จางเฉวียนรับหนังสือแต่งตั้งหัวหน้าทหารพิทักษ์เมืองทำการขอบคุณขุนนางฝ่ายราชเลขาธิการแล้วกลับไปอย่างมีความสุขบรรดาเจ้าหน้าที่มาถึงหอกำแพงเมืองก่อนจางเฉวียนหนึ่งก้าวพวกเขาจับกุมเฉินหย่งเหนียนไปที่สำนักราชเลขาธิการทันทีเมื่อเฉินหย่งเหนียนเห็นจางเฉวียนที่กลับมา เขาก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นเขาถลึงตาใส่จางเฉวียน ตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราด “จางเฉวียน เจ้าคนเนรคุณ ต่อให้ข้าตาย ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไว้!”จางเฉวียนไม่ยี่หระต่อคำขู่ของเฉินหย่งเหนียนแม้แต่น้อย เขาไม่ชอบเฉินหย่งเหนียนมานานแล้ว ตอนนี้ตัวเขาถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าทหารพิทักษ์เมืองยิ่งไม่เห็นเฉินหย่งเหนียนอยู่ในสายตามากกว่าเดิมหลังจากที่เจ้าหน้าที่คุมตัวเฉินหย่งเหนียนจากไป จางเฉวียนก็นำหนังสือแต่งตั้งออกมาให้เหล่าทหารได้ดูตามด้วยนำเงินสองร้อยตำลึงมาแบ่งให้ทหารทุกคนจางเฉวียนพูดเสียงดังว่า “ทุกคนฟังให้ดี ข้า จางเฉวียน จะไม่มีวันยักยอกเงินแบบเฉินหย่งเหนียนเด็ดขาด”“หากวันหน้าข้ามีเงินแม้เพียงอีแปะเดียว ข้าก็จะนำมาแบ่งกับทุกคน”เหล่าทหารต่างมีความสุขเมื่อได้รับเงินพวกเขาต่างเรียกจางเฉวียนว่าท่านหัวหน้าจางทางฝั่งของเจ
หากไม่ใช่เพราะวันนี้ต้องรีบไปคิดบัญชีกับเฉินหย่งเหนียน นางคงขายผักได้มากกว่านี้ฮูหยินใหญ่มองเงินทองแดงแล้วพูดกับเจี่ยนอันอัน “อันอัน เจ้าเก็บเงินพวกนี้ไว้เถิด นี่เป็นเงินที่เจ้ากับจวินสิงได้จากการปลูกผักขาย พวกข้ารับไว้ไม่ได้”“พี่หญิงพูดถูก พวกข้ารับเงินพวกนี้ไว้ไม่ได้ เจ้าเก็บไว้เถอะ” ฮูหยินรองพูดกับเจี่ยนอันอันเช่นกันเจี่ยนอันอันมองทุกคน พบว่าทุกคนต่างก็มีความคิดเช่นนี้จึงไม่ได้พูดอะไร ทำการเก็บเงินเข้าสู่ห้วงมิติ“พรุ่งนี้ข้าจะไปขายผักอีก ได้เงินแล้วจะนำมาแบ่งให้กับทุกคน”เจี่ยนอันอันกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายนั่งรถม้ามาตั้งนาน ร่างกายตึงเกร็งไปหมดแล้วฮูหยินใหญ่เห็นเจี่ยนอันอันมีท่าทีอ่อนล้าก็ให้นางกลับห้องไปพักผ่อนฉู่จวินสิงกำลังจะเดินตามไปแต่ถูกฮูหยินใหญ่เรียกไว้“จวินสิง เจ้านั่งก่อน แม่มีเรื่องจะคุยด้วย”ฉู่จวินสิงมองจนเจี่ยนอันอันเดินเข้าห้องไปแล้วถึงค่อยดึงสายตากลับคืนฮูหยินใหญ่ถาม “จวินสิง อันอันก็แต่งงานกับเจ้ามานานแล้ว เหตุใดท้องของนางจึงยังไม่มีความเคลื่อนไหวอีก?”คนอื่นๆ มองฉู่จวินสิงด้วยความสงสัยเช่นกันฉู่จวินสิงเห็นทุกคนมองตัว
