ไม่รอให้เขาพูดจบ หวังเจิ้นอวี่ก็พูดแทรกเขาทันที “พูดเหลวไหล!”“ชัดเจนว่ามีผู้มีอิทธิพลเข้ามาแทรกแซง คุณกลับไปเป็นสุนัขรับใช้พวกเขา แล้วยังกล้าโกหกผมอีก”“หม่าฉางเกิง ผมขอแจ้งให้คุณทราบอย่างเป็นทางการ ตอนนี้คุณถูกพักงานแล้ว!”เมื่อหม่าฉางเกิงได้ยินเช่นนั้น ขาของเขาทั้งสองข้างก็สั่นอย่างรุนแรงโดยไม่รู้ตัว"ผมจะส่งคนไปตรวจสอบคุณอย่างเข้มงวดที่สุด ทางที่ดีคุณควรภาวนาให้ตัวเองไม่เคยทำเรื่องผิดกฎระเบียบ ไม่งั้นคุณตายแน่”นี่แหละ คือจุดที่อันตรายที่สุด!ในใจหม่าฉางเกิงเหลือแค่ความคิดเดียว คือ จบแล้ว!จบสิ้นแล้วจริงๆ!เรื่องแบบนี้ ไม่สามารถให้ตรวจสอบกันได้ตัวเองพยายามมาครึ่งชีวิต กว่าจะได้ขึ้นมาถึงตำแหน่งนี้ กลับต้องมาเสียทุกอย่างเพราะเรื่องเล็กน้อยหม่าฉางเกิงไม่อาจยอมรับ และรู้สึกเสียใจจนแทบจะบ้าตาย“ท่านหม่า ท่านอย่ามัวนิ่งสิครับ รีบโทรเรียกคนมาจับไอ้เจ้านี่ไปจัดการอย่างเข้มงวดเลยสิ!”ในตอนนี้เอง เย่ชิงหยุนไม่ยอมอยู่เงียบๆ กระโดดออกมาออกคำสั่งหม่าฉางเกิงโกรธจัด ยกแขนขึ้นตบหน้าเย่ชิงหยุนอย่างแรง“เพี๊ยะ!”เสียงดังชัดเจน เย่ชิงหยุนถูกตบจนล้มลงไปกองกับพื้น“ไอ้คนแซ่หม่า แกบ้า
ทุกคนพอฟังแล้วก็ตกใจ นี่มันเรื่องใหญ่หนิ!"จะเลือกยังไงล่ะ?"“แน่นอนว่าต้องเลือกร้านร้อยสมุนไพร เลือกตระกูลเย่สิ!”“อันหนึ่งเป็นของแท้ อันหนึ่งเป็นของปลอม ความดีความแย่เห็นกันอยู่ตรงหน้า”“ร้านร้อยสมุนไพรมีการสืบทอดกันมามากว่าร้อยปี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชื่อเสียงหรือคุณภาพ ล้วนแล้วแต่มีการรับประกัน”“ส่วนอีกฝ่าย เป็นแค่บริษัทใหม่ที่ไม่มีชื่อเสียง จะไปเทียบกับร้านร้อยสมุนไพรได้ยังไง!”“ยังอีกจุดที่สำคัญที่สุด ก็คือการข่มขู่จากตระกูลหม่า”“ถ้าไม่เลือกร้านร้อยสมุนไพร ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับตระกูลหม่า”“ตระกูลหม่าไม่ใช่คนที่จะไปมีเรื่องด้วยได้ ถ้าไปยั่วโมโหพวกเขา ผลลัพธ์อาจถึงขั้นบ้านแตกสาแหรกขาดก็ได้”“ใครจะทนได้ล่ะ?”“แน่นอนว่าต้องเลือกร้านร้อยสมุนไพรอยู่แล้ว พวกเราเชื่อมั่นในตระกูลเย่!”“ทุกคนต่างก็แสดงความเห็นกันออกมา”เย่ชิงหยุนยืดตัวขึ้นได้ในทันที พูดอย่างภูมิใจว่า “คนแซ่ลั่ว แกได้ยินแล้วยัง?”“ถึงแกจะได้ใบอนุญาตมา แต่ถ้าตลาดไม่ยอมรับ แกก็ขายไม่ได้อยู่ดี!”“นี่แหละคือจุดจบของการที่แกมาสู้กับร้านร้อยสมุนไพร ฮ่าฮ่าฮ่า!”“ทุกท่าน เชิญตามกระผมขึ้นไปเถอะ ใครก็ตามที่เลือกตระกูลเย
