จ้าวลิ่วกอดความทะเยอทะยานมายังเมืองหลวง แต่ก็พบว่าที่นี้หาเงินได้ไม่ง่ายเหมือนอย่างที่เขาคิดเอาไว้เดิมทีเขาก็ไม่ได้มีความสามารถอะไร ในตอนที่อยู่ที่บ้านก็ไม่เคยไปทำงานที่ทุ่งนาอะไรเลยหลังจากที่มาในเมืองแล้ว เขาถึงกับอึ้งตะลึงไปโลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสันสวยงาม แตกต่างไปจากความสงบสุขของหมู่บ้านชิงสุ่ยอย่างสิ้นเชิงจ้าวลิ่วคลุกคลีอยู่ด้านนอกมาสองปี แต่กลับคลุกคลีจนกลายเป็นคนที่ไม่มีคุณธรรมหากว่าถูกครอบครัวจางต้าเห็นเข้า ไม่รู้ว่าจะดุด่าเขาว่าอย่างไรแต่ที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ หญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าเขาจะรู้จักกับพี่ห้าของเขาได้ไม่นานจ้าวลิ่วก็โพล่งออกมา “ข้าไม่รู้จักจ้าวอู่”เขาเพิ่งจะพูดคำนี้ออกมาจบ ก็เสียใจเสียจนอยากจะกัดลิ้นของตนเองทิ้งเสียเมื่อครู่นี้เจี่ยนอันอันไม่ได้พูดถึงชื่อของจ้าวอู่ แต่ตอนนี้เหมือนว่าเขาจะสารภาพมันออกไปเองแล้วเจี่ยนอันอันกลอกตาไปมาให้จ้าวลิ่ว นางไม่ได้เปิดโปงเขา แต่พูดกับเซิ่งฟางออกมา“พี่เซิ่ง ท่านนำตัวเขากลับไปขังที่ว่าการอำเภอเสียก่อน”“รอจนเมื่อเรื่องของพวกเราจัดการกันเรียบร้อยแล้ว ข้าจะกลับมาสั่งสอนเขาให้ดีๆ”เซิ่งฟางพยักหน้า แล้วจ้อง
จงซิ่นจ้องมองฉู่จวินสิงขึ้นๆ ลงๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น“ท่านคือเยียนอ๋องคนนั้นที่ถูกเนรเทศมายังเมืองอินเป่ยหรือ?”ฉู่จวินสิงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจำตนเองได้ ก็พยักหน้าออกมา “เป็นข้าเอง”จงซิ่นที่เดิมขมวดคิ้วอยู่ก็ผ่อนคลายลงทันทีเขาเคยได้ยินเวินอี๋พูดออกมา เยียนอ๋องจากแคว้นไท่ยวนทั้งกล้าหาญและเก่งการสู้รบ ทำความดีความชอบให้แคว้นไท่ยวนมาไม่น้อย ส่วนวิชาลูกเตะทลายเมฆานั้น ก็เป็นเยียนอ๋องที่สร้างขึ้นมาจงซิ่นอยากจะพบกับเยียนอ๋องมานานแล้ว กลับไม่คิดเลยว่าจะมาพบกับเขาได้ที่นี่จงซิ่นรีบกำหมัดโค้งกายทำความเคารพฉู่จวินสิง“ข้าน้อยจงซิ่น คารวะเยียนอ๋อง”ฉู่จวินสิงรีบพูดขึ้น “มาตอนนี้ข้าไม่ใช่เยียนอ๋องอะไรนั่นอีกแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องทำความเคารพอะไรเช่นนี้อีก”จงซิ่นยืดตัวขึ้น ใบหน้าค่อยๆ เผยให้เห็นรอยยิ้มยินดีขึ้นมา“ข้าอยางจะพบกับเยียนอ๋องมานานแล้ว กลับไม่คิดเลยว่า จะมาพบกับท่านที่นี่ได้”จงซิ่นตื่นเต้นมากเช่นนี้ ทำให้ฉู่จวินสิงประหลาดใจเล็กน้อย“ผู้เฒ่าจงไปเรียนลูกเตะทลายเมฆามาจากที่ใดกัน?”วิชาเตะนี้เขาเคยสอนไปเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น และคนคนนั้นก็ตายไปในสนามรบเมื
