ฉู่อันเจ๋อเมื่อได้ยินข้อเสนอนั้น ก็รีบก้าวออกมาอย่างรวดเร็วพลางพูดว่า “พี่ใหญ่ ข้าจะเป็นคนแบกท่านเอง!”ไม่พูดเปล่า เขาเดินมายังเบื้องหน้าของฉู่จวินหลุน คุกเข่าลงแล้วเตรียมจะแบกพี่ชายขึ้นหลังฉู่จวินหลุนมองดูภูเขาสูงตระหง่านอีกครั้ง ก่อนจะเหลือบมองฉู่อันเจ๋อด้วยสายตาหนักใจในที่สุดด้วยความจำใจ เขาจึงต้องละทิ้งรถเข็น แล้ววางแขนพาดลงบนบ่าของฉู่อันเจ๋อฉู่อันเจ๋อแบกพี่ชายขึ้นหลัง เดินตามคณะต่อไปแต่เมื่อไม่มีรถเข็น ก็เท่ากับว่ากลุ่มของพวกเขาขาดอีกคนที่สามารถต่อสู้ได้ไปหากอีกไม่นานกลุ่มโจรภูเขาจะเข้ามาปล้นจริงๆ พวกเขาจะปกป้องคนในครอบครัวของเยียนอ๋องอย่างไร?ในใจของฉู่จวินหลุนเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจ หากไม่ใช่เพราะขาของเขาที่ไม่สามารถขยับได้เขาคงไม่ต้องให้ฉู่อันเจ๋อมาคอยแบกเช่นนี้เมื่อเหล่าญาติพี่น้องพากันปีนขึ้นมาจนถึงกลางภูเขาอย่างยากลำบาก ในที่สุดก็อ่อนล้าจนเดินต่อไปไม่ไหว ทุกคนจึงทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรงหานซื่อเห็นดังนั้นก็รีบสั่งให้ทุกคนหยุดพักเจี่ยนอันอันนั่งลงข้างกายฮูหยินใหญ่ นางสอดส่องสายตามองไปรอบๆนางคิดว่าหากจะมีโจรปรากฏตัวขึ้นมาปล้นที่นี่ ย่อมต้องมีเส้น
ฮูหยินใหญ่เริ่มกังวล พวกเขามีคนในจวนอยู่ยี่สิบกว่าชีวิต บัดนี้ล้วนเป็นผู้ถูกเนรเทศหากตายลงใต้คมดาบของโจรภูเขา ก็จะไม่มีผู้ใดเก็บศพอีกทั้งนางยังไม่แน่ใจนักว่าทหารรักษาพระองค์เหล่านี้มีฝีมือเพียงพอที่จะเอาชนะโจรภูเขาได้ และจะสามารถปกป้องพวกเขาออกจากที่นี่ได้สำเร็จหรือไม่ฉู่จวินหลุนเองก็ขมวดคิ้ว จ้องมองเจี่ยนอันอันด้วยความสงสัยแม้ว่าก่อนหน้านี้ ตอนที่พวกเขาเผชิญกับกลุ่มคนชุดดำ เจี่ยนอันอันจะแสดงความกล้าหาญอย่างมาก ใช้เข็มเงินในมือนางสังหารคนเหล่านั้นจนหมดแต่ตอนนี้พวกเขากำลังเผชิญกับโจรภูเขา ที่นี่มีโจรภูเขามากมาย เข็มเงินของเจี่ยนอันอันจะฆ่าได้สักกี่คน?นอกจากนี้ ในบรรดาญาติพี่น้องเหล่านี้ ยังมีทั้งคนชราและคนเจ็บป่วยอยู่ ฉู่จวินสิงก็ยังเดินไม่ได้ อย่าว่าแต่จะลุกขึ้นต่อสู้กับโจรภูเขาเลย แม้จะมีเขากับฉู่อันเจ๋ออยู่ด้วย แต่ก็คงสู้พวกโจรไม่ได้ พวกเขาจะเอาชนะโจรภูเขาเหล่านั้นได้อย่างไร?ฮูหยินใหญ่จึงเอ่ยขึ้นว่า “อันอัน การไปยังค่ายโจรนั้นอันตรายมาก แม้ว่าภูเขานี้จะชันสักหน่อย แต่ข้าคิดว่าเราค่อยๆ เดินช้าๆ ก็ยังพอจะข้ามภูเขานี้ไปได้ ข้าว่าเราไม่ควรเสี่ยงไปค่ายโจรนะ”คำพูดของฮูหยิ
