“แม่นางน้อย เอะอะก็ฆ่าแกงกันแบบนี้ไม่สมกับเป็นผู้หญิงเลยนะ”ขณะที่กู้มั่วหลีพูด คนก็ก้าวมาข้างหน้าหลายก้าวเจี่ยนอันอันเห็นอย่างนั้นก็รีบถอยหลัง ดึงระยะห่างออกจากกู้มั่วหลีกู้มั่วหลียิ่งรู้สึกว่าสตรีตรงหน้าน่าสนใจมากเขาไม่ชอบสตรีที่เป็นฝ่ายเสนอตัวเข้าหาก่อนมาแต่ไหนแต่ไรสตรีแบบเจี่ยนอันอันที่เปิดฉากต่อสู้โดยไม่พูดพร่ำทำเพลงกลับตรงจริตเขามากทีเดียว“แม่นางน้อย เจ้ามีนามว่าอะไรหรือ?”“เจ้าติดตามเยียนอ๋องผู้นั้นไปตกระกำลำบาก ต้องใช้ชีวิตอย่างอกสั่นขวัญแขวนทั้งวันแบบนั้น น่าเศร้าจะตาย”“ข้าว่า มิสู้เจ้ามาติดตามข้า รับรองว่าเจ้าจะมีกินมีใช้ไม่ขาดมือ”กู้มั่วหลีหยุดฝีเท้า มองเจี่ยนอันอันด้วยแววตาหยอกเย้าเจี่ยนอันอันถ่มน้ำลายลงข้างๆ ตวาดกลับกู้มั่วหลีว่า “หยุดพูดไร้สาระ ส่งยาถอนพิษมาเดี๋ยวนี้”“ไม่อย่างนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”เจี่ยนอันอันพูดอยู่ คนก็พุ่งเข้าไปหากู้มั่วหลีอย่างรวดเร็วนางเคลื่อนไหวเร็วมาก เพียงพริบตาเดียวก็มาถึงเบื้องหน้ากู้มั่วหลีปืนสั้นเก็บเสียงกระบอกหนึ่งปรากฏขึ้นในมือนาง ปลายกระบอกปืนสีดำสนิทจ่ออยู่บนหน้าผากกู้มั่วหลีแค่เพียงนางลั่นไก บุรุษตรงหน้าก
เจี่ยนอันอันเสมือนอ่านใจกู้มั่วหลีได้ นางเอ่ยเสียงเย็นว่า “ในเหตุการณ์สังหารหมู่เมื่อตอนนั้น เจ้าวางยาใส่เวินอี๋”“หากยังไม่มอบยาถอนพิษให้อีก ข้าจะทำให้เจ้าหายไปจากโลกนี้!”เจี่ยนอันอันว่าแล้วก็สวมถุงมือแบบพิเศษนางนำผงสลายศพกำหนึ่งออกมาจากห้วงมิติและทำทีจะสาดใส่กู้มั่วหลี กู้มั่วหลีมองผงสลายศพปราดหนึ่งก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นนึกไม่ถึงว่าหญิงนางนี้จะชอบเล่นกับยาพิษเฉกเช่นเดียวกันกับเขาส่วนเรื่องเวินอี๋อะไรนั่น กู้มั่วหลีไม่ได้สนใจเขาเกิดความสนใจในตัวเจี่ยนอันอันเป็นอย่างมากในตอนที่เจี่ยนอันอันกำลังจะสาดผงสลายศพนี้เอง กู้มั่วหลีก็รีบร้องว่า“ข้าไม่มียาถอนพิษ แต่ข้าสามารถบอกวิธีถอนพิษให้กับเจ้าได้”รอยยิ้มเกียจคร้านปรากฏขึ้นที่มุมปากกู้มั่วหลีอีกครั้งเขากดจุดฝังเข็มสองจุดบนร่างตัวเองเพื่อหยุดยั้งการกระจายของพิษเจี่ยนอันอันหยุดการกระทำของตัวเอง นางถลึงตามองกู้มั่วหลี รอให้เขาบอกวิธีถอนพิษกู้มั่วหลีเอนตัวพิงกำแพงอย่างเกียจคร้านและพูดด้วยสุ้มเสียงเหลาะแหละ “ข้าผู้นี้เคยวางยาคนมาไม่รู้ตั้งเท่าไร”“เจ้าคนแซ่เวินที่เจ้าพูดถึงมีอาการอย่างไรหลังจากถูกวางยา?”“หากเจ้าไม่อธิบายให้