และในตอนที่จงซิ่นกำลังสงสัยอยู่นั้น เซิ่งฟางก็เดินเข้ามาในตอนที่รู้ว่าจะไปบ้านของจงซิ่นเพื่อช่วยคน เซิ่งฟางเองก็ไม่ได้คัดค้านฉู่จวินสิงให้จงซิ่นขึ้นมานั่งบนรถม้า ไม่นานนักก็พากันเดินทางไปยังบ้านของจงซิ่นตลอดทาง จงซิ่นอดที่จะมองไปยังเจี่ยนอันอันเป็นระยะๆ ไม่ได้เขาพบว่าเจี่ยนอันอันเต็มไปด้วยความสงบนิ่ง เหมือนว่าจะมีความมั่นใจอย่างเต็มที่ที่จะช่วยเวินอี๋เอาไว้ทว่าไม่ว่าเขาจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่าเจี่ยนอันอันอายุยังน้อย ไม่เหมือนกับคนที่มีทักษะทางการแพทย์เจี่ยนอันอันรู้ว่าจงซิ่นกำลังสงสัยในความสามารถขอองตน แต่นางไม่ใส่ใจนางแน่ใจว่าจะรักษาร่างกายเวินอี๋ได้ระหว่างทางไปยังบ้านของจงซิ่น จงซิ่นก็ได้รู้ว่าเจี่ยนอันอันเป็นภรรยาของฉู่จวินสิงรถม้าไม่นานนักก็มาถึงประตูบ้านจงซิ่น จงซิ่นลงมาจากรถม้าก่อน เคาะประตูดังขึ้นประตูถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว เด็กน้อยอายุราวเจ็ดแปดขวบคนหนึ่งโผล่หัวออกมาเมื่อนางเห็นว่าจงซิ่นกลับมาแล้ว ก็รีบเปิดประตูเรือนขึ้น“ท่านปู่ ท่านรีบไปดูเข้า ท่านลุงเวินไม่สบายอีกแล้ว”จงซิ่นได้ยินคำนี้เข้า ก็รีบเดินเข้าไปทว่าเขาเพิ่งจะเดินไปได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าว ก็ค
ในปีนั้นตอนที่เกิดการสังหารหมู่ขึ้น คนในครอบครัวของจงซิ่นเองก็ไม่รอดลูกชายลูกสะใภ้ของเขา ล้วนแต่ตายในน้ำมือของศัตรูจงซิ่นเพื่อที่จะแก้แค้นให้คนในครอบครัว ก็โวยวายที่จะไปฆ่าคนในราชวงศ์ในตอนนั้นเวินอี๋พยายามห้ามเอาไว้อย่างเต็มที่ แล้วยังบอกเขาว่าด้านนอกนั้นวุ่นวายเป็นอย่างมากถึงแม้ว่าเขาจะมีแรงพละกำลังเต็มที่ ทว่าเพียงแค่สองหมัดยากจะเอาชนะสี่มือได้เขาอยากจะแก้แค้นก็ไม่ควรจะรีบร้อนในตอนนี้รอจนเมื่อดึกสงัดผู้คนเงียบสงบลง ค่อยไปแก้แค้นก็ยังไม่สายทว่าจงซิ่นในตอนนั้นถูกความแค้นท่วมท้นทำให้ตาบอดไป เขายืนกรานจะไปแก้แค้นคนที่สังหารครอบครัวเขาจงซิ่นไม่ได้ฟังคำเกลี้ยกล่อมของเวินอี๋ หยิบมีดเล่นยาวแล้วเดินออกไปเวินอี๋กังวลในความปลอดภัยของจงซิ่น แต่ก็ไม่อยากทิ้งจงหลานเอาไว้ที่บ้านเพียงลำพัง พ่อแม่ของจงหลานเพื่อที่จะปกป้องนางแล้ว ถึงได้ตายไปภายใต้คมมีดของศัตรูหากว่านางถูกฆ่า เกรงว่าจงซิ่นคงไม่อาจใช้ชีวิตได้อย่างปกติไปตลอดเพื่อที่จะปกป้องจงหลาน เวินอี๋จึงรออยู่ที่บ้านรอจนเมื่อจงซิ่นกลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่างกาย ก็มองเห็นเวินอี๋นอนอยู่กลางลานบ้านแล้วจงหลานอายุสองขวบนั่งร้อ
