“คุณลั่ว เจอกันอีกแล้วนะครับ”อวิ่นชางชวี่วิ่งเหยาะๆ มาหยุดที่หน้าลั่วอู๋ฉางไม่เพียงแต่เป็นฝ่ายทักทายก่อน แต่ยังวางท่าทางอย่างนอบน้อมเป็นอย่างมากทุกคนต่างตะลึงจนตาค้างถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขารู้จักอวิ่นชางชวี่ พวกเขาอาจเชื่อว่านี่คือเป่ยไท่โต่วตัวปลอมก็ได้ปกติทุกคนจะต้องเคารพและกราบไหว้อวิ่นไท่โต่ว ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐีผู้ร่ำรวยหรือข้าราชการที่มีอำนาจ ก็ไม่มีข้อยกเว้นเมื่ออยู่ต่อหน้าความเจ็บป่วย ทุกคนล้วนเท่าเทียมกันหากต้องการรอดชีวิต แน่นอนว่าต้องให้ความเคารพหมอเป็นพิเศษเคยเห็นที่ไหนล่ะ ที่อวิ่นไท่โต่วจะไปเคารพคนอื่น?วันนี้ถือว่าได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ!“ชายหนุ่มคนนี้ แท้จริงมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่?”“ถึงขนาดอวิ่นไท่โต่วยังนอบน้อมกับเขาขนาดนี้”แล้วมาดูที่ลั่วอู๋ฉาง เพียงแค่พยักหน้าทักทายตามสบายเท่านั้นในสายตาของทุกคน นี่มันไร้มารยาทเกินไปแล้วพวกเขาไม่รู้เลยว่าอวิ่นชางชวี่เคารพนับถือลั่วอู๋ฉางมากกว่าอาจารย์ของเขาอย่างเทพอวี้เสียอีกโปรเจคทางการแพทย์ที่อวิ่นชางชวี่ภาคภูมิใจหลายอย่างนั้น บ้างก็ได้รับการช่วยพัฒนาจากลั่วอู๋ฉาง บ้างก็ได้รับการสอนโดยตรงจากเขาหากไม่ใช่เพรา
ด้วยแบบนี้แผนการร้ายของพวกเย่ชิงหยุนจึงถูกเปิดโปงต่อหน้าลั่วอู๋ฉางแบบหมดเปลือกในเมื่อพวกแกอยากก่อเรื่อง งั้นฉันก็จะเล่นสนุกเป็นเพื่อนพวกแกด้วยก็แล้วกันไม่ว่าจะเล่นงานเรื่องใบอนุญาตหรือแย่งแขก แสดงฝีมือมาเต็มที่ได้เลย!“ทำไมถึงได้เงียบเหงาขนาดนี้ล่ะ ไม่มีแขกคนอื่นเลยเหรอ?”อวิ่นชางชวี่อยู่มาจนปูนนี้แล้ว มีเรื่องอะไรที่ยังไม่เคยเจออีกบ้าง?แค่กลอุบายเล็กๆ ของพวกเย่ชิงหยุนย่อมหนีไม่พ้นสายตาอันแหลมคมของเขาไปได้อวิ่นชางชวี่จงใจพูดเชิงตำหนิ “เมืองอันใหญ่โตขนาดนี้ พวกเขาทั้งหมดตาบอดกันหรือไง? ยาดีๆ ไม่รู้จัก กลับไปเชิดชูขยะกองหนึ่ง”“ช่างเป็นพวกคนที่มีดวงตามืดบอด ไม่รู้จักเพชรแท้กันซะจริง!”เมื่อคำพูดประโยคนี้ออกไป ทุกคนต่างพากันรู้สึกตาสว่างขึ้นมาถึงกับสามารถทำให้อวิ่นไท่โต่วให้ความสำคัญได้ แน่นอนว่าต้องอยู่ต่อสิ!ใครไปก็โง่จริงๆ แล้ว!เย่ชิงหยุนเพิ่งจะรู้สึกตัว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้คิดถึงจุดนี้มาก่อน จึงหงุดหงิดแล้วโบกมือพูดว่า “พวกเราไป!”พูดจบ เขาก็ก้าวเท้าเดินออกไปเลยแต่พอเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็พบว่าไม่มีใครเดินตามมาเลยสักคน“พวกคุณอย่าลืมนะ ว่าเมื่อกี้พวกคุณให้คำมั่นส