เจี่ยนอันอันไม่ได้ไล่ตามไป นางท่องชื่อสมุนไพรพวกนี้ในใจแล้วต้องตกใจสมุนไพรพวกนี้ล้วนแต่มีพิษร้ายแรงแต่ไม่นาน นางก็เข้าใจได้ว่าพิษร้ายในตัวเวินอี๋ต้องถอนด้วยการใช้พิษต้านพิษและสมุนไพรเหล่านี้ก็มีสรรพคุณในการช่วยถอนพิษเช่นกันเจี่ยนอันอันจำชื่อของสมุนไพรเหล่านี้ นางนึกขึ้นได้ว่านอกกำแพงมีปืนพกกระบอกนั้นหากถูกผู้อื่นหยิบไป ไม่แน่ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็รีบกระโดดขึ้นกำแพงลานบ้านนางยืนอยู่บนกำแพง เห็นว่ากู้มั่วหลีกำลังมองมาทางนางจากบนหลังคาที่อยู่ไกลออกไปมิหนำซ้ำเขายังทำท่าส่งจูบให้นางเจี่ยนอันอันรู้สึกเหมือนกินแมลงวัน สะอิดสะเอียนจนอยากอาเจียนนางถลึงตาใส่กู้มั่วหลีแล้วกระโดดลงจากกำแพงไปเก็บปืนพกเข้าสู่ห้วงมิติบัดนี้นางเข้าใจทุกอย่างในที่ว่าการมณฑลจงโจวอย่างแจ่มแจ้งฉู่จวินสิงกำลังรอนางอยู่ นางจะมัวชักช้าไม่ได้ รีบท่องตำแหน่งของฉู่จวินสิงในใจไม่นาน นางก็มาปรากฏตัวเบื้องหน้าฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงเห็นว่าเจี่ยนอันอันกลับมาแล้วก็โล่งใจเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกเซิ่งฟางกับเหยียนเซ่าไม่ได้สังเกตเห็นว่าเจี่ยนอันอันกลับมาแล้วพวกเขายังคงมองไปทางที
ตอนนี้พวกเขาทั้งหิวทั้งง่วง นอกจากนี้ยังวิงเวียนศีรษะเพราะตากแดดมาทั้งวันพวกทหารเอาแต่พร่ำบ่น ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นว่ามีคนมายืนอยู่ด้านหลังพวกตัวเองเมื่อครู่นี้ พวกฉู่จวินสิงทั้งสี่คนได้เปลี่ยนมาสวมชุดท่องราตรีที่เจี่ยนอันอันนำออกมาฉู่จวินสิงอุ้มเจี่ยนอันอันและใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นไปบนหลังคาส่วนเซิ่งฟางกับเหยียนเซ่าแยกกันไปที่หลังคาอีกสองแห่งเนื่องจากท้องฟ้ามืดมาก อีกทั้งเซิ่งฟางกับเหยียนเซ่าต่างก็เก็บซ่อนกลิ่นอายของตัวเองทหารเหล่านี้จึงมองไม่เห็นทั้งสองคนเจี่ยนอันอันยังคงอยู่ในสภาวะล่องหน นางยืนอยู่ด้านหลังทหารเหล่านี้ ฟังพวกเขาบ่นถึงผู้ว่ามณฑลจงโจวมุมปากของนางยกโค้งเป็นรอยยิ้มเหี้ยมโหดหลังจากที่ฉู่จวินสิงส่งสัญญาณมือให้เซิ่งฟางกับเหยียนเซ่า ทั้งสามคนก็ชักกระบี่แทงใส่เหล่าทหารเบื้องหน้าทหารพวกนั้นได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวและรู้สึกถึงความผิดปกติในที่สุดพวกเขารีบหันตัวกลับไปก็พบว่าด้านหลังมีคนในชุดสีดำและสวมผ้าคลุมหน้าสีดำยืนอยู่เซิ่งฟางกับเหยียนเซ่าลอบสังหารทหารไปหลายนายเช่นกัน ทันใดนั้นเอง เกิดความวุ่นวายขึ้นบนหลังคา “มีนักฆ่า!”ไม่รู้ว่าผู้ใดที่ตะโกนเสีย
ว่านจื้อหมิงตกใจมากเมื่อเห็นเจี่ยนอันอันปรากฏตัวอย่างฉับพลันนางเข้ามาอยู่ในที่ว่าการมณฑลจงโจวตั้งแต่เมื่อไร เหตุใดจึงไม่เห็นนางอยู่ในการตะลุมบอนเมื่อครู่?เจี่ยนอันอันเห็นว่านจื้อหมิงไม่ตอบก็กดมีดลึกกว่าเดิมคมจากมีดสั้นจมลึกเข้าไปในผิวของว่านจื้อหมิงและกรีดคอเขาความเจ็บปวดรวดร้าวปกคลุมเข้ามา ว่านจื้อหมิงไม่กล้าชักช้า เขารีบเอ่ยตอบ “ข้าไม่เข้าใจที่เจ้าพูด สาส์นลับอะไร?”