“เห็นแก่ที่เจ้าหน้าตาน่ารักดี ข้าจะใจกว้าง ไม่ถือสาเจ้า! แต่จงรีบไสหัวไปไกลๆ ซะ ได้ยินแล้วใช่ไหม?”“ไม่อย่างนั้น ข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้อย่างเจ็บปวด!”ไท่อีเลิกคิ้วขึ้น พูดอย่างจริงจังว่า “ในเมื่อข้ามาแล้ว ย่อมไม่มีวันยืนมองพวกเจ้าเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์โดยไม่ทำอะไรแน่”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าได้รับคำไหว้วานมา ย่อมต้องทำตามหน้าที่!”เมื่อสิบกว่านาทีก่อน ไท่อีได้รับโทรศัพท์จากลั่วอู๋ฉาง ขอให้มาช่วยดังนั้น เขาจึงมา“ดื้อด้าน คนที่ไม่รู้จักมองสถานการณ์อย่างเจ้า คงอยากมีเรื่องมากสินะ!”หลิงเซียวซ่านเหรินโกรธมาก พูดว่า “ในเมื่อเจ้าหาเรื่องตายเอง ก็อย่าหาว่าข้าลงมืออย่างไร้ปราณีเลย!”สิ้นคำ นักพรตหญิงชราก็พุ่งเข้ามาในพริบตารวดเร็วจนเห็นเป็นเพียงเงาจางๆสะบัดแส้ในมือแรง จนขนสีขาวกลายเป็นผืนแพร พุ่งเข้าหาไท่อี“ฟิ้ว!”ผืนแพรสีขาวฉีกขาดอากาศ ส่งเสียงกรีดร้องแหลมบาดหูในห้องใต้ดิน หยางหว่านอวี่พูดด้วยใบหน้าได้ใจว่า “พวกแกสองคนอย่าได้ฝันหวานเชียว!”“วันนี้ต่อให้เง็กเซียนฮ่องเต้มา ก็ช่วยพวกแกไม่ได้ ชีวิตของพวกแกสองคนถูกกำหนดให้อยู่ในกำมือฉันแล้ว”ความรู้สึกในการควบคุมความเป็นความตายของคนอ
เมื่อเห็นมีดสั้นเย็นเยียบนี้กำลังจะแทงเข้าไปที่ลำคอของหูเยว่ซีก็มีลมพัดผ่านหน้าต่าง พุ่งมาโดนข้อมือของหยางหว่านอวี่เข้าอย่างจัง“แคร๊ง!”ข้อมือของหยางหว่านอวี่ถูกเจาะทะลุ มีดสั้นตกลงบนพื้น“นักพรตชั่ว แกจะมายุ่งอะไรด้วย!”หยางหว่านอวี่จับข้อมือที่เลือดไหลไม่หยุดของตัวเองไปพลาง ปากก็ตะโกนด่าด้วยความไม่พอใจอย่างมากไปพลางต่อมาก็มีลมพัดเข้ามาอีกสองสายสายหนึ่งพุ่งไปทางเกาชิงเหยียน อีกสายหนึ่งพุ่งไปทางหูเยว่ซีเดิมหยางหว่านอวี่คิดว่า ทั้งสองคนก็จะได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกัน นักพรตหนุ่มคนนั้นคงโจมตีโดยไม่เลือก!ถ้าเป็นแบบนั้น ในใจของหยางหว่านอวี่ก็คงจะรู้สึกดีขึ้นมากเพราะลมทั้งสองสายนี้พุ่งไปยังจุดสำคัญของทั้งสองคน!หมายจะฆ่าพวกเธอให้ตายชัดๆ หรือถ้าไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัสนั่นแหละแต่ในวินาทีต่อมา หยางหว่านอวี่ก็รู้ตัวว่าตัวเองคิดมากไปแล้ว“ตึง!”เชือกที่มัดตัวเกาชิงเหยียนไว้ขาดออกก่อนจากนั้น ตาข่ายแสงที่พันธนาการหูเยว่ซีไว้ก็ขาดออกเป็นเสี่ยงๆ เช่นกันที่แท้ นักพรตหนุ่มก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายพวกเธอ แต่ตั้งใจจะมาช่วยคน!หูเยว่ซีรีบกระโดดลุกขึ้นจากพื้น แล้วตบหน้าหยางหว่านอวี่ท