เมื่อขบวนเดินทางมาถึงระยะหนึ่งแล้ว ทหารรักษาพระองค์สองนายที่นำทางอยู่ก็หยุดเท้าลงพวกเขามองไปยังหานซื่อแล้วเอ่ยว่า “หัวหน้า หากเดินต่อไปอีกสองลี้ เราก็จะถึงค่ายโจรแล้ว ท่านจะให้เราเดินต่อไปหรือไม่?”หานซื่อเองก็ไม่ปรารถนาที่จะไปยังค่ายโจร แต่ในเมื่อเจี่ยนอันอันตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไป เขาจึงจำต้องกัดฟันกล่าวว่า “ทำตามที่คุณหนูใหญ่เจี่ยนต้องการเถิด เดินต่อไป”ทหารรักษาพระองค์ทั้งสองแม้จะไม่เต็มใจ แต่ก็จำต้องนำทางทุกคนเดินหน้าต่อไปพวกเขาก้าวออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าว จู่ๆ กลุ่มโจรภูเขาก็โผล่ออกมาจากรอบทิศทางหนึ่งในโจรที่ถือดาบยาวตะโกนขึ้นด้วยเสียงเกรี้ยวกราดว่า “หยุด! ทางนี้ข้าคือผู้เปิด ต้นไม้นี้ข้าคือผู้ปลูก หากเจ้าปรารถนาจะผ่านทางนี้ จงทิ้งทรัพย์สินไว้เป็นค่าเดินทาง หากกล้าปฏิเสธ จงมาให้ข้าฟันศีรษะเสีย อย่าหวังว่าจะมีคนเก็บศพเจ้าที่ทุ่งร้างนี้!”เมื่อทุกคนเพ่งมองไปยังคนที่พูด พวกเขาพบว่าคนที่ตะโกนดุด่ากลับเป็นหญิงสาววัยยี่สิบปีเศษนางเกล้าผมยาวเป็นมวย และใช้ผ้าผืนหนึ่งพันศีรษะไว้ทหารรักษาพระองค์ต่างดึงดาบจากเอวออกมาทันที พร้อมกับแสดงท่าทีระมัดระวัง จ้องมองหญิงสาวเบื้องหน้าอย่างเ
เหวินอิงขมวดคิ้วแน่น จ้องมองหานซื่อด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว “พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรมาใช้เล่ห์กลกับข้า หากมีฝีมือก็สู้กับข้าตัวต่อตัว!”เจี่ยนอันอันยิ้มพลางเดินเข้าไปใกล้ ตบเบาๆ ที่ไหล่ของหานซื่อเป็นสัญญาณให้เขาวางกระบี่ลงหานซื่อแม้จะไม่เข้าใจว่าเจี่ยนอันอันต้องการทำอะไร แต่ก็ทำตามที่นางบอก เขาเก็บกระบี่ลงตามคำสั่งเหวินอิงเห็นดังนั้นก็หมายจะหยิบดาบที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาเพียงแต่ได้ยินเจี่ยนอันอันเอ่ยขึ้นว่า “เข็มเงินของข้าเคลือบยาพิษไว้ หากเจ้ากล้าขยับแม้เพียงนิดเดียว พิษจะกำเริบ และเจ้าจะตายทันที”เมื่อเหวินอิงได้ยินคำนี้ สีหน้าของนางพลันบิดเบี้ยวไม่น่ามองทันทีนางเริ่มรู้สึกว่าแขนทั้งสองข้างของตนนั้นเริ่มไร้ความรู้สึกแล้ว ไม่นานนัก ร่างกายครึ่งหนึ่งของเหวินอิงก็เริ่มแข็งเกร็งขึ้นสีหน้าของเหวินอิงเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด นางถลึงตามองเจี่ยนอันอัน ขบกรามแน่นแล้วพูดว่า “พวกเจ้าเป็นใครกันแน่? เหตุใดจึงมาสร้างความวุ่นวายบนเขาของพวกข้า?”เจี่ยนอันอันยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยน มองเหวินอิงพลางดึงเข็มเงินออกจากข้อมือของนางเมื่อเข็มเงินถูกดึงออก เหวินอิงรู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อมือและในทันใดนั้น
เมื่อเหวินอิงได้ยินคำพูดนั้น หัวใจก็พลันหล่นวูบลงนางควรจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเด็กสาวผู้นี้ไม่มีทางมอบยาถอนพิษให้แก่ตนโดยง่ายแต่เมื่อครู่ ด้วยความเจ็บปวดและอาการชาอย่างแสนสาหัส ทำให้นางร้อนรนจนขาดสตินางไม่ได้คิดอะไรมาก จึงกลืนยาลงไปทันทีตอนนี้แย่แล้ว นางกลับพบว่าร่างกายถูกพิษร้ายแรงอีกชนิดหนึ่งเข้าไปแล้วเหวินอิงกัดฟันกรอด มองเจี่ยนอันอันด้วยสายตาเคียดแค้น