ว่านจื้อหมิงรู้ตั้งแต่ตอนที่เจี่ยนอันอันพูดคำว่าสาส์นลับแล้วว่าในหมู่คนที่เขาส่งไปมีคนทรยศอยู่เจี่ยนอันอันเห็นว่านจื้อหมิงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องก็ยิ้มเยาะและออกแรงที่มือหนักกว่าเดิมว่านจื้อหมิงรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ลำคออีกครั้ง เขากลัวว่าจะถูกเชือดคอในคราเดียว กลัวจนมีเหงื่อตกบริเวณหน้าผากเจี่ยนอันอันชำเลืองมองพวกฉู่จวินสิงทั้งสามคนที่กำลังต่อสู้ปราดหนึ่ง พบว่าพวกเขาสังหารทหารไปแล้วเกินครึ่งนางยิ้มเยาะว่า “เจ้าคงยังไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้สินะ”“ถ้าเช่นนั้นข้าจะช่วยบอกให้ พวกคนที่เจ้าส่งไปเมื่อคืนถูกฆ่าตายหมดแล้ว”“และข้าก็คือเจี่ยนอันอันที่สาส์นลับสั่งให้เอาชีวิต”ว่านจื้อหมิงได้ยินว่าหญิงสาวนางนี้ค
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วแน่น นางมองไปยังทิศทางที่ลูกธนูยิงมามองเห็นเพียงว่ามีเงาดำร่างหนึ่งกะพริบผ่านไป จากนั้นหายเข้าไปในความมืดอย่างรวดเร็ว“บ้าเอ๊ย!” เจี่ยนอันอันสบถด้วยความโมโหนางหันไปถีบว่านจื้อหมิงที่สิ้นใจไปแล้วอย่างแรงคนผู้นั้นราวกับต้องการเพียงปลิดชีพว่านจื้อหมิง ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้แต่อย่างใดเจี่ยนอันอันอยากไล่ตามไป แต่นางไม่รู้ว่าคนผู้นั้นหายไปที่ใดแล้วไม่นาน พวกฉู่จวินสิงทั้งสามคนก็จัดการทหารที่เหลือจนหมดเมื่อพวกเขามาถึงตัวเจี่ยนอันอันก็พบกับว่านจื้อหมิงที่ตายไปแล้วนอกจากนี้บริเวณอกยังมีลูกธนูดอกหนึ่งปักอยู่“เกิดอะไรขึ้น? ข้ายังไม่ทันได้ชำระแค้นที่เขาใส่ร้ายข้ามาตลอดหลายปีเลย เหตุใดจึงตายเสียแล้ว?”เซิ่งฟางถือกระบี่เปื้อนโลหิตไว้ในมือพร้อมกับถลึงตามองว่านจื้อหมิงที่อยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราดเจี่ยนอันอันโมโหเดือดดาลมากเช่นกัน อีกแค่ก้าวเดียวแท้ๆ นางก็จะได้รู้อยู่แล้วว่าผู้ใดส่งสาส์นลับให้ว่านจื้อหมิงทว่าตอนนี้ เบาะแสกลับขาดหายไปหมดแล้วเจี่ยนอันอันมองไปยังทิศที่คนผู้นั้นหายไปด้วยสายตาเย็นชาเงาร่างร่างนั้นทำให้เจี่ยนอันอันรู้สึกคุ้นอยู่ในท
เมื่อหันไปมองก็พบว่าหญิงสาวซึ่งเดิมทียืนอยู่เบื้องหน้าว่านจื้อหมิงได้มายืนอยู่ด้านหลังตัวเองตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ฝูเซียงขนหัวลุกด้วยความตกใจ นางน้ำตาไหลนองหน้าและขดตัวเป็นก้อน“พวกเจ้าจะทำอะไร อย่าฆ่าข้า!”พวกฉู่จวินสิงทั้งสามคนไม่รู้ว่าฝูเซียงเป็นผู้ใด แต่เจี่ยนอันอันรู้นางแสยะยิ้มมองฝูเซียง ในมือมีกระบี่เล่มหนึ่งปรากฏตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ นางพาดกระบี่บนคอฝูเซียงพร้อมกับยิ้มเยาะ “ว่านจื้อหมิงซึ่งเป็นคนรักของเจ้าได้ตายไปแล้ว ยังอยากแก้แค้นให้ญาติผู้พี่ของเจ้าอีกหรือไม่?”