คราวนี้ถึงตาเย่ชิงหยุนทำหน้างงบ้าง “ยาแก้บาดเจ็บอะไรครับ? ท่านต้องเข้าใจผิดแล้วแน่ๆ ที่ร้านร้อยสมุนไหรของเราผลิตคือยาหุยชุนตันนะครับ”อวิ่นชางชวี่พูดอย่างไม่เกรงใจ “ผมยังไม่ได้แก่จนจำเรื่องราวไม่ได้ขนาดนั้นนะ”มีคนพูดเตือนว่า “นายน้อยเย่ ที่ชั้นนี้จัดงานเปิดตัวยาแก้บาดเจ็บครับ!”พูดจบ เขายังชี้ไปที่โปสเตอร์โฆษณาข้างๆเย่ชิงหยุนถึงได้เห็นคำว่า “ยาแก้บาดเจ็บ” ตัวโตๆ!“ท่านอวิ่นไท่โต่ว คงต้องถูกหลอกมาแน่ๆ!”เย่ชิงหยุนรีบอธิบาย “ยาแก้บาดเจ็บนี้ขโมยสูตรจากร้านยาร้อยสมุนไพรของพวกเรา ยาหุยชุนตันของเราต่างหากที่เป็นของแท้”“ท่านอย่าหลงเชื่อนะครับ ตามผมขึ้นไปข้างบนเถอะ!”อวิ่นชางชวี่หัวเราะเบาๆ แล้วพูดอย่างดูถูก “ยาหุยชุนตัน? ของห่วยแตกเหมือนขยะแบบนั้นยังกล้าเอามาเทียบกับยาแก้บาดเจ็บ ใครซื้อไปก็ต้องเสียใจ!”“คุณหนุ่มอย่างคุณ พูดจาเหลวไหล ไม่มีสักคำที่เป็นความจริง!”“สูตรยาแก้บาดเจ็บดีกว่ายาหุยชุนตันเป็นหมื่นเท่า แต่คุณกลับพูดได้ไม่อายปากว่าขโมยสูตรมาจากพวกคุณ คุณต่างหากที่ขโมยสูตรมาจากเขา”เย่ชิงหยุนอึ้งไป ถลึงตาโตแล้วแย้งว่า “ผู้เฒ่าอวิ่น ท่านพูดจาแบบไม่มีหลักฐานไม่ได้นะครับ ยาหุยชุน
“คุณลั่ว เจอกันอีกแล้วนะครับ”อวิ่นชางชวี่วิ่งเหยาะๆ มาหยุดที่หน้าลั่วอู๋ฉางไม่เพียงแต่เป็นฝ่ายทักทายก่อน แต่ยังวางท่าทางอย่างนอบน้อมเป็นอย่างมากทุกคนต่างตะลึงจนตาค้างถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขารู้จักอวิ่นชางชวี่ พวกเขาอาจเชื่อว่านี่คือเป่ยไท่โต่วตัวปลอมก็ได้ปกติทุกคนจะต้องเคารพและกราบไหว้อวิ่นไท่โต่ว ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐีผู้ร่ำรวยหรือข้าราชการที่มีอำนาจ ก็ไม่มีข้อยกเว้นเมื่ออยู่ต่อหน้าความเจ็บป่วย ทุกคนล้วนเท่าเทียมกันหากต้องการรอดชีวิต แน่นอนว่าต้องให้ความเคารพหมอเป็นพิเศษเคยเห็นที่ไหนล่ะ ที่อวิ่นไท่โต่วจะไปเคารพคนอื่น?วันนี้ถือว่าได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ!“ชายหนุ่มคนนี้ แท้จริงมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่?”“ถึงขนาดอวิ่นไท่โต่วยังนอบน้อมกับเขาขนาดนี้”แล้วมาดูที่ลั่วอู๋ฉาง เพียงแค่พยักหน้าทักทายตามสบายเท่านั้นในสายตาของทุกคน นี่มันไร้มารยาทเกินไปแล้วพวกเขาไม่รู้เลยว่าอวิ่นชางชวี่เคารพนับถือลั่วอู๋ฉางมากกว่าอาจารย์ของเขาอย่างเทพอวี้เสียอีกโปรเจคทางการแพทย์ที่อวิ่นชางชวี่ภาคภูมิใจหลายอย่างนั้น บ้างก็ได้รับการช่วยพัฒนาจากลั่วอู๋ฉาง บ้างก็ได้รับการสอนโดยตรงจากเขาหากไม่ใช่เพรา