เจี่ยนอันอันไม่อยากเสียเวลาอีกแล้วจึงก้าวยาวๆ ออกไปข้างนอกคนทั้งสี่ขึ้นไปนั่งบนรถม้าแล้วตรงไปยังจวนผู้ว่าการมณฑลจงโจวจวนผู้ว่าการมณฑลจงโจวไม่ได้อยู่ในอำเภอไถหยาง แต่อยู่ในเมืองหลักระหว่างทางพวกเจี่ยนอันอันรู้สึกหิว แต่ตอนนี้พวกนางไม่มีกะจิตกะใจจะไปกินข้าวในร้านอาหารเลยสักนิดเจี่ยนอันอันซื้อขนมปังกับน้ำจากร้านค้าในมิติแล้วแจกจ่ายให้พวกฉู่จวินสิงสามคนพวกเขาไม่เคยเห็นขนมปังมาก่อน ต่างมองห่อขนมปังอย่างอึ้งงัน ไม่รู้ว่าควรกินอย่างไรเจี่ยนอันอันบอกพวกเขาว่าต้องฉีกซองออกเสียก่อนจึงจะสามารถกินอาหารที่อยู่ข้างในได้คนทั้งสามฉีกซองขนมปังโดยเลียนแบบท่าทางของเจี่ยนอันอันกลิ่นหอมของขนมปังลอยเข้าจมูก ประกอบกับคนทั้งสี่กำลังหิวจึงรีบกัดกินคำโตเซิ่งฟางกินพลางถามว่า “อันอัน นี่คืออะไรหรือ เหตุใดจึงนุ่มอร่อยเช่นนี้?”เจี่ยนอันอันดื่มน้ำคำหนึ่ง กลืนขนมปังในปากลงไป“นี่คือของว่างที่ข้าทำขึ้นมาในบ้าน ข้าตั้งชื่อให้มันว่าขนมปัง”“ที่ข้ายังมีอีกเยอะ พวกท่านกินให้เต็มที่”“ขนมปังค่อนข้างติดคอ พวกท่านกินน้ำตามไปด้วย”ฉู่จวินสิงเคยเห็นน้ำแร่มาก่อน เขารู้ว่าควรเปิดของสิ่งนี้อย่างไรเขาหมุน
ฉู่จวินสิงมุ่นคิ้ว “ตอนนี้ข้างในเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ เจ้าบุกเข้าไปแบบนี้อันตรายเกินไป ข้าไม่เห็นด้วย”ฉู่จวินสิงไม่อยากให้เจี่ยนอันอันเข้าไปเสี่ยงอันตรายตามลำพังเซิ่งฟางก็พูดเสริมว่า “น้องหญิงอันอัน ถ้าเจ้าจะเข้าไปตอนนี้ให้ได้ ข้าจะเข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า”เจี่ยนอันอันไม่อยากให้มีคนตามไปด้วย อย่างไรเสียนางสามารถล่องหนได้ แต่คนอื่นทำไม่ได้นางยิ้มให้พวกฉู่จวินสิงพลางเอ่ย “พวกท่านรออยู่ในนี้อย่างวางใจเถอะ”นางกล่าวจบก็ขยิบตาให้ฉู่จวินสิง“อย่าลืมสิ ข้าล่องหนได้นะ”ฉู่จวินสิงได้เจี่ยนอันอันเอ่ยเตือนเช่นนี้ค่อยนึกออกว่านางสามารถล่องหนได้เซิ่งฟางกับเหยียนเซ่าได้ยินดังนั้นก็ต้องเบิกตาโพลงอย่างอดไม่อยู่พวกเขามองเจี่ยนอันอันอย่างแตกตื่น ไม่แน่ใจว่านางกำลังพูดเล่นกับพวกตนอยู่หรือเปล่าเจี่ยนอันอันอธิบายเพราะไม่อยากให้คนทั้งสองคิดอะไรเหลวไหล “ความจริงข้ามีชุดสุดล้ำค่าอยู่ชุดหนึ่ง ขอเพียงสวมชุดนี้ ข้าก็จะสามารถล่องหนได้”เจี่ยนอันอันพูดพลางซื้อเสื้อกันฝนธรรมดาของยุคปัจจุบันชุดหนึ่งจากร้านค้าในมิตินางสวมเสื้อกันฝนนั้น ในใจท่องคาถาล่องหนเงียบๆในไม่ช้า นางก็พลันหายตัวไปต่อหน้าต่อตา
เจี่ยนอันอันเข้าใจแล้ว มิน่าเล่าผู้ว่าการมณฑลจงโจวจึงมีกองทัพนับพันอยู่ในครอบครองที่แท้ในจวนของเขาก็ซุกซ่อนป้ายคำสั่งพยัคฆ์เอาไว้นี่เองเจี่ยนอันอันย่อมไม่ปล่อยให้ป้ายคำสั่งนี้อยู่ที่นี่ต่อไปนางเก็บป้ายคำสั่งนั้นไว้ในมิติแล้วหยิบป้ายคำสั่งขนาดเท่ากันออกมาชิ้นหนึ่งบนป้ายคำสั่งนั้นสลักรูปเฮลโลคิตตี้ที่กอดหมีน้อยเอาไว้ตัวหนึ่งเจี่ยนอันอันวางป้ายคำสั่งนั้นลงในกล่องไม้แล้วกดช่องลับเบาๆ กล่องไม้นั้นก็เด้งกลับเข้าไปเพื่อไม่ให้ผู้ว่าการมณฑลจงโจวสังเกตเห็นว่าตรงนี้มีคนเคยแตะต้องเจี่ยนอันอันซื้อของเลียนแบบภาพพู่กันโบราณจากร้านค้าในมิติออกมาจำนวนหนึ่งยามนี้นางยังไม่อยากให้ผู้ว่าการมณฑลจงโจวตายเร็วขนาดนั้นนางอยากเห็นว่าหลังจากที่ผู้ว่าการมณฑลจงโจวพบว่าป้ายคำสั่งของตนถูกสลับไปแล้วจะมีท่าทางเช่นไรแค่คิดถึงท่าทางน่าสมเพชตอนที่ผู้ว่าการมณฑลจงโจวหยิบป้ายคำสั่งปลอมขึ้นมา นางก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา หลังทำทุกอย่างเสร็จ เจี่ยนอันอันก็ออกมาจากห้องลับเจี่ยนอันอันกลับมาที่ศาลาอีกครั้งก็เห็นว่านจื้อหมิงผู้ว่าการมณฑลจงโจวกำลังนั่งจิบชาอยู่เขาดูไปแล้วเหมือนอาย
เจี่ยนอันอันใช้เข็มเงินปลดล็อกแม่กุญแจออกก็พบว่าในหีบคือเงินทองของล้ำค่าและผ้าไหมแพรพรรณรอยยิ้มค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเจี่ยนอันอันนางย่อมกวาดทรัพย์สมบัติเหล่านี้เข้ามิติโดยไม่เหลือไว้แม้แต่ชิ้นเดียวอยู่แล้วหลังจากขนสมบัติจากทุกหีบจนเกลี้ยง เจี่ยนอันอันก็ออกมาจากคลังสมบัติอย่างมีความสุขนางไม่ได้รีบร้อนไปจากจวนผู้ว่าการมณฑลจงโจว แต่เดินเตร่อยู่ข้างในรอบหนึ่งเหมือนกับที่นางคิดไว้ตอนแรก ที่นี่วางกำลังทหารไว้จำนวนมากแม้แต่บนหลังคาก็วางมือธนูไว้จำนวนมากถ้าพวกเขาบุกเข้ามาอย่างซึ่งหน้าแต่แรกก็คงถูกธนูยิงทะลุร่างจนกลายเป็นเม่นอย่างรวดเร็วเจี่ยนอันอันสำรวจสภาพภูมิประเทศและกำลังทหารในนั้นเสร็จก็จะจากไปในเวลานั้นเอง น้ำเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งก็พลันดังขึ้นจากข้างหลัง“เจ้าจะจากไปเร็วขนาดนี้เลยหรือ ไม่เดินสำรวจจวนผู้ว่าการมณฑลจงโจวต่ออีกสักหน่อยเล่า?”เจี่ยนอันอันหันกลับไปก็เห็นบุรุษสวมหน้ากากเงินผู้หนึ่งยืนอยู่บริเวณไม่ไกลจากนางมุมปากของเขามีรอยยิ้มประดับอยู่ สายตาจับจ้องมาทางนางเจี่ยนอันอันใจหายวูบ นางคิดไม่ถึงว่าวิชาล่องหนของตนเองจะถูกคนผู้นี้มองเห็นได้เจี่ยนอันอันขมวดคิ้ว
กวนซินถูกส่ายแขนจนหมดคำจะพูดนางเงยหน้ามองไปทางเจี่ยนอันอัน พบว่าอีกฝ่ายพยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้มแม้ว่ากวนซินจะยังไม่ค่อยเชื่อใจเจี่ยนอันอันนัก แต่นางก็ไม่อาจพูดอะไรได้อีกเพราะถึงอย่างไรเสีย ที่ตัวนางสามารถยืนอยู่ที่นี่ได้อย่างปลอดภัยและไม่ถูกเตียวเฉียงทำร้ายทั้งหมดต้องขอบคุณในความช่วยเหลือจากเจี่ยนอันอันนางลุกขึ้นพูดด้วยสีหน้าจนใจ “อันอัน เจ้าสอนวิธีใช้ยาพิษอย่างง่ายๆ ให้ตั๋วตั่วก่อนแล้วกัน อย่าเพิ่งสอนที่ซับซ้อนเกินไป”“ข้ากลัวว่านางจะทำตัวเองบาดเจ็บ อย่างไรข้าก็มีลูกแค่คนเดียว ไม่อาจเสียนางไปอีกคนจริงๆ”เจี่ยนอันอันเลิกคิ้ว นางนึกถึงตอนที่จับชีพจรให้กวนซินก่อนหน้านี้และพบว่าอีกฝ่ายกำลังตั้งครรภ์ดูท่าว่ากวนซินคงยังไม่รู้ว่าในท้องตัวเองมีเด็กอยู่อีกคนเจี่ยนอันอันขยับเข้าไปใกล้หูกวนซินและกระซิบว่า “เกรงว่าเจ้ายังมีลูกอีกคนที่ต้องปกป้องนะ”กวนซินฟังแล้วมีสีหน้าประหลาดใจนางยังมีลูกอีกคนงั้นหรือ นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?