มือที่กำดาบไว้สั่นเทาไม่หยุดแม้จะต้องตาย นางก็จะลากเจี่ยนอันอันลงไปด้วยให้ได้“นังสารเลว เอายาถอนพิษออกมาเดี๋ยวนี้!” เหวินอิงตวาดลั่น พร้อมกับเงื้อดาบจะฟันลงที่เจี่ยนอันอันทว่าในชั่วขณะนั้น นางกลับพบว่าร่างกายของนางราวกับถูกดูดพลังไปหมดสิ้น ไม่อาจใช้แรงได้เลยแม้แต่น้อยดาบในมือของนาง บัดนี้กลับรู้สึกหนักอึ้งราวกับพันชั่งเหวินอิงจับดาบไว้ไม่แน่น จนดาบหลุดมือร่วงลงสู่พื้นดัง ‘เคร้ง’เมื่อครู่ใบหน้าของเหวินอิงยังเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ทว่าในชั่วขณะนั้นเอง ร่างกายของนางกลับรู้สึกอ่อนแรงลงอย่างฉับพลันนางเซถลาไปสองสามครั้ง ก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดสภาพพวกโจรที่เห็นเช่นนั้นก็ร้องตะโกนด้วยความตกใจว่า “รองหัวหน้า
พวกโจรที่เฝ้าอยู่หน้าประตูค่าย เมื่อเห็นว่ามีผู้คนมากมายเดินเข้ามา จึงรีบวิ่งเข้ามาดูพวกเขาเห็นรองหัวหน้าเหวินอิงหมดสติอยู่บนหลังของโจรคนหนึ่ง และยังมีคนกลุ่มหนึ่งเดินตามหลังมาอีกพวกโจรเฝ้าประตูจึงรีบถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดรองหัวหน้าถึงเป็นเช่นนี้ แล้วคนพวกนี้เป็นใครกัน?”โจรที่แบกร่างของเหวินอิงไว้ถ่มน้ำลายลงพื้นอย่างหงุดหงิด“ซวยจริงๆ เจอพวกที่ต้องการบุกเข้าค่าย อย่าเพิ่งพูดให้มากความ รองหัวหน้าถูกพิษร้ายแรง รีบปล่อยพวกเราเข้าไปก่อน”เมื่อโจรเฝ้าประตูได้ยินว่ารองหัวหน้าโดนพิษ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกทันทีพวกโจรที่เฝ้าประตูมองไปยังกลุ่มของเจี่ยนอันอันด้วยความสงสัย และตะคอกถามว่า “พวกเจ้าเป็นใคร? กล้ามาบุกค่ายเรา ไม่อยากมีชีวิตรอดแล้วใช่หรือไม่?”โจรที่แบกร่างเหวินอิงเห็นท่าไม่ดี รีบกล่าวด้วยความร้อนใจว่า “หยุดพูดมากเสียที! ถ้าไม่ให้พวกเราเข้าไป รองหัวหน้าจะตายเพราะพิษแน่!”อีกคนหนึ่งก็รีบพูดเสริมว่า “ไยพวกเจ้ายังยืนขวางอยู่อีก รีบเปิดประตูเร็วเข้า!”พวกโจรเฝ้าประตูเห็นเช่นนั้นก็รู้ทันทีว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นพวกเขารีบวิ่งไปเปิดประตูค่าย และหนึ่งใน
“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่ กล้าดีอย่างไรถึงมาป่วนในค่ายของข้า?” เซิ่งฟางตะโกนถามเจี่ยนอันอันด้วยความโกรธเมื่อครู่มีลูกน้องมารายงานว่ารองหัวหน้าถูกพิษร้ายแรงไม่เพียงเท่านี้ พวกลูกน้องที่ลงเขาไป ยังพาพวกเจ้าหน้าที่ทางการกลุ่มหนึ่งกลับมาอีกด้วยเซิ่งฟางเป็นคนที่เกลียดเจ้าหน้าที่ทางการอย่างที่สุด จึงนำพวกโจรออกมาสู้แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ นอกจากเจ้าหน้าที่ทางการแล้ว ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่สวมเสื้อผ้าหรูหราด้วยแม้เสื้อผ้าของพวกเขาจะเปื้อนดินโคลน แต่มันก็ไม่อาจปกปิดราศีอันสูงศักดิ์ของพวกเขาได้เซิ่งฟางสังเกตเห็นฉู่จวินสิงที่นอนอยู่บนเปลหาม