เจี่ยนอันอันใช้ช่วงที่ฉู่จวินสิงยังไม่กลับห้องมาดูของในห้วงมิตินางตรวจดูคลังอาวุธ ตั้งใจว่าจะนำปืนกระบอกนั้นออกมาดูแต่แล้วกลับพบความผิดปกติบางอย่างภายในปืนกระบอกนั้นเหลือกระสุนอยู่หนึ่งนัดตอนที่ต่อสู้กับกู้มั่วหลี นางจำได้ว่าด้านในมีกระสุนอยู่เต็ม เหตุนี้ตอนนี้จึงเหลือแค่นัดเดียว?ขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังสงสัย เบื้องหน้านางก็มีภารกิจของห้วงมิติปรากฏ[เนื่องจากมีการนำปืนออกจากคลังอาวุธ คลังอาวุธจึงถูกลดระดับลง][ระดับของคลังอาวุธตอนนี้ถูกลดเป็นเลเวล 0 และกำลังจะปิดลง กรุณาเก็บปืนกลับคืนโดยเร็ว]นี่มันบ้าอะไรกัน ไม่ใช่ว่าคลังอาวุธจะเปิดตอนไหนก็ได้หรือ เหตุใดจึงมีการลดระดับด้วย?เจี่ยนอันอันถามห้วงมิติด้วยความคิด เห็นว่าภารกิจของห้วงมิติปรากฏอีกครั้ง[อาวุธเหล่านี้ไม่ได้มาด้วยวิธีที่ถูกต้อง เจ้าไม่ทราบเรื่องนี้หรือ?]มุมปากของเจี่ยนอันอันกระตุก นางรู้ว่าอาวุธพวกนี้ไม่ได้มาด้วยวิธีที่ถูกต้องมันเป็นของที่นางได้มาจากการติดตามพี่ชายไปซื้อมาขายเก็งกำไรในยุคปัจจุบันพี่ใหญ่เคยอยู่หน่วยรบพิเศษ เคยได้เป็นเจ้าหน้าที่สืบราชการลับระหว่างปฏิบัติภารกิจครั้งหนึ่งแต่หลังจากที่เขาทำภาร
ความคิดของเจี่ยนอันอันเพิ่งจะปรากฏ นางก็ได้ยินภารกิจของห้วงมิติส่งเสียงว่า “ชิ”[เจ้าเคยเป็นหญิงแสนดีเมื่อไรกัน]“เจ้าหุบปากไปเลย!” เจี่ยนอันอันโมโหจนด่าออกเสียงคำพูดนี้ทำให้ฉู่จวินสิงที่เดินเข้ามามีสีหน้าประหลาดใจเจี่ยนอันอันนึกไม่ถึงว่าฉู่จวินสิงจะเข้ามาพอดี นางกระแอมไอแล้วหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน“ข้าไม่ได้หมายถึงท่าน ฮะๆๆ…”ฉู่จวินสิงมองเห็นว่าภายในห้องมีเจี่ยนอันอันอยู่แค่คนเดียว ไม่ได้มีคนอื่น แม้แต่หนูสักตัวก็ยังไม่มีเช่นนั้นเจี่ยนอันอันกำลังคุยกับผู้ใดกัน?ฉู่จวินสิงไม่ได้ถาม และเจี่ยนอันอันก็ไม่คิดจะบอกทั้งสองคนเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ประกอบกับวันนี้ก็ตื่นกันตั้งแต่เช้าเวลานี้ต่างก็รู้สึกง่วงนอนมากเจี่ยนอันอันดมกลิ่นตัวฉู่จวินสิงแล้วพูดกับเขา “ท่านไปอาบน้ำก่อนค่อยเข้านอนเถิด จะได้สบายตัวหน่อย”ฉู่จวินสิงขานรับและให้เหล่าสาวใช้เตรียมน้ำร้อนให้ เขาเดินเข้าไปหลังฉากกั้น ถอดเสื้อผ้าออกแล้วแช่ตัวในอ่างเจี่ยนอันอันกำลังจะใช้จังหวะนี้เข้าไปในห้องอาบน้ำห้วงมิติเพื่อแช่น้ำแต่แล้วกลับได้ยินเสียงของฉู่จวินสิงลอยมา “อันอัน ขาข้าตะคริวกิน!”หัวคิ้วของเจี่ยนอันอันขมว