ด้วยแบบนี้แผนการร้ายของพวกเย่ชิงหยุนจึงถูกเปิดโปงต่อหน้าลั่วอู๋ฉางแบบหมดเปลือกในเมื่อพวกแกอยากก่อเรื่อง งั้นฉันก็จะเล่นสนุกเป็นเพื่อนพวกแกด้วยก็แล้วกันไม่ว่าจะเล่นงานเรื่องใบอนุญาตหรือแย่งแขก แสดงฝีมือมาเต็มที่ได้เลย!“ทำไมถึงได้เงียบเหงาขนาดนี้ล่ะ ไม่มีแขกคนอื่นเลยเหรอ?”อวิ่นชางชวี่อยู่มาจนปูนนี้แล้ว มีเรื่องอะไรที่ยังไม่เคยเจออีกบ้าง?แค่กลอุบายเล็กๆ ของพวกเย่ชิงหยุนย่อมหนีไม่พ้นสายตาอันแหลมคมของเขาไปได้อวิ่นชางชวี่จงใจพูดเชิงตำหนิ “เมืองอันใหญ่โตขนาดนี้ พวกเขาทั้งหมดตาบอดกันหรือไง? ยาดีๆ ไม่รู้จัก กลับไปเชิดชูขยะกองหนึ่ง”“ช่างเป็นพวกคนที่มีดวงตามืดบอด ไม่รู้จักเพชรแท้กันซะจริง!”เมื่อคำพูดประโยคนี้ออกไป ทุกคนต่างพากันรู้สึกตาสว่างขึ้นมาถึงกับสามารถทำให้อวิ่นไท่โต่วให้ความสำคัญได้ แน่นอนว่าต้องอยู่ต่อสิ!ใครไปก็โง่จริงๆ แล้ว!เย่ชิงหยุนเพิ่งจะรู้สึกตัว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้คิดถึงจุดนี้มาก่อน จึงหงุดหงิดแล้วโบกมือพูดว่า “พวกเราไป!”พูดจบ เขาก็ก้าวเท้าเดินออกไปเลยแต่พอเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็พบว่าไม่มีใครเดินตามมาเลยสักคน“พวกคุณอย่าลืมนะ ว่าเมื่อกี้พวกคุณให้คำมั่นส
เย่ชิงหยุนกุมหน้าของตัวเองไว้ ตกใจจนตัวสั่นเมื่อกี้เขาเพิ่งเสียหน้าที่ชั้นบน เดิมทีเขาตั้งใจจะระบายความอัดอั้นและขอคำปลอบใจสักหน่อยแต่ใครจะคิดว่า ยังไม่ทันจะได้ระบายความอัดอั้น กลับต้องโดนตบหน้าแทนน่าน้อยใจเกินไปแล้ว!ถึงยังไง ความพยายามอยู่ที่คนแต่ความสำเร็จอยู่ที่ฟ้าแม้ว่าแผนการที่วางไว้จะสมบูรณ์แบบเพียงใด แต่ก็ยังอาจมีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินการได้ในฐานะผู้วางแผนและผู้ควบคุมกลยุทธ์ เมื่อแผนล้มเหลว เขาเองก็รู้สึกจนใจเหมือนกันเขาเองก็ไม่ได้อยากให้ผลมันเป็นแบบนี้นะ!ส่วนหม่าเฉียนคุน ที่เป็นพันธมิตรกัน ไม่เพียงไม่ปลอบใจเขา การตอบสนองแรกยังเป็นการกล่าวโทษเขาอีกอย่าลืมนะว่าคนที่เสนอแผนนี้ขึ้นมาเป็นคนแรกก็คือหม่าเฉียนคุนเองเขาก็ยังพูดกับทุกคนอย่างมั่นใจอีกว่า แบบนี้จะทำให้ลั่วอู๋ฉางเสียหน้า และถูกตราหน้าว่าขายยาปลอมโดยสมบูรณ์ตอนนี้พอภารกิจล้มเหลว หม่าเฉียนคุนก็ควรเป็นคนรับผิดชอบมากที่สุดสินอกจากนี้ การที่อวิ่นชางชวี่เป่ยไท่โต่วปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน มันเป็นเรื่องที่เย่ชิงหยุนสามารถควบคุมได้หรือ?ทำไมต้องโทษทุกอย่างมาที่เขาด้วย มันเหมาะสมแล้วเหรอ?จนถ