เย่ชิงหยุนกุมหน้าของตัวเองไว้ ตกใจจนตัวสั่นเมื่อกี้เขาเพิ่งเสียหน้าที่ชั้นบน เดิมทีเขาตั้งใจจะระบายความอัดอั้นและขอคำปลอบใจสักหน่อยแต่ใครจะคิดว่า ยังไม่ทันจะได้ระบายความอัดอั้น กลับต้องโดนตบหน้าแทนน่าน้อยใจเกินไปแล้ว!ถึงยังไง ความพยายามอยู่ที่คนแต่ความสำเร็จอยู่ที่ฟ้าแม้ว่าแผนการที่วางไว้จะสมบูรณ์แบบเพียงใด แต่ก็ยังอาจมีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินการได้ในฐานะผู้วางแผนและผู้ควบคุมกลยุทธ์ เมื่อแผนล้มเหลว เขาเองก็รู้สึกจนใจเหมือนกันเขาเองก็ไม่ได้อยากให้ผลมันเป็นแบบนี้นะ!ส่วนหม่าเฉียนคุน ที่เป็นพันธมิตรกัน ไม่เพียงไม่ปลอบใจเขา การตอบสนองแรกยังเป็นการกล่าวโทษเขาอีกอย่าลืมนะว่าคนที่เสนอแผนนี้ขึ้นมาเป็นคนแรกก็คือหม่าเฉียนคุนเองเขาก็ยังพูดกับทุกคนอย่างมั่นใจอีกว่า แบบนี้จะทำให้ลั่วอู๋ฉางเสียหน้า และถูกตราหน้าว่าขายยาปลอมโดยสมบูรณ์ตอนนี้พอภารกิจล้มเหลว หม่าเฉียนคุนก็ควรเป็นคนรับผิดชอบมากที่สุดสินอกจากนี้ การที่อวิ่นชางชวี่เป่ยไท่โต่วปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน มันเป็นเรื่องที่เย่ชิงหยุนสามารถควบคุมได้หรือ?ทำไมต้องโทษทุกอย่างมาที่เขาด้วย มันเหมาะสมแล้วเหรอ?จนถ
“ตาแก่อวิ่นชางชวี่ เดิมทีฉันเคยเคารพเขามาก”“แต่ในเมื่อเขาเลือกที่จะเป็นศัตรูกับฉัน ก็อย่าโทษว่าฉันโหดเหี้ยมเลย ฉันจะทำลายชื่อเสียงที่สั่งสมมาตลอดชีวิตของเขาให้สิ้นซาก!”เมื่อเห็นสีหน้าที่ดุร้ายของหม่าเฉียนคุน เย่ชิงหยุนก็รู้สึกเย็นยะเยือกในใจทันทีมีหุ้นส่วนแบบนี้อันตรายเกินไปแล้วไม่แน่ว่าเมื่อไหร่ ตัวเองก็อาจจะถูกเขาจัดการก็ได้ที่ชั้นล่าง จากความเงียบเหงากลายเป็นความคึกคัก ราวกับว่าจะเกิดขึ้นในชั่วขณะไม่มีช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน สถานการณ์เปลี่ยนไปเร็วมากจนคนตามไม่ทัน!ขนาดหลิ่วซือหยิน ที่เคยเห็นและรับมือกับเรื่องราวใหญ่โตมากมาย ยังรู้สึกว่าสถานการณ์ที่เห็นอยู่ในขณะนี้มันไม่จริงเลยก่อนหน้านี้เธอสั่งเพิ่มของรับรอง เดิมคิดว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดในเมื่อแขกทั้งหมดล้วนมุ่งหน้าไปยังชั้นบน ก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้แล้วคงต้องสิ้นเปลืองอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แต่ตอนนี้สถานการณ์กลับตรงกันข้าม ของที่เตรียมไว้ไม่เพียงพอเลย!จำนวนแขกมีเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เกินกว่าที่พวกเขาจะสามารถต้อนรับไหวแล้วตามหลักแล้วพฤติกรรมที่เสียมากยาทเช่นนี้คงทำให้แขกรู้สึกไม่พอใจแต่ความจริงคือไม่มีใครสนใจ