สายตาของเจี่ยนอันอันจ้องมองไปที่ท้องของกวนซินนางยังคงใช้ระดับเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคน “เจ้าตั้งท้องแล้ว คงไม่รู้ตัวสินะ”กวนซินถอยหลังออกไปก้าวหนึ่
กวนซินพบว่าเมื่อครู่นี้เจี่ยนอันอันไม่ได้ป้อนโอสถหนอนศพให้กับเตียวเฉียงนางอดถามไม่ได้ว่า “อันอัน เหตุใดเมื่อครู่นี้จึงไม่ป้อนโอสถหนอนศพให้เตียวเฉียงหรือ?”เจี่ยนอันอันตอบด้วยรอยยิ้ม “เมื่อครู่นี้ข้าแทงเขาด้วยเข็มอาบยาพิษไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องเปลืองโอสถหนอนศพกับเขาอีก”กวนซินขานรับว่า “อ้อ” แล้วไม่ได้พูดอะไรอีกกระนั้นนางก็ยังคงไม่สบายใจเล็กน้อย เพราะเตียวเฉียงเป็นคนที่มีศิลปะการต่อกล้าแกร่งที่สุดในบรรดาคนเหล่านี้หากวันใดได้รับการถอนพิษ เขาต้องหวนกลับมาแก้แค้นเจี่ยนอันอันแน่นอนเจี่ยนอันอันมองออกว่ากวนซินกังวลเรื่องอะไร นางตบบ่าอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา“วางใจเถิด ยาพิษที่ข้าใช้กับเขามีฤทธิ์รุนแรงกว่าโอสถหนอนศพหลายเท่า”“หากหลังจากนี้เขากล้ามีความคิดสกปรกต่อเจ้า พิษในตัวเขาก็จะออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว”ใบหน้าของเจี่ยนอันอันมีรอยยิ้มไม่ชอบมาพากลเมื่อพูดถึงตรงนี้“บัดนี้เตียวเฉียงไม่อาจประกอบกิจทางกามได้อีกต่อไปแล้ว เขาไม่ต่างอะไรกับขันที”“ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อใดที่เขามีความคิดที่จะลงมือ พิษในร่างกายก็จะออกฤทธิ์ทันที”กวนซินฟังจบแล้วมองเจี่ยนอันอันด้วยความตื่นตะลึงภายในใจรู้สึกตื่นเ
เมื่อสือเจี้ยกลับออกมา เจี่ยนอันอันก็ให้เขาลากแม่นมหลี่กับบ่าวรับใช้คนอื่นๆ ที่เหลือเข้าไปในลานบ้านให้หมดชิวเหลียนยืนพูดด้วยความสงสัยอยู่ด้านข้าง “ฮูหยินน้อยรอง ท่านให้พวกเขากินอะไรหรือเจ้าคะ เหตุใดจึงเหมือนยาพิษ?”เจี่ยนอันอันยิ้มบางๆ ดวงตาฉายประกายเย็นยะเยียบเหี้ยมโหด“ข้าให้พวกเขากินโอสถหนอนศพ หากพวกเขากล้ารังควานกวนซินกับฉู่ตั๋วตั่วอีก หนอนศพในตัวพวกเขาก็จะกัดกินอวัยวะภายในของพวกเขาให้สิ้นซาก”นางได้เรียนรู้วิธีใช้โอสถหนอนศพพวกนี้มาจากพ่อที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วของนางสือเจี้ยที่เพิ่งเดินออกมาฟังถ้อยคำของเจี่ยนอันอันแล้วอดที่จะขนหัวลุกไม่ได้เคราะห์ดีที่เขาไม่ได้เอาแต่ทำร้ายกวนซินกับฉู่ตั๋วตั่วเหมือนพวกแม่นมหลี่มิเช่นนั้นคงมีจุดจบแบบเดียวกันเดิมทีสือเจี้ยก็เป็นคนใกล้ชิดของกวนซิน