เดิมทีฝูเซียงก็กลัวมากอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งต้องส่ายหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความกลัวหนักกว่าเดิม“อย่าฆ่าข้า เจ้าอยากให้ข้าทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”นางเพิ่งจะอายุยี่สิบ ยังไม่ทันได้เพลิดเพลินกับวัยสาว จะมาตายในเงื้อมมือของพวกเขาแบบนี้ไม่ได้ เจี่ยนอันอันกำลังรีบร้อนอยากตามหากู้มั่วหลี ส่วนฝูเซียงก็เป็นคนรักของว่านจื้อหมิงนางต้องรู้เรื่องราวเกี่ยวกับกู้มั่วหลีแน่นอน“จะไว้ชีวิตเจ้าก็ได้ แต่เจ้าต้องบอกที่อยู่ของกู้มั่วหลี”ฝูเซียงไม่ได้รู้จักกู้มั่วหลี นางลืมตามองเจี่ยนอันอันอย่างหวาดกลัว“ข้าไม่รู้จักคนผู้นี้ด
ฝูเซียงรู้สึกเพียงว่าแขนขาของตัวเองชาไปหมด นางเผยอปากเพื่อขอร้องอ้อนวอนแต่แล้วกลับต้องค้นพบด้วยความตกใจว่าตัวเองไม่อาจเปล่งเสียงแม้เพียงคำเดียวฝูเซียงเบิกตาโพลงด้วยความตื่นกลัว ร่างกายส่ายโงนเงนไปมาอยู่สองสามครั้งก่อนจะล้มฟุบกับพื้นเจี่ยนอันอันคิดในใจว่าที่นี่เป็นย่านที่เจริญรุ่งเรืองของเมืองอินเป่ย มีคนสัญจรไปมามากมายพรุ่งนี้เช้าจะมีคนพบตัวฝูเซียงเองส่วนหลังจากนี้นางจะเป็นหรือตาย นั่นคงสุดแล้วแต่บุญแต่กรรมของตัวนางเองแล้วเจี่ยนอันอันไม่ได้สนใจความเจ็บปวดของฝูเซียงอีก นางเดินเข้าไปในที่ว่าการมณฑลจงโจวพร้อมกับสวมถุงมือพิเศษจากนั้นนำผงสลายศพกำหนึ่งจากห้วงมิติออกมาโปรยใส่ศพพวกนั้นศพทั้งหลายกลายเป็นน้ำหนองเป็นกองๆ อย่างรวดเร็วหลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น เจี่ยนอันอันก็ค่อยเดินออกจากที่ว่าการมณฑลจงโจวเซิ่งฟางกับเหยียนเซ่าทำการปิดประตูหลักของที่ว่าการนอกจากสมาชิกครอบครัวของว่านจื้อหมิงแล้ว ไม่มีผู้ใดรู้ทั้งนั้นว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นที่นี่เจี่ยนอันอันไม่ได้สังหารสมาชิกครอบครัวพวกนั้น นางจงใจปล่อยให้พวกนางมีชีวิตนางอยากเห็นว่าพวกนางจะมีความเคลื่อนไหวอะไรหลังจากที่รู้ว่
ตั๋วเงินทั้งห้านี้มูลค่ามากพอถึงห้าร้อยตำลึง ด้านบนนั้นยังเขียนตัวอักษรจวนกั๋วกงเอาไว้สามตัว“แม่นางเจี่ยน เงินนี้ข้าไม่อาจรับเอาไว้ได้” จงซิ่นไม่กล้ารับเงิน ขณะที่พูดออกมาก็จะนำตั๋วเงินคืนให้กับเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วผลักมือของจงซิ่นออกไป “ผู้เฒ่าจงลงแรงอย่างหนักไม่น้อยเพื่อเวินอี๋มาหลายปี ตั๋วเงินเหล่านี้ท่านรับไว้เถอะ”อย่างไรเสียนางยังมีทองคำและเครื่องประดับมากมายอยู่ในห้วงมิติ ตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงสำหรับนางแล้ว เป็นเพียงแค่จำนวนน้อยมากทว่าตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงนี้สำหรับจงซิ่นแล้ว