หลังจากที่ทั้งสองคนแช่น้ำร้อนอยู่นานมาก ฉู่จวินสิงถึงค่อยอุ้มเจี่ยนอันอันออกจากอ่างเขาหยิบผ้าเช็ดตัวบนฉากกั้นมาเช็ดตัวให้ทั้งคู่ จากนั้นอุ้มเจี่ยนอันอันไปที่เตียงฉู่จวินสิงโน้มตัวเข้ามาใกล้ จ้องมองเจี่ยนอันอันด้วยแววตาเร่าร้อน“ต่อไปอยู่ห่างจากเหยียนอวี่ให้ไกลหน่อย เจ้าเป็นผู้หญิงของข้า อย่าทำดีต่อบุรุษคนอื่นที่ไม่ใช่ข้ามากเกินไป”ถ้อยคำของฉู่จวินสิงทำให้เจี่ยนอันอันงุนงงเล็กน้อยนางไปทำดีต่อเหยียนอวี่เมื่อใดกัน?นางมีเพียงความคิดที่หมอมีต่อผู้ป่วย อยากให้เหยียนอวี่ดีขึ้นโดยเร็วฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันทำหน้าไร้เดียงสาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ก้มหน้าลงจุมพิตต่อเจี่ยนอันอันจุมพิตตอบ นี่ทำให้ฉู่จวินสิงปลื้มใจทั้งสองคนทำการร่วมอภิรมย์กันอีกครั้งบนเตียงสไตล์ยุโรปหลังใหญ่บางทีอาจจะเพราะเหนื่อยแล้วจริงๆ หลังจากเสร็จกิจ เจี่ยนอันอันก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็วจังหวะที่ฉู่จวินสิงกำลังจะเข้านอนเช่นกัน เขาก็มองเห็นผ่านหน้าต่างว่าเหมือนจะมีคนนั่งอยู่ด้านนอกฉู่จวินสิงสวมเสื้อผ้าแล้วเดินออกไปเห็นว่าพี่ใหญ่ฉู่จวินหลุนกำลังนั่งอยู่ในลานบ้าน ท่าทีเหม่อลอยเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างกระทั
เจี่ยนอันอันยิ้มเล็กน้อย “พี่เฉียว อย่ามัวยืนเฉย รีบลงชื่อก่อนเถิด”“ประเดี๋ยวเมื่อเจ้าเมืองตานมาถึง ยังต้องให้เขาดูด้วย”เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเบามาก จงใจมิให้เฝิงซานกวงกับลูกน้องเขาได้ยินแต่แม่ลูกตระกูลเฉียวและฉู่จวินสิงกลับได้ยินชัดเจนฉู่จวินสิงมุมปากเชิดขึ้น คิดในใจว่าการจะสั่งสอนคนเช่นเฝิงซานกวง ต้องใช้วิธีนี้จึงจะสาสมเฝิงซานกวงได้ยินไม่ชัดว่าเจี่ยนอันอันพูดเรื่องใด แต่มั่นใจว่าคงมิใช่เรื่องดีแน่นอนเฉียวซื่อรับเอากระดาษและพู่กันไป พลางเขียนชื่อตนเองบนกระดาษด้วยลายมือโย้เย้นางกำลังคิดอยู่ว่าต้องกัดนิ้วตนให้ขาดดีหรือไม่ พลันเห็นเจี่ยนอันอันไม่รู้ไปหยิบแป้นประทับตราจากที่ใดออกมาหนึ่งอันเจี่ยนอันอันกล่าวยิ้มๆ “พี่เฉียว การประทับตราของเราไม่ต้องเสียโลหิต”เฉียวซื่อยิ้มตามเช่นกัน พลางกดนิ้วมือลงบนแป้นนั้น แล้วประทับลายนิ้วลงไปบนสัญญาอีกทีเมื่อต่างลงนามในสัญญาฉบับใหม่เรียบร้อย ฉบับเก่าก็นับว่าเป็นโมฆะไปแต่เจี่ยนอันอันกลับไม่คิดฉีกสัญญาฉบับเก่าทิ้งไป นางจะรอให้เจ้าเมืองตานมาถึง และให้เขาดูเงื่อนไขเอาเปรียบที่อยู่ในนั้นนางใช้วิธีเดียวกันนี้ เขียนสัญญาใหม่ขึ้นมาอีกฉบับ