หญิงชราตัดสินใจแน่วแน่และพยายามที่จะลุกขึ้นยืนหากเป็นคนอื่นที่เสนอคำแนะนำแบบนี้ เธอไม่เพียงแต่จะไม่ทำตาม แต่ยังจะด่าทอเขาอีกด้วยมันไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลย!แต่เพียงเพราะว่าคนนี้คือเป่ยไท่โต่วอวิ่นชางชวี่ซูเฉี่ยนเฉี่ยนและหลิ่วซือหยินก็รู้สึกว่าการทำเช่นนี้ไม่เหมาะสม จึงรีบเดินไปเพื่อจะช่วยพยุงหญิงชรา“ไม่ต้อง เธอทำเองได้” อวิ่นชางชวี่พูดห้ามแน่นอนว่าพวกเธอไม่วางใจ จึงรีบมองไปที่ลั่วอู๋ฉางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามถ้าเกิดอะไรขึ้น คงไม่อาจปัดความรับผิดชอบได้ลั่วอู๋ฉางพยักหน้าเล็กน้อย แสดงความหมายว่าทำได้ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ท่ามกลางสายตาที่มองมาอย่างตกตะลึงนับไม่ถ้วน หญิงชราใช้สองมือยันรถเข็น และยืนขึ้นอย่างสั่นเทา“อื้อ…”“เสียงถอนหายใจด้วยความตกใจเกิดขึ้นเป็นระยะๆ!”“ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีหลายคนในที่นั้นรู้จักหญิงชรา และรู้ว่าเธอเป็นอัมพาตมานานแล้ว”ก็คงเข้าใจว่าเธอคือคนที่ผู้จัดงานจ้างมาแน่ๆหญิงชรารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก และเมื่อได้เห็นสายตาที่ให้กำลังใจจากอวิ่นชางชวี่จึงกล้าปล่อยมือเธอสามารถยืนได้อย่างมั่นคงด้วยความสามารถของตัวเอง!มันสามารถทำได้จริงๆ!นับว่า
หลิ่วซือหยินรู้สึกลำบากใจ “จำนวนมันไม่พอนะ!”กลุ่มคนตรงหน้านี้ไม่ถามราคาเลย เห็นชัดว่าพวกเขาเป็นคนรวยที่ไม่ขาดแคลนเงิน“ขายในจำนวนจำกัด” ลั่วอู๋ฉางออกความเห็นหลิ่วซือหยินพยักหน้าและยิ้มพูดว่า “ท่านฉลาดจริงๆ คิดได้รวดเร็วมาก”จากนั้นเธอประกาศเสียงดังว่า “ทุกท่าน เนื่องจากยาแก้บาดเจ็บมีจำนวนจำกัด ทุกคนสามารถซื้อได้เพียงหนึ่งเม็ดเท่านั้น”“กรุณาให้ความร่วมมือกับพวกเราด้วย โปรดต่อแถวเข้าซื้อนะคะ”“สำหรับผู้ที่ไม่ให้ความร่วมมือและทำลายระเบียบในสถานที่ จะถูกจดชื่อขึ้นบัญชีดำ และจะไม่ทำการขายให้”เมื่อทุกคนได้ยินก็รีบเริ่มต่อแถวโดยอัตโนมัติไม่นานคนที่เนืองแน่นก็เริ่มยืนต่อแถวคดไปมาในห้องประชุมจนมีลักษณะคล้ายมังกรตัวยาวไปจนถึงทางเข้าซูเทียนคั่วที่ยืนอยู่ข้างๆ ดีใจจนยิ้มไม่หยุดเขาเชื่อมั่นว่าการที่ครั้งนี้ตระกูลซูร่วมมือกับลั่วอู๋ฉาง จะสร้างความรุ่งเรืองกลับคืนมาให้ตระกูลได้อีกครั้ง“ท่านลั่วจะตั้งราคาอย่างไร”ปัญหามาอีกแล้ว!ลั่วอู๋ฉางเป็นหมอ ไม่ใช่คนขายยาปกติก่อนหน้านี้ที่เขารักษาคนป่วย ตามกฎจะเก็บเงินค่ารักษาเป็นครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินง่ายๆ แต่ก็ตรงไปตรงมา!ดังนั้นปัญหาน