“ตาแก่อวิ่นชางชวี่ เดิมทีฉันเคยเคารพเขามาก”“แต่ในเมื่อเขาเลือกที่จะเป็นศัตรูกับฉัน ก็อย่าโทษว่าฉันโหดเหี้ยมเลย ฉันจะทำลายชื่อเสียงที่สั่งสมมาตลอดชีวิตของเขาให้สิ้นซาก!”เมื่อเห็นสีหน้าที่ดุร้ายของหม่าเฉียนคุน เย่ชิงหยุนก็รู้สึกเย็นยะเยือกในใจทันทีมีหุ้นส่วนแบบนี้อันตรายเกินไปแล้วไม่แน่ว่าเมื่อไหร่ ตัวเองก็อาจจะถูกเขาจัดการก็ได้ที่ชั้นล่าง จากความเงียบเหงากลายเป็นความคึกคัก ราวกับว่าจะเกิดขึ้นในชั่วขณะไม่มีช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน สถานการณ์เปลี่ยนไปเร็วมากจนคนตามไม่ทัน!ขนาดหลิ่วซือหยิน ที่เคยเห็นและรับมือกับเรื่องราวใหญ่โตมากมาย ยังรู้สึกว่าสถานการณ์ที่เห็นอยู่ในขณะนี้มันไม่จริงเลยก่อนหน้านี้เธอสั่งเพิ่มของรับรอง เดิมคิดว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดในเมื่อแขกทั้งหมดล้วนมุ่งหน้าไปยังชั้นบน ก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้แล้วคงต้องสิ้นเปลืองอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แต่ตอนนี้สถานการณ์กลับตรงกันข้าม ของที่เตรียมไว้ไม่เพียงพอเลย!จำนวนแขกมีเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เกินกว่าที่พวกเขาจะสามารถต้อนรับไหวแล้วตามหลักแล้วพฤติกรรมที่เสียมากยาทเช่นนี้คงทำให้แขกรู้สึกไม่พอใจแต่ความจริงคือไม่มีใครสนใจ
หญิงชราตัดสินใจแน่วแน่และพยายามที่จะลุกขึ้นยืนหากเป็นคนอื่นที่เสนอคำแนะนำแบบนี้ เธอไม่เพียงแต่จะไม่ทำตาม แต่ยังจะด่าทอเขาอีกด้วยมันไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลย!แต่เพียงเพราะว่าคนนี้คือเป่ยไท่โต่วอวิ่นชางชวี่ซูเฉี่ยนเฉี่ยนและหลิ่วซือหยินก็รู้สึกว่าการทำเช่นนี้ไม่เหมาะสม จึงรีบเดินไปเพื่อจะช่วยพยุงหญิงชรา“ไม่ต้อง เธอทำเองได้” อวิ่นชางชวี่พูดห้ามแน่นอนว่าพวกเธอไม่วางใจ จึงรีบมองไปที่ลั่วอู๋ฉางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามถ้าเกิดอะไรขึ้น คงไม่อาจปัดความรับผิดชอบได้ลั่วอู๋ฉางพยักหน้าเล็กน้อย แสดงความหมายว่าทำได้ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ท่ามกลางสายตาที่มองมาอย่างตกตะลึงนับไม่ถ้วน หญิงชราใช้สองมือยันรถเข็น และยืนขึ้นอย่างสั่นเทา“อื้อ…”“เสียงถอนหายใจด้วยความตกใจเกิดขึ้นเป็นระยะๆ!”“ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีหลายคนในที่นั้นรู้จักหญิงชรา และรู้ว่าเธอเป็นอัมพาตมานานแล้ว”ก็คงเข้าใจว่าเธอคือคนที่ผู้จัดงานจ้างมาแน่ๆหญิงชรารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก และเมื่อได้เห็นสายตาที่ให้กำลังใจจากอวิ่นชางชวี่จึงกล้าปล่อยมือเธอสามารถยืนได้อย่างมั่นคงด้วยความสามารถของตัวเอง!มันสามารถทำได้จริงๆ!นับว่า