เขาหรี่ตาลง พยายามมองหน้าของอีกฝ่ายให้ชัดเจน แต่ทันใดนั้น เจี่ยนอันอันก็ก้าวมาขวางหน้าเขา ปิดบังทัศนวิสัยของเขาเจี่ยนอันอันกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า “เจ้าคงเป็นหัวหน้าใหญ่ที่นี่สินะ”เซิ่งฟางจ้องมองเจี่ยนอันอันอีกครั้งก่อนจะหัวเราะเยาะออกมา “ถ้าใช่แล้วจะทำไม? หากเจ้ารู้สถานการณ์ก็จงยอมจำนนเสียดีๆ ส่งยาถอนพิษมา ข้าไม่ใช่คนที่ชอบฆ่าผู้บริสุทธิ์ แต่ถ้าพวกเจ้าคิดขัดขืน อย่าหาว่ากระบี่ในมือข้าไม่ปรานี”พูดจบ เซิ่งฟางก็ชี้กระบี่ล้ำค่าไปยังเจี่ยน
ฉู่จวินสิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เจ้าลุกขึ้นเถิด บัดนี้ข้าไม่ใช่เยียนอ๋องอีกต่อไปแล้ว”เซิ่งฟางมองฉู่จวินสิงด้วยความประหลาดใจเขาไม่อาจเข้าใจได้ว่าเยียนอ๋องผู้ไร้พ่าย ผู้เกรียงไกรบนสมรภูมิในครานั้นเหตุใดบัดนี้กลับเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดท่วมกาย อีกทั้งยังต้องถูกหามบนเปลโดยเหล่าเจ้าหน้าที่ทางการ“เยียนอ๋อง เกิดเหตุใดกับท่าน? เหตุใดท่านจึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้?” เซิ่งฟางเอ่ยถามด้วยความฉงนฉู่จวินสิงถอนหายใจยาว ก่อนจะตอบว่า “พูดไปแล้วเรื่องยาวนัก เจ้าจงให้พวกเราเข้าไปพักในค่ายก่อนได้หรือไม่”เมื่อฉู่จวินสิงกล่าวเช่นนั้น เซิ่งฟางจึงได้สติกลับมาเขารีบหันไปสั่งพวกโจรให้เตรียมสุราอาหารชั้นดีแม้ในใจพวกโจรจะสงสัย แต่ก็ไม่กล้าละเลย พากันวิ่งไปจัดเตรียมทุกอย่างโดยไม่รอช้าเซิ่งฟางหันกลับมามองคนอื่นๆ ด้วยความสงสัย แล้วถามขึ้นว่า “คนเหล่านี้เป็นใครหรือ?”ฉู่จวินสิงตอบแนะนำว่า “คนที่อยู่ตรงกลางนั้นคือครอบครัวและข้ารับใช้ของข้า ส่วนคนอื่นเป็นทหารรักษาพระองค์”หานซื่อเมื่อเห็นว่าทั้งสองรู้จักกันดี จึงแนะนำตัวว่า “ข้าคือหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ นามว่าหานซื่อ”เมื่อเซิ่งฟางได้ยินว่าพ
หลังจากทั้งคู่กินข้าวเสร็จ กลับไม่ได้พักผ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยมหลังจากออกไปข้างนอก ก็มาอยู่ในมุมๆ หนึ่งซึ่งปลอดคนในใจรีบท่องชื่อว่านผิงพร้อมกัน และไม่นานก็หายตัวไปจากซอกมุมนั้นเมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง จึงเห็นว่านผิงกับพวกกำลังเที่ยวจับคนอยู่ทุกครั้งที่จับชายคนหนึ่งได้ ก็จะหยิบภาพเขียนออกมาเปรียบเทียบดูใบหน้าทำเอาผู้คนบนท้องถนนต่างตกใจเป็นการใหญ่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันยังอยู่ในสภาพอำพรางกายอยู่ ว่านผิงกับพวกจึงไม่รู้ว่ามีคนมาคอยติดตามและพวกเขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น กลับเดินตามพวกว่านผิงไปเรื่อยๆโดยตั้งใจว่าจะหาโอกาสเหมาะ ค่อยลงมือเสียทีเดียวเพราะถ้าอยู่ท้องถนนแล้วลงมือฆ่าคน อาจทำให้ชาวบ้านตื่นตระหนกเป็นอย่างมากพวกเขาจับคนมาหลายคน แต่ล้วนไม่ใช่คนในภาพเขียนทำเอาว่านผิงโกรธจนกำหมัดแน่น มองหน้าลูกน้องพร้อมกล่าวเสียงดุ “พวกมันยังอยู่ในเมืองหลี่จง รีบไปค้นหาให้ทั่ว อย่าได้ปล่อยผ่านแม้แต่คนเดียว!”