งานแสดงยาตัวใหม่ ถูกผู้ร่วมงานทำให้กลายเป็นงานขายสินค้าไปซะงั้น!”โดยปกติงานเปิดตัวทั่วไปจะมีการแนะนำสรรพคุณของยาตัวใหม่ ชนิดของวัตถุดิบ และโรคที่สามารถรักษาได้ เป็นต้นพูดง่ายๆ คือเชิญผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมาเพื่อบรรยายและโฆษณาสรรพคุณแต่สำหรับงานเปิดตัวยาแก้บาดเจ็บ กลับข้ามขั้นตอนนี้ไปเลยเพราะการพูดมากมายก็ยังไม่สู้การได้ประจักษ์ด้วยสายตาตัวเอง!ทุกคนได้เห็นยายอู๋จากอาการอัมพาต กลับมายืนได้ด้วยตัวเองแถมยังเดินไปได้อีกเป็นสิบก้าวนี่ก็คือการโฆษณาที่ดีที่สุด!ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่มีการพูดโอ้อวด!แทบไม่ต้องเสียค่าโฆษณาเลย แค่ผู้คนในงานก็สามารถช่วยกระจายชื่อเสียงของยาแก้บาดเจ็บได้แล้วราคาขายอยู่ที่หนึ่งล้านห้าแสนบาทต่อเม็ด แถมยังลดราคาอีก 20 เปอร์เซ็น!ความจริงแล้ว ถึงไม่ลดราคา พวกเขาก็ยินดีที่จะซื้อ โดยไม่ต้องกระพริบตาเลยแต่ตอนนี้ เท่ากับว่าได้เงินกลับมาแบบตรงๆ อีกสามแสนบาท!”“ถ้าซื้อเพิ่มได้อีกสักหลายเม็ดหน่อยก็คงดี!”“พอใจเถอะ! เมื่อเทียบกับพวกโง่ที่อยู่ข้างบน พวกเราถือว่าโชคดีมากแล้ว!”“ใครว่าไม่ใช่ล่ะ ยังดีที่ร้านสมุนไพรซูเหวยมีความยุติธรรม ไม่เหมือนร้านร้อยสมุนไพ
“นายพูดไร้สาระอะไร ทุกคนล้วนเห็นด้วยตาตัวเอง จะเป็นเรื่องโกหกได้ยังไง?” ฝ่ายนั้นย้อนถาม“เนื่องจากซูหมิงอวี่เข้ามาช้า จึงพลาดช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นตอนที่หญิงชราหายจากโรคไป”“ยาแก้บาดเจ็บดีกว่ายาหุยชุนตันยังไงบ้าง?”อีกฝ่ายทำเสียงฮึดฮัดแล้วพูดว่า “อย่าได้พูดถึงขยะนั้นเลย ฉันเกือบจะโดนหลอกแล้ว ถ้าหากเอาเงินไปจ่ายให้กับยาหุยชุนตัน รับรองว่าเสียเงินฟรีแน่นอน”“ซูหมิงอวี่ตาโต ริมฝีปากสั่น”เขาถามต่ออีกหลายคนอย่างไม่ยอมแพ้”ผลก็คือ ทุกคนตอบเหมือนกัน!หลายคนที่อยู่ข้างหน้า เมื่อซื้อยาแก้บาดเจ็บได้แล้วก็กินเข้าไปทันทีไม่ว่าจะเป็นโรคที่ซ่อนเร้นหรือโรคเก่าเรื้อรัง ก็หายดีได้ในเวลาอันสั้น“เพื่อพิสูจน์ว่ายาแก้บาดเจ็บไม่มีปัญหา อวิ่นชางชวี่ผู้นี้จะทำการตรวจรักษาในงานให้เลยอีกด้วย”“ใครก็ตามที่กินไปแล้วไม่ได้ผล ไม่เพียงแต่จะได้รับเงินคืนสามเท่า แต่อวิ่นชางชวี่ยังจะรับผิดชอบรักษาให้จนกว่าอาการป่วยจะหายขาดด้วย”“มั่นใจขนาดนี้เลย!”“สถานการณ์แบบนี้แน่นอนว่าไม่มีทางเกิดขึ้น”“ทุกคนต่างก็ดีใจราวกับได้สมบัติ และไม่ลังเลที่จะเอ่ยชื่นชมสรรพคุณของยาแก้บาดเจ็บ”“ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”ซูหมิงอวี่