กลับเป็นเงินที่ถึงสิบปีก็ไม่อาจหาได้“นี่...” จงซิ่นเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันใจกว้างมากเช่นนี้ เขากลับไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดีเขาเห็นว่าฉู่จวินสิงออกมาจากในห้อง จึงได้นำเงินนี้มอบให้ฉู่จวินสิง“คุณชายฉู่ เงินนี่ข้ารับไว้ไม่ได้ พวกท่านเอากลับไปเถอะ”ฉู่จวินสิงพูดปฏิเสธออกมาเช่นกัน “ผู้เฒ่าจงรับเอาไว้เสียเถอะ ท่านช่วยเวินอี๋เอาไว้มาก หลายปีมานี้ซื้อยาให้เขาก็ใช้เงินไปไม่น้อย”“ตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงนี้ ไม่ได้มากไปจริงๆ”จงซิ่นเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนยืนกรานจะมอบเงินให้กับเขา เขาเอง
ในตอนนี้ฉู่จวินสิงกำลังมองไปยังเวินอี๋ด้วยความเป็นกังวล “ทำไมเขาถึงได้เป็นเช่นนี้ หรือว่าเขายังโดนพิษอื่นเข้าอีก?”เจี่ยนอันอันเมื่อเห็นเข้าก็รีบเดินเข้ามา จับข้อมือของเวินอี๋ขึ้นมาตรวจชีพจรให้เขา“เขาไม่เป็นอะไร เลือดดำเมื่อครู่ที่เขาเพิ่งจะกระอักออกมานั้น พิษในร่างกายของเขาถูกกำจัดออกไปหมดแล้ว”เจี่ยนอันอันวางข้อมือเวินอี๋ลง เสียงของนางดังลอยเข้าใบหูของทุกคนหลังจากที่ฉู่จวินสิงได้ยินแล้ว หัวใจที่ถูกแขวนอยู่ของเขาก็รู้สึกโล่งขึ้นมาจงซิ่นเมื่อเห็นว่าพิษของเวินอี๋ในที่สุดก็ถูกกำจัดออกไป เขาก็ถอนหายใจยาวออกมาด้วยความโล่งอกจงซิ่นพูดออกมาด้วยความสบายใจ “ท่านเวิน ในที่สุดท่านก็ถือว่าไม่เป็นอะไรแล้ว หลายปีมานี้ทำเอาข้ากังวลใจเป็นอย่างมาก”เวินอี๋ได้ยินเสียงของจงซิ่น เลื่อนสายตาจากใบหน้าของเจี่ยนอันอัน มองมายังจงซิ่นผ่านไปไม่นาน เขาถึงค่อยๆ ได้สติขึ้นมาเขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ข้าจำได้ว่าเคยถูกชายสวมหน้ากากสีเงินตบไปครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ไม่รู้อะไรอีกแล้ว”“ทำไมข้าถึงได้มานอนอยู่ที่นี่ แล้วคนที่มาทำการสังหารหมู่ไปกันหมดแล้วอย่างนั้นหรือ?”หลังจากที่จงซิ่นได้ยินแล้ว ก็ถอนห
จงซิ่นพูดแล้วก็ใช้สองมือกดร่างเวินอี๋เอาไว้เพื่อให้เขาสงบลงเจี่ยนอันอันขมวดคิ้ว ตามหลักแล้ว เมื่อต้มสมุนไพรเหล่านี้ด้วยกันจะสามารถกลายเป็นยาถอนพิษได้จริงหรือว่านางจะทำผิดพลาดในบางขั้นตอน?ร่างกายของเวินอี๋สั่นแรงขึ้นเรื่อยๆ จนจงซิ่นกดไว้ไม่อยู่อีกต่อไปฉู่จวินสิงเดินเข้าไปช่วยกดขาของเวินอี๋ผ่านไปครู่หนึ่ง เวินอี๋จึงค่อยๆ สงบลงจงซิ่นเช็ดเหงื่อที่หน้าผากก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างแรงเจี่ยนอันอันเห็นว่าแม้เมื่อครู่นี้เวินอี๋จะตัวสั่นอย่างแรงเหมือนยามที่อาการกำเริบแต่สีของรอยเส้นสีดำบนร่างกายเขากลับเริ่มจางลงนางเข้าใจแล้ว