ยามนี้เขารู้สึกเสียใจยิ่ง เมื่อครู่ไม่ควรกล่าวถึงท่านอารองออกมาเร็วถึงเพียงนั้นแต่บัดนี้ลูกน้องไปเชิญท่านอามาแล้ว ถึงตอนนั้นเขาจะทำอย่างไรดี?เมื่อนึกถึงตรงนี้ เฝิงซานกวงรีบกล่าวต่อลูกน้องอีกคน “เจ้าไปบอกให้อู่เฉียงกลับมา”ลูกน้องผู้นั้นรับคำสั่งกำลังจะรีบวิ่งไปแต่เดินได้ไม่ถึงสองก้าว พลันถูกฉู่จวินสิงขวางหน้าไว้ก่อน“ผู้ใดกล้าขยับเขยื้อน ข้าจะให้ผู้นั้นเลือดนองอาบพื้นดินในบัดดล”ลูกน้องผู้นั้นได้แต่หวาดกลัวจนชะงักงัน พร้อมหันไปมองเฝิงซานกวง“ลูกพี่...”เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ไปก็ไม่ได้อยู่ต่อก็มีความผิดเฝิงซานกวงโกรธจนกำหมัดแน่น เสียงขบฟันดังกรอดจนได้ยินชัด“พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”เขาเริ่มรู้แล้วว่า วันนี้ตนน่าจะเจอจิ้งจอกเขี้ยวลากดินเข้าให้แล้วดูท่าหากไม่ต้อนรับขับสู้พวกเขาให้ดี เกรงว่าอีกประเดี๋ยวจะมีจุดจบที่ไม่สู้งามนักเจี่ยนอันอันเห็นว่าเฝิงซานกวงน่าจะอับจนปัญญา จึงเอาสัญญาที่เฉียวซื่อมอบให้นางออกมา“เฝิงซานกวง นี่คือสัญญาที่เจ้าทำไว้กับเฉียวซื่อ ในนี้มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง ข้าอาจต้องแก้ไขเล็กน้อย”เฝิงซานกวงกัดฟันกรอดอีกครั้ง บันดาลโทสะเสียจนใบหน้าที่อยู
พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรญาติที่เป็นขุนนางของลูกพี่เป็นผู้มีอิทธิพลนัก ดูแลทุกอย่างในอำเภอไถหยางก็ว่าได้เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็น “คุยมาตั้งนาน ยังไม่เห็นบอกชื่อว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ข้าว่าคงจะแต่งเรื่องส่งเดชมากกว่า”เฝิงซานกวงถูกเจี่ยนอันอันยุยงอีกครั้ง เดิมทีเขาก็ไม่อยากเอ่ยชื่อเจ้าเมืองออกมาแต่ครั้งนี้เห็นทีไม่พูดก็ไม่ได้เสียแล้ว“ฮึ่ม พูดแล้วพวกเจ้าจะตกใจ ท่านอารองของข้าเป็นเจ้าเมืองแห่งอำเภอไถหยาง”“หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องกิจการในเหมืองของข้า ข้าจะให้ท่านอาส่งคนมาจับพวกเจ้าไปขังคุกเสีย!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าอารองของเฝิงซานกวงก็คือเจ้าเมืองตานนั่นเอง นางจึงเริ่มมีแผนการในใจ“อ้อ หมายถึงเจ้าเมืองตานผู้นั้นหรอกรึ? ยังนึกว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่ใดเสียอีก”“เชิญไปเรียกตัวมาได้เลย แล้วเรามายันกันซึ่งหน้า ให้รู้ไปว่าเขาจะเข้าข้างเจ้า หรือเห็นด้วยกับเรามากกว่า”เฝิงซานกวงมองดูท่าทีของเจี่ยนอันอัน คล้ายไม่กลัวกระทั่งคนเป็นเจ้าเมือง จึงให้ตกใจซ้ำอีกเขาแอบคิดในใจ หรือว่าท่านอารองจะรู้จักกับคนสองคนนี้?จึงหันไปกระซิบกระซาบต่อลูกน้องข้างกาย “รีบไปเชิญอารองข้ามาเดี๋ยวนี้”
เหล่าคนงานที่เข้าออกเหมืองแร่เห็นเหตุการณ์เข้า ต่างก็ตกใจเป็นอย่างมากเพราะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นลูกน้องของนายจ้างถูกผู้อื่นทำร้ายเช่นนี้แม้แต่ละคนจะมีความตกใจ แต่ลึกๆ กลับรู้สึกสะใจมากกว่าเพราะบริวารของเฝิงซานกวงเหล่านี้ ปกติมักจะใช้กำลังกับพวกเขาบ่อยๆทุกครั้งที่พวกเขาขุดหาแร่ออกมาไม่ได้ปริมาณตามที่ต้องการ ลูกน้องเฝิงซานกวงก็พากันมารุมซ้อมพวกเขาอย่างหนัก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าไปบอกใครบางคนเคยคิดหนีไปจากที่นี่ แต่ครั้งใดที่มีผู้หลบหนี มักถูกจับกลับมาแล้วซ้อมหนักยิ่งกว่าเดิมอีกที่สำคัญพวกเขาแทบจำไม่ได้ว่าตนคือใคร บ้านช่องอยู่ที่ใดจึงได้แต่ใช้แรงกายแลกกับเงินน้อยนิดเพียงสองอีแปะในแต่ละวัน อดทนทำงานอยู่ที่นี่ต่อไปเมื่อชายสองคนถูกทำร้ายเข้า จึงมีลูกน้องเฝิงซานกวงตามออกมาอีกทุกคนเมื่อเห็นว่ามีคนมาก่อเรื่อง จึงกรูกันเข้าหาฉู่จวินสิงทันทีแต่มิต้องรอให้พวกเขามาเข้าใกล้ ฉู่จวินสิงใช้กำลังภายในซัดออกไปก่อนแล้วทุกคนต่างทยอยล้มลง พลางกลิ้งไปมา ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดทันใดนั้นเอง มีเสียงหนึ่งตะคอกดังขึ้น “ผู้ใดกล้าบังอาจมาก่อเรื่องในเหมืองของข้า อยากตายหรืออย่างไร?”ใบ
แต่บัดนี้นางเปิดร้านมาสิบกว่าวัน ขายได้เพียงรูปสัตว์โลหะไม่กี่ตัวเท่านั้นเฉียวซื่อบอกเล่าสิ่งที่พบเจอให้เจี่ยนอันอันฟัง ทำให้นางเกิดความเข้าใจขึ้นทันทีที่แท้เฉียวซื่อถูกเฝิงซานกวงหลอกลวงมาแต่แรกเจี่ยนอันอันเพียงคิดว่าต่อให้นางซื้อของตกแต่งเหล่านี้กลับไป ก็มิได้ใช้ประโยชน์นักจึงนำหนูโลหะตัวเล็กในมือวางกลับที่เดิมเฉียวซื่อเห็นเจี่ยนอันอันทำเช่นเดียวกับลูกค้าอื่นในร้าน เพียงเข้ามาหยิบดูเล็กน้อย จากนั้นจึงวางของตกแต่งลงไว้ที่เดิมดูแล้วคล้ายไม่สู้ถูกใจผลงานที่นางสร้างสรรค์ออกมาเท่าใดนัก พลันเกิดความรู้สึกท้อแท้ นางคงไม่เหมาะจะทำอาชีพนี้จริงๆ กระมังหากตอนนี้สามียังอยู่ก็คงดี นางจะได้ฝึกวิชาการตีเหล็กจากเขาให้ออกมาเป็นงานอื่นบ้างและเมื่อครู่เจี่ยนอันอันรู้จากปากเฉียวซื่อ ว่าเฝิงซานกวงได้เปิดกิจการเหมืองแร่แห่งหนึ่งทุกวันจะมีคนงานไปด้านหลังภูเขาที่อยู่ห่างไกล ขุดเอาแร่เหล็กและหยกออกมา เพื่อนำกลับมาถลุงเป็นเครื่องหยกและของใช้ที่ทำจากเหล็กนางเห็นเฉียวซื่อคล้ายมีอาการท้อใจ จึงกล่าวยิ้มแย้ม “พี่เฉียว ท่านพาข้าไปดูที่เหมืองของเฝิงซานกวงก่อน ข้ามีสิ่งของบางอย่างต้องการจะซื้อ”