ระหว่างที่ถูกเนรเทศมาด้วยกัน แม่นมหลี่ได้พยายามซื้อตัวเขาด้วยเงินแต่สือเจี้ยเป็นคนแยกบุญคุณความแค้นชัดเจนมาโดยตลอด เขาไม่อยากเข้าพวกกับคนเลวจึงปฏิเสธแม่นมหลี่ไปเรื่องนี้ทำให้แม่นมหลี่มองว่าเขากับกวนซินเป็นพวกเดียวกันแม่นมหลี่ไม่เพียงแต่ชอบทรมานกวนซินกับฉู่ตั๋วตั่ว แต่ยังมอบงานที่ต้องใช
เจี่ยนอันอันรีบนำโอสถรักษาบาดแผลภายในเม็ดหนึ่งออกมาจากห้วงมิตินางบีบปากของฉู่ตั๋วตั่วและป้อนโอสถเข้าไปโอสถละลายทันทีที่เข้าปากและไหลเข้าสู่ร่างกายของฉู่ตั๋วตั่วอย่างรวดเร็วกวนซินมองฉู่ตั๋วตั่วไม่ละสายตา นางไม่รู้ว่าเจี่ยนอันอันป้อนโอสถอะไรให้ฉู่ตั๋วตั่วแต่เวลานี้ นางเชื่อในตัวเจี่ยนอันอันอย่างสุดหัวใจหากไม่ใช่เพราะตอนนั้นมีการรักษาจากเจี่ยนอันอัน เกรงว่านางคงตายระหว่างเดินทางไปแล้วกวนซินเห็นเปลือกตาของฉู่ตั๋วตั่วขยับ จากนั้นฟื้นคืนสติอย่างรวดเร็วเมื่อฉู่ตั๋วตั่วลืมตามาเห็นว่าผู้ที่กำลังกอดตัวเองคือกวนซิน นางก็ร้องไห้ “ฮือ” ออกมา“ตั๋วตั่ว ลูกรักของแม่ ในที่สุดเจ้าก็ฟื้น”กวนซินกอดฉู่ตั๋วตั่วแน่น น้ำตาเม็ดโตร่วงหยดลงมาฉู่ตั๋วตั่วหยุดร้องไห้และเอื้อมมือน้อยๆ ไปเช็ดน้ำตาให้กวนซิน“ท่านแม่ อย่าร้องไห้”เสียงที่ไร้เดียงสาและอ่อนแรงของฉู่ตั๋วตั่วทำให้กวนซินปวดใจหนักเข้าไปอีกเจี่ยนอันอันจับชีพจรให้ฉู่ตั๋วตั่วอีกครั้ง เมื่อพบว่าไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วค่อยถอนหายใจด้วยความโล่งอกเคราะห์ดีที่ภายในคลังยาของนางมีโอสถรักษาแผลอยู่เยอะมากแม้จะใช้ไปเยอะมากแล้วแต่ก็ยังมีเหลืออีกมา
เพิ่งจะสิ้นเสียงของแม่นมหลี่ ป้ายคำสั่งในมือนางก็ถูกเจี่ยนอันอันแย่งไปแม่นมหลี่รู้สึกว่าภายในมือว่างเปล่า ครั้นได้สติก็พบว่าเจี่ยนอันอันกำลังถือป้ายคำสั่งไว้ในมือและมองเหยียดลงมาที่นาง“เห็นป้ายคำสั่งก็เปรียบเสมือนเห็นฮ่องเต้ ยายแก่คางคก ผู้ที่ควรคุกเข่าน่าจะเป็นเจ้ามากกว่ากระมัง!”แม่นมหลี่โกรธจนหัวแทบระเบิดนางนึกไม่ถึงว่าเจี่ยนอันอันจะกล้าแย่งป้ายคำสั่งจากมือนางนางอดกลั้นต่อความเจ็บปวดแสนสาหัสและยืนขึ้นโดยจับวงกบประตู“นังเด็กเวร คืนป้ายคำสั่งมาเดี๋ยวนี้!”แม่นมหลี่ว่าจบก็จะเข้าไปแย่งป้ายคำสั่งเจี่ยนอันอันถีบเข้าที่หัวเข่าของแม่นมหลี่ ถีบให้แม่นมหลี่คุกเข่าดังตุบ อยู่เบื้องหน้านางแม่นมหลี่ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด ครั้นจะลุกขึ้นก็ถูกเจี่ยนอันอันถีบให้ล้มลงเหมือนเดิมเจี่ยนอันอันเหยียบลงที่บ่าของแม่นมหลี่และมองลงไปที่อีกฝ่ายอย่างเย็นชาเย่อหยิ่ง“อย่าคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ฉู่ชางเหยียนส่งมาแล้วจะกล้าทำอะไรข้าได้”“ตอนนี้ป้ายคำสั่งอยู่ในมือข้า เจ้าพบข้าแล้วก็เหมือนพบฮ่องเต้”“หากเจ้ากล้าทำอะไรไม่ดูตาม้าตาเรืออีก เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าต้องกวาดล้างผู้กระทำความผิดแทนฮ่องเต