กู้มั่วหลีไม่ได้หลอกนางสมุนไพรเหล่านี้ล้วนแต่เป็นยาถอนพิษให้เวินอี๋แต่เวินอี๋ถูกพิษมานานหลายปี ภายในร่างกายสะสมโอสถอย่างอื่นเป็นปริมาณมากเมื่อจู่ๆ ก็ใช้โอสถถอนพิษจึงเกิดการขัดแย้งกันเองภายในร่างกายส่งผลให้เขามีอาการแบบเมื่อครู่เพื่อไม่ให้จงซิ่นเป็นกังวล เจี่ยนอันอันบอกไปว่า “เมื่อครู่นี้ยาถอนพิษออกฤทธิ์แล้ว ประเดี๋ยวเขาก็ฟื้น”จงซิ่นจ้องเวินอี๋ เขาสังเกตเห็นเช่นกันว่าเส้นสีดำบนตัวเวินอี๋กำลังจางลงช้าๆเมื่อเวลาล่วงเลยไปหนึ่งก้านธูป รอยเส้นสีดำบนตั
นางมั่นใจในพิษของตัวเองมาก ก่อนหน้านี้นางทิ่มกู้มั่วหลีไปหนึ่งเข็มพิษที่อาบบนเข็มเงินมีฤทธิ์ร้ายแรงกว่าพิษตัวอื่นต่อให้กู้มั่วหลีจะเชี่ยวชาญด้านการใช้พิษเช่นกัน แต่เกรงว่าเขาคงถอนพิษของนางได้ไม่ไวขนาดนั้นหากเขากล้าบอกวิธีถอนพิษของปลอมให้กับนาง เช่นนั้นนางก็จะทำให้เขาต้องตายเพราะยาพิษเจี่ยนอันอันดูแล้วเซิ่งฟางต้องใช้เวลาอีกสักพักจึงจะทำอาหารเสร็จนางจึงลุกขึ้นเดินไปที่ห้องที่เวินอี๋พักอยู่ฉู่จวินสิงตามไปด้วยเพราะไม่วางใจเจี่ยนอันอันเลิกเสื้อของเวินอี๋ดู พบว่ารอยเส้นสีดำหยุดอยู่ห่างจากตำแหน่งของหัวใจไม่ไกลเคราะห์ดีที่รอยเส้นสีดำนี้ไม่ได้ขยายเพิ่ม ช่วยซื้อเวลาให้เจี่ยนอันอันได้ปรุงยาถอนพิษฉู่จวินสิงเอ่ยว่า “เทียบโอสถที่คนผู้นั้นให้มาสามารถถอนพิษให้เวินอี๋ได้จริงๆ หรือ?”เขาไม่ได้สงสัยในความสามารถของเจี่ยนอันอัน แต่เพราะไม่ไว้ใจในกู้มั่วหลีผู้นั้นคนที่กล้าวางยาพิษต่อผู้อื่นจะยอมบอกวิธีถอนพิษง่ายๆ ได้อย่างไรเจี่ยนอันอันรู้ว่าฉู่จวินสิงกังวลเรื่องอะไร นางยิ้มยิงฟันให้เขา“ท่านลองทายดูว่าพิษที่ข้าใช้กับเขามีฤทธิ์รุนแรงเพียงใด?”ฉู่จวินสิงได้ยินเจี่ยนอันอันพูดแบบนี้ก็เข
จงซิ่นคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมากันตั้งแต่เช้าแบบนี้ เขารีบให้ทั้งสี่คนเข้ามาในลานบ้านฉู่จวินสิงอยากให้เจี่ยนอันอันนอนได้สบายกว่านี้จึงถามจงซิ่นว่า “ผู้เฒ่าจง ที่บ้านท่านพอจะมีห้องว่างหรือไม่?”จงซิ่นมองเจี่ยนอันอันที่กำลังหลับสนิทปราดหนึ่งแล้วรีบตอบ “ที่ด้านหลังมีห้องว่างอยู่ แต่ห้องค่อนข้างโทรม”ฉู่จวินสิงไม่ได้มีปัญหาอะไร เขาเคยนอนในวัดร้างด้วยซ้ำ ห้องที่ทรุดโทรมจึงไม่นับว่าเป็นอะไรฉู่จวินสิงตอบอย่างไม่ยี่หระ “รบกวนผู้เฒ่าจงช่วยนำทางด้วย”จงซิ่นเห็นว่าฉู่จวินสิงไม่รังเกียจก็รีบขานรับและพาฉู่จวินสิงไปยังห้องโทรมๆ ที่อยู่ด้านหลังฉู่จวินสิงอุ้มเจี่ยนอันอันเข้าไปวางลงบนเตียง ตามด้วยห่มผ้าผืนบางให้กับนางเขาลูบแก้มนางอย่างแผ่วเบา พบว่านางยังคงหลับสนิท ใบหน้าดวงน้อยถูไปมากับฝ่ามือของเขารอยยิ้มรักใคร่เอ็นดูค่อยๆ ปรากฏบนใบหน้าของฉู่จวินสิงเขาอยู่ที่นี่เพียงไม่นานก็สืบเท้ายาวๆ เดินออกไป ไม่ได้รบกวนการพักผ่อนของเจี่ยนอันอันฉู่จวินสิงกลับมาที่ลานด้านหน้าก็พบว่าจงซิ่นกำลังก่อไฟทำอาหารเหน็ดเหนื่อยมาทั้งคืน เป็นความจริงที่พวกเขารู้สึกหิวเล็กน้อยฉู่จวินสิงคิดในใจว่ารอไว้ถึงเวลากินข