“ขอรับ ท่านหัวหน้า”ลูกน้องรับคำโดยพร้อมเพรียง และตามหาต่อไปเมื่อพวกเขามาถึงที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง พลันเห็นข้างหน้ามีบ้านเล็กหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ดูจากประตูที่เก่าโทร
ว่านผิงส่งสายตาให้เหล่าลูกน้อง ทุกคนรีบวิ่งขึ้นชั้นบนไปต่างถือเอาภาพเหมือนออกมา พร้อมเปรียบเทียบบนใบหน้าแขกทีละคน เมื่อเห็นว่าล้วนไม่ใช่คนที่ตนต้องการจะหา อีกทั้งมองดูในห้อง จนแน่ใจว่าไม่มีใครหลบซ่อนอยู่ จึงลงไปยังชั้นล่าง“หัวหน้า ชั้นบนไม่มีคนที่เราจะหา”ว่านผิงเหลียวมองคนที่นั่งกินอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยม มองดูแต่ละคนแล้วสำรวจขึ้นลง สุดท้ายไปจับจ้องอยู่ที่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันเขาเห็นคนทั้งคู่ต่างก้มหน้ากินข้าว แทบไม่เงยหน้าขึ้นมองผู้ใดเสียด้วยซ้ำจึงผละจากเถ้าแก่ เดินจ้ำอ้าวไปทางฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน“เงยหน้าขึ้นมา” ว่านผิงกล่าวเสียงตะคอก กระบี่ในมือชี้ที่ลำคอฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแทบไม่นำพาต่อกระบี่ที่พาดคอ พลางวางตะเกียบลง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมุมปาก “ว่าอย่างไร เจ้าคิดลงมือกับข้าด้วยรึ?”ฉู่จวินสิงเลียนแบบน้ำเสียงของอิ่นเจียง พลางเหลือบตาขึ้นมองว่านผิงทันทีที่ว่านผิงเห็นหน้าฉู่จวินสิงชัดเจน จึงตกใจจนตัวสั่น พลางรีบเก็บกระบี่ขึ้น“ข้าน้อยไม่รู้ว่าใต้เท้ามาอยู่นี่ เมื่อครู่ล่วงเกินไป ขอท่านโปรดอภัยด้วย”ว่านผิงยืนอยู่ด้านข้างฉู่จวินสิง ในใจรู้สึกขนลุกขนชัน
ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันในที่สุดก็ลืมตาขึ้น จึงได้กล่าวกับนาง “เมื่อครู่ข้าเรียกเจ้าอยู่หลายที เจ้าก็ไม่ขานตอบ ข้ายังนึกว่าเกิดอะไรขึ้นเสียอีก”เจี่ยนอันอันเพิ่งจะนึกได้ เมื่อครู่นางกำลังเพ่งมองภาพในมิติอยู่ ข้างโสตได้ยินเสียงคนเรียกชื่อนางจริงๆเพียงแต่ความสนใจของนาง ล้วนไปอยู่ในภาพนั้นหมดสิ้น จึงไม่ได้ใส่ใจการเรียกหาของฉู่จวินสิงนางจึงยอมให้ฉู่จวินสิงมานั่งด้านข้าง พร้อมนำภาพที่เห็น บอกเล่าให้เขาฟัง“จากที่เจ้าเล่ามา ชายสองคนที่เห็นนั้น อาจเป็นลูกน้องข้าก็ได้”เจี่ยนอันอันก็นึกถึงข้อนี้เช่นกัน หากชายสองคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาจริง เบื้องหน้านางคงไม่ปรากฏภาพเช่นนั้นออกมา“เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็รออยู่ในโรงเตี๊ยมนี้แหละ เพราะที่ๆ สองคนนั้นจะมาพักก็คือโรงเตี๊ยมแห่งนี้”ฉู่จวินสิงได้ยินดังนี้ พลันเกิดความคิดในใจขอเพียงชายสองคนนั้นปรากฏตัวขึ้น เขาก็จะได้สมทบกับพวกเขาทันทีเพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งห้าคนหลบหนีพร้อมกัน เหตุใดจึงได้พลัดหลงกันเช่นนี้?หรือว่าลูกน้องอีกสามคนได้ถูกคนของฉู่ชางเหยียนจับกลับไปเสียแล้ว?เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงขมวดคิ้วมุ่น นางจึงเอ่ยปาก “อย่าเพ
ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงก้อง “เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะให้เวลาท่านสามวันในการสืบเรื่องนี้”“ถ้าไม่ได้ตัวผู้ก่อเหตุมา ข้าจะทำตามรับสั่งของฝ่าบาท สั่งประหารพวกท่านทั้งครอบครัว”คำพูดของฉู่จวินสิง ทำให้เจ้าเมืองข่งสะดุ้งอย่างแรงจนแม้แต่สะใภ้รองที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง ก็พลอยหวาดกลัวจนตัวสั่นไปด้วยนางแอบเหลียวมองเจ้าเมืองข่ง เห็นอีกฝ่ายก้มหน้าก้มตา ไม่รู้ว่าจะตามหาคนผู้นั้นได้พบหรือไม่หลังจากฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันจากไปแล้ว เจ้าเมืองข่งค่อยทรุดตัวลงกับพื้นเขาหายใจหอบแรง หวังจะช่วยระงับความหวาดหวั่นในใจบ้างสะใภ้รองได้ยินว่าโทษถึงขั้นประหารชีวิต ทำให้นางร้อนใจจนเดือดพล่านยิ่งกว่ามดที่อยู่บนฝาหม้อร้อน น้ำตาก็ยิ่งไหลรินไม่หยุด“ท่านพ่อ ข้ายังไม่อยากตาย โรคของซีเอ๋อร์ยังไม่ทันรักษาให้หายขาด เขาจะถูกประหารเช่นนี้ไม่ได้ ท่านต้องรีบจับกุมผู้แอบอ้างชื่อผู้นั้นให้ได้นะเจ้าคะ!”เจ้าเมืองข่งมีแผนการในใจอยู่แล้ว จึงถลึงตาใส่สะใภ้รอง พลางกล่าว “เลิกร้องไห้เสียที รีบไปดูซีเอ๋อร์ก่อนว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”สะใภ้รองรีบซับน้ำตาที่นองหน้าอยู่ พลางลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างเตียงมองดูซีเอ๋อร์ขณะนั้นมีสาวใ
เสียงของเจี่ยนอันอันดังขึ้นจากด้านหลัง “บอกให้พวกเขาถอยออกไป หาไม่ข้าจะให้พวกท่านตายทั้งบ้าน!”เจ้าเมืองข่งรู้ดีว่าสองคนนี้วรยุทธ์ไม่เบา จึงไม่กล้าทำการบุ่มบ่าม ได้แต่รีบโบกมือให้เหล่าทหารจนแม้แต่สะใภ้รองที่อยู่บนเตียง ก็ตกใจกับคำพูดเจี่ยนอันอันเสียจนต้องรีบหยุดร้องไห้โดยพลันรอให้ทหารออกไปหมดแล้ว เจ้าเมืองข่งจึงได้ถามเสียงสั่น “พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”“ที่เรามานี่ ย่อมได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ ให้สืบเรื่องราวการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อน”เจ้าเมืองข่งได้ยินคำพูดของฉู่จวินสิง พลันขมวดคิ้วมุ่น สองตาจ้องเขม็งไปที่เขาเพียงไม่นานเจ้าเมืองข่งก็สังเกตจากบุคลิกและการแต่งกายของฉู่จวินสิง ดูออกว่าอีกฝ่ายเป็นชาวจิงโจวจริงๆแต่จะบอกว่ารับพระบัญชามาจากฮ่องเต้ ก็ออกจะฟังไม่ขึ้นไปเสียหน่อย“พวกเจ้ามีสิ่งใดมายืนยันว่ารับพระบัญชามาสืบสวนข้าจริง?”ซ้ำยังเป็นเรื่องเมื่อสามปีที่แล้วฮ่องเต้ทรงมีราชกิจมากมาย จู่ๆ จะทรงนึกได้อย่างไรว่าต้องสืบสวนเรื่องการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อนไม่แน่ว่าสองคนนี้ อาจเป็นผู้ใดส่งมาแก้แค้นเขาก็ได้เพราะเขาเคยรับผลประโยชน์จากผู้อื่นมาไม่น้อย อีกทั้งให้ผู้ที่สอบตก