“ผู้ใดก็ได้ช่วยด้วย ฆ่าคนแล้ว!” แม่นมหลี่แผดร้องสุดเสียงเมื่อตั้งสติได้เสียงร้องของนางเรียกให้บ่าวรับใช้คนอื่นๆ ในบ้านออกมาดูเมื่อพวกเขาวิ่งออกมาก็เห็นว่าแม่นมหลี่ทรุดอยู่ข้างประตู ส่วนเตียวเฉียงกำลังนอนหมดสติอยู่บนพื้นห่างออกไปไม่ไกลคือกวนซินกับฉู่ตั๋วตั่วเวลานี้กวนซินมีน้ำตาไหลนองหน้า ส่วนฉู่ตั๋วตั่วก็กำลังหมดสติเช่นกัน พร้อมกันนั้นยังมีหญิงสาวแปลกหน้าอีกสองนางยืนอยู่ที่ริมกำแพง พวกนางกำลังจ้องพวกเขาอย่างดุร้าย“แม่นมหลี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” บ่าวรับใช้นามว่าสือเจี้ยถามแล้วจะเข้าไปประคองแม่นมหลี่แม่นมหลี่กลัวจนตัวสั่นเทิ้ม อีกทั้งยังมีบาดแผลจากการถูกหนูกัดอยู่เต็มตัวตอนนี้นางขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็รู้สึกเจ็บแล้ว“อย่ามาแตะตัวข้า รีบไปจัดการนังเด็กชั่วสองคนนั้น!”แม่นมหลี่พูดพลางชี้ไปทางเจี่ยนอันอันกับชิวเหลียนสือเจี้ยหันไปมองแล้วค่อยจำเจี่ยนอันอันได้เขานึกถึงยามที่ถูกทำร้ายระหว่างเดินทางเมื่อวันนั้น เจี่ยนอันอันเป็นคนป้อนโอสถรักษาให้กับเขาทำให้ร่างกายของเขาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วสือเจี้ยรู้สึกซาบซึ้งต่อการช่วยเหลือของเจี่ยนอันอันมาโดยตลอด ทำให้ตอนนี้ไม่อยากจับเ
เมื่อเขาตั้งสติได้ก็พบว่ามีเด็กสาวแต่งกายเหมือนสาวใช้นางหนึ่งกำลังเหวี่ยงหวัดใส่ศีรษะตัวเอง“นังแพศยานี่กล้าดีอย่างไรมาต่อยข้า ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!”เตียวเฉียงตวาดด้วยความโมโหแล้วถีบใส่ชิวเหลียนนางรีบถอยไปด้านหลังหลายก้าว กุมท้องที่ถูกถีบเจ็บของตัวเองพร้อมกับถลึงตาใส่เตียวเฉียงตอนนี้ หลังจากที่กวนซินได้รับอิสระก็รีบวิ่งไปหาฉู่ตั๋วตั่วและอุ้มนางขึ้นมา“ตั๋วตั่ว เจ้าอย่าทำให้แม่กลัวสิ รีบฟื้นเร็วเข้า”ฉู่ตั๋วตั่วหลับตาแน่นและหายใจรวยรินเตียวเฉียงไม่ได้สนใจกวนซินกับฉู่ตั๋วตั่ว เขาค่อยๆ เดินเข้าไปหาชิวเหลียน“นังเด็กนี่ สงสัยจะอยากตายสินะ กล้าดีอย่างไรมาลงมือกับข้า”“รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นผู้ใด หากบอกออกไป เกรงว่าต่อให้เจ้ามีเป็นสิบหัวก็ไม่พอให้ตัด!”เตียวเฉียงไม่เห็นชิวเหลียนอยู่ในสายตาแม้แต่น้อยเขาไม่ได้คิดว่าชิวเหลียนเป็นสาวใช้จากบ้านของฉู่จวินสิง คิดว่านางเป็นแค่สาวใช้ของชาวบ้านสักคนในหมู่บ้านชิงสุ่ยชิวเหลียนรู้สึกเจ็บอย่างรุนแรงที่ช่องท้อง เจ็บจนนางยืดตัวตรงไม่ได้นางมองเตียวเฉียงเดินเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าระแวดระวัง มือทั้งสองกำแน่นเป็นหมัดชิวเหลียนยังไม่ทันได้ทำอะไร เตีย