“รู้แล้ว รู้แล้วน่า!”หูเยว่ซีแสดงท่าทีไม่พอใจอย่างชัดเจน ตัดบทคำพูดของนักพรตหนุ่มไปทันที หลบสายตาแล้วพูดว่า “นายพูดถูก พอใจหรือยัง?”“ฉันก็ขอบใจนายไปแล้ว ยังจะพูดเรื่องนี้อีก ปล่อยๆ ไปบ้างเถอะ จะเอาชนะให้ได้เลยหรือไง!”นักพรตหนุ่มอึกอักแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรเกาชิงเหยียนหันไปขอบคุณนักพรตอย่างนอบน้อมว่า “ขอบคุณท่านนักพรต ที่ช่วยชีวิตไว้”นักพรตหนุ่มโบกมือ “แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าจะขอบคุณ พวกโยมไปขอบคุณท่านลั่วเถอะ”“เมื่อผู้อื่นไหว้วาน ก็ต้องทำตามความไว้วางใจ! ถ้าโยมลั่วไม่โทรหาอาตมา อาตมาก็คงไม่มาปรากฎตัวอยู่ที่นี่เกาชิงเหยียนพูดด้วยความจริงใจว่า “ท่านนักพรตมีความเมตตาสูงยิ่ง! จริงสิ หยางหว่านอวี่ที่อยู่ข้างในจะจัดการยังไงดี?”ไท่อีตอบว่า “ข้ามาเพียงเพื่อช่วยคน ส่วนเรื่องอื่นๆ ท่านลั่วไม่ได้สั่งความอะไร!” “แต่ว่าฟ้าดินมีเมตตาต่อชีวิต การเข่นฆ่าไม่อาจแก้ปัญหา เป็นแค่การสร้างบาปก่อกรรมเท่านั้น”เกาชิงเหยียนพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”ไท่อีมองแผ่นหลังของหูเยว่ซีแล้วพึมพำว่า “นี่เป็นแค่เคราะห์เล็กๆ เท่านั้น เคราะห์ใหญ่จริงๆ ยังรออยู่ข้างหน้า!”เดิมทีเขาคิดไว้ว่าจะตั้งใจพู
“ตระกูลหลิ่วมาทำอะไรที่นี่? ฉันจำได้ว่าเราไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลหลิ่วนี่นา!”“ตอนนี้ทุกตระกูลต่างหลีกเลี่ยงไม่อยากยุ่งกับเรา หรือว่านี่จะเป็นโอกาสที่จะแก้สถานการณ์ได้งั้นเหรอ?”“ถ้าตระกูลซูของเราสามารถเป็นพันธมิตรกับตระกูลหลิ่วได้ ต่อไปก็ไม่ต้องมาคอยดูท่าทีของตระกูลเย่แล้ว”“ไม่ใช่แค่ตระกูลเย่หรอก แม้แต่ตระกูลหม่าก็คงอิจฉาเราและปฏิบัติต่อเราอย่างสุภาพมากขึ้น!”ที่หน้าประตูบ้านตระกูลซู มีคนกลุ่มหนึ่งล้อมเอาไว้อยู่ทุกคนต่างก็เดากันไปว่า คนที่อยู่ในรถคันนี้จะเป็นใคร และมีจุดประสงค์อะไรที่มาปรากฎตัวที่บ้านตระกูลซูเมื่อรถเบนท์ลีย์จอดอย่างมั่นคง ประตูรถก็เปิดออกโดยอัตโนมัติรองเท้าส้นสูงสีดำและขางามเรียวยาวในถุงน่องสีดำก้าวออกมาก่อนจากนั้นเอวบางคอดราวต้นหลิ่ว ที่คล้ายสามารถโอบรัดด้วยมือเดียวก็ค่อยๆ ตามออกมายิ่งทำให้หน้าอกสองข้างด้านบนดูใหญ่โตขึ้นไปอีก!สุดท้ายใบหน้าที่งดงามประณีต ยิ่งทำให้เธอดูงดงามเหนือธรรมชาติช่างเป็นเด็กผู้หญิงที่งดงามอะไรแบบนี้!สายตาของทุกคนจับจ้องไปโดยไม่รู้ตัวมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่ ออร่าความมั่นใจที่แผ่ซ่านออกมา ยิ่งท