เจี่ยนอันอันหยิบมากวาดตาดูก็มองความผิดปกติบนนั้นออกได้ในทันที“เงื่อนไขในนี้เข้มงวดเกินไปแล้ว ถ้าฝ่ายไหนยุติสัญญาจะต้องชดเชยให้อีกฝ่ายเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึง”“เจ้าหมอนี่ช่างกล้าเขียน สัญญานี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเงื่อนไขแบบมัดมือชกกันชัดๆ”“ข้าว่าท่านไม่ร่วมงานกับเขาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เฉียวซื่อใจหายวูบนางรู้จักตัวหนังสือแค่ไม่กี่ตัว นอกจากเขียนชื่อตัวเองเป็นแล้ว เงื่อนไขในนั้นนางอ่านไม่เข้าใจเลยสักนิดเฝินซานกวงเป็นคนอ่านให้นางฟัง นางรู้สึกว่าเงื่อนไขสมเหตุสมผลมากจึงลงนามในสัญญากับอีกฝ่ายแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เฝิงซานกวงจะกล้าเล่นเล่ห์กับนางแบบนี้เดิมนั้นนางอยากยกเลิกสัญญากับอีกฝ่าย แต่กลับได้ยินเฝิงซานกวงพูดว่า ถ้านางกล้าเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญาก็จะต้องชดเชยเงินให้เฝิงซานกวงเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึงตอนนั้นเฉียวซื่อตกใจยิ่งนักนางเคยไปถามเถ้าแก่ร้านข้างเคียง ฝ่ายตรงข้ามก็บอกว่าเงื่อนไขนี้เขียนไว้อย่างชัดเจน ต้องจ่ายเงินชดเชยให้อีกฝ่ายหนึ่งแสนตำลึงจริงๆเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้ นางจะไปหาเงินมากมายขนาดนี้มาจากที่ไหนถึงตอนนี้เฉียวซื่อจึงตระหนักว่
ตอนนี้เขาทำได้เพียงอดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวด ยอมรับการทุบตีจากเฉียวอี้บริเวณรอบๆ มีคนล้อมเข้ามามุงดูจำนวนมาก พวกเขาต่างชี้ไม้ชี้มือมาทางชายผู้นั้น“คนคนนี้แค่เห็นก็รู้แล้วว่าต้องไม่ใช่คนดีแน่ ดูหน้าตาทรงโจรของเขาสิ แปดส่วนคงเป็นเพราะไปหาเรื่องคนอื่นก่อน ถึงได้ถูกเด็กคนนั้นซ้อมเอาแบบนี้”“เมื่อครู่ข้าได้ยินแล้ว เขาไปลงไม้ลงมือกับแม่ของเด็กคนนั้น ข้าว่าตีเขายังน้อยไป ควรแจ้งความมากกว่า”คนมุงบริเวณรอบๆ ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานาเฉียวอี้ควงหมัดทักทายใบหน้าของชายผู้นั้นหนักกว่าเดิมในไม่ช้า เฉียวอี้ก็ตีจนรู้สึกเจ็บกำปั้น แต่เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนกระทั่งอัดศีรษะชายผู้นั้นจนบวมเป่งเหมือนหมู เฉียวอี้ถึงได้หยุดมือพร้อมหอบหายใจแม้ว่ากำปั้นของเฉียวอี้จะไม่ใหญ่ แต่ครั้นทุบตีคนก็ร้ายกาจยิ่งนักเห็นใบหน้าชายผู้นั้นเขียวช้ำไปหมด เฉียวอี้ก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเจี่ยนอันอันกล่าวกับชายผู้นั้นว่า “หากวันหน้าเจ้ายังกล้ามาคุกคามแม่ลูกตระกูลเฉียวอีก ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าสบายแบบนี้แน่ ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”ชายผู้นั้นไม่กล้าพูดมาก ลุกขึ้นมากุมศีรษะแล้วเผ่นหนีไปคนมุงบริเวณรอบๆ เ
เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน“พวกเจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้” ฉู่จวินสิงว่าแล้วก็ก้าวยาวๆ ตรงไปทางตรอกน้อยชายผู้นั้นเห็นว่าฉู่จวินสิงตรงมาทางเขาก็หันหลังเตรียมวิ่งหนีแต่เขาวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกถีบเข้าที่เอวเสียแล้วชายผู้นั้นถูกถีบกระเด็นไปไกล คว่ำหน้าอยู่บนพื้นร้องโอดโอยออกมาอย่างทนไม่ไหวฉู่จวินสิงย่างสามขุมตรงเข้าไปหาแล้วหิ้วคอเสื้อของชายผู้นั้นขึ้นมาอย่างไม่ปรานีปราศรัย“ไปกับข้า!”ฉู่จวินสิงกล่าวพลางผลักชายผู้นั้นตรงออกไปนอกตรอกชายผู้นั้นได้ลิ้มรสความร้ายกาจของฉู่จวินสิงแล้วย่อมไม่กล้าวิ่งหนีส่งเดชเขาไม่อยากถูกถีบอีกหรอกนะ จนถึงตอนนี้เอวยังระบมอยู่เลยฉู่จวินสิงผลักชายผู้นั้นมาถึงตรงหน้าเจี่ยนอันอันกับเฉียวอี้แล้วกล่าวเสียงเข้ม “บอกมา ระหว่างเจ้ากับเด็กคนนี้เป็นเรื่องอะไรกันแน่?”ชายผู้นั้นมองเฉียวอี้ แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นแค้น“คุณชายท่านนี้ ข้าไม่รู้จักเขาเสียหน่อย เขาวิ่งออกมาถนนใหญ่เอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าเลยนะ”ขณะที่ชายผู้นั้นพูดก็ถลึงตาใส่เฉียวอี้อย่างดุร้ายเฉียวอี้เห็นฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมรับ เขาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความโมโห แล้วตวาดใส่ชายผู้นั้นว่า“ท่านโก
เจี่ยนอันอันเห็นว่าฉู่จวินสิงก่อสร้างเป็น นางก็วางใจไปได้มากนางยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ใช่กระโจม แต่เป็นโรงเรือนสำหรับเพาะปลูกแบบหนึ่ง”นางมีความคิดคร่าวๆ ในใจแล้วจึงรีบกลับบ้านไปกับฉู่จวินสิงนางหยิบกระดาษและปากกาออกมาจากในมิติ แล้ววาดภาพร่างบนโต๊ะฉู่จวินสิงนั่งอยู่ข้างๆ ตั้งใจดูภาพร่างโรงเรือนที่เจี่ยนอันอันวาดที่นี่ไม่มีเหล็กเส้น เจี่ยนอันอันยังไม่อยากใช้เงินจำนวนมากไปซื้อจากในร้านค้านางต้องการสร้างโรงเรือนสำหรับคนในหมู่บ้านทุกคน เหล็กเส้นที่ต้องใช้จึงมีไม่น้อยหากใช้เงินไปซื้อมา นั่นไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ เลยนางไม่อยากใช้เงินพวกนั้นในมิติมากเกินไป นางยังรอที่จะสนับสนุนฉู่จวินสิงขึ้นนั่งบัลลังก์ฮ่องเต้หลังจากการทำสงครามกลับเมืองจิงโจวในวันหน้าเมื่อถึงตอนนั้น เงินทองของล้ำค่าเหล่านั้นในมิติก็จะได้นำไปใช้แล้วฮ่องเต้จนกรอบคนหนึ่งที่ไม่สามารถจ่ายเบี้ยหวัดให้เหล่าขุนนางได้ ทั้งยังไม่สามารถทำให้ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข กับฮ่องเต้ที่มั่งคั่งร่ำรวยคนหนึ่ง เงินในมือสามารถซื้อเมืองทั้งเมืองได้ชาวบ้านกับเหล่าขุนนางจะเอนเอียงไปทางคนไหนมากกว่า นั่นไม่ต้องพูดก็สามารถรู้ได้แล้วในไม่ช้า เจี่ยน