ชิวเหลียนตอบตกลงทันทีนางเร่งฝีเท้าตามหลังกวนซินสองแม่ลูก ฝีเท้าของนางเบามาก กวนซินไม่ได้ยินว่ามีคนตามมาด้านหลังเมื่อกวนซินมาถึงประตูที่พัก นางก็ได้ยินเสียงก่นด่าเสียงดังของแม่นมหลี่จากด้านใน“นังแพศยากวนซินกล้าไปกินข้าวที่บ้านเยียนอ๋อง ทั้งยังให้หนูมากัดข้า!”“เตียวเฉียง หากนังแพศยานั่นกลับมาแล้ว เจ้าอยากทำอย่างไรก็ทำเลย ข้าจะไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว”มือที่กำลังจะผลักประตูเข้าไปของกวนซินต้องนิ่งค้างกลางอากาศนางพอจะเดาได้ว่าแม่นมหลี่ไม่มีทางปล่อยนางไปจากนั้นเสียงของเตียวเฉียงดังขึ้นตาม“แม่นมหลี่ ข้าเคยบอกตั้งนานแล้วว่าเก็บสตรีนางนั้นไปก็มีแต่จะสร้างปัญหาให้ท่าน”“ยกนางให้ข้าเถิด ข้ารับรองว่าจะสั่งสอนนางให้เชื่อฟัง”“แล้วยังมีนังหนูคนนั้นด้วย เอาไว้ข้าจัดการกวนซินเสร็จแล้วจะพานังหนูนั่นไปขายให้หอโคมเขียว”“นังหนูคนนั้นหน้าตาสะสวย รับรองว่าขายได้ราคาดี”แม่นมหลี่แค่นเสียงเย็น ตอนนี้นางไม่มีอารมณ์มาสนใจเรื่องอื่นร่างกายนางปวดระบมไปหมด คิดแต่จะกลับห้องไปนอนพักส่วนเตียวเฉียงจะจัดการกวนซินอย่างไรนั้น นั่นเป็นเรื่องของพวกเขาเอาไว้นางรักษาตัวให้หายดีแล้วค่อยสั่งสอนกวนซินใหม่
เดิมทีแม่นมหลี่ก็มีบาดแผลอยู่แล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หายดีตอนนี้ต้องมามีบาดแผลใหม่เพิ่มจากของเดิม เรื่องนี้ทำให้นางเคียดแค้นต่อกวนซินมากขึ้นหากไม่ใช่เพราะกวนซินไปกินข้าวที่บ้านของฉู่จวินสิง นางก็คงไม่โดนหนูกัดนางสาปแช่งในใจ ตัวนางรู้ดีว่าก้าวล่วงครอบครัวของฉู่จวินสิงไม่ได้ แต่กับกวนซิวแล้วนางไม่กลัวสักหน่อยเพียงแค่กวนซินกลับมา นางก็มีสารพัดวิธีสำหรับจัดการสองแม่ลูกคู่นี้เกรงว่าถึงเวลานั้น นางไม่ต้องลงมือ พวกบุรุษในบ้านก็สามารถทำให้กวนซินกับฉู่ตั๋วตั่วอยู่ในสภาพสะบักสะบอมเจี่ยนอันอันพบว่าเรื่องนี้ได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์แบบโดยที่ตัวเองไม่ต้องลงมือนางหันศีรษะด้วยรอยยิ้ม เห็นว่ากวนซินกำลังมีสีหน้ากลัดกลุ้ม“เป็นอะไรไป เจ้ากลัวยายแก่นั่นมากหรือ?”แม้เจี่ยนอันอันจะรู้ว่าป้ายคำสั่งในมือยายแก่เป็นของที่ได้มาจากฉู่ชางเหยียนแต่ที่นี่ไม่ใช่เมืองจิงโจว ไม่มีผู้ใดที่นี่รู้จักป้ายคำสั่งนั่นที่นางคิดไม่ถึงก็คือ กวนซินจะหวาดกลัวยายแก่มากถึงขนาดนี้กวนซินก้มหน้ามองฉู่ตั๋วตั่วที่อยู่ด้านข้างนางไม่ได้กลัวแม่นมหลี่ แต่นางกลัวว่าฉู่ตั๋วตั่วจะถูกแม่นมหลี่ทุบตีนอกจากนี้ที่นั่นยังม