อย่างที่สองคือ เพื่อให้ลั่วอู๋ฉางได้รู้ว่า แขกคนพิเศษที่แท้จริงเป็นอย่างไรเด็กน้อยอย่างนาย ยังห่างไกลนัก!คนหนึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้ตระกูลซูของเราต้องเสียหายมหาศาล อีกคนหนึ่งคือคุณหนูจากตระกูลมหาเศรษฐีในเมืองหลวงใครสำคัญใครไม่สำคัญ แค่ดูก็รู้ได้ทันที!ก็ต้องการให้ลั่วอู๋ฉางรู้สึกอับอายขายหน้านั่นแหละ!หลิ่วซือหยินก็ทำตามที่เจ้าบ้านว่า เดินตามอีกฝ่ายมาที่บ้านหลักอย่างรวดเร็ว“หัวหน้าตระกูล มีแขกคนสำคัญมาเยือนครับ!”ทั้งที่ยังอยู่ห่างจากประตูใหญ่ของบ้านหลักอีกสิบกว่าเมตร แต่เจ้าคนนี้ก็เริ่มตะโกนเสียงดังแล้วราวกับกลัวว่าคนข้างในจะไม่ได้ยินอย่างนั้นแหละ!“คุณหนูใหญ่หลิ่วซือหยินจากตระกูลหลิ่วในเมืองหลวง ตั้งใจมาคารวะผู้เฒ่าซู เพื่อเจรจาเรื่องธุรกิจ!” เจ้าคนนั้นยังคงตะโกนเสียงดังต่อไปหลิ่วซือหยินหน้าตึงทันที แสดงออกถึงความไม่พอใจเห็นได้ชัดว่าเธอคิดว่าเจ้าคนนี้โอ้อวดเกินไป!ถ้าหากคุณลั่วไม่พอใจขึ้นมา แผนการความร่วมมือก็อาจล่มไปตั้งแต่ยังไม่เริ่มก็ได้ถึงยังไง ข้อตกลงความร่วมมือก็ยังไม่ได้บรรลุแถมคุณลั่วก็เป็นคนสุขุม ไม่ใช่พวกคนที่ชอบโอ้อวดอย่างแน่นอนแต่คนในตระกูลซูสนใจเร
“เป็นยังไงบ้าง?”“คุณหนูหลิ่วลงทุนมาพบท่านผู้เฒ่าโดยเฉพาะ แสดงความจริงใจขนาดนี้ ตกลงมาเพื่อโครงการอะไรงั้นเหรอ?”“สวรรค์มีตาจริงๆ ในที่สุดก็ถึงคิวตระกูลซูของเราแล้ว!”คนกลุ่มใหญ่พากันเฝ้าอยู่ข้างนอกบ้านใหญ่เมื่อเห็นคนในตระกูลที่ไปประจบหลิ่วซือหยินคนนั้นเดินออกมา ก็รีบล้อมเข้ามาถามกันไม่หยุดปากทุกคนตื่นเต้นจนไม่ทันสังเกตเลยว่าสีหน้าของชายคนนั้นประหลาดขนาดไหนท่ามกลางความแปลกใจ ยังมีความสับสนแฝงอยู่“รีบพูดมาสิ พวกเราก็เป็นคนในครอบครัวกันนะ จะทำตัวลึกลับไปทำไม?”เมื่อเห็นเขาไม่ยอมพูด ทุกคนก็เริ่มใจร้อนเขายิ้มขมขื่นแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าคุณหนูหลิ่วจะไม่ได้มาพบท่านผู้เฒ่านะ!”“พูดล้อเล่นอะไรน่ะ หล่อนมาถึงบ้านตระกูลซูแล้ว ถ้าไม่ใช่มาพบท่านผู้เฒ่าจะมาทำอะไร?”ทุกคนย่อมไม่เชื่อเขายิ้มขมขื่นอีกครั้ง “มาหาคนแซ่ลั่วน่ะ!”จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจทำไมคุณหนูหลิ่วถึงได้สุภาพกับลั่วอู๋ฉางขนาดนั้นเขาเห็นชัดเจนในแววตาของหลิ่วซือหยินว่ามีทั้งความรู้สึกชื่นชม เคารพ และนับถือมากมายและทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นความรู้สึกที่มีต่อลั่วอู๋ฉางเพียงคนเดียว“จะเป็นไปได้ยังไง นายพูดล้อเล่นอะไ