ฝูเซียงรู้สึกเพียงว่าแขนขาของตัวเองชาไปหมด นางเผยอปากเพื่อขอร้องอ้อนวอนแต่แล้วกลับต้องค้นพบด้วยความตกใจว่าตัวเองไม่อาจเปล่งเสียงแม้เพียงคำเดียวฝูเซียงเบิกตาโพลงด้วยความตื่นกลัว ร่างกายส่ายโงนเงนไปมาอยู่สองสามครั้งก่อนจะล้มฟุบกับพื้นเจี่ยนอันอันคิดในใจว่าที่นี่เป็นย่านที่เจริญรุ่งเรืองของเมืองอินเป่ย มีคนสัญจรไปมามากมายพรุ่งนี้เช้าจะมีคนพบตัวฝูเซียงเองส่วนหลังจากนี้นางจะเป็นหรือตาย นั่นคงสุดแล้วแต่บุญแต่กรรมของตัวนางเองแล้วเจี่ยนอันอันไม่ได้สนใจความเจ็บปวดของฝูเซียงอีก นางเดินเข้าไปในที่ว่าการมณฑลจงโจวพร้อมกับสวมถุงมือพิเศษจากนั้นนำผงสลายศพกำหนึ่งจากห้วงมิติออกมาโปรยใส่ศพพวกนั้นศพทั้งหลายกลายเป็นน้ำหนองเป็นกองๆ อย่างรวดเร็วหลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น เจี่ยนอันอันก็ค่อยเดินออกจากที่ว่าการมณฑลจงโจวเซิ่งฟางกับเหยียนเซ่าทำการปิดประตูหลักของที่ว่าการนอกจากสมาชิกครอบครัวของว่านจื้อหมิงแล้ว ไม่มีผู้ใดรู้ทั้งนั้นว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นที่นี่เจี่ยนอันอันไม่ได้สังหารสมาชิกครอบครัวพวกนั้น นางจงใจปล่อยให้พวกนางมีชีวิตนางอยากเห็นว่าพวกนางจะมีความเคลื่อนไหวอะไรหลังจากที่รู้ว่
เมื่อหันไปมองก็พบว่าหญิงสาวซึ่งเดิมทียืนอยู่เบื้องหน้าว่านจื้อหมิงได้มายืนอยู่ด้านหลังตัวเองตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ฝูเซียงขนหัวลุกด้วยความตกใจ นางน้ำตาไหลนองหน้าและขดตัวเป็นก้อน“พวกเจ้าจะทำอะไร อย่าฆ่าข้า!”พวกฉู่จวินสิงทั้งสามคนไม่รู้ว่าฝูเซียงเป็นผู้ใด แต่เจี่ยนอันอันรู้นางแสยะยิ้มมองฝูเซียง ในมือมีกระบี่เล่มหนึ่งปรากฏตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ นางพาดกระบี่บนคอฝูเซียงพร้อมกับยิ้มเยาะ “ว่านจื้อหมิงซึ่งเป็นคนรักของเจ้าได้ตายไปแล้ว ยังอยากแก้แค้นให้ญาติผู้พี่ของเจ้าอีกหรือไม่?”เดิมทีฝูเซียงก็กลัวมากอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งต้องส่ายหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความกลัวหนักกว่าเดิม“อย่าฆ่าข้า เจ้าอยากให้ข้าทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”นางเพิ่งจะอายุยี่สิบ ยังไม่ทันได้เพลิดเพลินกับวัยสาว จะมาตายในเงื้อมมือของพวกเขาแบบนี้ไม่ได้ เจี่ยนอันอันกำลังรีบร้อนอยากตามหากู้มั่วหลี ส่วนฝูเซียงก็เป็นคนรักของว่านจื้อหมิงนางต้องรู้เรื่องราวเกี่ยวกับกู้มั่วหลีแน่นอน“จะไว้ชีวิตเจ้าก็ได้ แต่เจ้าต้องบอกที่อยู่ของกู้มั่วหลี”ฝูเซียงไม่ได้รู้จักกู้มั่วหลี นางลืมตามองเจี่ยนอันอันอย่างหวาดกลัว“ข้าไม่รู้จักคนผู้นี้ด