แม้แต่บุตรชายโง่งมของเขาก็ยังไม่กลับบ้านมาแต่เสียงนี้กลับได้ยินแจ่มชัด จนเขามั่นใจว่าในห้องยังมีผู้อื่นอยู่อีกพลันรีบลุกขึ้นยืน มองไปยังห้องว่างเปล่าแล้วตะคอกเสียงดัง “เป็นผู้ใดกัน รีบออกมาเดี๋ยวนี้!”ถึงขั้นนี้แลว ทั้งเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงจึงไม่คิดหลบซ่อนตัวอีกทั้งคู่จึงปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเจ้าเมืองข่งการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของคนทั้งคู่ ยิ่งทำให้เจ้าเมืองข่งตกใจเสียจนนั่งทับลงบนร่างสะใภ้รองโดยไม่รู้ตัวส่วนทางสะใภ้รองจู่ๆ ถูกคนมานั่งทับ ก็ทำเอานางเจ็บจนร้องโอย พลันรีบลืมตาขึ้นเจ้าเมืองข่งเพิ่งรู้ตัวว่าตนได้นั่งทับร่างสะใภ้รองอยู่ จึงรีบกระโดดผึงขึ้นมาในบัดดลเขาชี้หน้าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง พลางกล่าวตวาด “พวกเจ้าเป็นใครกัน ไฉนมาอยู่ในบ้านข้าได้?”เจี่ยนอันอันยิ้มหยันขณะมองหน้าเจ้าเมืองข่ง นางไม่ได้พูดจา แต่ในมือถือเข็มเงินเล่มหนึ่งอยู่นานแล้วนางดีดนิ้วหนึ่งที เข็มเงินรีบพุ่งไปยังเด็กชายที่นอนอยู่บนเตียงเข็มนั้นไปปักที่ศีรษะของเด็กชาย พลันได้ยินเสียงเด็กร้อง “อึ่ก” แล้วกระอักโลหิตสดออกมาคำหนึ่งเจ้าเมืองข่งรีบหันไปดูด้วยความตกใจ จึงเห็นบนศีรษะของหลานตัวน้อย มี
เจ้าเมืองข่งลุกพรวดขึ้น เขารีบประสานมือให้กับบรรดาพ่อค้า “ขออภัยด้วยทุกท่าน ที่บ้านข้ามีธุระ ต้องรีบไปจัดการ”“ขอให้ทุกท่านกลับไปก่อน รอให้ถึงเวลาสอบจอหงวนในอีกหนึ่งปี ข้าจะช่วยให้ลูกๆ ของพวกเจ้าสอบผ่านโดยราบรื่น”เจ้าเมืองข่งว่าจบก็ให้พ่อบ้านส่งแขกส่วนตัวเขารีบเดินไปทางห้องนอนของหลานชายเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากันก่อนจะตามไปทันทีหลังจากที่ทั้งสองคนเดินตามเจ้าเมืองข่งอยู่นานมาก พวกเขาก็มาถึงหน้าห้องนอนในที่สุดเจ้าเมืองข่งรีบเดินเข้าไป เห็นลูกชายคนรองยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่หน้าเตียงหลานชายวัยหกขวบที่อยู่บนเตียงกำลังกลอกตา ปากพ่นฟองขาวฟอด ร่างกายชักเกร็งส่วนลูกสะใภ้รองของเขากำลังนอนหมดสติอยู่บนพื้นลูกชายคนรองยืนซื่ออยู่หน้าเตียงไม่ต่างจากท่อนไม้ แน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน“ปัดโธ่ เจ้าลูกโง่ เจ้ามาทำอะไรที่นี่”เจ้าเมืองข่งตบเข่าฉาดด้วยความร้อนอกร้อนใจเมื่อเห็นลูกชายคนรองเขาสั่งให้บ่าวรับใช้เขามาลากนายน้อยรองออกไปทันทีในตอนนี้เอง จู่ๆ คุณชายรองก็ปรบมือร้องอย่างมีความสุข“สนุกมาก คนหนึ่งแกล้งชัก ส่วนอีกคนจะแกล้งตาย ข้าเองก็อยากเล่นกับพวกเจ้าด้วย”คุณชายรองว่าจบก็ไปนอนทับ