เมื่อหลิ่วซือหยินได้ยินเช่นนี้ ก็พยักหน้าทันที “ตกลง!”“ตกลง!” ซูเทียนคั่วก็พยักหน้าอย่างหนักแน่นตามไปด้วย“ทั้งสองยิ้มพร้อมกัน ราวกับว่าการตัดสินใจนี้เป็นไปด้วยความยินดี”“ซูเทียนคั่วยังไม่ลืมที่จะส่งสัญญาณทางสายตาให้หลานสาว”“ซูเฉี่ยนเฉี่ยนเป็นคนฉลาด ย่อมเข้าใจดีว่าคุณปู่หมายถึงอะไร”“ฉันก็คิดว่าเหมาะสมนะคะ” ซูเฉี่ยนเฉี่ยนแสดงความเห็นทำได้ดีมาก! ซูเทียนคั่วยกนิ้วโป้งขึ้นให้ทันทีลั่วอู๋ฉางเบิกตากว้าง “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้!”“พวกคุณเข้าใจผิดกันหมดแล้ว!”“ศิษย์พี่คะ อย่าปฏิเสธเลยนะคะ” ซูเฉี่ยนเฉี่ยนเริ่มใช้วิธีการออดอ้อนหลิ่วซือหยินรีบพูดว่า “ใช่ค่ะ ถ้าไม่อย่างนั้น พวกเราคงรู้สึกไม่สบายใจ”ลั่วอู๋ฉางยิ้มเจื่อนอย่างหมดหนทาง แล้วถอยไปเลือกทางที่สอง “งั้นก็ให้พวกเธอทั้งสองตระกูลได้ตระกูลละ 30 เปอร์เซ็น ส่วนผมได้ 40 เปอร์เซ็น”“เงื่อนไขอื่นคงเดิม ถ้าตกลง เราจะเริ่มความร่วมมือทันที”“ถ้าไม่ตกลง ผมจะไปหาคนอื่น!”เดิมซูเทียนคั่วกับหลิ่วซือหยินยังอยากจะดึงดันต่อ แต่พอได้ยินคำพูดของลั่วอู๋ฉาง ก็รีบพูดโดยพร้อมกันว่า “ตกลง!”“ทั้งสองคนต่างก็รู้ดีว่า ถ้าลั่วอู๋ฉางต้องการจะห
“งั้นก็ง่ายเลย พวกคุณรอผมโทรศัพท์แป๊บเดียว น่าจะจัดการได้เร็วๆ นี้” ลั่วอู๋ฉางยิ้มหลิ่วซือหยินกับซูเฉี่ยนเฉี่ยนสบตากัน ใบหน้างดงามของทั้งสองคนแสดงความสงสัยออกมาเหมือนกัน แค่โทรศัพท์หนึ่งสาย ก็จัดการได้เลยเหรอ? ล้อเล่นอะไรกันเนี่ย!เมืองอันไม่เหมือนกับที่อื่น เพราะอุตสาหกรรมยาที่นี่พัฒนาไปไกลมาก มีผู้ประกอบการจำนวนมาก ทำให้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีทั้งคนดีและคนเลวปะปนกันไปดังนั้น ยาตัวใหม่ที่จะยื่นขออนุมัติที่นี่ จะอยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจากเมืองหลวง พูดง่ายๆ ก็คือมีการควบคุมอย่างเข้มงวด!แน่นอน ทุกอย่างมีข้อเสียก็ย่อมมีข้อดีเช่นกัน นั่นก็คือ หากยาตัวใหม่ได้รับการอนุมัติในเมืองอัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพหรือประสิทธิภาพ ก็จะเหนือกว่าสินค้าประเภทเดียวกันอื่นๆผลิตภัณฑ์จากเมืองอันเป็นเหมือนแบรนด์ที่มีชีวิต! ยาตัวใหม่ที่นี่เมื่อวางจำหน่าย ไม่เพียงดึงดูดความสนใจของวงการการรักษา แต่สำคัญที่สุดคือ ไม่ต้องห่วงเรื่องการขายเลยลั่วอู๋ฉางหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วกดหาหมายเลขหนึ่งซึ่งอยู่ไกลออกไป ณ สำนักงานใหญ่ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาในเมืองหลวง“การประชุมวันนี