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วแน่น นางมองไปยังทิศทางที่ลูกธนูยิงมามองเห็นเพียงว่ามีเงาดำร่างหนึ่งกะพริบผ่านไป จากนั้นหายเข้าไปในความมืดอย่างรวดเร็ว“บ้าเอ๊ย!” เจี่ยนอันอันสบถด้วยความโมโหนางหันไปถีบว่านจื้อหมิงที่สิ้นใจไปแล้วอย่างแรงคนผู้นั้นราวกับต้องการเพียงปลิดชีพว่านจื้อหมิง ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้แต่อย่างใดเจี่ยนอันอันอยากไล่ตามไป แต่นางไม่รู้ว่าคนผู้นั้นหายไปที่ใดแล้วไม่นาน พวกฉู่จวินสิงทั้งสามคนก็จัดการทหารที่เหลือจนหมดเมื่อพวกเขามาถึงตัวเจี่ยนอันอันก็พบกับว่านจื้อหมิงที่ตายไปแล้วนอกจากนี้บริเวณอกยังมีลูกธนูดอกหนึ่งปักอยู่“เกิดอะไรขึ้น? ข้ายังไม่ทันได้ชำระแค้นที่เขาใส่ร้ายข้ามาตลอดหลายปีเลย เหตุใดจึงตายเสียแล้ว?”เซิ่งฟางถือกระบี่เปื้อนโลหิตไว้ในมือพร้อมกับถลึงตามองว่านจื้อหมิงที่อยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราดเจี่ยนอันอันโมโหเดือดดาลมากเช่นกัน อีกแค่ก้าวเดียวแท้ๆ นางก็จะได้รู้อยู่แล้วว่าผู้ใดส่งสาส์นลับให้ว่านจื้อหมิงทว่าตอนนี้ เบาะแสกลับขาดหายไปหมดแล้วเจี่ยนอันอันมองไปยังทิศที่คนผู้นั้นหายไปด้วยสายตาเย็นชาเงาร่างร่างนั้นทำให้เจี่ยนอันอันรู้สึกคุ้นอยู่ในท
ว่านจื้อหมิงตกใจมากเมื่อเห็นเจี่ยนอันอันปรากฏตัวอย่างฉับพลันนางเข้ามาอยู่ในที่ว่าการมณฑลจงโจวตั้งแต่เมื่อไร เหตุใดจึงไม่เห็นนางอยู่ในการตะลุมบอนเมื่อครู่?เจี่ยนอันอันเห็นว่านจื้อหมิงไม่ตอบก็กดมีดลึกกว่าเดิมคมจากมีดสั้นจมลึกเข้าไปในผิวของว่านจื้อหมิงและกรีดคอเขาความเจ็บปวดรวดร้าวปกคลุมเข้ามา ว่านจื้อหมิงไม่กล้าชักช้า เขารีบเอ่ยตอบ “ข้าไม่เข้าใจที่เจ้าพูด สาส์นลับอะไร?”ว่านจื้อหมิงรู้ตั้งแต่ตอนที่เจี่ยนอันอันพูดคำว่าสาส์นลับแล้วว่าในหมู่คนที่เขาส่งไปมีคนทรยศอยู่เจี่ยนอันอันเห็นว่านจื้อหมิงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องก็ยิ้มเยาะและออกแรงที่มือหนักกว่าเดิมว่านจื้อหมิงรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ลำคออีกครั้ง เขากลัวว่าจะถูกเชือดคอในคราเดียว กลัวจนมีเหงื่อตกบริเวณหน้าผากเจี่ยนอันอันชำเลืองมองพวกฉู่จวินสิงทั้งสามคนที่กำลังต่อสู้ปราดหนึ่ง พบว่าพวกเขาสังหารทหารไปแล้วเกินครึ่งนางยิ้มเยาะว่า “เจ้าคงยังไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้สินะ”“ถ้าเช่นนั้นข้าจะช่วยบอกให้ พวกคนที่เจ้าส่งไปเมื่อคืนถูกฆ่าตายหมดแล้ว”“และข้าก็คือเจี่ยนอันอันที่สาส์นลับสั่งให้เอาชีวิต”ว่านจื้อหมิงได้ยินว่าหญิงสาวนางนี้ค