บัดนี้ลูกของพวกเขาต่างสอบได้ตำแหน่งซิ่วไฉขอเพียงต่อไปมอบสมบัติให้เจ้าเมืองข่งมากขึ้น วันหน้าก็จะสอบได้ตำแหน่งที่ดียิ่งกว่านี้เจี่ยนอันอันมองเห็นว่าเจ้าเมืองข่งมีใบหน้าเหลี่ยม ความละโมบแผ่ออกมาทางดวงตาเรียวเล็กเป็นระยะๆนางลอบถากถางในใจว่า “หน้าตาของเจ้าเมืองผู้นี้สะท้อนให้เห็นถึงตัวจริงๆ”พ่อค้าคนหนึ่งพูดว่า “ใต้เท้าข่ง ไม่ทราบว่าหลานชายของท่านป่วยเป็นอะไรกันแน่หรือ?”เจ้าเมืองข่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งในตำแหน่งประธานเขาส่งสัญญาณให้ทุกคนนั่งลงได้ มีสาวใช้ยกน้ำชาเข้ามาให้ทุกคน“เดิมทีแล้วหลานชายของข้าก็ร่าเริงแจ่มใสดี แต่ไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไร ช่วงนี้ล้มป่วยอยู่ตลอด ตอนนี้แค่จะพูดยังยากเลย”เจ้าเมืองข่งขมวดคิ้วแน่นด้วยความกลัดกลุ้มเมื่อพูดถึงตรงนี้“ไม่มีหมอที่จะรักษาได้หรือ?” พ่อค้าอีกคนเอ่ยถามเจ้าเมืองข่งถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง เขาส่ายหน้าว่า “ข้าตามหมอมาทั่วเมืองหลี่จงแล้ว แต่ไม่มีคนใดที่จะรักษาได้”พ่อค้าที่นำผนึกหัวใจพระพุทธมาให้ฟังถึงตรงนี้ก็หยิบมันออกมาจากอกเสื้อทันทีผนึกหัวใจพระพุทธถูกแสงส่องกระทบเป็นสีรุ้งระยิบระยับเขาลุกขึ้นประสานมือพูดกับเจ้าเ
ทั้งสองคนลงจากหลังม้า นำม้าไปผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ แต่ในจังหวะที่กำลังจะไปจวนเป่าเซวียน พวกเขาก็เห็นรถม้าหลายคันทยอยกันมาหยุดจอดหน้าจวนเป่าเซวียนผู้คนที่ลงมาจากรถม้าล้วนแล้วแต่แต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหราดูจากการแต่งกายของพวกเขาแล้วน่าจะไม่ใช้ข้าราชการ ดูคล้ายพ่อค้ามากกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าที่จวนเจ้าเมืองกำลังมีงานอะไร ถึงได้มีคนมาเยอะขนาดนี้คนเหล่านั้นเดินไปที่ประตูแล้วนำเทียบเชิญออกมาจากอกเสื้อพ่อบ้านยิ้มกว้างทันทีที่เห็นเทียบเชิญเขาประสานมือพูดว่า “รีบเชิญด้านใน ใต้เท้ารออยู่นานแล้ว”พ่อค้าเหล่านั้นประสานมือตอบก่อนจะสืบเท้าเข้าไปดูเหมือนว่า หากพวกเจี่ยนอันอันจะเข้าไปในจวนเป่าเซวียนก็จำเป็นต้องมีเทียบเชิญเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน ทั้งสองท่องในใจทันทีว่าล่องหนครานี้ก็จะไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นหรือมองเห็นพวกเขาแล้ว เลือนหายไปในอากาศภายในเสี้ยวพริบตาทั้งสองเดินวางมาดกรีดกรายเข้าไปต่อหน้าต่อตาพ่อบ้านจังหวะที่ทั้งสองคนเดินผ่านพ่อบ้าน พ่อบ้านก็ได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างนั่นเป็นกลิ่นที่มีเพียงสตรีเท่านั้นที่จะแผ่ออกมาได้เขามองรอบทิศ นอกจากพ่อค้าไม่กี่คนที่เพิ่งเข้าไปแ